การที่เด็กกล้าที่จะตั้ง Mindset และประสบความสำเร็จในการเรียน สิ่งแรกให้เชื่อในตัวเองก่อนว่า
ทำได้เพราะในโลกนี้ไม่มีใครสามารถที่จะหยุดตัวเราได้นอกจากตัวเราเอง

             คุณศุภนุช ชือรัตนกุล (ครูเบล) อดีตนักศึกษาทุนแลกเปลี่ยน 10 ประเทศ และเป็นครูติวสอบ AEIS ที่ ของการเรียนประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า โดยส่วนตัว “ครูเบล” ชอบอ่านหนังสือ พบเจอหลายประโยคที่ชื่นชอบจะบันทึกไว้และพร้อมที่จะนำมาแบ่งปันเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ( Inspiration) ดังนี้

1.     Have a positive mindset on yourself – meaning believing in yourself no one else can limit you, other than yourself.

คือ ให้เด็ก ๆ เชื่อมั่นในตัวเองเพราะไม่มีใครที่จะสามารถหยุดตัวเราได้นอกจากตัวเราเอง

2.     Compete with yourself – because competing with others, you are setting limit to your potential.

คือ ให้เด็ก ๆ คิดเสมอว่าให้เราแข่งกับตัวเอง เพื่อให้เราดีขึ้น เก่งขึ้นกว่าเมื่อวาน  ซึ่งข้อนี้ให้มุมมองที่ดีมากเพราะตอนนั้น “ครูเบล” เคยคิดที่จะแข่งขันกับคนอื่นจนวันหนึ่งเราสอบได้ที่หนึ่งแล้ว คุณพ่อสอนว่าหากเรายังไปมัวแข่งกับคนอื่น เราก็จะไม่ได้พัฒนาตัวเองต่อ วันนั้นเลยรู้ว่าคู่แข่งเราจริง ๆ ไม่ใช่เพื่อนในห้อง แต่เป็นตัวเราเอง เราจะทำอย่างไรให้มีความผิดผลาดน้อยลง อ่านอย่างไรให้เร็วขึ้น จากนั้นครูเบลก็เริ่มแข่งขันกับตัวเอง ให้เราเก่งขึ้นจากเมื่อวาน นั่นคือโอเคแล้ว

3.     Setting a RIGHT goal – not too high, not too low

หมายถึงการตั้งเป้าหมาย แต่การตั้งเป้าหมายก็เป็นดาบสองคม หากตั้งสูงเกินไปไม่มีทางทำสำเร็จ เราจะเกิดการท้อแท้ แต่หากตั้งเป้าหมายง่ายเกินไป จะทำให้ไม่พยายาม ก็จะไม่ได้ใช้ศักยภาพของตัวเองเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม การตั้งเป้าหมายที่ถูกต้อง คือต้อง “เหมาะ” กับเรา ซึ่งใจความสำคัญเราควรเข้าใจตัวเราเองก่อนว่าถ้าเราตั้งเป้า แล้วเราพยายามทำ เราสามารถทำได้สำเร็จ นั้นถือเป็นเป้าหมายที่ดี และอะไรที่ ไม่ สอดคล้อง กับเป้าหมายเรา ให้ถือว่าอันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา

4.     ฝึก Self-control ทักษะการควบคุมตนเอง เป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเด็ก ๆ ยุคนี้ เพราะเรามีเรื่องให้เสียสมาธิ (Distract) ได้ง่ายมาก ทั้ง เกมมือถือความคิดเห็นคนอื่น และอีกมากมาย วิธีการฝึก ยกตัวอย่างเช่น หากเราตั้งใจจะเล่นเกม 20 นาที ให้เราฝึกที่จะควบคุมตัวเองให้เลิกเล่นได้ใน 20 นาทีนั้น หากวันนี้ยังทำไม่ได้ ให้เราพยายามจาก 50 นาที เป็น 40 นาที หรือ 30 นาที หากเราทำสำเร็จ เราจะรู้สึกภูมิใจ เพราะเราเป็นนาย
ของตัวเองได้แล้ว อย่างไรก็ตามหากเด็ก ๆ มองว่าการจำกัดเวลาการเล่นเกมเป็นเรื่องยากเกินไป ให้เริ่มจากอะไรง่าย ๆ ก่อน เช่นตั้งเวลานอนที่
 4 ทุ่ม พอถึงเวลา 4 ทุ่มแล้วนอนเลย ไม่ต้องมีเหตุผลอื่นๆ มาสนับสนุน เพราะหากเราทำได้ เราจะค่อย ๆ ได้  self esteem กลับมา  แล้วให้เด็ก ๆ นำวิธีเดียวกันนี้ไปใช่กับกรณีอื่น ๆ ด้วย

5.     Learn to focus – มีสติกับปัจจุบัน เพราะหากเรามีสติกับปัจจุบัน เราจะมีสมาธิในห้องเรียนโดยปริยาย และหากเรามีสมาธิในห้องเรียน เราจะไม่ต้องอยู่กับหนังสือหรืออ่านหนังสือซ้ำ ๆ หลายรอบและจะทำให้เราชอบเรียนมากขึ้นด้วย

6.     Singleness – ทำที่ละอย่าง ในยุคหลัง ๆ คนชอบทำ Multi-tasking, สิ่งที่โดดเด่นในตัว “ครูเบล” คือการทำที่ละอย่างให้สำเร็จเป็นอย่าง ๆ ไป เช่นสัปดาห์นี้อยากอ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบ หากมีเพื่อนชวนไปเที่ยวข้างนอกให้เราคิดเสมอว่าหากเราไป เราจะทำเป้าที่ตั้งไปไม่สำเร็จ และถ้าทำสำเร็จได้ตามมาตรฐานเราไหม หากทำได้
เราถึงไป หากไม่ได้เราก็ต้องเลือกที่จะไม่ไป และให้เราปฏิเสธเพื่อนอย่างนุ่นนวล ข้อนี้จะเกี่ยวข้องกับการควบคุมตนเอง หรือ 
self-control และการตั้งเป้าหมาย หรือ goal setting ด้วย เพราะทุกอย่างที่เราทำ จะเชื่อมโยงกันหมด

7.     ฝึกจับใจความ – ในหนังสือ 1 บทที่เราอ่าน ให้เราฝึกจับใจความให้ได้ว่าคนเขียนต้องการจะสื่ออะไร ในหนึ่งบท หรือ หนังสือหนึ่งเล่ม อาจจะมีอยู่ไม่กี่ใจความสำคัญ ให้เราฝึกจับให้ตรงจุด แล้วการอ่านหนังสือเรียน และหนังสืออื่น ๆ จะง่ายขึ้นเยอะ

8.     ต้องมีทัศนคติดที่ดีกับการเรียน  ไม่ว่าจะเป็นการเรียน Online ก็ดี หรือเรียนแบบ Offline ก็ดี ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ไวรัสโควิด -19 กำลังระบาด ส่งผลให้เด็ก ๆ ต้องเรียนผ่านช่องทางออนไลน์ ผู้ปกครองบ้างท่านจะพูดว่าเรียนออนไลน์ไม่น่าเวิร์ค หากเด็กได้ยินคำพูดนี้ไป จะเกิดการตั้งคำถามว่าอาจจะจริง หรืออาจจะไม่จริง เพราะเป็นความคิดเห็น แต่เมื่อเด็กได้ยินแล้ว เด็กจะรู้สึกว่าการเรียนออนไลน์ไม่ได้ผลไปก่อน จะไปปิดกันช่องทางการเรียนรู้นั้นทิ้งทั้นที  เราอาจจะต้องเปลี่ยนความคิดว่าหากการเรียนแบบออนไลน์มันดี หรือ  Work แค่ 60% อีก 40% เราจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร  แล้วสมองเราถึงจะเปิด หาทางออกให้กับปัญหานั้น น้องๆ ก็จะยังสามารถเพิ่มช่องทางการเรียนรู้ได้อีกด้วย

9.     Find your right time of learning, some people are better reading in the morning, some people are better reading before bed คนเรามีช่วงเวลาตื่นตัว (Alert) ที่ไม่เหมือนกัน เพื่อนครูเบลบางคนชอบอ่านหนังสือก่อนนอน เพราะเขารู้สึกว่าช่วงที่นอน หนังสือจะค่อยๆ ซึบสับเข้าไป ขณะที่ครูเบลจะชอบอ่านหนังสือตอนเช้าตรู่ เพราะเป็นช่วงที่ Fresh ที่สุด ยังไม่ได้คิดอะไร ดังนั้น หากเราหาจังหวะของร่างกายเจอ จากที่ต้องอ่านหนังสือ 1 ชั่วโมง จะเหลือเพียง 30 นาที โดยทันที

10.                        Play sport – study after exercise, fasten your learning pace อีกเทคนิคสุดท้าย ที่ครูเบลใช้เป็นประจำคือครูจะอ่านหนังสือหลังออกกำลังกายเสมอ ๆ อาจจะหลังว่ายน้ำ หรือหลังตีแบต อาบน้ำเสร็จ ก็จะมาอ่านหนังสือเรียนสัก 1 ชั่วโมง และครูจะเลือกวิชาที่ยากที่สุดมาอ่านช่วงนี้ด้วย เพราะช่วงเวลานั้นสมองแล่นได้ดีมาก ๆ