www.TheMarksmanMovie.com
#TheMarksman

เรื่องย่อ
จิม​ แฮนสัน (Liam Neeson) เจ้าของฟาร์มชาวแอริโซนาผู้แข็งกร้าวที่ต้องการอยู่คนเดียวไม่ยุ่งกับใครโดยหลีกหนีประกาศแจ้งขับไล่และพยายาม​หาเลี้ยงชีพบนพื้นที่พรมแดนห่างไกล แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อเขา​ ผู้เป็นอดีตนาวิกโยธินพบเห็นมิเกล(Jacob Perez) ผู้อพยพวัย 11 ปีที่กำลังหนีพร้อมกับโรซา (Teresa Ruiz)แม่ของเขา จากการสังหารโดยแก๊งนักฆ่าที่นำโดยเมาริซิโอ (Juan Pablo Raba) ผู้โหดเหี้ยม หลังจากถูกจับได้ในเหตุลอบยิง​ โรซ่าได้รับบาดเจ็บและขอร้องให้จิมพาลูกชายไปส่งครอบครัวที่ชิคาโกอย่างปลอดภัย​ แม้ซาราห์ (Katheryn Winnick) ลูกเลี้ยงของจิมจะคัดค้าน​ แต่เขาก็แอบพามิเกลลัดลอดผ่านด่านศุลกากรและตระเวนชายแดนในพื้นที่ของสหรัฐฯและพวกเขาก็ออกเดินทางไปโดยมีกลุ่มนักฆ่าตามไล่ล่า จิมและมิเกลก้าวข้ามความแตกต่างอย่างช้า ๆ และเริ่มสร้างมิตรภาพที่ไม่น่าจะเป็นไปได้​ ในขณะที่เมาริซิโอและแก๊งนักฆ่าเลือดเย็นก็ตามติดพวกเขาไล่ล่าอย่างไม่ลดละ

เกี่ยวกับ​การ​สร้าง
เมื่อผู้กำกับRobert Lorenzได้พบกับเลียม​ นีสันเพื่อพูดคุยเรื่องThe Marksman นักแสดงชาวไอริชได้บรรยายถึงตัวละครจิม​ แฮนสัน​ ว่ามีความเป็น”อีสต์วู้ด”อย่างมาก​ตามแบบฉบับบุคลิก​ของผู้กำกับผู้เลื่องชื่อ​ คลินต์​ อีสต์วู้ด​ จิม​ เจ้าของฟาร์มแม่นปืน​ เป็นคนรักสันโดษที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่ต้องเอะอะไปหรือประโคมข่าว โรเบิร์ตชื่นชมในการอ้างอิงเช่นนั้นเนื่องจากเขาได้ทำงานร่วมกับคลิ้นท์มาเป็นเวลากว่ายี่สิบปีในฐานะผู้อำนวยการสร้างหรือผู้ช่วยผู้กำกับในภาพยนตร์เช่น Million Dollar Baby, Mystic River และ The Bridges of Madison County “คลินท์และผมต่างมีแนวทางที่คล้ายกันในการสร้างภาพยนตร์” โรเบิร์ตกล่าว “ผมทำงานเร็ว​ ผมไม่มัวแต่ยุ่งโน่นนี่ และเลียมก็เปิดรับตรงนี้มาก”
The Marksman เริ่มเป็นรูปเป็นร่างเมื่อหลายเดือนก่อนจะได้พบกับเลียมเมื่อโรเบิร์ตได้รับบทมาจากChris CharlesและDanny Kravitz ที่มีชื่อในตอนแรกว่า The Minuteman “ผมตอบสนองต่อแนวคิดของพวกเขาเกี่ยวกับ​ชายผู้หนึ่งกับเด็กคนนี้ที่ถูกกลุ่มนักฆ่าไล่ล่า” เขากล่าว “มันเป็นเรื่องราวแนวตะวันตกและเป็นหนังโร้ดมูฟวี่ที่นำมาเล่าเรื่องด้วยภาพได้เป็นอย่างดี​ ซึ่งผมเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดี” โรเบิร์ตใส่เนื้อหาในแบบของเขาเองลงบนเนื้อเรื่องด้วยการเขียนใหม่ตั้งแต่หน้าหนึ่ง “ผมเห็นตัวละครของเลียมเป็นตัวแทนของผู้คนจำนวนมากในประเทศนี้” เขากล่าว “ในตอนต้นของหนัง​ จิม​ แฮนสันไม่แยแสกับชะตากรรมของคนอื่นๆเหล่านี้ [ชาวเม็กซิกันอพยพ] เขามีปัญหาของตัวเองที่ต้องจัดการ แต่เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไป​ จิมได้พบความไถ่บาปในตัวเองด้วยการช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งนั่นคือความคิดที่ผมต้องการจะสื่อในThe Marksman”
ธีมดังกล่าวสะท้อนให้ภาพของเลียม​ นีสัน เขาได้รับบทในวันพฤหัสบดีและในวันจันทร์เขาก็เชิญโรเบิร์ตมาที่บ้านของเขาที่นิวยอร์กเพื่อร่วมแบ่งปันแนวคิดกัน “ที่นิวยอร์ก​เลียมบอกผมว่าแง่มุม [การอพยพ] ในเรื่องราวนี้เป็นส่วนสำคัญที่ดึงดูดเขาต่อ The Marksman แต่ไม่ต้องการมีวาระอะไรเป็นพิเศษ​ เราแค่อยากเล่าเรื่องราวของมนุษย์ผ่านมุมมองที่แตกต่างกัน และช่วยตอบสนองต่อผู้คนในระดับอารมณ์”

 

คู่ปรับนักฆ่าที่คู่ควร
เมื่อเลียมตกลงที่จะแสดงในช่วงต้นปี2019 โรเบิร์ตได้รวบรวมตัวนักแสดง Marksman ที่เหลือ สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ของเขาคือการค้นหานักแสดงที่สามารถถ่ายทอดความโหดเหี้ยม​รุนแรงในบทบาทของนักฆ่าเมาริโก “สำหรับให้เหตุการณ์​ในเรื่องนี้มีความสมจริง​ คุณต้องรู้สึกว่าคนร้ายโหดเหี้ยมน่ากลัว” โรเบิร์ตอธิบาย “คือไม่ใช่เป็นเพียงแค่คนเลวเท่านั้น เมาริโกยังสร้างความตึงเครียดและเพิ่มเดิมพันให้กับการเดินทางของเลียมและมิเกล​ ดังนั้นเขาจึงต้องดูเหมือนโหดร้ายอันตรายมากๆ”
“Juan Pablo Raba นักแสดงชาวโคลอมเบียดึงดูดสายตาของโรเบิร์ตเมื่อเขารับบทเป็นGustavo Gaviria พันธมิตรทางธุรกิจ Medellin Cartel ของ Pablo Escobar ในซีรีส์ทางNetflixเรื่อง Narcos ในด้านความแข็งแกร่งด้านการแสดงนั้น​ โรเบิร์ตส์​ ได้เชิญฮวยมาออดิชั่น “ตอนที่เขาเข้ามาเทสต์บท เขาโกนผมออกเกลี้ยงเพราะเขาคิดว่านั่นเป็นภาพลักษณ์​ของตัวละครของเขา” โรเบิร์ตเล่า “เขาแสดงบทพูดได้อย่างน่ากลัวมากจนทำให้กรรมการคัดเลือกของเราถึงกับสะดุ้ง​ นั่นคือตอนที่ผมตัดสินใจว่าเขาเป็นคนที่จะรับบทเป็นเมาริโก้”
เช่นเดียวกับตัวละครของเขา ฮวน เข้าพุ่งเข้าหางานด้วยเลเซอร์โฟกัส “ตัวละครของผมไม่มีความสัมพันธ์กับคนอื่น” เขากล่าว “เมาริโกเป็นเหมือนสุนัขมากกว่า​ เมื่อเขาเห็นอะไรบางอย่าง เขาไม่คิดอะไรเกี่ยวกับมันเลย​ และทุกอย่างในอเมริกาเป็นเรื่องใหม่หมดสำหรับเขา​ มันจึงทำให้เกิดเสียงดังในหัวของเขา”

หญิงแกร่ง​ จากสาวไวกิ้งไปจนถึงเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดน
Katheryn Winnick ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ของ Critics Choice Awardsรับบทซาร่า​ ผู้กำกับสำนักงานตระเวนชายแดนท้องถิ่น​ ในขณะที่ต้องรับมือความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างตึงเครียดกับจิม​ แฮนสัน​ พ่อเลี้ยงของเธอที่แสดงโดยเลียม​ นีสัน แคทธรินเกิดในยูเครนและเติบโตในแคนาดารับบทเป็นนักรบสาวไวกิ้งผู้ดุร้ายในซีรีส์ “The Vikings” ของช่อง History Channel ภาพที่ดุร้ายของเธอสร้างความประทับใจให้กับโรเบิร์ตเป็นอย่างมาก “แคทธรินมีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่ในขณะเดียวกันการรับบทเป็นซาร่าก็แสดงให้เห็นด้านที่นุ่มนวลในแบบของเธอ” โรเบิร์ตกล่าว ผู้อำนวยการสร้าง Warren Goz กล่าวเสริมว่า “แคทธรินเพิ่มมิติให้กับตัวละครของซาร่าและได้แบ่งปันแนวคิดดี ๆ กับร้อบเกี่ยวกับบทบาทนี้”
สำหรับแคทธริน​ การได้รับโอกาสในการสร้างสรรค์​ผลงานกับเลียมให้บทเรียนที่ไม่อาจลืมเลือนในด้านความเป็นมืออาชีพ “ความทุ่มเทของเลียมที่มีต่อหนังเรื่องนี้ทำให้ฉันอึ้งไปเลย” เธอกล่าว “เขาเข้ามาในวันหยุดเพื่ออ่านบทนอกกล้อง​สำหรับบทคุยทางโทรศัพท์​ จรรยาบรรณในการทำงานของเขาน่าทึ่งมาก”

 

ดาราร่วมตัวน้อย: เด็กชายคนนั้น
ตัวละครมิเกล​ เด็กกำพร้ามอมแมมวัย 11 ขวบกระตุ้นให้เกิดการค้นหาอย่างกว้างขวางโดยผู้กำกับคัดเลือกนักแสดง Chelsea Bloch และ Marisol Roncali ผู้ประเมินวิดีโอออดิชั่นหลายร้อยคลิปก่อนที่จะจำกัดวงเหลือเพียงแค่เด็กชายสองคน “เด็กคนหนึ่งดูเกลี้ยงเกลามาก แต่ผมไม่เห็นภาพความดื้อรั้นที่เรากำลังมองหา” โรเบิร์ตตั้งข้อสังเกต “เด็กอีกคนคือจาค็อบ​ เปเรซซึ่งมีประสบการณ์การแสดงน้อยมาก แต่เจคอบมีหน้าตาและทัศนคติแบบที่คุณไม่อาจสอนได้” เขาส่งวิดีโอของจาค็อบให้เลียมดูเพื่อขอความเห็น “หลังจากที่เลียมดูการออดิชั่นของเด็กทั้งสอง​ เขาก็ยืนยันกลับมาว่าเจค็อบเป็นเด็กที่เหมาะสมสำหรับบทนี้”

การถ่ายทำสไตล์​อเมริกันขนานแท้
ในช่วงก่อนการถ่ายทำ​ โรเบิร์ตได้กลับมาร่วมงานกับช่างฝีมือหลายคนที่เขาเคยร่วมงานด้วยในภาพยนตร์ที่กำกับโดยคลิ้นท์​ อีสต์วูด เลียมชักนำ Mark Vanselow ผู้ประสานงานการแสดงผาดโผนผู้คร่ำหวอดมายาวนานมาร่วมออกแบบท่วงท่าลำดับแอ็คชั่น และโรเบิร์ตตั้งใจที่จะจับภาพมุมมองที่ยิ่งใหญ่ของภูมิทัศน์ในอเมริกา​ นักกำกับภาพ Mark Patten ชาวอังกฤษ​ ซึ่งฝีมือการถ่ายทำภาพที่มีสไตล์ของเขาช่วยเสริมส่งซีรีส์ Taboo ของ Tom Hardy และภาพยนตร์เรื่อง The Martian ของ Ridley Scott มาร์ค​กล่าวว่า “โรเบิร์ตได้นำเอาวัฒนธรรมหลากหลายระดับมาใช้​ ดังนั้นเราจึงต้องการให้ภาพยนตร์ได้จับภาพความหลากหลายของประเทศนี้”
ในเดือนกันยายน 2019 การถ่ายทำหลักของThe Marksman เริ่มขึ้นในและบริเวณ​รอบ ๆเมืองAlbuquerqueรัฐนิวเม็กซิโก​ และต่อมาผู้สร้างภาพยนตร์ได้กลับมาตั้งหลักที่คลีฟแลนด์​รัฐโอไฮโอ ให้เป็นฉากของจุดหมายปลายทางที่สามในเนื้อเรื่องคือเมืองชิคาโกรัฐอิลลินอยส์ โรเบิร์ตกล่าวว่า “นี่เป็นภาพยนตร์แนวออกพื้นที่หลายสถานที่ที่ผู้ชมย้ายจากภูมิประเทศที่รกร้างว่างเปล่าแบบตะวันตกเฉียงใต้ไปสู่ดินแดนเขียวชอุ่มของอเมริกา​ เราอยากให้ผู้ชมรู้สึกจริงๆว่าตัวละครเหล่านี้กำลังอยู่บนการเดินทางในแบบอเมริกัน”
ผู้ผลิตต้องการให้เริ่มถ่ายทำในโอไฮโอ แต่โรเบิร์ตยืนยันที่จะถ่ายทำตามลำดับเวลาคร่าว ๆ “ผมมีนักแสดงเด็กน้อยคนนี้ที่ไม่มีประสบการณ์มากนัก​ ดังนั้นคงเป็นการยากกว่ามากสำหรับผมที่จะให้เจค็อบแสดงอารมณ์ในตอนท้ายเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นการถ่ายทำโดยที่เขายังไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับเรื่องราวที่ดำเนินไปตามท้องเรื่องมาก่อน” โรเบิร์ตอธิบาย “ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะถ่ายทำตามลำดับเวลาให้มากที่สุด”
ในระหว่างการถ่ายทำ 29 วัน​ โรเบิร์ตค้นพบว่าแนวทางการกำกับที่รวดเร็วของเขาช่วยให้แรงบันดาลใจต่อการแสดง​อย่างชีวิตชีวาของเจค็อป นักแสดงหน้าใหม่ “ผมพบว่าเมื่อคุณเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว​ ทีมนักแสดงและทีมงานจะรู้สึกมีพลังและมีชีวิตชีวา “ถ้าคุณจมลง [โดยการถ่ายทำหลายครั้งเกินไป] ฉากต่างๆจะน่าเบื่อหน่ายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กเล็กอย่างเจคอบ​ ผมอยากจับภาพการแสดงให้เร็วที่สุดและเลียมก็ชอบทำงานแบบนั้นเช่นกัน พยายามถ่ายให้ได้ภายในเทคแรกหรือเทคที่สอง​ และไปต่อฉากต่อไป”
ในระหว่างฉากแอ็คชั่นใหญ่ ๆ ใน The Marksman ก็มีฉากการพูดคุยขณะขับรถหลายฉากที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันขึ้นระหว่างของจิมและมิเกล โรเบิร์ตถ่ายทำฉากพูดคุยโต้ตอบ​เหล่านั้นภายในรถกระบะจริงขณะที่มันถูกลากจูงข้ามภูมิประเทศทะเลทราย ผลลัพธ์ข้างเคียง​อย่างหนึ่งคือ เลียมและเจคอบใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพัฒนาสายสัมพันธ์กันนอกกล้อง โรเบิร์ตเล่าว่า “ในขณะที่เราจัดตั้งกล้องและอุปกรณ์​ที่อยู่รอบตัวพวกเขาเลียมและเจค็อบจะนั่งอยู่ในรถและพูดคุยกัน​ และนั่นคือจุดที่ทำให้พวกเขาได้รู้จักกันจริง ๆ​ ผมแอบฟังในบางครั้งและครั้งหนึ่ง เลียมพูดถึงภาพยนตร์ทั้งหมดที่เขาเคยแสดงมาและเจค็อบก็ไม่เคยได้ยินหนังพวกนั้นแม้แต่เรื่องเดียว​ แต่แล้วเลียมก็พูดถึงสตาร์วอร์สและหน้าของเจค็อบก็สว่างวาบขึ้นมาก่อนจะถามว่า: ‘คุณแสดงในสตาร์วอร์สเหรอ’?!”
ในขณะที่การถ่ายทำดำเนินไป​ เจค็อบก็ให้ความนับถือ​เลียมอย่างอบอุ่น “มันเยี่ยมมากที่ได้อยู่กับดาราใหญ่คนนี้” เจค็อบกล่าว “เลียมนีสันเป็นเหมือนคุณปู่ของผม” ความสัมพันธ์นอกจอนั้นแปรเป็นการแลกเปลี่ยนบทที่ไม่มีในสคริปต์จำนวนหนึ่ง​ โรเบิร์ตเล่าว่า “หนึ่งในช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นบนรถกระบะที่จิมและมิเกลฟาดฟันกันครั้งแรก​ นั่นเป็นการแสดงสดโดยสิ้นเชิงและมันก็ดูเป็นธรรมชาติมาก”

หนังแนวการเดินทางที่มีชีวิต​จิตใจ
ภาพยนตร์แนวโร้ดเกี่ยวกับการเดินทางและแอ็คชั่นลุ้นระทึก​ The Marksman เป็นการผสมผสานระหว่างการศึกษาตัวละครตะวันตกร่วมสมัย​ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นผู้ชมในระดับภายในจิตใจ​ โรเบิร์ตกล่าว “ก่อนอื่นใด​ ผมต้องการให้ผู้คนได้รับความบันเทิง​ ภาพยนตร์เรื่องโปรดของผมคือภาพยนตร์แอ็คชั่นเข้มข้นที่แฝงไปด้วยความสมจริง​ เช่น Bullitt และ Heat จากนั้นผมก็ใช้แนวตะวันตกเป็นแม่แบบ​ ยิ่งไปกว่านั้น​ ผมต้องการให้ความคิดว่าตัวละครของเลียมได้ไถ่บาปตัวเองโดยผ่านการเปลี่ยนแปลงจากเหตุการณ์​ครั้งนี้​ที่ทำให้เขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวน้อยลงและปราศจาก​ความเห็นแก่ตัวมากขึ้น​ ผมคิดว่าเราทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการนำข้อคิดนี้มาใช้กับชีวิตของเรา​ และนั่นคือหัวข้อที่ผมต้องการสื่อใน The Marksman
จากจุดได้เปรียบของแคทธริน The Marksman เปิดโอกาสให้ผู้ชมภาพยนตร์ได้ดื่มด่ำไปกับการเดินทางสไตล์​อเมริกันที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ “ในโลกที่เต็มไปด้วยความแปลกแยกและการต่อต้าน” เธอกล่าว “ในที่สุด​ The​Marksman​เป็นเรื่องราวของจิตวิญญาณสองดวงที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะได้มาหลอมรวมกันและสร้างสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็น”ครอบครัว”

เกี่ยวกับผู้อำนวยการสร้าง​
โรเบิร์ต​ ลอเรนซ์​ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์3ครั้งจากการอำนวยการสร้างเป็นเวลาหลายปีกับผู้กำกับคลินต์​ อีสต์วูดในภาพยนตร์เช่น American Sniper, Gran Torino, Mystic River, Invictus, Changeling และ Letters From Iwo Jima เป็นต้น นอกจากนี้​ เขายังเป็นผู้บริหารและอำนวยการสร้างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์เรื่องMillion Dollar Baby ผลงานแรกของเขาในการย้ายมานั่งเก้าอี้ผู้กำกับเมื่อปี2012คือเรื่องTrouble With The Curve ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี​ นำแสดงโดย Eastwood, Amy Adams, Justin Timberlake และ John Goodman
หลังจากความสำเร็จทุบสถิติของเรื่องAmerican Sniper โรเบิร์ตตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะมุ่งเน้นไปที่การเขียนบทและกำกับโปรเจ็ค​หนังของตัวเองเพียงอย่างเดียว เขาก่อตั้งบริษัท Stonehouse Motion Pictures ซึ่งเขามีผลงานและโปรเจ็กต์ทางโทรทัศน์มากมาย​ การสร้างและพัฒนา The Marksman เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผลิตภายใต้ร่มธงบริษัท​นี้

โรเบิร์ตเกิดที่ชิคาโกรัฐอิลลินอยส์​ เขาศึกษา​ด้านภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยไอโอวาก่อนที่จะย้ายไปลอสแองเจลิส​ ที่ตอนนี้เขาอาศัยอยู่กับภรรยาเมลิสสาและลูก ๆ ทั้งสองคน