ปัญหาสายตาเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เด็กไทยกว่า 600,000 คนต้องพบเจอต่อปีและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสถิติล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข พบเด็กสายตาสั้นเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว ส่งผลให้เด็กหลายคนต้องสูญเสียโอกาสในการเรียนรู้เพียงเพราะอุปสรรคด้านการมองเห็น
การอ่านหนังสือ เล่นคอมพิวเตอร์ ทำกิจกรรมต่างๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานล้วนมีผลต่อสายตาเด็ก คุณพ่อคุณแม่ในโลกยุคดิจิทัลมีความตื่นตัวในการแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูก และมีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นในช่วงระยะพัฒนาการของเด็กมากกว่าในยุคอื่นๆ ถึงกระนั้นหลายคนอาจไม่รู้สึกกังวลถึงภัยใกล้ตัวอย่าง “แสงไฟ” ภายในบ้าน
การอยู่ภายใต้แสงไฟที่ไม่มีคุณภาพอาจส่งผลต่อสายตาได้ ซึ่งเมื่อรวมกับพฤติกรรมของคนยุคใหม่อย่างการจ้องหน้าจอทั้งจากคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนตลอดเวลา ทำให้ส่งผลถึงสุขภาพ เช่น อาการปวดตา และปวดศีรษะ เนื่องจากกล้ามเนื้อตาทำงานอย่างหนักนั่นเอง หากไม่รีบแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ จะกระทบการใช้ชีวิตหลากหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ในวัยเรียนที่ต้องอ่านหนังสือ ทำการบ้าน ถึงเวลาแล้วที่ทุกครอบครัวควรให้ความสำคัญสำหรับการเลือกซื้อหลอดไฟ เพราะการจัดแสงไฟในบ้านให้สว่างเพียงพอก็สำคัญไม่แพ้การแต่งบ้านให้น่าอยู่
คนทั่วไปมักเข้าใจว่าหลอดไฟยิ่งสว่างยิ่งดีและแสงสว่างที่เพียงพอ คือ แสงสว่างที่มาก แต่แสงสว่างที่มากเกินไปหรือ แสงจ้า (Glare) อาจกลายเป็นตัวการทำร้ายสายตาโดยไม่รู้ตัว ด้วยแสงส่องสว่างที่เข้าตามากเกินไป ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน ไม่สบายตา ทางที่ดีควรเลือกแสงสว่างที่ใช่ให้กับบ้านคุณ จะมีส่วนช่วยลดการเพ่งของดวงตาได้
การนอนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก และแสงไฟในห้องนอนก็มีผลต่อคุณภาพการนอนหลับ หลอดไฟที่มีคุณภาพจึงควรปล่อยแสงความยาวคลื่นช่วงแสงสีฟ้าออกมาน้อย เมื่อได้รับแสงสีฟ้ามากเกินไป จะยับยั้งการหลั่งสารเมลาโทนินที่ส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับไปจนถึงการทำลายจอประสาทตา โดยช่วงเวลานอนหลับนั้นร่างกายของเรามีกิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น การหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ที่ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตและพัฒนาการในเด็ก พร้อมทั้งช่วยกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ