กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เดินหน้าสานต่อความสำเร็จต่อเนื่องจัด “เทศกาลภาพยนตร์อาเซียนแห่งกรุงเทพมหานคร 2561 (BANGKOK ASEAN FILM FESTIVAL 2018)” ครั้งที่ 4 เนื่องในโอกาสพิเศษครบรอบ 51 ปี การก่อตั้งประชาคมอาเซียน พร้อมสานสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน คัดสรรภาพยนตร์คุณภาพเยี่ยมกว่า 13 เรื่องจาก 7 ประเทศสมาชิกในกลุ่มประชาคมอาเซียนมาให้ประชาชนเลือกชม โดยจัดฉายฟรี ทุกเรื่อง ทุกรอบ ระหว่างวันที่ 5-8 กรกฏาคม 2561 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
โดยภาพยนตร์เปิดเทศกาลเริ่มที่ “EULLENIA” ภาพยนตร์ไทยผลงานกำกับโดย “พอล สปาเรีย” นำแสดงโดยนักแสดงผู้มากความสามารถ “ปู-วิทยา ปานศรีงาม” และรับเชิญโดยนักแสดงหญิงมากฝีมือ “โดนัท-มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล” นำเสนอเรื่องราวของ มาร์คัส แฮมมอนด์ เป็นผู้ก่อตั้งสถาบันการเงิน EULLENIA ซึ่งตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันการเงิน EULLENIA มีความเชี่ยวชาญในด้านไมโครไฟแนนซ์ และการปล่อยเงินกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อย การเติบโตอย่างรวดเร็วของEULLENIA ทำให้แฮมมอนด์กลายเป็นอภิมหาเศรษฐี แต่แฮมมอนด์มีความลับ เขามีความปรารถนาอันดำมืดที่อาจทำลายอาณาจักรของเขาให้พังพินาศ แฮมมอนด์ไม่ได้สนใจเครื่องบินเจ๊ท เรือยอร์ช หรือนางแบบซูเปอร์โมเดล แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องการที่จะซื้อคืออะไร สามารถติดตามได้ใน EULLENIA โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะฉายในวันเปิดเทศกาลที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 ที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เท่านั้น
และเพื่อสนับสนุนภาพยนตร์อาเซียนให้โดดเด่นบนเวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ทางเทศกาลได้ให้ความสำคัญกับการประกวดภาพยนตร์อาเซียน โดยคัดเลือกหนังอาเซียนที่โดดเด่นมา 10 เรื่อง เพื่อร่วมประกวดและชิงรางวัล 2 รางวัล คือ 1. รางวัล Best ASEAN Film โดยผู้ชนะรางวัลนี้จะได้โล่รางวัล และเงินสด 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (329,744 บาท) 2. Jury Prize โดยผู้ชนะรางวัลนี้จะได้โล่รางวัล และเงินสด 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (164,872 บาท)
โดยคณะกรรมการตัดสิน คือ ผู้ทรงคุณวุฒิทางภาพยนตร์จากนานาชาติ 3 ท่าน ได้แก่ Yoshi YATABE ผู้อำนวยการฝ่ายคัดเลือกภาพยนตร์ จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น, Kiki Fung โปรแกรมเมอร์ภาพยนตร์จากเทศกาล
ภาพยนตร์นานาชาติเมืองฮ่องกง(HKIFF) และ อาจารย์ประวิทย์ แต่งอักษร นักวิจารณ์ภาพยนตร์, อาจารย์พิเศษด้านภาพยนตร์ และกรรมการบริหารของหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)
เริ่มต้นที่ “Nervous Translation” ภาพยนตร์ดราม่าจากประเทศฟิลิปปินส์ที่กวาดรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมามากมาย เล่าเรื่องราวในช่วงปลายปี 1988 ในฟิลิปปินส์ยุคหลังเผด็จการมาร์กอส ยาเอล เด็กหญิงวัยแปดขวบซึ่งขี้อายมาก ใช้เวลาอยู่ในโลกของตัวเธอเอง เธอต้องอยู่ตัวคนเดียวขณะที่แม่ของเธอต้องไปทำงานในโรงงานทำรองเท้า และต้องทำอาหารกินเอง โดยที่ลืมไปว่ามีอาหารเหลือๆอยู่ในตู้เย็น ในตอนเย็น เธอถอนผมหงอกให้แม่แลกกับเงินเส้นละ 25 เซนตาวอส ขณะที่แม่กำลังดูละครน้ำเน่าทางทีวี ยาเอลรู้จักพ่อของเธอผ่านเสียงของเขาที่อัดใส่เทปส่งมาจากซาอุดิอาราเบียเป็นครั้งคราว เครื่องเล่นเทปของเธอชอบกินเนื้อเทป แต่ยาเอลก็ยังแอบฟังเสียงของพ่อเธออยู่เสมอ คืนหนึ่ง โดยไม่ตั้งใจ เธอได้อัดเสียงของเธอทับเสียงในเทปที่เป็นข้อความสำหรับแม่ของเธอ
“GUANG” ภาพยนตร์ดราม่าจากประเทศมาเลเซีย เรื่องราวของสองพี่น้อง พี่คนโต เหวินกวงเป็นออทิสติคและสมาธิสั้น ซึ่งทำให้มีปัญหาในการเข้าสังคม แม้ว่าน้องชายของเขาจะพยายามหางานให้เขาทำ แต่เขาก็มีปัญหาในการสัมภาษณ์งานและตกสัมภาษณ์อยู่เสมอ น้องชายของเขาทั้งโกรธและสิ้นหวัง จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากห้องของเหวินกวง เขาเปิดประตูไปและได้เห็นถึงพรสวรรค์ทางดนตรีของน้องชายของเขา
“In the Life of Music” ภาพยนตร์ดราม่าจากประเทศกัมพูชา นำเสนอเรื่องราวอันทรงพลังของคนหลากรุ่นที่สำรวจถึงความรัก สงคราม และความสัมพันธ์ในครอบครัวผ่านบทเพลงจำปาพระตะบอง อันเป็นบทเพลงดังของสิน สีสมุทร ราชาแห่งเพลงกัมพูชา โดยภาพยนตร์ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสามทศวรรษ ที่แสดงให้เห็นถึงชีวิตของผู้คนที่โลกของพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วยการปรากฏตัวของระบอบเขมรแดง
“Night Bus” ภาพยนตร์ระทึกขวัญจากประเทศอินโดนีเซีย เรื่องราวของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่นั่งรถบัสไปซัมปาร์ โดยที่นั่นทหารของรัฐบาลกำลังต่อสู้อยู่กับกองกำลังกบฏที่ต้องการประกาศเอกราช ซึ่งคนบนรถต่างมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีคนที่แอบขึ้นรถมาด้วย โดยมีจุดประสงค์เพื่อประกาศข้อความเพื่อยุติความขัดแย้งในท้องที่ การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้โดยสารทุกคนตกอยู่ในอันตราย เพราะเขาเป็นที่ต้องการตัว ทั้งจับเป็นหรือจับตายจากทั้งสองฝ่าย
“Passage of Life” ภาพยนตร์ดราม่าร่วมทุนระหว่างประเทศพม่าและญี่ปุ่น เรื่องราวของครอบครัวชาวพม่าครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นกับลูกชายสองคนที่พูดภาษาพม่าไม่ได้และใช้ชีวิตแบบเด็กญี่ปุ่น แม่ของพวกเขาอยากกลับไปพม่า แต่พ่อไม่สามารถทิ้งงานที่ญี่ปุ่นไปได้ แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็ได้รับจดหมายที่จะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาตลอดไป
“Shuttle Life” ภาพยนตร์ดราม่าจากประเทศมาเลเซียที่ชนะ 3 รางวัล คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และภาพถ่ายยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซี่ยงไฮ้ปี 2017 เรื่องราวของ อาเฉียงชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่กับแม่ที่มีอาการทางจิตและฮุย น้องสาวอายุ 5 ขวบ เมื่อฮุยตายในอุบัติเหตุ อาเฉียงพยายามพาร่างของเธอกลับบ้าน แต่เขากลับพบอุปสรรคเมื่อเขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าฮุยเป็นน้องสาวของเขาเพราะตอนที่ฮุยเกิดมานั้นไม่ได้มีการแจ้งเกิด เมื่อแม่ของเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ อาเฉียงจึงต้องพยายามตามลำพัง
“The Ashes and Ghosts of Tayug 1931” ภาพยนตร์ดราม่าจากประเทศฟิลิปปินส์ เล่าเรื่องราวของคนทำหนังที่เดินทางกลับไปเยี่ยมเมืองทายุก ในพันกาซินาน เพื่อเตรียมทำหนังเรื่องใหม่ของเธอที่เกี่ยวกับ เปโดร คาโลซ่า วีรบุรุษของพื้นที่นั้น และการจลาจลทายุก ในปี 1931 ขณะที่เธอได้ไปยังสถานที่ที่เกิดเหตุจลาจล เธอได้จินตนาการถึงฉากในหนังเรื่องใหม่ของเธอ ยิ่งเธอค้นคว้าลึกลงไปมากเท่าใด เธอก็ได้พบกับความทรงจำของชาวเมืองถึงเปโดร คาโลซ่า และการจลาจลทายุกในปี 1931
“THE SEEN AND UNSEEN” ภาพยนตร์ร่วมทุนระหว่าง 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรเลีย และ กาตาร์ เรื่องราวของ ตันตริ เด็กหญิงวัย 10 ขวบรู้ตัวว่าเธอจะได้ใช้เวลาอีกไม่นานนักกับตันตระ น้องชายฝาแฝดของเธอ สมองของตันตระอ่อนแอลงและเขาเริ่มไม่รู้สึกตัว ตันตริมักฝันเห็นตันตระและตื่นขึ้นมาในเวลากลางดึก ยามกลางคืนกลายเป็นช่วงเวลาที่เด็กสองคนเล่นกัน ภายใต้แสงจันทร์เต็มดวง ตันตริร่ายระบำสะท้อนถึงบ้านและความรู้สึกของเธอเมื่อแสงจันทร์เลือนหายและแสงตะวันเข้ามาแทนที่ ก็เช่นเดียวกับตันตระและตันตริ ตันตริได้สัมผัสถึงการเดินทางอันน่าอัศจรรย์และความผูกพันทางใจผ่านทางการแสดงออกทางร่างกาย ระหว่างความจริงกับจินตนาการ และความหวังกับความสิ้นหวัง
“Their Remaining Journey” ภาพยนตร์ดราม่าร่วมทุนระหว่าง 3 ประเทศ คือ สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา และ ไต้หวัน เรื่องราวของวิญญาณของนางเอกละครเวทีที่ตายไปแล้วต้องติดอยู่กับครอบครัวของคนแปลกหน้าระหว่างกำลังรอจะไปเกิดใหม่ เธอได้เฝ้าดูชีวิตของคนอื่นรวมถึงความสูญเสียของครอบครัวของเธอเอง
และปิดท้ายที่ภาพยนตร์จากประเทศไทย “เณรกระโดดกำแพง” ผลงานของบุญส่ง นาคภู่ เรื่องราวของผู้กำกับภาพยนตร์ผู้ดื้อรั้น ได้พบเจอสิ่งต่างๆ มากมาย ในระหว่างการเดินทางสำรวจโลเกชั่นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดทั้งความจริงที่เห็นอยู่ตรงหน้า ความจริงที่ผ่านมา ความฝัน สิ่งที่อยากให้เป็น รวมทั้ง ด้านมืดอันเร้นลับที่เขาพยายามปกปิด และหนีมาตลอด บัดนี้ ทุกอย่างได้ย้อนกลับมารุมเล่นงานเขาจนสะบักสะบอมแทบจะเอาตัวไม่รอด บุญส่งแสดงเป็นบุญส่ง ลูกชายของบุญส่งแสดงเป็นบุญส่งตอนเด็ก แม่ของบุญส่งก็แสดงเป็นแม่ของบุญส่ง อีกครั้งที่บุญส่ง นาคภู่ ได้พยายาท้าทายขนบของการเล่าเรื่อง แบบข้ามไปมาระหว่างสารคดี และเรื่องแต่ง
นอกจากนี้ทางเทศกาลเห็นถึงความสำคัญของผลงานของบรมครูระดับตำนาน ในสาย
“อาเซียน คลาสสิก (ASEAN Classic)” จึงมีหนังชั้นเยี่ยมถึง 3 เรื่องให้ชมกัน อาทิ “Kakabakaba Ka Ba?” จากประเทศฟิลิปปินส์ , “MeePok Man” จากประเทศสิงคโปร์ และ “สวรรค์มืด” จากประเทศไทย
สำหรับ“เทศกาลภาพยนตร์อาเซียนแห่งกรุงเทพมหานคร 2561 (BANGKOK ASEAN FILM FESTIVAL 2018)” จะจัดฉายพร้อมบทบรรยายภาษาไทย-อังกฤษ ฟรี ทุกเรื่องทุกรอบ ระหว่างวันที่ 5-8 กรกฏาคม 2561 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนจองบัตรชมภาพยนตร์ล่วงหน้าได้ ที่ www.facebook.com/BangkokAseanFilmFestival ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป และรับบัตรชมภาพยนตร์ได้ที่จุดประชาสัมพันธ์เทศกาลภาพยนตร์อาเซียนแห่งกรุงเทพมหานคร 2561 บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ก่อนรอบฉาย 30 นาที (1ท่านต่อ1ที่นั่ง) ผู้สนใจสามารถตรวจสอบรอบฉาย และ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-643-9100 และ www.facebook.com/BangkokAseanFilmFestival
……………………………………………………………………………………………………………….
The Ministry of Culture hosts Bangkok ASEAN Film Festival 2018
Celebrating the 51st anniversary
of the founding of Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) through 13 remarkable films from the region – free admission!
The Ministry of Culture, in partnership with The National Federation of Motion Pictures and Contents Association, will hosts the 4th edition of “Bangkok ASEAN Film Festival 2018”, held in part to celebrate the 51st anniversary of the founding of Association of Southeast Asian Nations (ASEAN). The 2018 edition will take place between July 5 to 8 at SF World Cinema, CentralWorld, and will showcase 13 acclaimed titles from 7 countries in the region, with 10 films in the Competition and three classic titles. Admission is free.
The opening film is EULLENIA, directed by Bangkok-based Paul Spurrier and starring veteran Thai actor Vitthaya Pansringarm. The story focuses on a man called Marcus Hammond, founder of Eullenia, a powerful finance company specializing in giving out micro-loans to low-earning people in Southeast Asia. Hammond runs a successful business and becomes a billionaire, but he has a dark secret, a self-destructive desire that threatens to put an end to his empire. With all the money he has made, Hammond doesn’t want a private jet, or a yacht, or a gaggle of supermodels: what he wants is something else much more inexplicable. EULLENIA will screen on the gala opening on July 4 at SF World Cinema, CentralWorld.
To promote the strength of Southeast Asian filmmakers, the Bangkok ASEAN Film Festival 2018 selects 10 prominent title into the Competition section. These titles will vie for two awards: Best ASEAN Film, which will come with a trophy and $10,000 cash prize; and Jury Prize, which will reward a trophy and $5,000.
The panel of jury is made up of respected figures in the international film community. Yoshi Yatabe is head of programming of Tokyo International Film festival. Kiki Fung is a programmer for Hong Kong International Film Festival. Prawit TaengAksorn is a Thai film lecturer, critic and board members of the Thai Film Archive.
The films in the Competition include:
NERVOUS TRANSLATION from the Philippines. This is an acclaimed drama that has won several awards since the beginning of this year. Set in 1988, near the end of the dictatorial rule of President Ferdinand Marcos, the film focuses on the life of eight-year-old Yael, an extremely shy girl who lives in her own private world. She spends time alone when her mother goes off to work in a shoe factory. In the evening her mother watches soap opera on TV, and the girl pulls white hair from her mom’s head, earning 25 centavos for a strand. Yael knows her father only from his voice, recorded and sent back to her mother from Saudi Arabia, where he’s gone to work. One day, she accidentally records her own voice over the tape – then she discovers something that helps “translate” thoughts of nervous people.
GUANG, from Malaysia, is a drama about two brothers. The elder is autistic and has difficulties living in society. His younger brother tries to help him find a job, but it’s impossible to convince employers. The younger brother is frustrated and hopeless, when one day he hears the sound of music from his brother’s room. Behind the door, the autistic brother reveals his great talent as a musician. What are the brothers going to do next?
IN THE LIFE OF MUSIC is a Cambodian drama told in the span of three decades. The film is a testament to love, war, and family relationship through different generations and through the song Champa of Battambang, a classic tune by Sinn Sisamuth. The lives of people in the film confront drastic changes with the passing decades, and with the arrival of the Khmer Rouge.
NIGHT BUS is a thriller from Indonesia. A group of villagers are on a night bus to Sampah, a remote town where the military is fighting a separatist movement. Each passenger has his own purpose in visiting the troubled town, but they don’t realize that among them is a person who’s coming with the intention to end the conflict. His presence now puts everyone in danger, because both the military and the insurgents want him either alive or dead.
PASSAGE OF LIFE is a Myanmar-Japan coproduction. This is a drama about a Myanmar family who live in Japan. Their two sons can’t speak Burmese and grow up like typical Japanese children. The mother longs to go back to Myanmar, but the father is unable to leave his job. One day, they receive a letter that will change their lives forever.
SHUTTLE LIFE is a Malaysia drama that won three awards (Best Film, Best Actor and Best Cinematographer) at Shanghai International Film Festival 2017. The film tells the story of Ah Qiang, a poor teenage boy who lives with his sick mother (Sylvia Chang) and his five-year-old sister in a small apartment. When Ah Qiang’s sister is in an accident, he realizes the agony of the underprivileged class and has to fight tooth and nail with the hospital and the bureaucracy to maintain his sister’s rights and dignity.
THE ASHES AND GHOSTS OF TAYUG 1931 is a Filipino historical drama. This black-and-white film tells the story of a filmmaker who travel to the town of Tayug, in Pangasinan, to research the story of Pedro Calosa, a local hero and central figure in the Uprising of 1931. As the filmmaker enters the town with a turbulent past, she keeps thinking about scenes in her new film, and soon her research takes her into the memories of the townspeople.
THE SEEN AND UNSEEN is an Indonesia-Netherlands-Australia-Qatar co-production. This magical story concerns Tantri, a 10-year-old girl who’s spending the final moments with Tantra, her boy twin. Tantra’s brain is weakening and he’s losing consciousness. But at a rural hospital, Tantri slips into the gap between dream and wakefulness, where her twin has woken up and they play together under the moonlight. The twins’ journey through the night strengthens the bond between them, and also between reality and imagination, between hope and despair.
THEIR REMAINING JOURNEY is a Singapore-USA-Taiwan co-production. The spirit of a dead actor is trapped in a stranger’s family as she waits for reincarnation. As a ghost, she watches the lives of the people around her and reflects on the loss suffered by her own family.
THE WALL is the only Thai film in the competition. Directed by Boonsong Nakphoo, the film, which mixes documentary with fiction, tells the story of a film director who experiences a rollercoaster of emotions, dreams, and secrets while scouting for location. Boonsong the director plays the director in the film; his son plays him as a child and his mother plays his mother.
Besides the 10 films in the Competition, the festival also celebrates the film heritage of ASEAN by showing three classic films: Kakabakaba Ka Ba?, a 1980 film by Filipino director Mike De Leon. MeePok Man, a 1986 film by Singaporean director Eric Khoo. Sawan Mued (Dark Heaven), a 1965 Thai drama by director R.D. Pestonji.
Bangkok ASEAN Film Festival 2018 will take place from July 5 to 8 at SF World Cinema, CentralWorld. Admission is free. Registration opens on July 1 at www.facebook.com/BangkokAseanFilmFestival (strictly one ticket for one person) and audiences can pick up the tickets 30 minutes before each show time at the cinema. For more information call 02-643-9100 or visitwww.facebook.com/BangkokAseanFilmFestival
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ