คุณเคยได้ยินเรื่องราวระหว่างตำรวจ นักร้อง คนโรคจิต และเจ้าหญิงแห่งมาเฟียมั้ย? “Birds of Prey (And the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn) – ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด” เป็นเรื่องราวอีกด้านที่บอกเล่าผ่าน ฮาร์ลีย์ ด้วยตัวเอง ซึ่งมีเพียงเธอเท่านั้นที่จะเล่าได้ เมื่อวายร้ายที่ชอบหลงตัวเองแห่งก็อตแธมอย่างโรมัน ไซโอนิส และ แซซ มือขวาจอมขยันของเขาพุ่งเป้าไปที่สาวน้อยที่ชื่อแคส ทั้งเมืองต้องเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในการตามหาเธอ บนเส้นทางที่ขัดแย้งกันระหว่างฮาร์ลีย์ ฮันเทรส แบล็ค แคนารี่ และ เรเน มอนโทย่า เหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะร่วมมือกันโค่นโรมันให้ได้
ในภาพยนตร์ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส มาร์โก้ ร็อบบี้ (“I, Tonya”) กลับมารับบท ฮาร์ลีย์ ควินน์ ร่วมด้วย แมรี่ เอลิซาเบธ วินสเตด (“10 Cloverfield Lane,” ภาพยนตร์ทางทีวี “Fargo”) ผู้มารับบท ฮันเทรส; เจอร์นี สมอลเล็ตต์-เบลล์ (ภาพยนตร์ทาง HBO “True Blood”) ผู้มารับบทแบล็ค แคนารี่; โรซี่ เปเรซ (“Fearless,” “Pitch Perfect 2”) ผู้มารับบท เรเน มอนโทย่า; คริส เมสซิน่า (“Argo,” ภาพยนตร์ทางทีวี “Sharp Objects”) ผู้มารับบท วิคเตอร์ แซซ และยวน แม็คเกรเกอร์ (ภาพยนตร์ที่กำลังจะฉาย “Doctor Sleep,” ภาพยนตร์ “Trainspotting”) ผู้มารับบท โรมัน ไซโอนิส นักแสดงหน้าใหม่ เอลลา เจย์ บาสโคผู้มารับบท แคสซานดร้า “แคส” เคน ในภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ
ภาพยนตร์กำกับฯ โดย เคธี่ ยาน (“Dead Pigs”) จากบทฯ ของคริสติน่า ฮอดสัน (“Bumblebee”) ภาพยนตร์สร้างอิงจากตัวละครของ DC ร็อบบี้ได้ร่วมอำนวยการสร้างฯ คู่กับไบรอัน อุนเคเลส และ ซู โครล อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยวัลเตอร์ ฮามาดะ, กาเล็น เวสแมน, จอฟฟ์ จอห์นส, ฮานส์ ริตเตอร์ และ เดวิด เอเยอร์
ทีมงานเบื้องหลังที่ร่วมงานกับยานประกอบด้วยทีมงานฝ่ายสร้างสรรค์ เช่น ผู้กำกับภาพ แมทธิว ไลบาทีก (“A Star Is Born,” “Venom”) ผู้ออกแบบฉาก เค.เค. บาร์เร็ตต์ (“Her”) ผู้ลำดับภาพ เจย์ แคสซิดี้ (“American Hustle,” “Silver Linings Playbook”) และผู้ลำดับภาพ อีวาน ชิฟฟ์ (“John Wick Chapters 2 & 3”) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย อีริน บีแนช (“A Star Is Born”) ดนตรีโดยแดเนียล เพ็มเบอร์ตัน (“Spider-Man: Into the Spider-Verse”)
วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส นำเสนอภาพยนตร์จาก a LuckyChap Entertainment Production, a Clubhouse Pictures Production, a Kroll & Co. Entertainment Production เรื่อง “Birds of Prey (And the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn) – ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด” เปิดตัวในโรงภาพยนตร์ทั่วไปและระบบไอแมกซ์ จัดจำหน่ายโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส 6 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์
http://www.birdsofprey-thai.com https://www.facebook.com/BirdsofPreyMovieThailand
รายละเอียดการถ่ายทำ
“บทเรียนประวัติศาสตร์แบบรวบรัด: โจ๊กเกอร์กับฉัน? เราเลิกกันแล้ว…
ตอนแรกฉันก็โดดเดี่ยวอ้างว้างมาก
แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในก็อตแธมที่มองหาอิสรภาพ
นี่คือเรื่องราวของพวกเรา ฉันจะเล่าให้ฟัง จะขอเริ่มว่าฉันโคตรต้องการเล่ามันจากตอนไหนแล้วกัน”
~ฮาร์ลีย์
เปิดฉากด้วย ฮาร์ลีย์ ควินน์ กับชีวิตที่ไม่มีอะไรคาดเดาได้ของเธอซึ่งยากจะควบคุมมากขึ้น หลังจากที่เธอต้องเลิกกับมิสเตอร์เจผู้เป็นรักแท้ ช่วงแรก ๆ เธออยู่กับความแหลกสลาย… ในขณะที่พวกเหล่าร้ายในก็อตแธมต่างพากันตามล่าเธอ เริ่มจากที่เจ้าพ่อวงการอาชญากรรมอย่าง โรมัน ไซโอนิส แต่เธอก็ยังมีผู้ช่วยอีก 3 คนที่พบเจออย่างไม่คาดฝัน ทั้งฮันเทรส แบล็ค แค
นารี่ และเรเน มอนโทย่า ฮาร์ลีย์ควินน์กับเพื่อนกลุ่มใหม่ของเธอต้องเอาตัวรอดจากความโหดร้าย ที่อาจจะกลายเป็นวันตายก็ได้
มาร์โก้ ร็อบบี้ ผู้กลับมารับบทเดิมและทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างในเรื่องเล่าว่า “สิ่งที่สร้างความตื่นเต้นให้นักแสดงมากที่สุด คือการที่เรามีทางเลือกไปพร้อมกับตัวละคร เราจะทำอะไรก็ได้เวลาที่รับบท ฮาร์ลีย์ ควินน์ บางบทเรามีทางเลือกแค่ 1-2 ทาง แต่สำหรับ ฮาร์ลีย์ มันมีมากกว่า 20 และทุกทางเลือกก็สอดคล้องกับตัวละครได้ดี นี่เป็นการแสดงที่มีทั้งอิสระและความสร้างสรรค์อย่างเต็มที่เลยค่ะ”
ด้วยเหตุผลนั้นเอง แม้แต่ตอนที่เธอกำลังแสดงบทนางเอกนอกกรอบที่แฟน ๆ ชื่นชอบในเรื่อง “Suicide Squad” เธอเล่าถึงตอนนั้นว่า “ฉันรู้ตัวเลยว่ายังไม่พร้อมจะเลิกเล่นบทนี้ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่รอการค้นหาและสำรวจบนหน้าจอ”
ความแปลกใหม่นั้นทำให้ ร็อบบี้ ค้นหาหลายทางเลือกให้ ฮาร์ลีย์ รวมถึงการให้เธออยู่ในแก๊งสาว ๆ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของทีมนกผู้ล่าชื่อดังของ DC “ฉันอยากเห็นว่า ฮาร์ลีย์ จะเป็นยังไงหากไม่มีคนดูแลเธอ และชีวิตของฉันก็จะอยู่กับกลุ่มเพื่อนสาวที่ไปทำอะไรร่วมกันตลอด เราเหมือนกลุ่มที่รวมคนหลากหลายบุคลิกเอาไว้” เธอยิ้ม “แต่ทุกคนก็รักกันแม้จะมีความต่างกัน นั่นคือสิ่งที่ดึงดูดให้ฉันมาพัฒนาเรื่องของ ฮาร์ลีย์ เข้ากับทีมนกผู้ล่า เพื่อค้นหากลุ่มคนที่มีความโดดเด่นอยู่ในตัว แต่ทุกคนมาเติมเต็มกันและกัน โดยเฉพาะสไตล์การต่อสู้ของพวกเธอ เมื่อรวมตัวกันแล้วเหมือนชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่ต่อเข้ากันได้ดี”
สำหรับการช่วยร่างตัวละครและสร้างโลกในภาพยนตร์ขึ้นมา ร็อบบี้ ได้ขอความช่วยเหลือจาก คริสติน่า ฮอดสัน โดยเธอได้เล่าว่า “มาร์โก้ กับฉันกำลังอินเลิฟกับ เคล พิซซ่า และไมโมซาส ช่วงซัมเมอร์ปี 2015 เธอเล่าความฝันที่อยากทำหนังของฮาร์ลีย์ ควินน์ หนังเกิร์ลแก๊งที่ฉันรู้สึกอยากร่วมงานด้วย 100 ไม่สิ 1000% เราเห็นภาพตรงกันว่าอยากรักษาความสนุกสนาน
สร้างความโดดเด่นที่แปลกใหมขึ้นมาบนโลกของหนังซูเปอร์ฮีโร่ เรารักหนังแนวนั้นด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็อยากลองอะไรที่แปลกใหม่ไปบ้าง มีความแหวกแนวแต่อัดแน่นด้วยฉากแอ็คชั่นและมีเสียงหัวเราะไม่อั้น”
“ตั้งแต่ที่ได้เจอกัน คริสติน่ากับฉันก็กลายมาเป็นเพื่อนกันตลอดเลยค่ะ” ร็อบบี้เล่าต่อว่า “เธอเป็นคนฉลาด มีไอเดียหลายอย่างที่ยังไม่เจอจังหวะลงตัวเหมาะสม อย่างเรื่องมิตรภาพในเรื่องนี้หรือภาพจากหนังสือการ์ตูน ตัวละครตัวนี้ เรื่องราวตรงนั้น จนเธอมีวิธีผสมทุกอย่างเข้ากัน และแปลงให้เป็นเรื่องราวที่สะท้อนบุคลิกของ ฮาร์ลีย์ ออกมาได้ ซึ่งมันอยู่ในน้ำเสียงจริงของฮาร์ลีย์เลยค่ะ”
สำหรับจุดเริ่มต้นเรื่องราวที่พา ฮาร์ลีย์ ควินน์ มารวมตัวกับตัวละครใหม่ ๆ พวกเขาได้แรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนหลายเรื่อง เช่น ซีรีส์ New 52 ที่ฮาร์ลีย์ควินน์ต้องอยู่เพียงลำพังและไม่มีโจ๊กเกอร์อีกต่อไป สถานการณ์นั้นคือจุดเริ่มต้นที่ดูมีเหตุผล เพราะแทนที่จะให้เธอโดดเด่นในหนังของตัวเอง เธอจะโดดเด่นเรื่องชีวิตส่วนตัวด้วยไม่ได้หรอ? สำหรับแบล็ค แคนารี่ พวกเธอเลือกให้เป็น ไดนาห์ แลนซ์ ลูกสาวของซูเปอร์ฮีโร่ที่มีชื่อเดียวกันกับ คิลเลอร์ คราย แต่เธอยังมีความลังเลที่จะเล่นใหญ่ไปจนถึงเบอร์นั้น พวกเธอชอบตำรวจสายลับในเวอร์ชั่นของ เรเน มอนโทย่า ที่ดูแกร่งได้ บางช่วงก็เป็นตัวของตัวเองได้ และรู้สึกว่า ฮันเทรส มีความหลังที่น่าเศร้า ทำให้ดูชอบเก็บตัวเข้าใจยากและไม่ชอบเข้าสังคม โดยภาพรวมดูเป็นกลุ่มที่ฝืนใจมาอยู่ด้วยกัน ฉะนั้นใครกันที่เหมาะจะมารวมตัวกับกลุ่มอาชญากรสาวชื่อดังไปมากกว่าคนที่เคยอยู่เคียงข้างแฟนตัวเอง… แต่หลังจากนั้นแฟนเธอกลับคอยบงการเธอ?
เมื่อพวกเธอได้ตัวละครในทีมเรียบร้อย ร็อบบี้ ได้หันมาร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้างฯ ไบรอัน อันคีเลส และ ซู โครล ซึ่งทั้งสามได้พบกับผู้กำกับฯ ดาวรุ่งอย่างเคธี่ ยาน จากงาน Sundance
“ฉันไม่ต้องการทีมที่สนับสนุนความสร้างสรรค์มากไปกว่านี้เลยค่ะ พวกเขาน่าทึ่งมาก” ยานกล่าว “ฉันรู้ว่าสำหรับมาร์โก้มันเหมือนการผจญภัยส่วนตัวมาก ฉันเลยรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง และเธอเองก็ให้ความร่วมมือดีมากทั้งในฐานะนักแสดงและผู้อำนวยการสร้างฯ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่วิเศษมากค่ะ”
ผู้กำกับฯ รู้สึกผูกพันกับโลกของฮาร์ลีย์และเหล่านกทั้งหลาย “ฉันโตมาพร้อมกับความรักก็อตแธมค่ะ” เธอกล่าว “ตอนที่ได้อ่านบทของคริสติน่า ฉันรู้สึกชื่นชมเธอทั้งวิธีการปรับเปลี่ยนและสปิริตในการเล่าเรื่อง รวมถึงสไตล์และทัศนคติที่มีต่อตัวละครต่างๆ ด้วย พวกเธอคือนักสู้สาวแสบ บวกกับฮาร์ลีย์ที่มีความแสบเหนือกว่า ทั้งการพ่นคำหยาบและการตัดสินใจแย่ๆ หลายเรื่อง ความไม่สมบูรณ์แบบของเธอทำให้เธอเข้าใจง่ายและมีความสนุกสนาน ซึ่งทุกอย่างรวมไว้ในบทที่เห็นค่ะ”
โครลเล่าถึงตอนนั้นว่า “มาร์โก้รักการเล่นบทฮาร์ลีย์ เธอทุ่มเททั้งเวลาและพลังเพื่อถ่ายทอดความเป็นเธอในทุกด้านออกมา เธอกับคริสติน่าถ่ายทอดตัวละครออกมาทุกแง่มุม ฉะนั้นเวลาเคธี่แสดงไอเดียในเรื่องออกมา ไม่ว่าจะเป็นตัวละคร บรรยากาศ รายละเอียดต่างๆ ล้วนเป็นการสร้างความรู้สึกของหนังออกมา จนทำให้เราเข้าใจว่าเธอเห็นและรู้สึกแบบไหน และมันสอดคล้องกับจินตนาการของเรายังไง” โครลเล่าว่ายานได้ช่วยจินตนาการมุมมองต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับพวกเขาตั้งแต่ต้นจนจบ “แม้แต่ไอเดียของเธอเรื่องเสียงดนตรี ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในหนังก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย”
ร็อบบี้เห็นด้วยว่า “ความสามารถของเคธี่ที่ทำให้แต่ละตัวละครทั้งชายหรือหญิงมีช่วงเวลาสำคัญบนหน้าจอได้ คือเหตุผลหลักอย่างหนึ่งที่ฉันรักหนังของเธอเรื่อง ‘Dead Pigs’ แต่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้รู้สึกว่าเธอเหมาะจะมากำกับฯ เรื่องนี้ด้วย เมื่อมีเธอเข้ามาร่วมงาน เห็นได้ชัดเลยว่าเธอเข้าใจเรื่องราวและตัวละคร แถมยังมีไอเดียดีๆ อีกหลายอย่างเสริมเข้ามา ซู ไบรอัน และฉันต่างมองหน้ากันและรู้สึกได้ว่าเธอคือคนที่ใช่”
ในภาพยนตร์เปิดฉากด้วยฮาร์ลีย์ ควินน์ที่ถูกโจ๊กเกอร์ทิ้ง เธอมีการพูดกับผู้ชม (แอบมีการโกหกอย่างบริสุทธิ์ใจนิดหน่อย) สุดท้ายเธอเลือกใช้ชีวิตที่ดี รวมถึงการมีเพื่อนใหม่อย่างไฮยีน่าที่ตั้งชื่อว่าบรูซ แน่นอนว่า… เป็นชื่อของผู้ชายอีกคนในก็อตแธม และขณะเดียวกันเธอก็ได้พบกับผู้หญิงอีกหลายคน ทุกคนต่างผ่านเข้ามาโดยมีชีวิตในแบบของตัวเอง ทั้งเป็นอาชญากร ฆาตกรรับจ้าง หรือเป็นนักร้องในคลับที่ดูแลโดยเหล่าอาชญากรและเพื่อน ๆ ของเขา เรียงตามลำดับคือตำรวจสายลับเมืองก็อตแธมอย่างเรเน มอนโทย่า รับบทโดยโรซี่ เปเรซ; ฮันเทรส รับบทโดยแมรี่ เอลิซาเบธ วินสเตด และแบล็ค แคนารี่ รับบทโดยเจอร์นี่ สมอลเล็ตต์-เบลล์
“ฉันรักหนังแอ็คชั่นค่ะ ถ้าจะให้ฉันมาเล่นหนังที่เป็นกลุ่มสาวแสบล่ะก็ฉันพร้อมเลย” เปเรซกล่าว
วินสเตดเห็นด้วยและยอมรับว่า “ผมชอบที่เรื่องราวนี้เกี่ยวกับผู้หญิงแกร่งที่พยายามหาอิสรภาพของตัวเอง และเมื่อมารวมตัวกันพวกเธอกลับได้พบอิสรภาพที่อยู่ในตัวเองและในตัวกันและกัน”
และสมอลเล็ตต์-เบลล์ที่ต้องรับหน้าที่ร้องเพลงและแสดงในเรื่อง เธอรักการได้มารวมตัวกับทีมนกและฮาร์ลีย์ “ระหว่างตัวละครที่มารวมตัวกันกับอารมณ์ขันของฮาร์ลีย์ ฉันรู้สึกเหมือนเราได้ทำสิ่งที่แตกต่างกันเพียงน้อยนิด” เธอกล่าว “ฉันเห็นตัวเองในบทแบล็ค แคนารี่และในโลกสุดเพี้ยนของฮาร์ลีย์”
ในการรวมตัวสาว ๆ เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ภาพยนตร์ต้องอัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่นที่ทำให้นั่งติดขอบเบาะ พวกเธอต้องเผชิญหน้ากับวายร้าย 2 คนอย่างหัวหน้าแก๊งค์ โรมัน ไซโอนิส หรือที่รู้จักกันในชื่อแบล็ค แมสก์ รับบทโดยยวน แม็คเกรเกอร์ และลูกน้องของเขาวิคเตอร์ แซซ รับบทโดยคริส เมสซิน่า เพื่อช่วยสาวน้อยอย่งาแคสซานดร้า เคน แคสเป็นนักล้วงกระเป๋าข้างถนนที่ลงมือขโมยผิดคน บทนี้เป็นหน้าที่ของนักแสดงหน้าใหม่อย่างเอลล่า เจย์ บาสโค
สำหรับภาพโดยรวมและความรู้สึกของหนัง ผู้สร้างภาพยนตร์และทีมออกแบบที่นำโดยผู้ออกแบบฉากฯ เค.เค. บาร์เร็ตต์ และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย อีริน บีแนช ได้วาดภาพที่ได้แรงบันดาลใจมาจากควินน์เอง รวมกับจินตนาการสำคัญที่มีความเป็นฮาร์ลีย์ในเมืองก็อตแธม
อันคีเลสเล่าว่า “เรื่องราวเกิดขึ้นบนท้องถนนเมืองก็อตแธม ไม่ใช่ภาพที่ได้แรงบันดาลใจจากเมืองแมนฮัตตัน แต่ทุกอย่างอยู่ที่เรื่องของมุมมอง ซึ่งจะถ่ายทอดผ่านสายตาของ ฮาร์ลีย์ ควินน์ และมุมมองในแบบของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความงี่เง่า ความร่าเริงอย่างไม่สนใจใคร ความบ้าระห่ำ พลังอันเหลือล้นที่คาดเดาไม่ได้เลย ทั้งหมดจะมารวมกับกลุ่มสาว ๆ ที่มีพลัง ทุกคนต่างพร้อมลุยเต็มพิกัด และต้องอยู่ร่วมกันแม้จะมีช่องว่างบ้างก็ตาม มันไม่ใช่แค่การทำสิ่งที่ต้องทำ แต่ต้องเอาชีวิตรอดในแต่ละวันให้ได้ด้วย”
ใช่แล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ก็เหมือนเป็นอีกวันหนึ่งในชีวิตของฮาร์ลีย์ ควินน์
ฮาร์ลีย์ ควินน์
เฮ้ เธอคือนักร้องที่ไม่มีใครฟังนี่!
แบล็ค แคนารี่
ส่วนเธอเป็นยัยตัวร้ายที่ไม่มีใครชอบหน้า
ทีมนก…
มาร์โก้ ร็อบบี้มีความกระตือรือร้นที่จะได้ย้อนกลับไปสวมบทบาทฮาร์ลีย์ ควินน์ ที่กล้าทำสิ่งที่ถูกต้องและเป็นที่รัก ครั้งนี้ฮาร์ลีย์หลุดพ้นจากการเป็นแฟนของโจ๊กเกอร์ และอยากตายไปพร้อมกับชีวิตที่ตกต่ำในเมืองก็อตแธม ตอนนี้เธอมีเพื่อนสนิทใหม่ที่อยู่ห้องเดียวกันคือ ไฮยีน่า
“ในช่วงเริ่มเรื่อง” ร็อบบี้อธิบายว่า “ฮาร์ลีย์กับมิสเตอร์เจย์ได้เลิกรากัน แม้ว่าเธอจะบอกเราว่าเธอเลือกแบบนั้นเอง และเธอก็รับมือกับมันได้ดี แต่เราจะเห็นได้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นสักเท่าไหร่ ซึ่งเป็นการเล่าบรรยายเรื่องราวสุดคลาสสิคแบบที่ คริสติน่า ฮอดสัน และฉันสนุกกันมากค่ะ”
“ฮาร์ลีย์ต่อต้านนับล้านสิ่งในช่วงเวลาเดียว” ฮอดสันเล่าต่อว่า “แต่ส่วนใหญ่เธอจะรักความสนุก นั่นคือโทนที่เราใช้สำหรับการเล่าเรื่องราว เพื่อแสดงความกล้าและดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากตัวละครพร้อมจะขัดขืนกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เราคาดหวังไว้ ฮาร์ลีย์ทำหน้าที่เป็นผู้เล่าเรื่องของเรา เธอจะโกหก โม้เกิดจริง บิดเบือนความจริงให้เป็นตามที่เธอต้องการ และเธอเองก็ประมาทพลาดหลายต่อหลายครั้ง ฉะนั้นหลายอย่างจะย้อนกลับไปกลับมาตลอด ฉะนั้นพูดได้เลยว่าฉันรักการเขียนบทให้เธอวนเวียนในวงจรนั้น เพราะเธอทำให้เราได้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา และเธอจะทำในสิ่งที่ดูแล้วไม่น่าทำได้”
ยานแสดงความเห็นว่า “ฉันคิดว่าฮาร์ลีย์กลายเป็นตัวละครเด่นไปแล้ว เพราะความซับซ้อนของเธอคือเสน่ห์อย่างรุนแรง ตัวตนที่แท้จริงของเธอเหมือนอดีต ดร.ฮาร์ลีน ควินเซล แต่ในใจของเธอคือฮาร์ลีย์ ควินน์ เธอเป็นคนดีหรือร้ายกันแน่? เธอมีความสนุกสนาน แต่ก็มีด้านร้ายอยู่ด้วย มีทั้งความอ่อนแอและแข็งแกร่ง เธอทำเรื่องร้าย ๆ ไว้เยอะ แต่มีจิตใจที่ล้ำค่า ทั้งสองสิ่งนั้นชัดเจนเหมือนสีผมชมพูและฟ้าของเธอ เธอเลือกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจะเอาสีอะไรดี จริงมั้ยคะ?”
เมื่อไม่มีการปกป้องจากมิสเตอร์เจแล้ว ฮารย์ลีย์เลือกที่จะเอาความปลอดภัยของตัวเองไปเสี่ยงกับหัวหน้าแก๊งอย่างโรมัน ไซโอนิส ด้วยการตามทวงเพชรจาก แคส สาวน้อยนักล้วงกระเป๋า แต่ฮาร์ลีย์ก็คือฮาร์ลีย์อยู่วันยังค่ำ การมีข้อตกลงใด ๆ ผูกมัดคือสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเธอเลย
ซึ่งเธอต่างจากร็อบบี้ที่ยานเรียกว่าเป็นคนตรงไปตรงมามาก “มาร์โก้ทุ่มเทกับงานของเธอมากค่ะ เธอเต็มที่ทั้งการเป็นนักแสดงและผู้อำนวยการสร้างโปรเจ็กต์นี้ เธอไม่กลัวอะไร พร้อมทำทุกอย่าง แถมเธอยังเป็นนักแสดงสดที่เก่งมากด้วย มีไหวพริบว่องไว เข้าใจตัวฮาร์ลีย์ได้ดีกว่าคนอื่น”
สำหรับการศึกษาความเป็นฮาร์ลีย์ผ่านตัวละครจำนวนมากของ DC ร็อบบี้ได้พบกับฮันเทรสโดยรู้สึกสนใจทั้งตัวละครและประวัติความเป็นมาของเธอ “ฉันรักเรื่องการล้างแค้นที่สนุกค่ะ” ร็อบบี้กล่าว “และการกระทำของฮันเทรสล้วนมีแรงกระตุ้นมาจากการแก้แค้น”
ชื่อจริงของฮันเทรสคือ เฮเลน่า เบอร์ทิเนลลี เธอเป็นลูกสาวของหัวหน้ามาร์เฟียที่ร่ำรวยที่สุดในก็อตแธมคนหนึ่ง ซึ่งนั่นคือช่วงก่อนที่เขาและทั้งครอบครัวจะถูกศัตรูฆ่าตาย จากเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้นทำให้เธอโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยว และต้องการล้างแค้นให้ครอบครัวของเธอ เธอได้รับการเลี้ยงดูโดยเหล่ามือสังหรจนเธอกลายเป็นนักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้
แมรี่ เอลิซาเบธ วินสเตด มารับบทนักฆ่าที่มีความลึกลับซับซ้อน เธอมีสกิลการยิงธนูที่แม่นยำและคุ้นเคยกับการอยู่คนเดียว เธอมีชีวิตอยู่เพื่อภารกิจเดียวที่ค้างอยู่ในใจ “ฮันเทรสเป็นตัวละครเดียวในหนังสือการ์ตูนที่โตขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวด เธอเห็นครอบครัวถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาตอนเป็นเด็ก และทั้งชีวิตถูกฝึกให้โตมาแบบนักฆ่า โดยเธอมีเป้าหมายที่แน่วแน่ว่าจะสะกดรอยตามพวกคนที่ฆ่าครอบครัวของเธอ และจะจัดการพวกเขาอย่างสิ้นซาก ตอนนี้เธอเหมือนกับเครื่องจักร
สักนิด” วินสเตดเล่าต่อว่า “แต่เธอนึกขึ้นได้ว่าสถานการณ์นั้นจะทำให้เธอก้าวไปอีกขั้น เธอเลยต้องฝืนใจร่วมทีมด้วย ซึ่งฉันคิดว่ามันเหมือนการเปิดหน้าต่างบานอื่นของเธอให้พบกับตัวตนที่มีความน่าสนใจ นั่นคือสิ่งที่สนุกมากสำหรับฉันค่ะ ได้รู้ว่าสุดท้ายเธอจะกลายเป็นคนแบบไหน”
เธอต่างจากการแสดงบนหน้าจอ วินสเตดมีความสุขกับการร่วมงานในฉาก และขณะเดียวกันก็คอยสังเกตเพื่อนนักแสดงอย่างร็อบบี้ไปด้วย “มาร์โก้เป็นคนที่น่าทึ่งค่ะ เธอให้ความร่วมมือในหนังทุกด้านเลย” เธอกล่าว “ขณะเดียวกันเธอยังช่วยจัดการหลายเรื่องที่อยู่ในหัว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก เธอใจเย็นเหมือนน้ำแข็งได้ตลอดเลยค่ะ
“และเคธี่เองก็น่าทึ่งมากค่ะ เธอมีสติและความมั่นใจที่มาพร้อมกับความเคารพในเนื้อเรื่อง” วินสเตดกล่าวเสริม “เราทุกคนต่างมีความสุขด้วยกันมากค่ะ”
ส่วนยานได้เล่าว่า “เราคุยกันยาวมากว่าผู้หญิงที่โตมากับพวกนักฆ่าจะเป็นแบบไหน คนที่ไม่เคยไปโรงเรียนหรือมีเพื่อน และพลาดโอกาสสำคัญแบบคนปกติจะเป็นยังไง แมรี่สามารถถ่ายทอดความลึกซึ้งในอารมณ์ระดับนั้นออกมาได้ แต่ก็มีการใส่มุกตลกเอาไว้ในบทฮันเทรสที่จะเข้ามาเติมเต็มในทีมด้วย”
สมาชิกอีกคนที่สำคัญในทีมนกผู้ล่า และเป็นคนเดียวที่มีชื่อจริงเกี่ยวข้องกับนกคือ แบล็ค แคนารี่ ส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ ไดนาห์ แลนซ์ เสียงลึกลับที่เป็นนักร้องคนโปรดในเลาจ์ของไซโอนิสที่ชื่อว่า แบล็ค แมสก์ ช่วงค่ำคืน และ (ต้องขอบคุณฮาร์
ลีย์) เป็นคนขับรถให้เขาช่วงกลางวัน เธอยังมีความโดดเด่นจากพลังวิเศษของเธอด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดอย่างเสียงร้องเพชฌฆาตแบบนก เธอมีสมญานามว่า “แคนารี่ คราย” และเป็นสมาชิกคนเดียวในกลุ่มที่มีพลังวิเศษอย่างแท้จริง
เจอร์นี สมอลเล็ตต์-เบลล์ ผู้รับบทนี้ได้เล่าว่า “เธอมีความเป็นไดนาห์ แลนซ์ที่เรารักจากหนังสือการ์ตูนมาก สิ่งที่ฉันอยากถ่ายทอดออกมาในตัวละคร และเป็นสิ่งที่ฉันรักในตัวไดนาห์คือจิตใจของเธอ เธอเป็นคนที่จิตใจดี มีความเห็นใจผู้อื่น แถมยังเก่งเรื่องการต่อสู้แบบศิลปะผสม และเป็นนักสู้บ้าน ๆ ที่มีความชำนาญสูงอีกด้วย ยังไงก็ตามตอนที่เราเห็นเธอในหนัง เธยังไม่กลายเป็นแบล็ค แคนารี่ที่มีพลังขนาดนี้ เธอยังไม่ได้มีความแข็งแกร่งหรือพลังของตัวเอง
“ชีวิตของเธอมาถึงจุดที่เธอไม่อยากจะกวาดล้างก็อตแธมอะไรอีกแล้ว” นักแสดงสาวเล่าต่อว่า “เธอไม่สนเรื่องการทำตัวเป็นศาลเตี้ย เธอแค่อยากก้มหน้าก้มตาทำงานของเธอด้วยการเป็นนักร้องที่ไนต์คลับเท่านั้น”
ไดนาห์ แลนซ์เองก็ไม่ต่างจากเฮเลน่า เบอร์ติเนลลีที่มีเรื่องราวร้าย ๆ จะเล่าให้ฟัง “เธอสูญเสียแม่ที่ทำหน้าที่ต่อสู้เพื่ออาชญากรรม ซึ่งทำให้เธอท้อและรู้สึกว่า ‘ก็อตแธมให้อะไรกับฉันบ้าง? พวกมันฆ่าแม่ของฉัน แล้วทำไมฉันต้องแคร์เรื่องการกวาดล้างอะไรด้วย?’ อันที่จริงแล้วมันขัดกับธรรมชาติของไดนาห์มาก สำหรับฉันถือว่ามันน่าสนใจมากที่จะได้สำรวจไอเดียของผู้หญิงที่มีพลังมหาศาล แต่เธอยังใช้ชีวิตตามทางของตัวเอง เธอเป็นคนเข้มแข็งมากแต่ก็เลือกที่จะไม่ใช้พลังของตัวเอง”
น้ำเสียงของตัวละครทั้งหมดไม่ว่าจะตอนร้องเพลงหรือการทำเสียงมนุษย์ที่แปลก ล้วนเป็นเสียงจริงของสมอลเล็ตต์-เบลล์ มันสนุกมากค่ะที่ต้องใช้พลังเสียงแบบแบล็ค แคนารี่ ต้องร้องเพลงและทำเสียงแคนารี่ คราย” เธอกล่าว “มันทำให้ฉันก้าวข้ามความคุ้นเคยเดิม ๆ และรู้สึกกลัวที่ต้องทำอะไรแบบนั้นนิดหน่อย เพราะฉันให้ความเคารพในตัวนักร้อง แต่มันก็สนุกมากค่ะ การได้ร้องเพลง ‘It’s A Man’s Man’s Man’s World?’ อะไรจะเท่ขนาดนั้น จริงมั้ยคะ?” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“เจอร์นีเป็นนักร้องที่สวยและการโคฟเวอร์เพลง ‘Man’s World’ ในหนังก็เพราะมากค่ะ” ยานกล่าว “แต่ก็เป็นการทำงานกับเธอที่สนุกมากเมื่อนึกภาพแคนารี่ คราย จะถ่ายทอดความโดดเด่นนั้นสู่หน้าจอเป็นครั้งแรกได้ยังไง”
ในความเป็นจริงแล้วเสียงอันทรงพลังของสมอลเล็ตต์-เบลล์ไม่ได้ออกมาจากหนังสือการ์ตูนเท่านั้น แต่ยังออกมาจากวีดีโอเกมที่แนะนำตัวละครแบล็ค แคนารี่เป็นครั้งแรกอีกด้วย “ฉันรู้จักเธอครั้งแรกในเกม ‘Injustice 2’ ค่ะ ในใจฉันเลยคิดถึงเสียงนั้นของเธอตลอด” เธอกล่าว
นกที่มาร่วมทีมอย่างเหนือความคาดหมายที่สุดคือสายลับนักสืบที่ฉลาดที่สุดในสถานีตำรวจเมืองก็อตแธม แม้ว่า เรเน มอนโทย่า จะระวังในชื่อเสียงของ ฮาร์ลีย์ ควินน์ แห่งโลกอาชญากรรมแค่ไหน แต่พวกเขาก็ผ่านมันไปได้ ซึ่งเรเนกลับเป็นคนแรกที่ได้ข้อสรุปว่ามาเฟีย โรมัน ไซโอซิส กำลังรวบรวมคนที่เขาจับตามองเอาไว้ โชคร้ายที่เธอเป็นตำรวจคนสุดท้ายในสำนักงานตำรวจก็อตแธมที่เขาจะฟัง การทำงานอย่างแข็งขันของเธอมักทำให้เธอต้องเจอปัญหาบ่อย ๆ และด้วยความเป็นผู้หญิงจึงทำให้เธอไม่ค่อยได้รับความเคารพจากเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอจะทำทุกทางเพื่อกำจัดเขา แม้ว่าจะต้องต่อสู้เคียงข้างกับพวกจิตไม่ปกติที่สุดในเมืองก็อตแธมก็ตาม
โรซี่ เปเรซ ผู้รับบทตัวละครที่เป็นแม่แบบของเมืองนิวยอร์คจากการทำงาน เธอเป็นตำรวจก็อตแธมที่มีความแข็งนอกอ่อนใน แถมเธอยังสามารถถ่ายทอดความแปลกใหม่สู่บทบาทนี้ได้ด้วย เธอเล่าว่า “ตอนที่ฉันศึกษาตัวละครเรเน มอนโทย่าในหนังสือการ์ตูน จนได้รู้ว่าเธออายุน้อยกว่าฉันมาก แถมเธอยังเป็นคนโมโหง่ายเพราะอยากทำให้โลกนี้สวยงามขึ้น แต่กลับเป็นรองทางความคิดเสมอ สิ่งที่ฉันต้องทำคือไม่พยายามแสดงให้ดูเด็กลง แต่ถ่ายทอดความฉลาดและความเป็นผู้ใหญ่ที่ฉันมีสู่ตัวละคร”
“โรซี่มีความโดดเด่นค่ะ” ยานกล่าว “เธอเป็นคนที่ร่วมงานด้วยราบรื่นมาก เธอถ่ายทอดความกล้าและบุคลิกหลายอย่างในตัวเรเนออกมา ตัวละครนี้มีความเข้มแข็งมาก และโรซี่เองก็มีความเข้มแข็งอยู่ในตัว เธอทำให้เรเนดูไม่มีใครกล้ายุ่งได้ดีมาก แถมยังมีความดื้อแบบที่ตัวละครนี้ต้องการด้วยค่ะ”
เปเรซเล่าถึงเรเนว่า “เธอมีสิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจ: ความยุติธรรม แต่เธอก็ต้องชั่งใจกับอคติที่เธอมีและการตัดสินใจ เพื่อให้สอดคล้องกับคนอื่นและสถานการณ์ที่ดีขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้คือการเอาชนะวายร้ายที่มีอำนาจและปกป้องเด็ก”
ช่วงเวลาแห่งการเลือกนักแสดงหญิงในเรื่องช่วงหนึ่ง คือตอนที่เรเนนึกขึ้นได้ว่าเธอต้องเข้าไปร่วมมือด้วย “ฮาร์ลีย์พูดกับทั้ง 3 คนว่า ‘ใครจะร่วมมือด้วยบ้าง?’ เรเนถามว่า ‘กับเธอน่ะหรอ?’” เธอหัวเราะ “ตัวละครของฉันเคยเชื่อมั่นในตัวเธอเองมาก่อนค่ะ เพราะเธอเคยถูกเพื่อนร่วมงานไม่สนใจมานานแล้ว แต่โชคดีที่เธอฉลาดพอจะรู้ว่าเธอต้องมีคนแบบนี้มาอยู่ในทีม ซึ่งเป็นคนที่พร้อมลุยกับพวกบ้าระห่ำได้เกินกว่าใคร ก็เลยตอบไปว่าได้เลย บวกกับการที่เธอดูรอบตัวแล้วเห็นแบล็ค แคนารี่กับฮันเทรส เธอเลยคิดว่าบางทีพวกเธอน่าจะมีไม้เด็ด ฉันคิดว่ามันเป็นช่วงที่ดีสำหรับผู้หญิงและสาว ๆ ที่ได้เห็นอะไรแบบนั้น เพราะเรามักถูกบอกให้พึ่งพาตัวเอง ไม่มีใครเคยบอกว่าต้องอยู่กันเป็นทีม แต่เราจะบอกแบบนั้นล่ะ”
เปเรซยังหวังด้วยว่าการมีเธออยู่ในเรื่องจะสร้างแรงบันดาลใจได้ “ผู้หญิงในวัยนั้นควรได้ออกไปทำอะไรแบบนั้น ได้ไปเข้ายิม และออกไปจัดการกับพวกแสบ ๆ! มันไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปเลยรู้มั้ย!”
ถ้าเรเน มอนโทย่าแข็งแกร่งได้ด้วยหน้าที่การงาน แคสซานดร้า เคนในวัย 12 ขวบก็เรียนรู้ความแข็งแกร่งจากท้องถนนในก็อตแธม อย่างที่รู้ว่าแคสเป็นเด็กที่พูดเอาตัวรอดเก่ง แถมต้องขอบคุณความสามารถเรื่องการล้วงกระเป๋าด้วย แต่เมื่อเธอคว้าเพชรที่มีค่าอย่างมหาศาล เธอกลับตกเป็นเป้าหมายอย่างโชคร้ายของจริง จนทำให้ฮาร์ลีย์และทุกคนในทีมนกผู้ล่าต้องออกโรงไปช่วยเธอ.
นักแสดงหน้าใหม่กับหนังเรื่องแรกของเอลลา เจย์ บาสโค ผู้มารับบทสมาชิกคนที่ 5 และเป็นคนสุดท้ายในกลุ่ม รวมถึงการทำหน้าที่เชื่อมความสามัคคีของทุกคนเอาไว้ บาสโคจำได้ว่า “ตอนที่อ่านบทฉันรู้สึกรักแคสซานดร้า เคนมากค่ะ เธอเป็นเด็กข้างถนนที่ไม่มีครอบครัวหรือบ้าน เธอเดินทางผิดและมีอิสระอย่างเต็มตัว เธอต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดบนโลกใบนี้ จนกระทั่งเธอได้พบกับฮาร์ลีย์ ควินน์” บาสโคเล่าว่าทันทีที่เธอรู้ว่าตัวเองได้รับบทเล่นในเรื่อง “ฉันไปซื้อหนังสือการ์ตูนกองใหญ่เกี่ยวกับ Birds of Prey และแคสซานดร้า เคนเลยค่ะ มันช่วยให้ฉันเข้าใจเธอมากกว่า แถมยังช่วยพัฒนาตัวละครนี้ในหนังด้วย”
ในความเป็นจริงแล้วมีบางประโยคในหนังสือการ์ตูนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ร็อบบี้ รวมถึงมิตรภาพระหว่างฮาร์ลีย์ /แคสที่ปรากฏบนหน้าจออีกด้วย “จากข้อมูลที่ได้จากการอ่าน Harley Quinn: Behind Blue Eyes ฉันรู้เลยว่าตัวเองอยากสำรวจมิตรภาพแบบที่ปรึกษา-ผู้รับฟังด้วย” เธอจำได้ว่า “มันบอกอะไรหลายอย่างว่าฮาร์ลีย์เป็นใคร และธอทำอะไรได้บ้าง เราไม่ต้องมีประโยคที่ถอดมาจากซีรีส์เลย แต่มีความเข้าใจในตัวเธอและมิตรภาพระหว่างเธอกับแคสที่เห็นได้ชัดเจน”
บาสโคได้พบกับร็อบบี้และนักแสดงที่เหลือพร้อมกับยาน ผู้ทำหน้าที่ที่ปรึกษาได้อย่างดีเยี่ยม “ต้องบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับทุกคน รู้สึกได้แรงบันดาลใจมากค่ะ” เธอกล่าว “ทุกวันเหมือนได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ และสนุกสนานมาก ทุกคนน่ารักมากค่ะ มันเหมือนกับความฝันที่ฝันมานานแสนนาน” ตามบรรยากาศของเรื่อง นักแสดงสาวต้องเข้าฉากกับร็อบบี้เยอะมาก “มาร์โก้เหมือนกับพี่สาวของฉันเลยค่ะ เรามีเวลาดี ๆ ร่วมกัน เธอสอนฉันหลายอย่างเกี่ยวกับการร่วมงานกับคนอื่น ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังกล้อง มันวิเศษมากเลยค่ะ”
ยานยอมรับในการทุ่มเทของนักแสดงหญิงที่อายุน้อยที่สุดในเรื่อง “เอลลาน่าประทับใจมากคะ” เธอกล่าว “นี่เป็นการแสดงครั้งแรกของเธอ ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าเธอจะรู้สึกยังไงตอนอยู่ในฉากและต้องร่วมงานกับมาร์โก้ ร็อบบี้ทุกวัน แต่เธอก็
ทำได้ผ่านฉลุย ถือเป็นความสำเร็จอย่างเต็มตัวของคนอายุเท่าเธอ แถมเธอยังเข้าใจแคสเป็นอย่างดีจนถ่ายทอดออกมาในบทได้ ยังมีความเป็นเด็กจริง ๆ ไม่ดูแก่แดด เป็นสาวน้อยในเวอร์ชั่นที่เพอร์เฟ็กต์มากค่ะ”
ฮาร์ลีย์ ควินน์
ตอนนี้เขาตามล่าเราทุกคน ถ้าเราไม่อยากตาย
เราจะต้องร่วมมือกัน”
เหล่าวายร้าย…
ในหนังทั้งแคสซานดร้า เคนและพวกของแวววายที่เธอได้มาในเรื่อง มีทั้งเพชรที่ฉกมาจากคนของโรมัน ไซโอนิส ซึ่งมันมีค่ามากกว่านั้นเพราะสามารถเข้ารหัสข้อมูลเกี่ยวกับด้านการเงินที่สำคัญได้ ซึ่งมันทำให้เขามีอำนาจตามต้องการ และสามารถควบคุมโลกใต้ดินของก็อตแธมได้อย่างเต็มตัว โรมันต้องการเพชรชิ้นนั้นคืนมา และมั่นใจว่าฮาร์ลีย์จะจัดการเรื่องนี้ให้เขาได้ เขาไม่อยากให้เธอลงมือฆ่า… ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่ฮาร์ลีย์ ควินน์ปฏิเสธไม่ได้
ยวน แม็คเกรเกอร์รับบทหัวหน้าแก๊งค์ที่มีความเด็ดขาดและโดดเด่นกว่าคนอื่น เขาดูแลไนท์คลับในเมืองก็อตแธมของเขาที่มีชื่อว่าเดอะ แบล็ค แมสก์ ซึ่งเขาจะวางตัวเป็นผู้ชายที่สุภาพ เด็ดขาดและยุติธรรม
“ผมอยากร่วมงานกับมาร์โก้ จากนั้นผมได้ดูหนังของแคธี่ ยาน เรื่อง ‘Dead Pigs’ และรู้สึกชอบมาก มันทำให้ผมนึกถึงเรื่อง ‘Trainspotting’ ที่มีความแปลกใหม่และน่าสนใจ ผมตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับเธอด้วย” เขากล่าว “แต่โดยหลักแล้วผมรู้สึกชอบบทภาพยนตร์ มันมีความฉลาดและถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก ผมมีความสุขมากที่ได้เล่นเป็นหัวหน้าคนร้าย ที่ได้บงการและมีอำนาจ ผมคิดว่าเขามีความฉลาดและเก่งมากครับ แต่แน่นอนว่าเขาเป็นคนที่น่ากลัวและโหดเหี้ยมด้วย”
โรมันมีพื้นฐานที่ทำให้เข้าใจตัวละครและแรงผลักดันของเขา “สำหรับการเป็นนักแสดงมันสำคัญมากที่ต้องทำความเข้าใจตัวละคร” เขากล่าว “คุณไม่สามารถเล่นบท ‘คนร้าย’ หรือ ‘คนดี’ ได้ คุณต้องเล่นเหมือนคนทั่วไปที่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งกระตุ้นเขา สำหรับตัวละครของโรมัน เขาเป็นคนหลงตัวเองจนทำให้เขาคิดว่าจะหว่านเสน่ห์ใส่ใครก็ได้ และเขาก็แสดงออกมาสู่ตัวละคร เขาคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ในทุกสถานการณ์ แต่มันก็สนุกดีครับที่ได้เล่นอะไรแบบนั้น”
“ฉันรักโรมันค่ะ” ยานกล่าว “ฉันคิดว่าเขาเป็นคนตลก เพราะยวนจะถ่ายทอดทั้งเสน่ห์ มุกตลก และความอ่อนแอออกมาทางตัวละครได้ เขามีการใช้บุคลิกที่ดูน่าไว้ใจและเป็นผู้ชายที่ชอบปาร์ตี้แบบที่คริสติน่าใส่เอาไว้ในบทภาพยนตร์ด้วย ซึ่งถ่ายทอดมาจากกลุ่มชนชั้นสูงของก็อตแธม เจ้าของ Janus Corporation โรมันเหมือนแกะดำที่ต่างจากคนอื่น เขาจะรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาเวลาที่มีคนอย่างฮาร์ลีย์มาขโมยอำนาจหรือความโดดเด่นของเขา ทั้งคู่ต่างรักการเป็นที่สนใจ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ตัวละครมีความน่าสนใจค่ะ”
ร็อบบี้เล่าว่า “ยวนแสดงเป็นคนร้ายได้อย่างยอดเยี่ยมมากค่ะ เขาแสดงบทโรมันได้อย่างเหนือความคาดหมายและมีความกล้าหาญ สำหรับบทโรมันเขาสามารถพลิกบทบาทจากผู้ชายที่โหดเหี้ยมกลายเป็นคนหลงตัวเองได้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำ
ความไร้เหตุผลและความเอาแน่นอนไม่ได้ของโรมัน ฉันรักเขาในบทตัวร้ายเพราะสิ่งที่เขาแสดงออกมาทำให้สถานการณ์ดูคาดเดาอะไรไม่ได้เลย”
ตรงกันข้ามกับมิตรภาพที่มีต่อฮาร์ลีย์และเรเน โรมันซึ้งในความซื่อสัตย์ของแบล็ค แคนารี่… ในช่วงแรก สมอลเล็ตต์-เบลล์อธิบายว่า “มิตรภาพระหว่างไดนาห์กับโรมันมีความซับซ้อนค่ะ เพราะเขาคอยช่วยเหลือเธอ ให้งานเธอทำ มันไม่ได้ช่วยให้เธอมีชีวิตรอดเท่านั้น แต่ทำให้เธอมีตัวตนในแบบที่ไม่มีใครในโลกของเธอเคยทำ แต่ฉันคิดว่าเธอเห็นตัวเองผ่านจากแคสด้วย ฉะนั้นเมื่อเขาฝากก็อตแธมไว้กับเธอ นั่นคือสิ่งที่ไดนาห์ไม่อาจปฏิเสธได้”
แม็คเกรเกอร์อธิบายมิตรภาพของพวกเขาจากมุมของโรมันว่า “เหมือนการครอบครองสิ่งใหม่ มันอาจดูเหมือนเขาต้องการเธอแบบหนุ่มสาวหรือเรื่องบนเตียงก็ได้ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลย เขาชอบการร้องเพลงของเธอ แต่เขามองว่าเธอเหมือนแคนารี่ที่อยู่ในกรง หมายถึงกรงของตัวเขาเอง”
ขณะที่โรมันเป็นคนสั่งให้ลงมือทุกครั้ง ลูกน้องมือขวาของเขาอย่างวิคเตอร์ แซซคือคนทำหน้าที่ลั่นไก หรือไม่ก็คล้ายกับทำหน้าที่เฉือน แม็คเกรเกอร์อธิบายว่า “โรมันคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแซซ เขาเก่งเรื่องธุรกิจและคอยดูแลทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องอันตรายทุกอย่าง”
โดยเฉพาะความสามารถพิเศษเรื่องการใช้มีดพก แซซเป็นคนซื่อสัตย์ต่อเจ้านายและหน้าที่การงาน ซึ่งในความจริงแล้วดูเขาสนุกกับการทำงานมากด้วย คริส เมสซิน่าผู้มารับบทผู้คลั่งไคล้ที่อยู่เบื้องหลังชายคนนี้เล่าว่า “บทภาพยนตร์น่าทึ่งมากครับ แต่พอผมเลิกติดหนังสือการ์ตูน ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาเลย ผมเลยกลับไปอ่านหนังสือการ์ตูนทุกเล่ม และเรื่องราความเป็นมาเกี่ยวกับแซซ… ฉะนั้นสีผมเลยเป็นแบบนี้” เขายังเล่าว่าแซซมักจะไว้ผมสั้นติดหนังศีรษะและทำผมสีบลอนด์ “ใหนนังสือเขามักจะโกนผมบ่อย ๆ ผมดีใจมากที่เราแค่ทำผมสีบลอนด์เพียงอย่างเดียว” เขายิ้ม
แซซร่วมงานกับโรมัน “แต่เขาก็มีจุดมุ่งหมายตัวเองด้วย ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร” เมสซิน่าสันนิษฐาน “เขามองทุกคนเหมือนซอมบี้ และเขากำลังปล่อยให้ทุกคนเป็นอิสระ ทำให้พ้นจากความทรมาน” และแซซก็ไม่ได้ฝากรอยมีดไว้กับเหยื่อของเขาอย่างเดียว “เขามีแต่รอยคัตเตอร์” เมสซิน่าเปิดเผย “ฉะนั้นบาดแผลทั้งหมดทั่วตัว ยังเป็นการสื่อถึงเหยื่อที่เขาฆ่าทั้งหมดด้วย”
เมสซิน่าอยากแสดงบทนี้ให้สมจริง เขาเล่าว่า “ผมร่วมมือกับเพื่อนที่ถนัดเรื่องมีด เขาสอนการใช้มีดให้ผม และความแตกต่างในการใช้ ผมพยายามฝึกเทคนิคกับพวกเขา แต่ก็ไม่ได้เก่งอะไรมากเลยไม่ได้โชว์ให้เห็นในหนัง!”
การฝึกฝนสำหรับฉากผาดโผนสุดท้าทาย…
การฝึกฝนเริ่มขึ้นก่อนที่จะมีการถ่ายทำฉากแรก ตัวละครของร็อบบี้ต้องถนัดเรื่องความผาดโผน สไตล์ของเธอต้องมีการผสมผสานกับยิมนาสติก นักแสดงหญิงได้แสดงด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ และรู้สึกโชคดีมากที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงผาดโผนหญิงชื่อดังระดับโลกอย่างเรเน่ มันนี่เมคเกอร์ ที่ทำให้การเคลื่อนไหวของฮาร์ลีย์มีความคล่องตัวมากขึ้น นอกจากนั้นเธอยังได้ร่วมงานกับผู้ควบคุมการแสดงผาดโผน โจนาธาน ยูเซบิโอ และทีมงานของเขาที่ 87Eleven Action Design ผู้ควบคุมการฝึกซ้อมของวินสเตด สมอลเล็ตต์-เบลล์ และเปเรซด้วย
“ไม่มีใครเก่งไปกว่าโจนาธานและ 87Eleven ในเรื่องท่าทางการต่อสู้ และการหาวิธีทำให้มันดูดุเดือดสมจริงเหมือนเราอยู่ตรงนั้น ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมันเลยค่ะ” อันคีเลสกล่าว
“นอกจากนั้นเคธี่ยังอยากมีส่วนร่วมในความสนุกสนานแบบนั้นด้ย” ยูเซบิโอกล่าว “เพราะด้วยความเป็นฮาร์ลีย์และทีมนก ฉะนั้นการต่อสู้ที่ดุเดือดต้องมีการเคลื่อนไหวที่ดูซับซ้อนด้วย”
ทีมงานมีการเริ่มทำการฝึกกันหลายเดือนก่อนถ่ายทำ เพื่อให้ร่างกายขอนักแสดงพร้อมสำหรับการวาดลวดลาย “ตอนที่เราฝึกฝนนักแสดง สิ่งสำคัญคือพวกเขาต้องดูเหมือนมีการต่อสู้แบบนี้มาทั้งชีวิต และต้องออกแบบสไตล์การต่อสู้ของแต่ละตัวละครด้วย” เขากล่าว “ในหนังสือการ์ตูน แบล็ค แคนารี่จะชำนาญการรบแบบทหาร แต่ในหนังเธอยังไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่อย่างเต็มตัว เราเลยให้เธอต่อสู้แบบเทควอนโดและคิกบ็อกซิ่ง ต้องมีการใช้ขาต่อสู้จริง ๆ เจอร์นีต้องมาเกือบทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมงเพื่อฝึกซ้อมการต่อสู้ของเธอ
“ส่วนโรซี่รับบทตำรวจ” เขาเล่าต่อว่า “และเธอชอบการชกมวย เราเลยใช้พื้นฐานของการชกมวยเป็นการออกกำลังกายของเธอ ส่วนฮันเทรสจะถูกฝึกมาแบบนักฆ่า เราเลยสอนยูโด ยูจิซุ และคาราเต้ให้แมรี่ เอลิซาเบธ ด้วยท่าทางที่แข็งแรงและดุดัน ซึ่งจะสะท้อนถึงตัวละครที่ทำตัวเหมือนศาลเตี้ย”
การต่อสู้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือการ์ตูน New 52 ท่าทางที่ดุเดือดยังเห็นได้จากฉากที่ฮาร์ลีย์ ควินน์เล่นโรลเลอร์แบลดบนที่ลาดชันหรือบนราง รวมถึงการแข่งขันกันทั่วก็อตแธม โดยส่วนตัวแล้วร็อบบี้ชำนาญเรื่องการเล่นสเก็ต และต้องขอบคุณที่เธอรับบทนักเล่นไอซ์สเก็ต ทอนย่า ฮาร์ดิ้ง แต่อย่างก็ตามเธอมีนักเล่นสเก็ตแทนเธออีก 2 คนด้วย ทั้งสามคนต้องรับหน้าที่เล่นสเก็ตให้ดูไม่มีเทคนิคมากเกินไป ให้เหมือนฮาร์ลีย์ที่ติดดินและมอมแมมมาก
“มันไม่ได้เจ็บเท่าการเล่นไอซ์สเก็ต แต่มันก็ยากค่ะ” ร็อบบี้ยอมรับ “เราโชคดีที่ได้ร่วมงานกับนักเล่นโรลเลอร์เบลดตัวจริง มันเลยดูสมจริงมากเลยค่ะ”
นักกีฬาคนสำคัญมาจาก Angel City Derby นักโรลเลอร์เบลดของ Flat Track ในลอส แองเจลิส (และทีม Flat Track อันดับ 6 ของโลก) และ LA Derby Dolls นักโรลเลอร์เบลด Banked Track ในลอส แองเจลิสที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด
ร็อบบี้เล่าเสริมว่า “เราได้เรียนรู้สังคมโรลเลอร์เบลดมากขึ้น รวมถึงไอเดียเบื้องหลังที่เหมาะกับหนังของเรา เพราะมีผู้หญิงหลายคนมารวมตัวกัน ซึ่งพวกเธอรู้สึกว่ามีความแตกต่างกัน บางคนก็อาจจะไม่เหมาะกับสิ่งที่เป็นปกติทั่วไป แต่พวกเธอพบว่ากีฬานี้คือสิ่งที่พวกเธอรัก สังคมและมิตรภาพนั้นมีความแข็งแกร่งมาก แต่ก็มีความรุนแรงดุเดือดมากเช่นกัน มันเป็นตัวแทนของทุกสิ่งที่เราสร้างขึ้นในหนังเรื่องนี้ ฉันเลยดีใจมากค่ะที่ได้พวกเขามาร่วมงานด้วย”
สำหรับการเล่นสเก็ตก็ต้องอาศัยร่างกายทุกส่วนด้วยเช่นกัน ร็อบบี้อธิบายว่า “ทีม 87Eleven วางแผนการทำงานด้วยการคุยกับพวกเราเกี่ยวกับเรื่องราวและตัวละครต่าง ๆ จะมีการผสมผสานการเคลื่อนไหวยังไง เพราะมันไม่ใช่แค่ฉากแอ็คชั่น แต่มันมีการผสมผสานจังหวะเนื้อเรื่องหรือตัวละครเข้าไปด้วย ฉะนั้นการฝึกซ้อมเลยกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก” และก็มีการฝึกซ้อมกันเยอะมากน้อย เธอกล่าว “เรามีเวลาดี ๆ ร่วมกัน แต่ก็หมดแรงสุด ๆ เลยค่ะ”
แคส
โอ้ เวรละ นั่นไฮยีน่าในอ่างน้ำหรอ?
ฮาร์ลีย์ ควินน์
ฉันตั้งชื่อว่าบรูซ ตามพ่อล่ำบรู๊ซ เวย์น
และ…บรูซ? ไม่ใช่บรูซนั้น!
“ฮาร์ลีย์มีไฮยีน่า 2 ตัวในหนังสือการ์ตูน พวกมันเหมือนลูกของเธอชื่อบัดและลู” ร็อบบี้กล่าว “ส่วนเรามีตัวเดียว และเขาชื่อว่าบรูซ”
นักแสดงหญิง/ผู้อำนวยการสร้างฯ เล่าว่า เธอจำแทบไม่ได้ว่าบรูซเข้ามาอยู่ในบทภาพยนตร์ตอนไหน “ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคริสติน่ากับฉันคุยอะไรกันอยู่ตอนนั้น แต่สุดท้ายเราคุยกันเรื่องหลักการถ่ายทำ! คิดล่วงหน้าไปอีกหลายปีตอนที่เราอยู่ในช่วงเตรียมตัวก่อนถ่ายทำ แล้วเราก็พบกับปริศนาสำคัญ เราจะถ่ายทำฉากต่าง ๆ กับไฮยีน่ายังไง?
“เราปรึกษากับผู้ชำนาญ ซึ่งเป็นผู้ชายเจ้าของไฮยีน่าที่ผ่านการฝึกมาแล้วในแคลอฟอร์เนีย ได้รับการยืนยันว่าพวกมันอันตรายมาก และเราเรียนรู้ว่าถ้าไฮยีน่าแตะต้องอะไร เขาจะคิดว่านั่นเป็นของเขา” เธอเล่าต่อว่า “เขาจะนั่งบนโซฟามั้ย? เราถาม ‘แน่นอน แล้วโซฟานั่นก็จะกลายเป็นของเขาและเขาจะกินมัน รวมถึงคุณด้วย ถ้ามีใครพยายามจะเอาโซฟาไปจากเขาล่ะนะ’ มันจะต้องกลายเป็นฉากยิ่งใหญ่เสี่ยงตายสุดอลังการแน่!”
แม้ว่าฉากผาดโผนและฉากแอ็คชั่นส่วนใหญ่ในเรื่องจะมีการถ่ายทำจริง ผู้สร้างภาพยนตร์ยืนยันว่าไม่สามารถใช้ไฮยีน่าจริงได้ และนักแสดงอย่างร็อบบี้ได้อธิบายไว้ว่า “มันเหมือนสุนัขตัวใหญ่ที่ฮาร์ลีย์ต้องแสดงด้วย” พวกเขาปรับเปลี่ยนไฮยีน่าให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของฮาร์ลีย์ชื่อว่า บรูซ โดยการใช้วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์หลังการถ่ายทำ
ฮาร์ลีย์ ควินน์
ถึงเวลาที่ก็อตแธมจะได้พบกับฮาร์ลีย์ ควินน์คนใหม่
เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย: ชีวิตใหม่ / ลุคใหม่
เมื่อเรื่องราวในหนังบอกเล่าผ่านฮาร์ลีย์ ควินน์ เกี่ยวกับตัวฮาร์ลีย์กับสาว ๆ สุดแสบอีกหลายคน ฮาร์ลีย์จะทำอะไรก็ได้เว้นแต่เรื่องที่คุ้นหูผ่านตามาแล้ว ผู้สร้างภาพยนตร์อยากให้เสื้อผ้าสะท้อนตัวตนของเธอออกมาอย่างชัดเจน รวมถึงเรื่องรสนิยมและสิ่งที่ทีมนกต้องการด้วย ซึ่งได้อาศัยการร่วมงานกับผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย อีริน บีแนช นักแสดงแต่ละคนต้องสามารถสะท้อนความเป็นเขาหรือเธอได้จากสไตล์เสื้อผ้า และฉากแอ็คชั่นที่ดูคล่องตัวชวนตื่นเต้น
บีแนชและร็อบบี้เริ่มจากฮาร์ลีย์ ผู้ที่มีความโดดเด่นจากชื่อเรื่องและมีการพัฒนาลุคของเธอ เพื่อสะท้อนถึงอิสรภาพทางความรู้สึกครั้งใหม่ แต่ต้องไม่มีอะไรที่ดูแล้วขัดแย้งกับแนวการตัดสินใจของเธอด้วย ร็อบบี้เล่าว่า “ในช่วงแรกฮาร์ลีย์รับมือกับอะไรไม่ค่อยเก่งนัก และมีการตัดผมตัวเองช่วงที่เมามากด้วย สุดท้ายเลยกลายเป็นผมม้าที่ไม่เท่ากันและมีหางเปียหยิก ๆ ซึ่งเป็นอะไรที่ฉันชอบมากค่ะ”
สำหรับเสื้อผ้าสุดแปลกของฮาร์ลีย์ บีแนชได้ร่วมมือกับร็อบบี้และยานในการออกแบบเสื้อผ้าที่ต่างกันไปถึง 13 ชุด สอดคล้องตามบทภาพยนตร์และการแสดง ซึ่งทุกอย่างต้องเริ่มจากข้อมูลพื้นฐานที่มี
“เราอ่านหนังสือการ์ตูนเพื่อจะได้รู้ว่าเริ่มต้นจากตรงไหนดี และผมคิดวาการได้เห็นพัฒนาการจากตรงนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนกมาก” บีแนชกล่าว “แต่นี่ก็เป็นโอกาสที่จะได้ก้าวไปสู่จุดที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนและเป็นโลกของเรา ซึ่งมันจะมีความเป็น ‘แนวสตรีท’ มาก นั่นคือส่วนหนึ่งจากการคุยกันช่วงแรกระหว่างผมกับเคธี่และมาร์โก้ เพราะผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าผมไม่อยากสร้างลุคที่ดูเซ็กซี่เต็มตัว แต่อยากออกแบบให้ผู้หญิงเหล่านี้รู้สึกดีกับเสื้อผ้า
“แน่นอนว่ามาร์โก้เคยเล่นบทนี้มาแล้ว ฉะนั้นมันคือเรื่องดีเสมอ” เธอเล่าต่อว่า “เธอสามารถพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เธอเจอมาก่อนหน้านี้ได้ เธอได้อะไรจากตัวละครนี้บ้าง ซึ่งมันช่วยมาเติมเต็มเรื่องราวได้ และมาร์โก้เองก็เป็นผู้อำนวยการสร้างฯ ด้วย เธอเลยคุยพวกเรื่องพื้นฐานในหนังที่เรากำลังทำได้ด้วย เธอให้ความร่วมมือได้อย่างดีมาก แถมยังให้เรามีโอกาสแสดงความสร้างสรรค์ออกมาด้วย”
ตามที่ร็อบบี้เล่าว่า “ทุกอย่างที่ฮาร์ลีย์ทำล้วนไม่ได้เรื่อง เธอจะสวมชุดที่ไม่ได้เหมาะกับสถานการณ์ของเธอ อย่างเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่ที่มีไหล่กว้าง ๆ ในฉากต่อสู้หรือฉากเล่นสเก็ตบนแท่นยาว ไม่มีอะไรที่สมเหตุสมผลสักอย่าง ซึ่งนั่นแหละคือตัวฮาร์ลีย์ เธอจะเอาไม้เบสบอลไปสู้กับปืนเพราะนั่นคือเธอ มันเหมือนกับทางเลือกที่ดูสนุกสนาน อีรินสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมมากในเรื่องการสะท้อนสิ่งที่ฮาร์ลีย์ต้องการ และรวมทุกความไร้เหตุผลในแบบเธอออกมาได้”
บีแนชเล่าถึงการทำให้ฮาร์ลีย์ ควินน์เป็นรูปร่างขึ้นมาว่า “เธอรักการผสมแฟชั่นต่าง ๆ ของเธอ ทั้งพวกกางเกงขายาวและเครื่องประดับต่าง ๆ มันจะดูเท่และใส่สบายเสมอ ฮาร์ลีย์คือสีสันของงานปาร์ตี้ เธอเป็นคนเปิดเผยจริงใจ จะมีส่วนร่วมในทุกงานและพร้อมรับทุกความท้าทายที่ผ่านเข้ามา จะไม่มีทางเห็นดาบเล่มเล็กหรือกระโปรงเลย เพราะเราอยากให้ฮาร์ลีย์ของเราสามารถขยับตัวเตะและวิ่งได้ รองเท้าของเธอและเสื้อผ้าทั้งหมดจะต้องมีความสอดคล้อง แม้แต่สิ่งที่ดูเหมือนอยู่บนจอก็ตาม เราสร้างทุกอย่างขึ้นมาจากการออกแบบ รองเท้าของเธอทุกคู่จะเป็นส้นแข็ง ฉันรู้สึกชื่นชมในดีไซน์ทั้งหมดของเธอที่ได้จากมาร์โก้ เคธี่ และฉันคิดว่าผู้หญิงควรสัมผัสได้ถึงความเข้มแข็ง แม้ว่าจะต้องผสมกับเรื่องการใช้งานจริงก็ยังมีความทันสมัย ซึ่งฮาร์ลีย์จะคอยวอกแวกกับสิ่งที่มีความโดดเด่นเป็นประกาย และเธอสามารถขโมยอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ นั่นหมายความว่าเราจะทำอะไรก็ได้”
ผู้ออกแบบพบว่าถึงโลกของฮาร์ลีย์จะแตกสบาย แต่เธอก็ยังดู “มีความเท่จากภายในอยู่ เธอน่ารักและมีเสน่ห์เพราะเธอดูเหมือน ‘ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น’ ซึ่งนั่นคือองค์ประกอบที่อยู่ในตัวผู้หญิงทุกคน ฉันคิดว่ามันต้องรู้สึกแบบนั้นบ้างอย่างน้อยก็สักนาทีนึง”
บางทีตัวอย่างความรู้สึกของบีแนชที่ชัดเจนคือสิ่งที่ฮาร์ลีย์สวมใส่ในช่วงแรกของเรื่อง เสื้อแจ็คเก็ตที่ดูเหมือนเทปที่ใช้แปะเตือนสร้างความสนุกสนานและโดดเด่นมาก แต่ไอเดียของเทปแปะเตือนนั่นก็สื่อว่า ‘อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันคือฮาร์ลีย์ ควินน์ ฉันจะเตะอัดนาย”
ระหว่างที่ฮาร์ลีย์กำลังเยียวยาหัวใจตัวเองที่แตกสลาย เธอทำสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนเองก็อาจจะทำ ตั้งแต่การออกไปท่องโลกราตรีไปจนถึงการจมอยู่บนโซฟาคนเดียว “ฉันออกแบบมันด้วยสีชมพูมีรูปหัวใจร้องไห้เพื่อฮาร์ลีย์ เพราะเธอเศร้ามากหลังจากที่เลิกกับโจ๊กเกอร์” บีแนชกล่าว “แต่ตัวละครของเธอมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวสูงมาก เราเลยใส่ความเป็นเด็กของเธอลงไปในนั้น รวมถึงการเพิ่มหมวกที่มีตาเล็ก ๆ เข้าไปด้วย”
แถมพวกเขายังผลิตชุดจั๊มพ์สูทที่ใช้งานได้จริง มีสีสันสดใสและผสมกับลวดลายเพชรสีทองด้านซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเธออีกด้วย ร็อบบี้จะสวมชุดนี้ในฉากแอ็คชั่นที่สำคัญ ส่วนท่อนบนจะมีผ้าโพกหัวชมพูนีออน และใส่เสื้ออยู่ด้านในอีกทีนึง
ต้องขอบคุณในไลฟ์สไตล์ของฮาร์ลีย์ที่มีความผาดโผน ชีวิตของเธอคงสมบูรณ์แบบไม่ได้หากไม่มีพวกอาวุธที่พร้อมให้เธอใช้ตลอดเวลา เครื่องมืออย่างหนึ่งจากต้นฉบับในเรื่อง “Suicide Squad” ได้ถูกนำมาใช้ในเรื่องนี้ด้วย โดยฝ่ายอุปกรณ์ต้องผลิตเครื่องมือที่มีขนาดเล็กลงราว 30% ด้วยยางน้ำหนักเบา 3 แบบเพื่อใช้ระหว่างถ่ายทำ และทุกชิ้นจะมีภาพวาดที่มีสีสันของฮาร์ลีย์แปะอยู่
แค่สีสันไม่อาจบรรยายถึงตัวตนของฮันเทรสได้ “มีการคิดถึงแบรนด์ระดับสูงอย่าง Louis Vuitton นึกถึงเรื่องการแต่งตัวที่เน้นเรื่องการใช้งานก่อนเป็นสิ่งแรก” บีแนชกล่าว “ทุกสิ่งที่เธอใช้สั่งผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษและมีความไฮเทค เราเข้าถึงตัวละครของเธอจากหนังสือการ์ตูนอย่างเต็มที่ มีการกำหนดสีสันให้เธอทั้งสีม่วง สีเงิน และสีดำ เราแต่งให้เธออยู่ในชุดที่มีหมวก เสื้อแขนกุด และอีกหลายแบบที่มีความเป็นฮันเทรสมาก ๆ”
ภาพลักษณ์ของเธอคงสมบูรณ์แบบไม่ได้หากไม่มีเพื่อนคู่กายอย่างธนูของเธอ ทีมงานฝ่ายอุปกรณ์ได้ผลิตธนูขึ้นมา 6 คัน 3 คันเป็นตัวหลักที่เน้นเรื่องความปลอดภัย ส่วนอีก 3 คันผลิตด้วยยางเพื่อใช้สำหรับฉากที่แสดงผาดโผน
บีแนชมองแบล็ค แคนารี่ว่า “เป็นผู้รอดชีวิตคนสำคัญ เป็นผู้หญิงที่รู้ว่าต้องแต่งตัวแบบไหนด้วยการเดินเข้าร้านเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ จ่ายเงินไป 7 ดอลลาร์ และเดินออกมาก็ดูดีแล้ว หรือไม่ก็จัดการอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง”
เรื่องภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของตัวละครเกี่ยวข้องกับบีแนชด้วยเช่นกัน แต่เธอไม่อยากลอกไปซะทุกอย่าง “เราหยิบยกมาแต่ส่วนสำคัญของเธอ พวกผ้าตาข่าย หนังสีดำ มีการใช้โทนสีเหลือง ฟ้า และดำในการผลิตชุดสำหรับเธอ และวันที่เธอต้องสวมชุดทำงานก็จะเน้นเสื้อผ้าสีฟ้าและทอง”
ส่วนแบล็ค แคนารี่ไม่ได้มีแค่เสียงร้องที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ อันที่จริงเธอเป็นตัวละครเดียวในเรื่องที่ใช้ไม้เบสบอลเหมือนกับที่ฮาร์ลีย์เคยใช้
บีแนชยังเล่าถึง เรเน มอนโทย่า สายลับแห่งสถานีตำรวจก็อตแธมว่า “จะสวมชุดทำงานตลอด เราเลยออกแบบชุดให้เหมือนที่ตำรวจสายลับจะสวมใส่กัน คือกางเกงสีเข้ม เสื้อสีเข้มติดกระดุม” แต่ผู้ออกแบบได้อธิบายว่า “แต่ก็มีจุดที่แย่สำหรับเรเนในเรื่อง ตอนที่เธอพบ ‘อุบัติเหตุ’ เธอไม่มีอะไรให้สวมใส่ เหลือแต่พวกเสื้อผ้าที่เจอในแผนกติดตามข้าวของสูญหายในสถานี
ตำรวจ ซึ่งเป็นกางเกงขายาวกับเสื้อที่เขียนว่า ‘ฉันโกนขนเพื่อสิ่งนี้?’ อยู่ด้านหน้า แม้ว่าเรเนจะไม่ใช่คนที่มีอารมณ์ขัน แต่เราหวังว่าผู้ชมจะขำกับสิ่งนั้นตอนที่เห็น” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ชุดสำหรับผู้หญิงคนสุดท้ายคือแคสซานดร้า เคนวัย 12 ปี “แคสเป็นเด็กข้างถนนที่ซนเหมือนทอมบอย มีความดื้อด้วยเหตุผลเดียวคือเพื่อตัวเอง” บีแนชกล่าว “เธอชอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ และรักทุกสิ่งที่ได้มาจากการขโมยเพื่อตัวเอง เธอเลยชอบสวมเสื้อสีแดงตัวใหญ่ และรองเท้า Air Jordans ที่เราเชื่อได้เลยว่านั่นคือของที่เธอขโมยมา”
ตัวละครของแคสต้องมีของประดับชิ้นสำคัญด้วยเช่นกัน จากข้อมือของเธอที่เคยหักทำให้ต้องมีตัวช่วยพกพาสำหรับแคสในการขโมยของ ในการตกแต่งพลาสเตอร์ ฝ่ายอุปกรณ์ได้ใช้ผ้าพันแผลสีชมพูเข้ม และนำไปให้บาสโควาดตลอดช่วงสุดสัปดาห์
บีแนชได้สร้างหลายลุคขึ้นมาสำหรับตัวร้ายคนสำคัญอย่างโรมัน ไซโอนิส มาเฟียที่แคสไปขโมยเพชรชิ้นสำคัญมา “โรมันดูเป็นคนหยิ่ง” บีแนชกล่าว “เขาเป็นคนเนี๊ยบและแต่งตัวพร้อมในทุกสถานการณ์ ใส่ใจเรื่องการแต่งตัว เขาจะมีชุดสำหรับใส่อยู่บ้านและออกไปข้างนอก สำหรับไปที่คลับและไปหาความสนุก เราใช้สีสันที่เห็นชัดเจนเวลาอยู่ท่ามกลางแสงไฟกลางคืน เช่น ไนต์คลับของเขา ซึ่งมันจะต้องสะท้อนแสงได้ดีอย่างเสื้อแจ็คเก็ตสีม่วง มันดูโดดเด่นบนหน้าจอมากเลย”
เสื้อผ้าและเครื่องประดับของโรมันอีกหลายชุด จะมีตัวอักษรย่อหรือลายหน้ากากติดสกรีนติดบนชุดไม่ก็บางจุด เช่น ปกเสื้อแจ็คเก็ต บนถุงมือหนัง แหวนประจำตระกูล แม้แต่ชุดนอนก็ยังมีรูปหน้าของตัวเขาเอง
สำหรับลูกน้องของโรมันอย่างวิคเตอร์ แซซ บีแนชได้เล่าว่า “เพราะแซซคือลูกน้องคนหนึ่งของโรมัน เขาก็มีชุดทีดูทันสมัย แต่มีความเรียบง่ายขึ้นมาหน่อย มีความเป็นพังค์ที่ดูดีและแฝงด้วยความน่ากลัว ซึ่งยังไงก็ตามเขาคือนักฆ๋าคนหนึ่ง”
“อีริน บีแนชคือผู้หญิงที่มีความเท่มากคนหนึ่งบนโลก” อันคีเลสชื่นชม “เธอสะท้อนความเท่ และความร่วมสมัยในแบบเธอผ่านเสื้อผ้าได้ เธอศึกษาโลกหนังสือการ์ตูนเพื่อฮาร์ลีลย์ควินและทีมนกอย่างเต็มที่ แถมยังสะท้อนความเป็นธรรมชาติออกมาได้อีกด้วย เหมือนเวลาที่เราไปปาร์ตี้แล้วเห็นทุกคนดูดีน้อยกว่า 25% เมื่อเทียบกับเราไปเลย อีรินทำให้ตัวละครของเราโดดเด่นได้ในบรรยากาศนั้น และทำให้รู้สึกได้ถึงความสมจริง”
บีแนชเองก็ต้องสร้างเครื่องประดับที่ตัวละครต่าง ๆ สวมใส่ ผู้กำกับฯ ยานเล่าว่า “อีรินเป็นผู้ออกแบบที่น่าทึ่งมาก เธอรู้ว่านักแสดงโดยเฉพาะผู้หญิงอยากสวมใส่อะไร มันสนุกมากที่ได้เห็นเธอออกแบบอะไรที่ยังคงความเคารพในหนังสือการ์ตูนอยู่ แต่ขณะเดียวกันยังมีการสื่อความหมาย และมีส่วนช่วยเรื่องการจินตนาการโลกที่เรากำลังสร้างขึ้นมาด้วย”
เรเน
เราต้องกวาดล้างเมืองนี้ทุกซอกทุกมุม
สถานที่ / การออกแบบฉาก
สำหรับฉากแอ็คชั่นในเรื่อง “Birds of Prey (and the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn) – ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด” มีการถ่ายทำทั้งในและรอบนอก แองเจลิส แคลิฟอร์เนีย เริ่มจากที่ย่านดาวน์ทาวน์ ไชน่าทาวน์ และพื้นที่โดยรอบ จนมาถึงโรงถ่ายอีก 4 แห่งบนพื้นที่ของ Warner Bros. Studios
ผู้ออกแบบฉากฯ เค.เค. บาร์เร็ตต์ เล่าว่า “การออกแบบทั้งหมดมาจากตัวละคร มุมมองของพวกเขาที่มีต่อโลก” สำหรับเรื่องนี้มันมาจากมุมมองของฮาร์ลีย์ ควินน์ที่คาดเดาไม่ได้อย่างน่าหลงใหล” ฮาร์ลีย์มาจากโลกที่มีแต่ความสนุกสนานและความเจ้าเล่ห์ มีการคัดสรรข้าวของที่จะนำมาใช้ เช่น กระดาษห่อฟาสต์ฟู้ดที่สีฉูดฉาด แพ็กเกจที่ดูน่าสนใจ ช่วงเวลาที่มีความสดใส เธอยังเป็นเหมือนหน้าต่างที่ทำให้เรามองเห็นตัวละครอื่น ๆ รวมถึงสถานที่ในโลกของเธอด้วย”
แน่นอนว่าโลกใบนั้นคือเมืองก็อตแธม แต่มันจะให้ความรู้สึกที่ต่างจากเมื่อก่อน บาร์เร็ตต์เล่าว่า “เคธี่กับผมตั้งใจว่าในเวอร์ชั่นของเราก็อตแธมต้องเหมือนเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รอบนอกของนิวยอร์ค เช่น ควีนส์ บรองซ์ และบรูคลิน จะต้องมีความแตกต่างตั้งแต่บนท้องถนนมากกว่าพื้นที่ด้านบน เราไม่มีการใช้พื้นที่บนดาดาฟ้าเพราะมันเหมือนมุมมองของแบทแมนมากเกินไป มุมมองของฮาร์ลีย์จะอยู่ตามท้องถนน บางครั้งก็มีการกระโดดขึ้นไปตามขอบทางเดิน บนรางน้ำและกระโดดลงมา ซึ่งก็จะมีเสียงดังเอะอะนิดหน่อย รถที่ใช้ก็จะผ่านการซ่อม ผู้คนแออัดกันตามท้องถนน ใช้ชีวิตได้ด้วยสติปัญญาของตัวเอง และมีการชุบตัวใหม่เหมือนฮาร์ลีย์ด้วย”
เนื่องจากฮาร์ลีย์ต้องออกจากบ้านอย่างกะทันหัน บาร์เร็ตต์เลยฉากสร้างหนึ่งขึ้นมาที่เล่าว่า “ในเรื่องของเราเธอปักหลักอยู่ด้านบนร้านอาหารจีน มีการตกแต่งของผู้เช่าคนเดิมค้างไว้อยู่ และมีการแต่งเพิ่มตามสไตล์ของเธอที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกย่ำแย่ มีภาพเป้าหมายขนาดใหญ่เพนท์ไว้บนกำแพง ซึ่งสะท้อนถึงความรู้สึกของเธอตอนนี้ และยังสื่อว่าเธอนอนหลับบนโซฟาด้วย”
บาร์เร็ตต์ยังมีความประทับใจส่วนตัวในอพาร์ทเมนท์ที่มีรูปควีน เอลิซาเบธอยู่บนหมอน มีกองลูกระเบิด โคมไฟจีน และสิ่งที่เป็นหลักฐานถึงการลดน้ำหนักอย่างจริงจังของฮาร์ลีย์ เช่น ราเมนหลายกล่อง ชีสบอล ไอศกรีมคอตตอนแคนดี้ ทวิซ
เลอร์ส มาร์ชเมลโล คุกกี้ ครีมชีซ ซีเรียลเคลือบน้ำตาล ลูกอมที่เป็นสร้อยคอ Mike & Ike และบีเวอร์สวมกระโปรงสีชมพูที่ศิลปินอย่างแอนดี้ ซีเกิลเคยเพนท์ไว้บนนิ้วเท้า
การออกแบบสุดท้ายคือไนท์ครับและอพาร์ทเมนท์สุดหรูของโรมัน บาร์เร็ตต์ได้เลือกผสมองค์ประกอบหลายอย่างไว้บนสถานที่ของโรมัน เช่น รูปปั้นการฝังเข็ม 24 ชิ้นใน 2 ขนาด ซึ่งอันนึงคือรูปปั้นของเขาเอง มีเก้าอี้เบาะกำมะหยี่อีกหลายตัว และมีโซฟาสีอ่อน รูปปั้นสีแดงขนาดใหญ่ที่สื่อถึงวิคตรอล่าสมัยก่อน ทุกอย่างล้วนสะท้อนถึงความโลภที่อยากได้สิ่งของต่าง ๆ ของตัวละคร
บาร์เร็ตต์เล่าว่า “โรมันเป็นคนไร้สาระมาก สนใจว่าข้าวของจะดูดีแค่ไหนมากกว่าตัวเองดูดีแค่ไหน รวมถึงผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาด้วย ความงามที่แท้จริงของเขาอยู่ที่การคิดและการแสดงออกของตัวเอง ซึ่งเขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขาสะสมข้าวของที่สะท้อนถึงความหรูหราและหน้ากาก แม้แต่คลับของเขาเองยังชื่อว่าเดอะ แบล็ค แมสก์ ข้าวของหลายอย่างทั้งในอพาร์ทเมนท์และในคลับล้วนเปรียบเทียบกับตัวตนและพฤติกรรมของเขาทั้งนั้น”
โครลได้เล่าว่า “ผมรักในมิติที่ เค.เค. ใส่ลงไปในการออกแบบ ก็อตแธมของเรามีผู้คนมากมาย หลากหลายทางวัฒนธรรม แต่ก็อยู่บนความสดใสและค่อนข้างเลอะเทอะไปบ้าง เดอะ แบล็ค แมสก์คือฉากโปรดของผมในเรื่อง ผมรักทุกอย่างที่สะท้อนความเป็นผู้หญิง ทั้งรูปปั้น สีสัน และรายละเอียดต่าง ๆ มันดูหรูหราและเหมาะกับตัวละครโรมันของยวนอย่างลงตัวมาก”
ฉากที่มีรายละเอียดซับซ้อนและมีราคาแพงที่สุดของบาร์เร็ตต์ คือฉากบ้านสวนสนุกที่มีบานกั้น หรือที่เรียกว่าบูบี้ แทรป ซึ่งในฉากนั้นจะมีทั้งความซับซ้อนและการต่อสู้เกิดขึ้น ผู้ออกแบบเล่าว่าเขานึกภาพ “สถานที่สุดพิเศษที่สร้างขึ้นในช่วงปลายยุค 1960 หรือ 70 แต่น่าจะปิดตัวลงไปเมื่อ 15 หรือ 20 ปีที่แล้ว”
ทางเข้าด้านนอกสู่สวนสนุกจะรูปผู้หญิงกรี๊ดขนาดใหญ่ที่ผลิตจากสไตโรโฟมและปลาสเตอร์ แยกเป็นชิ้นส่วน 4 ชิ้น ฝ่ายศิลป์และทีมก่อสร้างทำหน้าที่ติดตั้งชิ้นงานในเวลา 1 สัปดาห์
ร็อบบี้เล่าว่า “ฉากนั้นดูเหลือเชื่อมากค่ะ เราโชคดีมากที่มี เค.เค. บาร์เร็ตต์ เป็นผู้ออกแบบฉาก เขาเป็นคนที่มีจินตนาการสูงมาก สามารถสร้างโลกที่อยู่เหนือเหตุผลออกมาได้อย่างงดงามและเหนือความคาดหมาย มีการใช้สีสันที่ฉูดฉาดและมีการเคลื่อนไหว การออกแบบของเขาทำให้ฉากนั้นดูมีความลื่นไหล สื่อถึงเหล่านกที่เวลาต่อสู้ไปด้วยกันก็ยิ่งมีพลังมากขึ้น
วินสเตดเห็นด้วยว่า “มันเหลือเชื่อจริง ๆ ฉากนั้นทั้งมีสีสันราวกับความฝัน และเป็นผลงานศิลปะที่มีคามโดดเด่น มันไม่เหมือนกับสิ่งไหนที่เคยเห็นมาก่อนเลย รวมถึงตัวสไลด์ที่มีความอลังการและสื่อถึงความเป็นเด็กที่อยู่ในตัวเรา”
เมื่อพูดถึงเรื่องสไลด์ ระหว่างถ่ายทำฉากผาดโผนที่ฮันเทรสต้องสไลด์ตัวลงมายังข้างในบูบี้ แทรป แมทธิว ไลบาทีก ตากล้องฯ ก็ต้องสไลด์ตัวลงไปพร้อมเธอด้วย เพื่อเก็บภาพฉากการต่อสู้ด้วยกล้องมินิ Alexa
ยานรู้สึกประทับใจจากความพยายามของทุกคนที่อยู่ทาง 2 ฝั่งของกล้อง “ทีมนักแสดงทุ่มเทเต็มที่ตลอด” เธอกล่าว “ส่วนทีมงานก็เหลือเชื่อมากค่ะ ตั้งแต่ทีมของแม็ตต์ไปถึง เค.เค. ที่มีไหวพริบ และผลักดันทั้งฉันและทุกคนให้คิดนอกกรอบได้ด้วยการออกแบบที่งดงามของเขา สำหรับฉันแล้วฉากสวนสนุกมันชวนลืมไม่ลงจริง ๆ ค่ะ และหวังว่าผู้ชมจะสนุกไปกับมันเหมือนเรา”
ฮาร์ลีย์ ควินน์
เธอทำให้ฉันอยากเป็นคนที่สร้างเรื่องน้อยลง!
โน้ตดนตรี & และองค์ประกอบ
สำหรับการถ่ายทอดธีมต่าง ๆ และธรรมชาติความเป็นฮาร์ลีย์ในเรื่องออกมา ยานได้ขอความร่วมมือจาก แดเนียล เพ็มเบอร์ตัน ผู้ประพันธ์ดนตรีเพื่อแต่งเพลงให้กับ “Birds of Prey (and the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn) – ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด” เธอยังรวมเพลงดังจากหลายศิลปินเอาไว้อย่างน่าตื่นเต้น เช่น SOFI TUKKER, Doja Cat, WHIPPED CREAM ในเพลง Baby Goth, Jucee Froot and Halsey พร้อมด้วยเพลงคลาสสิคยอดนิยมอย่าง “Hit Me With Your Best Shot,” “Barracuda,” “Love Rollercoaster” และเพลงสำหรับสาวๆ ทุกคนในช่วงอกหักอย่าง “I Hate Myself For Loving You”
ยานเล่าว่า “โทนของเรื่องได้แรงบันดาลใจมาจากฮาร์ลีย์ ควินน์และความสนุกสนานอย่างไม่แคร์ใครของเธอ รวมถึงด้านมืดและความเป็นเด็กอย่างน่าเหลือเชื่อที่เธอมีต่อโลกรอบตัวเธอ คริสติน่าได้ถ่ายทอดทุกอย่างที่อยู่ในบทฯ ออกมาได้ และเรายังสร้างความมั่นใจด้วยการสะท้อนผ่านทุกมุมของเรื่อง โดยหวังว่ามันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งเหมือนดีเอ็นเอของหนัง หวังว่าการที่พาทุกคนเข้าไปอยู่ในโลกของฮาร์ลีย์ ผู้ชมจะได้เข้าใจตัวตนและความรู้สึกของเธอมากขึ้น แต่ก็ยังสนุกกับการดูตัวละครที่แสบและน่าทึ่งเหล่านี้ไปด้วย”
ร็อบบี้กล่าวสรุปเสริมว่า “ภาพยนตร์มีความตื่นเต้นและอัดแน่นไปด้วยความสนุก สะท้อนสีสันของชีวิตจากมุมมองของฮาร์ลีย์ที่ยากจะคาดเดา ควบคุมอะไรไม่ได้ สนุกสนาน อันตราย อบอุ่นใจ… มีอะไรครบทุกอย่างเหมือนตัวเธอ”
เข้าฉาย 6 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์
http://www.birdsofprey-thai.com
https://www.facebook.com/BirdsofPreyMovieThailand
https://tickets.birdsofprey-thai.com/