ภาพยนตร์จากวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส เรื่อง “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” เป็นผลงานการผจญภัยครั้งใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ที่สร้างขึ้นโดย เจ.เค. โรว์ลิ่ง
ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (จู้ด ลอว์) รู้ว่าพลังของพ่อมดด้านมืด เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ (แมดส์ มิคเคลเซน) กำลังครอบงำการควบคุมโลกแห่งเวทมนตร์ เขาไม่สามารถหยุดยั้งได้เพียงลำพังจึงมอบความรับผิดชอบนี้ให้นักสัตว์วิเศษวิทยา นิวท์ สคามันเดอร์ (เอ็ดดี้ เรดเมย์น) นำทีมพ่อมดและแม่มดผู้กล้า รวมถึงมักเกิ้ลอบขนมปังผู้กล้าหาญสู่ภารกิจเสี่ยงตาย พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับทั้งสัตว์ตัวเก่าและใหม่ มีการปะทะกับเหล่ากองทัพที่ติดตามกรินเดลวัลด์ แต่ครั้งนี้มีการเดิมพันสูงขึ้น ดัมเบิลดอร์จะยืนหยัดอยู่บนเส้นทางนี้ได้นานแค่ไหน?
ภาพยนตร์รวมทีมนักแสดงนำโดย เอ็ดดี้ เรดเมย์น เจ้าของรางวัล Oscar (“The Theory of Everything”) จู้ด ลอว์ ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar ถึง 2 ครั้ง (“Cold Mountain,” “The Talented Mr. Ripley”), เอซร่า มิลเลอร์, แดน ฟอกเลอร์, อลิสัน ซูโดล, วิลเลียม นาดีแลม, คอลลัม เทอร์เนอร์, เจสสิก้า วิลเลียมส์, วิคตอเรีย ยีทส์, ป๊อปปี้ คอร์บี้-ทูเอช, ฟิโอน่า กลาสค็อตต์, แคทเธอรีน วอเตอร์สัน, มาเรีย เฟอร์แนนด้า แคนดิโด, ริชาร์ด คอยล์, โอลิเวอร์ มาซุช, วาเลรี่ แพชเนอร์, อเล็กซานเดอร์ คุซเนตซอฟ และ แมดส์ มิคเคลเซน
ภาพยนตร์เรื่อง “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” กำกับฯ โดยเดวิด เยทส์ จากบทภาพยนตร์ของเจ.เค. โรว์ลิ่ง และ สตีฟ โคลฟส์ สร้างอิงจากบทภาพยนตร์ของเจ.เค. โรว์ลิ่ง อำนวยการสร้างฯ โดยเดวิด เฮย์แมน, เจ.เค. โรว์ลิ่ง, สตีฟ โคลฟส์, ไลโอเนล วิแกรม และ ทิม ลูอิส อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยนีล แบลร์, แดนนี่ โคเฮน, จอช เบอร์เกอร์, คอร์ทีเนย์ วาเลนติ และ ไมเคิล ชาร์พ
ทีมงานเบื้องหลังภาพยนตร์ ได้แก่ ผู้กำกับภาพ จอร์จ ริชมอนด์ (“Rocketman”), สจ๊วต เครก ผู้ออกแบบฉากเจ้าของรางวัล Oscar ถึง 3 ครั้ง (“The English Patient,” “Dangerous Liaisons,” “Gandhi,” ภาพยนตร์ “Harry Potter” และ “Fantastic Beasts”) และผู้ออกแบบฉาก นีล ลามอนต์ (“Solo: A Star Wars Story,” “Rogue One: A Star Wars Story”) มาร์ค เดย์ ผู้ร่วมงานกับเยทส์มาอย่างยาวนาน (“Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald,” ภาพยนตร์ “Harry Potter” 4 ภาคสุดท้าย) ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar คริสเตียน แมนซ์ (“Harry Potter and the Deathly Hallows – Part 1,” ภาพยนตร์ “Fantastic Beasts”) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเจ้าของรางวัล Oscar ถึง 4 ครั้ง คอลลลีน แอตวูด (“Chicago,” “Memoirs of a Geisha,” “Alice in Wonderland,” “Fantastic Beasts and Where to Find Them”) ดนตรีโดย เจมส์ นิวตัน โฮเวิร์ด ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar ถึง 9 ครั้ง (“News of the World,” “Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald,” “Defiance,” “Michael Clayton,” “The Hunger Games” films)
วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส นำเสนอภาพยนตร์จาก Heyday Films Production และเดวิด เยทส์ เรื่อง “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” ในโรงภาพยนตร์ต่างประเทศเริ่มวันที่ 7 เมษายน 2022 และ
อเมริกาเหนือวันที่ 15 เมษายน 2022 ภาพยนตร์จัดจำหน่ายทั่วโลกในโรงภาพยนตร์บางแห่งและระบบไอแมกซ์โดยวอร์เนอร์ ราเดอร์ส พิกเจอร์ส
รายละเอียดการถ่ายทำ
หากตั้งใจฟังดีๆ เสียงจากอดีตกระซิบบอกเรา
ภาพยนตร์เรื่อง “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” ผลงานการผจญภัยแห่งโลกเวทมนตร์ที่โลดแล่นทั่วโลก มีเหล่าฮีโร่ที่ดูแปลกตานำทีมโดยนิวต์ สคาแมนเดอร์ สู่ภารกิจของพวกเขามีเพียงโอกาสเดียวที่จะปกป้องทั้งโลกพ่อมดและโลกที่ไร้เวทมนตร์ได้ ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองโดยได้รับการมอบหมายจากการวางแผนของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่อย่างศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์
ดัมเบิลดอร์มีผู้ที่เคารพนับถือมากคนหนึ่งในโลกแห่งเวทมนตร์ นับตั้งแต่ที่เขาเข้าไปอยู่ในโลกใบนั้นครั้งแรกเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามพ่อมดผู้เป็นที่ชื่นชอบจากหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์และภาพยนตร์อีกหลายเรื่องยังมีเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจ ซึ่งจะปรากฏให้เห็นภาพยนตร์ชุด “Fantastic Beasts” ตอนที่ 3
เดวิด เยทส์ ผู้กำกับฯ ภาพยนตร์ในฉากของโลกแห่งเวทมนตร์เป็นเรื่องที่ 7 ได้เล่าว่า “ดัมเบิลดอร์เป็นตัวละครเด่นในผลงานของเจ.เค. โรว์ลิ่ง ในหนังสือพอตเตอร์และภาพยนตร์หลายเรื่อง เขามีเสน่ห์เหลือเชื่อและเป็นตัวละครที่มีความรอบรู้ อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเกิดความสนใจคือการได้เห็นเรื่องราวในอดีตของเขา สำหรับการสำรวจเรื่องราว
ของดัมเบิลดอร์ เราจะมองเหมือนเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความดื้อรั้นบ้าง และต้องพบกับหลายปัญหาตอนที่ยังเป็นหนุ่ม เขายังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความฉลาด และมีสติปัญญาในแบบที่เราคุ้นตาจากดัมเบิลดอร์ แต่เขาต้องแบกรับความเชื่อจากเรื่องราวที่เขาเผชิญในชีวิต”
จู้ด ลอว์กลับมารับบทพ่อมดที่ถูกลิขิตให้เป็นอาจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์ เขาเปิดเผยว่า “สิ่งที่สนุกที่สุดคือการมีโอกาสได้เห็นเรื่องราวในอดีตของดัมเบิลดอร์มากขึ้น ในหนังที่ผ่านมามีการบอกใบ้บางอย่างเอาไว้ แต่คราวนี้จะได้ลงลึกถึงเรื่องราวมิตรภาพระหว่างเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ตอนเป็นหนุ่ม และจุดเริ่มต้นสู่การแตกหักของความสัมพันธ์ อัลบัสเคยแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับมักเกิ้ลที่รุนแรงร่วมกับกรินเดลวัลด์ จนเขาเดินเส้นทางผิดและหันหลังจากไป เขาต้องอยู่กับความลับอันชั่วร้ายและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ของพวกเขา”
เดวิด เฮย์แมน ผู้อำนวยการสร้างผลงานเกี่ยวกับโลกแห่งเวทมนตร์ทุกเรื่องได้เล่าเสริมว่า “มันเป็นเรื่องของความซื่อสัตย์และการซื่อสัตย์ที่ผิดพลาด รวมถึงการแก้ไขความผิดพลาดจากอดีตและการเดินหน้าต่อไป ผมคิดว่านัน่คือเรื่องสำคัญ เพราะในชีวิตเราต่างก็ต้องเคยทำสิ่งที่รู้สึกผิดพลาด นั่นคือหนึ่งในอีกหลายประเด็นในเรื่องที่ผมคิดว่าทุกคนจะเข้าใจได้”
บทบาทนี้แสดงโดยแมดส์ มิคเคลสัน เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์เป็นที่ต้องการตัวเพราะความเชื่อมั่นและเทคนิควิธีที่รุนแรงของเขา ตอนนี้พ่อมดผู้ชั่วร้ายได้ออกมาจากเงามืด พร้อมจะควบคุมโลกทั้งใบของพ่อมดและจะทำสงครามกับมักเกิ้ล ซึ่งครั้งนี้เขาจะไม่เล่นนอกกฎ แต่อยู่ในระบบมีการบิดเบือนเพื่อไปสู่จุดหมายของเขา และเป็นสิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวมากขึ้น
ดัมเบิลดอร์เป็นหนึ่งในพ่อมดที่มีอำนาจขัดขวางความทะเยอทะยานของกรินเดลวัลด์ได้ แต่มิตรภาพในอดีตระหว่างพวกเขาคือสิ่งที่หยุดยั้งไว้ ลอว์อธิบายว่า “เลือดสาบานคือความผูกพันระหว่างเกลเลิร์ตและอัลบัส มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีความหลงใหลและความเชื่อมั่นตั้งแต่ตอนยังเป็นหนุ่ม แม้ว่าชีวิตพวกเขาจะเลือกทางเดินที่ต่างกัน แต่ยังไม่อาจเอาชนะกันได้ ซึ่งจากมุมมองของอัลบัสแล้วเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมาก”
ดัมเบิลดอร์เป็นผู้ชำนาญด้านหมากรุก เขาได้คิดแผนรวมตัวเพื่อนๆ และนักเรียนเก่าของเขา นิวต์ สคาแมนเดอร์ มารวมพลังกันในกลุ่มพ่อมด แม่มด และอีกหนึ่งมักเกิ้ลผู้กล้า เยทส์ได้เล่าว่า “ดัมเบิลเดอร์เคยผ่านหลายเรื่องราวที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้คนเพื่อทำเรื่องเหลือเชื่อ แต่เราก็รักเขาเพราะแบบนั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข”
“กลุ่มที่นำมารวมตัวกันเหมือนกับกองทัพดัมเบิลดอร์” เฮย์แมนกล่าว ซึ่งมันดูคุ้นตาสำหรับแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์ “แต่ละคนเหมือนคนนอก ซึ่งอยู่ในธีมที่เป็นผลงานของเจ.เค. โรว์ลิ่ง และโจแต่งขึ้นมาจากจินตนาการไร้ขีดจำกัด เล่าออกมาได้แหวกแนว และมีตัวละครที่มีความโดดเด่นอย่างเข้าใจได้ง่าย”
บทภาพยนตร์ฉบับไฟนอล “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” อิงมาจากบทต้นฉับของเจ.เค. โรว์ลิ่ง เขียนขึ้นโดยโรว์ลิ่งและสตีฟ โคลฟส์ ทั้งคู่ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฯ โคลฟ์เคยเป็นผู้อำนวยการสร้างฯ “Fantastic Beasts” สองภาคแรก และคุ้นเคยกับโลกแห่งเวทมนตร์มาอย่างยาวนาน เขายังเขียนบทฯ ให้กับ “Harry Potter” ทั้ง 7 ภาคด้วย เยทส์เล่าว่า “ในฐานะของผู้กำกับฯ มันเหมือนความสนุกอย่างหนึ่ง เพราะผมรักโจและสตีฟ ทั้งในฐานะนักเขียนและเพื่อนร่วมงาน พวกเขามีพรสวรรค์เหลือเชื่อทั้งคู่ และนี่เป็นการรวมตัวกันอย่างเพอร์เฟ็กต์”
ผู้กลับมารับบท นิวต์ สคาแมนเดอร์ นักสัตว์วิเศษวิทยาคือเอ็ดดี้ เรดเมย์น เขาเล่าว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดัมเบิลดอร์ขอความช่วยเหลือจากนิวต์ “มิตรภาพระหว่างนิวต์กับดัมเบิลดอร์เริ่มขึ้นจากการเป็นผู้ชำนาญ/เด็กฝึกงาน นิวต์ถูกดัมเบิลดอร์ชักจูงโดยที่ไม่รู้ความจริงทั้งหมดเสมอไป จนสุดท้ายของเรื่องนิวต์ได้เผชิญหน้ากับดัมเบิลดอร์และมารวมตัวกัน ครั้งนี้จะสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามาสู่จุดที่ดัมเบิลดอร์ไม่ได้บอกเขาทุกเรื่องราว แต่ปล่อยให้เขาได้สัมผัสมันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาส่งนิวต์ไปพบการผจญภัยสุดพิเศษที่มีความจริงใจและมีแรงผลักดันมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก”
นิวต์ได้พบกับอีกหลายคนที่คุ้นหน้า เช่น ธีซีอุส พี่ชายของเขาที่รับบทโดยคอลลัม เทอร์เนอร์; บันตี้ ผู้ช่วยของนิวต์ที่ทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนาน รับบทโดยวิคตอเรีย ยีตส์; ยูซุฟ คามา รับบทโดยวิลเลียม นาดีแลม และมักเกิ้ลนักอบขนม จาค็อบ โควัลสกี้ กลับมารับบทโดยแดน ฟอกเลอร์ มีบางอย่างที่บอกใบ้ไว้ในภาคที่ 2 ของ “Fantastic Beasts” เกี่ยวกับแม่มดคนใหม่ของกลุ่มคือ ยูลาลี่ “ลาลี่” ฮิกส์ อาจารย์วิชาเวทมนตร์คาถาโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์อิลเวอร์มอร์นี รับบทโดยเจสสิก้า วิลเลียมส์ แลลลี่คือผู้ที่ต้องโน้มน้าวจาค็อบให้หวนกลับมาสู่โลกแห่งเวทมนตร์ให้ได้
ในฐานะที่เป็นมักเกิ้ลเพียงคนเดียวในกลุ่ม ความตลกของจาค็อบคือ “เขาแทบไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์เลย” เยทส์กล่าว “เราอยากนำความสนุกของเวทมนต์และความคิดแปลกๆ กลับมาในเรื่องนี้ ปกติโลกของโจจะมีความสมดุลระหว่างแสงสว่างและเงามืด แต่ความสำคัญของเราอยู่ที่ความสนุกของเนื้อเรื่องด้วย”
“เรื่องราวสำคัญ ความตลก และการผจญภัยคือ 3 สิ่งที่สำคัญในหนังเรื่องนี้ของเรา” เฮย์แมนกล่าว “มีเรื่องราวความลึกลับผสมอยู่ด้วย แต่ก็รวมถึงความตลก ความสนุกสนาน และความตื่นเต้น แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องเวทมนตร์ ผมคิดว่าทุกคนภาวนาให้ตัวเองได้อยู่ในโลกแห่งเวทมนตร์ และอยู่ในโลก ‘Fantastic Beasts’ เหมือนจาค็อบ เราได้รับการต้อนรับเหมือนเป็นโลกของเรา เพราะมันเป็นโลกของเราจริงๆ”
พ่อมดและแม่มดทั้ง 5 บวกกับอีก 1 มักเกิ้ลที่ดูสับสนเหมือนจะไม่เข้ากับกรินเดลวัลด์และคณะผู้ติดตามเอาซะเลย ซึ่งน่าเศร้าที่ครั้งนี้รวมถึงคนรักของจาค็อบ ควีนนี่ โกลด์สตีน ที่รับบทโดยอลิสัน ซูโดลอีกครั้ง และในโลกที่ชวนหลงใหลของกรินเดลวัลด์ยังมีชายหนุ่มที่ชื่อครีเดนซ์ เอซร่า มิลเลอร์กลับมารับบทนี้ ชื่อจริงของเขาคือออรีเลียส ดัมเบิลดอร์
ความน่าสนใจอยู่ที่มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์กับอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ที่สุดท้ายทำให้ทั้งคู่อยู่คนละปลายทางกัน มิคเคลสันเล่าว่า “กรินเดลวัลด์ไม่สามารถขัดขวางดัมเบิลดอร์ได้ แต่อัลบัสอยู่บนเส้นทางที่ทำให้เกลเลิร์ตได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ ครีเดนซ์คือกุญแจสำคัญสำหรับเขา ในเรื่องจะเห็นภาพนั้นอย่างชัดเจน และเห็นว่าแต่ละคนพยายามทำอะไร คำถามคือพวกเขาจะทำอย่างไร ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องราวสุดพิเศษที่จะพาเราผจญภัยผ่านโลกแห่งเวทมนตร์นี้”
ทีมนักแสดงจากทั่วโลกยังรวมถึงริชาร์ด คอยล์ ผู้รับบทอาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ พี่ชายของอัลบัส; ป๊อปปี้ คอร์บี้-ทูเอช ผู้รับบทโรเซียร์ ผู้ช่วยผู้ซื่อสัตย์ต่อกรินเดลวัลด์; ฟิโอน่า กลาสก็อตต์ ผู้รับบทมิเนอร์วา มักกอนนากอล; โอลิเวอร์ มาซุช ผู้รับบทแอนตัน โวเกล อดีตประธานสมาพันธ์พ่อมดแม่มดนานาชาติ; มาเรีย เฟอร์นันดา แคนดิโด ผู้รับ
บทวิเซนเซีย ซานโตส ที่จะมาแทนที่เขา; อเล็กซานเดอร์ คุตเนตซอฟ ผู้รับบทเฮลเม็ต หัวหน้าสำนักงานผู้ปราบมารเยอรมัน และแคทเธอรีน วอเตอร์สตัน ผู้ปรากฏตัวในบททีน่า โกลด์สตีน ช่วงสั้นๆ และเป็นหัวหน้าสำนักงานผู้ปราบมารอเมริกันคนปัจจุบัน
นอกจากนั้นยังมีอีก 2 นักแสดงโปรดที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างเดอะ นิฟเฟลอร์ ชื่อเท็ดดี้ที่คอยเฝ้าระวังวัตถุที่มีความแวววาวอยู่เสมอ และพิกเกตต์ โบว์ทรัคเคิลเจ้าปัญญา เพื่อนร่วมทางผู้ซื่อสัตย์ของนิวต์
ในภาพยนตร์ยังแนะนำสัตว์ใหม่อีกหลายตัว เช่น ชิลลินสุดมหัศจรรย์ สัตว์ที่มีความแปลกไปจนถึงหางที่จะได้เห็นทั้งตอนโตเต็มวัยและตอนยังเป็นเด็ก รูปร่างตอนโตจะมีการผสมผสานระหว่างมังกรกับม้า ส่วนรูปร่างตอนเด็กจะเหมือนลูกกวาง สิ่งมีชีวิตที่พบได้ยากแบบนี้มีความสามารถพิเศษเรื่องการหยั่งรู้จิตวิญญาณ รู้ว่าใครมีจิตใจที่บริสุทธิ์ พรสวรรค์สำคัญของชิลลินที่จะชวยกรินเดลวัลด์ควบคุมพลังได้ ในระหว่างที่ดัมเบิลดอร์วางแผนจะขัดขวางเขา และสัตว์ประหลาดอื่นที่เพิ่มเข้ามายังมี มันติคอร์ สัตว์น้ำจอมตะกละ และ ไวเวิร์น ที่แปลงร่างและบินได้
ภาพยนตร์เรื่อง “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” ยังคงสานต่อเรื่องราวการข้ามพรมแดนในโลกแห่งเวทมนตร์ ผู้อำนวยการสร้างฯ ทิม ลูอิส เล่าว่า “รู้สึกตื่นเต้นที่ภาพยนตร์ได้พาเราไปยังดินแดนที่แตกต่างกันไป มีรูปแบบความมหัศจรรย์อื่นและได้เข้าไปสัมผัสกับกระทรวงเวทมนตร์อีกแห่ง โดยครั้งนี้เป็นที่เบอร์ลิน”
การผจญภัยเกิดขึ้นทั่วโลก ตั้งแต่ประเทศจีนไปจนถึงบริเตนใหญ่ จากนิวยอร์คสู่เยอรมันนี และจากเทือกเขาออสเตรียสู่ภูฎาน ภาพยนตร์จะพาผู้ชมหวนคืนสู่โรงเรียนคาถาเวทมนตร์พ่อมดและแม่มดฮอกวอตส์ รวมถึงบริเวณใกล้หมู่บ้านฮอกส์มี้ด
ทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ได้สร้างเวทมนตร์ในแบบของตัวเองขึ้นมา มีการขยายพื้นที่ในโรงถ่ายและพื้นที่ขนาดใหญ่ของ Warner Bros. Studios Leavesden ที่อังกฤษ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของภาพยนตร์โลกของเวทมนตร์มานานกว่า 20 ปีแล้ว
“ข้อดีอย่างหนึ่งของการขยายเรื่องราวในแบบเจ.เค. โรว์ลิ่ง คือเราสัมผัสได้ว่าพวกเขาจะพาเราไปยังที่ใดบนโลกก็ได้” เยทส์กล่าว “และในเรื่องนี้ก็มีภาพเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั่วโลกจริงๆ”
ทีมงานของช่างฝีมือและผู้ชนาญที่ร่วมงานกับเยทส์ได้สร้างภาพนั้นให้มีชีวิตขึ้นมา รวมถึงผู้ออกแบบฉากฯ สจ๊วต เครก ผู้คุ้นเคยโลกแห่งเวทมนตร์ในจินตนาการของเจ.เค. โรว์ลิ่ง โดยเริ่มจากภาพยนตร์ “Harry Potter” ภาคแรก ในภาพยนตร์เรื่องนี้เขาร่วมทีมกับผู้ออกแบบฉากฯ นีล ลามอนต์ และทั้งคู่มาร่วมงานกับผู้กำกับภาพ จอร์จ ริชมอนด์ ผู้ลำดับภาพที่เยทส์เลือกอย่างมาร์ค เดย์ ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ คริสเตียน แมนซ์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คอลลีน แอตวูด และผู้ประพันธ์ดนตรีเจมส์ นิวตัน โฮเวิร์ด
เรดเมย์นเล่าว่าการคิดวางแผนโลกของพ่อมดและโลกที่ไม่มีเวทมนตร์ว่า “มันสร้างความน่าสนใจให้ผมได้เสมอ ไอเดียการเปรียบเทียบควบคู่กับโลกที่เราอาศัยอยู่ มันเหมือนอีกโลกหนึ่งที่มีเวทมนตร์และการผจญภัย มันจุดประกายความสงสัยแบบในวัยเด็กที่ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ และการได้เห็นประเทศอื่นนอกหนือจากสหราชอาณาจักรก็น่าตื่นเต้น”
เฮย์แมนกล่าวเสริมว่า “มันทำให้นักแสดง ผู้ออกแบบ ช่างฝีมือของเรามีโอกาสขยายจินตนาการและเข้าสู่โลกอันกว้างใหญ่ที่โจสร้างขึ้นมา”
ทีมนักแสดง
ในช่วงเริ่มต้นของภาพยนตร์ เราจะพบนิวต์ สคามันเดอร์หาทางข้ามแม่น้ำ และต้องเดินทางผ่านป่าไผ่เพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่าง เขาได้ยินเสียงร้องและรู้ว่ากำลังจะได้พบกับสัตว์ของเขา เพราะชิลลินกำลังจะคลอดลูก
“ผมตื่นเต้นที่ในที่สุดจะได้เห็นนิวต์อยู่ในจุดสูงสุดและมีความสุขที่สุด ได้เข้าป่าออกตามหาสัตว์ต่างๆ” เอ็ดดี้ เรดเมย์นกล่าว “สิ่งหนึ่งที่ผมรักเกี่ยวกับนิวต์คือความแปลกทางร่างกาย บวกกับการไม่ค่อยเข้าสังคมและความคล่องตัวว่องไวเวลาที่อยู่ในโลกของเขา ผมเรียกความสนใจจากเดวิด เยทส์ให้ถ่ายทอดออกมามากขึ้น”
เยทส์ยืนยัน “เอ็ดดี้ตื่นเต้นมากที่จะได้ถ่ายทอดมุมนั้นของนิวต์มากขึ้น ได้เข้าป่าเพื่อหาชิลลินที่ลึกลับและงดงาม นิวต์เป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์ และเอ็ดดี้ก็อยากจะลงลึกในทุกแง่มุมของบทบาท พรสวรรค์อย่างหนึ่งของเอ็ดดี้คือสามารถปรับเปลี่ยนการแสดงของเขาได้ เขาสามารถสวมวิญญาณเป็นอีกคนหนึ่ง และกลายเป็นคนนั้นได้อย่างสมจริงเป็นธรรมชาติ เขามีความเป็นมืออาชีพอย่างชัดเจนเมื่อเป็นเรื่องการทำงานของเขา ผมรักความทุ่มเทและพลังที่เขาใส่ลงไปในหนังเหล่านี้”
เรดเมย์นเองก็กล่าวชมเช่นกัน “เดวิดเรียกผมเข้ามา 1-2 เดือนก่อนเริ่มถ่ายทำ เพื่อคุยเรื่องนิวต์และพัฒนาการของเขา เพราะเดวิดรู้ว่านักแสดงต้องถ่ายทอดความสมจริงออกมาในแบบที่ตรงกับตัวละคร และเขาก็เปิดรับฟังไอเดียต่างๆ ของเรา”
เมื่อก่อน ความสนใจของนิวต์เกี่ยวกับชิลลินจะเป็นในแง่มนุษยธรรม ตามหลักวิทยาศาสตร์ หรือทั้งสองด้าน ปรากฏว่าเขาต้องอยู่ที่นั่นตามคำสั่งของอาจารย์เก่า อัลบัส ดัมเบิลดอร์ เมื่อโลกแห่งเวทมนตร์เตรียมเลือกประธานสมาพันธ์พ่อมดแม่มดนานาชาติคนใหม่ และชิลลินสามารถหยั่งรู้จิตใจได้จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลานั้น
จู้ด ลอว์เล่าว่าการคัดเลือกนั้นได้สร้างความสับสนวุ่นวายให้โลกแห่งเวทมนตร์ “กรินเดลวัลด์ได้รวบบรรดาคนเก่งที่จะก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ ดัมเบิลดอร์ต้องวางแผนขัดขวางกรินเดลวัลด์จากความฝันที่จะสร้างโลกของพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ปกครองเหล่ามักเกิ้ล อีกมุมหนึ่งอัลบัสถูกขัดขวางความตั้งใจเรื่องเกลเลิร์ต ซึ่งนั่นจะเป็นการปลุกสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้คนที่เขาต้องไว้วางใจ และต้องช่วยแก้ไขต้นเหตุของเขา
“แต่ในมุมที่ผมชอบ” จู้ดเล่าต่อ “คือดัมเบิลดอร์จะคอยผลักดันผู้คนให้ใช้ศักยภาพและความสามารถอย่างเต็มที่ ได้พบกับศีลธรรมในตัวเอง คอยโน้มน้าวว่าสิ่งที่ทำอยู่คือเรื่องถูกต้อง และพกความกล้าหาญเพื่อไปเผชิญหน้ากับความเลวร้ายของกรินเดลวัลด์ นั่นคือหน้าที่ของพวกเขา พวกเขาทำแบบนั้นเพราะพวกเขามีความใส่ใจและทุ่มเท ความน่าสนใจสำหรับผมอยู่ที่ถึงแม้เขาจะมีความลับในอดีต แต่เขายังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีความหวัง เพราะเขาพบว่าพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ของเขาเป็นเรื่องธรรมชาติมาก เขาสนุกกับมันอยู่ช่วงหนึ่งจนแทบจะเกเร และผมต้องพยายามทำความเข้าใจ แม้แต่ช่วงเวลาที่เลวร้ายหรืออันตรายที่สุด เขาก็ยังหาความสนุกสนานได้ เพราะในฐานะของอาจารย์ ผมคิดว่าเขารู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่ทุกคนจะหาความสนุกกับสถานการณ์นั้นได้และรับมืออย่างเต็มที่”
เยทส์พูดถึงลอว์ว่า “ร่วมงานด้วยแล้วสนุกมาก เขาอยากสำรวจทั้ง 2 ด้านของดัมเบิลดอร์ ทั้งความสนุกสนานและมีเล่ห์กล รวมถึงอีกด้านที่เราไม่ค่อยคุ้นเคย คือการเป็นคนโศกเศร้าที่ต้องรับมือกับความรู้สึกผิดต่อการคิดทำลาย
กรินเดลวัลด์ อีกมุมหนึ่งของตัวละครที่โจให้ความใส่ใจเมาก และเราก็ตื่นเต้นกับการสำรวจการต่อต้านที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับเราและเหมาะสมกับดัมเบิลดอร์ในช่วงวัยนี้”
“เดวิดคอยให้ความร่วมมือและทำงานเต็มที่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังกล้อง” ลอว์กล่าว “เขาจัดการทุกเรื่องได้อย่างชัดเจน จนบางครั้งแทบลืมไปเลยว่าเขายังมีอีกหลายร้อยเรื่องที่เขาต้องจัดการ ขณะเดียวกันเขาก็คอยให้แง่คิดที่ดีมเป็นประโยคหรือคำพูด ซึ่งเราจะได้สนุกสนานกับเรื่องราว แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เดวิดรักที่สุดคือเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ที่อยู่ในเรื่อง เขาถ่ายทอดเรื่องนั้นออกมาได้ดีและทำให้เรามีพลังถ่ายทอดมันออกมา”
“เอกลักษณ์ของความเป็นดัมเบิลดอร์” เรดเมย์นเล่าว่า “เขาจะมีแผนการที่ยากจะเข้าใจ โดยปกติแล้วนิวต์จะถูกส่งออกไปโดยไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้งนี้เขายังพอได้รู้อะไรมาบ้าง ตอนนี้อยู่ที่เขาจะแชร์กับในกลุ่มแล้ว เราไม่ร้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและมันก็ยังพอมีโอกาส แต่เชื่อมั่นในตัวผมเถอะ เพราะผมเชื่อมั่นในตัวดัมเบิลดอร์”
ครั้งนี้ความคลุมเครือคือสิ่งสำคัญในแผนการของดัมเบิลดอร์ รวมกับสิ่งที่เรียกกันว่า “เอกลักษณ์” เฮย์แมนอธิบายว่า “ดัมเบิลดอร์รู้ว่ากรินเดลวัลด์สามารถเห็นลางแห่งอนาคตได้ เพื่อไม่ให้กรินเดลวัลด์รับมือกับพวกเขาได้ทัน จึงต้องสร้างความสับสนให้เกิดขึ้น ดัมเบิลดอร์ไม่ได้บอกแผนการทั้งหมดกับคนที่เขาขอความร่วมมือ ซึ่งเราน่าจะพอเห็นภาพได้ว่าเป็นสิ่งที่สร้างความสับสน พวกเขาต้องมีความไว้วางใจในตัวเขา”
เขารู้ดีว่ากองทัพของดัมเบิลดอร์กำลังช่วยกันวางแผนต่อสู้กับเขาอย่างลับๆ กริลเดลวัลด์ยึดมั่นในเป้าหมายของเขา เชื่อว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุด แมดส์ มิคเคลเซนได้เล่าว่า “เป้าหมายของเขาไม่ได้ไร้เหตุผลซะทีเดียว เพราะเขาเชื่อว่ามันจะทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้น ซึ่งการที่เขาจะทำให้สำเร็จได้ ทุกคนไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเขาเลย”
นักแสดงเล่าว่าตัวละครของเขารู้สึกสูญเสียคนที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมแชร์จุดมุ่งหมายให้ฟัง “เกลเลิร์ตและอัลบัสเป็นพ่อมดที่มีพรสวรรค์ ครั้งหนึ่งต่างเคยมีความฝันร่วมกัน อยากทำให้โลกของพวกเขาน่าอยู่มากขึ้น จนเกิดความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้นช่วงหนึ่ง… จากนั้นทุกอย่างก็พังทลาย”
“สิ่งสำคัญคือเราต้องถ่ายทอดคำมั่นสัญญาที่ทั้งสองคนนี้เคยมีให้กัน” เยทส์กล่าว “ในเรื่องราวจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกห่างไกลจากคนที่เราผูกพันอย่างแน่นแฟ้น และเป็นสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับหลายตัวละคร”
“กรินเดลวัลด์ยังมีความรู้สึกต่อดัมเบิลดอร์อยู่” เฮย์แมนกล่าว “แม้ว่าบางความรู้สึกจะกลายเป็นความขุ่นเคืองและฝืนใจ เพราะการปล่อยมือของดัมเบิลดอร์อย่างที่เขาเห็น กรินเดลวัลด์จะทำทุกทางเพื่อการเป็นหัวหน้าแห่งโลกเวทมนตร์ แม้ว่าจะต้องจมอยู่กับความเศร้า แต่นั่นไม่ทำให้เขาลดความเลวร้ายลงไปเลย”
“ผมรักการแสดงของแมดส์ในเรื่องนี้” เยทส์แสดงความเห็น “เขาเป็นนักแสดงที่ไม่ธรรมดา พยายามลองสิ่งใหม่ๆ ตลอด คอยให้ความร่วมมือเต็มที่ และการร่วมงานกับเขานับเป็นเรื่องที่ดีมาก เขาเป็นคนตลกและสามารถพลิกการแสดงสู่ภาพที่น่าจดจำได้”
แม้ว่าจะมีการสาบานเลือด แต่กรินเดลวัลด์ไม่เคยนิ่งนอนใจเรื่องการขัดขวางของดัมเบิลดอร์เลย เขาคิดเรื่องนั้นและเอาครีเดนซ์มาอยู่ภายใต้การปกครอง คอยดูแลให้ทำภารกิจอันน่ากลัว
และด้วยความเจ้าเล่ห์ของเขา เขาได้ปลุกชื่อจริงของครีเดนซ์กลับมา: ออเรเลียส ดัมเบิลดอร์
เอซร่า มิลเลอร์เล่าว่า “ผมคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับครีเดนซ์เหมือนเรื่องที่มีความขัดแย้งกันในตัว มุมหนึ่งเขาบุคลิกลักษณะและความรู้สึกตามเจตนาของดัมเบิลดอร์ ควบคุมเขาเหมือนเป็นคนโปรดในบรรดาผู้ติดตาม อีกมุมหนึ่ง
คือเขามีความสับสนและมีคำถามมากมาย สิ่งที่เขาเป็นอยู่ตามมาหลอกหลอนเขา และเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเขา ออบสคูรัสเป็นพลังของเขา เขาสร้างความผิดปกติให้เกิดขึ้นหลายครั้ง และเป็นเวทมนตร์ที่ทำลายตัวเขาจากภายใน เราจึงพบครีเดนซ์อยู่ในจุดที่อุ่นใจและมีตัวตนในแบบที่เขาตามหา ดูเหมือนเขาควรจะทำอะไรได้ดีขึ้น แต่แน่นอนว่าเขามีความจริงที่ซ่อนอยู่ นั่นไม่ใช่บ้านที่เขาตามหา และไม่ใช่พ่อในแบบที่เขาตามหา เหมือนเขาถูกควบคุมความรู้สึก ซึ่งความจริงแล้วคือเขาถูกหลอกลวง”
มิลเลอร์ยกเครดิตให้ผู้กำกับฯ ที่ช่วยเขาถ่ายทอดทั้งสองบุคลิกนั้นออกมาได้ “เราคุยหลายเรื่องเกี่ยวกับความซับซ้อนที่พยายามถ่ายทอดออกมาจากตัวครีเดนซ์” นักแสดงกล่าว “มันมีทั้งการเสียความรู้สึกจากการเฝ้าระวังตัวเองของครีเดนซ์ที่ต้องเจ็บปวด แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นการทำให้เขาตื่นเต้นและรู้ที่มาของตัวเอง เดวิดแสดงความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ออกมาได้ดีมาก มันจึงเป็นเรื่องดีที่มีผู้กำกับฯ แบบนี้ โดยเฉพาะการเน้นย้ำตัวละครแบบนี้ สิ่งที่ผลักดันเขาไม่เคยมีเพียงมิติเดียว มันมีหลากหลายแง่มุมและมีความขัดแย้งอยู่ในตัว เราเลยต้องแน่ใจว่าจะถ่ายทอดทุกอย่างออกมาได้ รวมทุกความแตกต่างใส่เข้าไปในตัวเขา และต้องแสดงให้เห็นถึงพลังความเชื่อมั่นของเขาด้วย”
“เอซร่าเป็นนักแสดงยอดฝีมือที่อยากแสดงเต็มที่กับทุกฉาก และการร่วมงานกับเขาก็สนุกมาก” เยทส์กล่าว
ครีเดนซ์ได้พบกับความรู้สึกที่คล้ายกันในตัวควีนนี่ โกลด์สตีนเพราะ “ทั้งคู่ต่างเป็นคนนอก” อลิสัน ซูโดลกล่าว “ทั้งคู่มาถึงจุดที่ผ่านบาดแผลมามากมาย ตอนท้ายของภาคที่ 2 ควีนนี่ได้พบกับการเปลี่ยนแปลงสุดช็อค ซึ่งฉันคิดว่าหลายคนเซอร์ไพรส์ มันทำให้ฉันเซอร์ไพรส์เช่นกันตอนที่รู้ครั้งแรก” เธอกล่าว “ควีนนี่ตัดสินใจอย่างไม่รอบคอบ แต่เธอเชื่อเรื่องความรักของจาค็อบ เพราะเธออยากเปลี่ยนแปลงกฎในโลกแห่งเวทมนตร์เพื่ออยู่กับเขา เธอพลาดที่ไว้วางใจ
กรินเดลวัลด์ เขาคือจอมบงการที่มาพบเธอในช่วงที่กำลังอ่อนแอ และพูดในสิ่งที่เธออยากได้ยิน แต่มันทำให้เธอต้องตัดขาดจากคนที่เธอรักและทุกสิ่งที่เธอรู้ว่าเป็นเรื่องจริง เขาเป็นคนฉลาดมาก นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาดูอันตรายมาก ช่วงแรกของเรื่องนี้เราจะเห็นควีนนี่เผชิญปัญหา ขาดการติดต่อทั้งกับตัวเองและเส้นทางของเธอ แสงสว่างของเธอยังไม่ดับลง แต่มันกำลังเบาบาง…และต้องรู้ความจริงว่าเธอต้องรับมืออยู่กับใคร”
มิคเคลสันเล่าว่ากรินเดลวัลด์ไม่สนใจความสงสัยของควีนนี่เลยสักนิด มันไม่ทำให้เขากังวลอะไรเลย “เขาดูภูมิใจที่บงการคนที่รู้จักและไม่อยู่ข้างเขาอย่างเต็มตัวได้ จะเห็นว่าเขาชักจูงทุกคนได้และเป็นสถานการณ์ที่มีแต่คนได้ประโยชน์ หากเขาทำไม่ได้ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม เราต้องเก็บศัตรูไว้ใกล้ชิด และควีนนี่ก็มีประโยชน์มาก เพราะเธอเป็นเลจิลิเมนส์ที่อ่านใจได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับกรินเดลวัลด์ และยังมีความสนุกตรงที่เราไม่เคยรู้เลยว่าถูกแทงข้างหลัง ซึ่งเขาชอบเกมนั้น” เขากล่าว
ควีนนี่ไม่ใช่คนเดียวที่ต้องรับมือกับความสูญเสียและความรู้สึกผิด ย้อนกับไปที่นิวยอร์ค ธุรกิจเบเกอรี่ของจาค็อบที่เคยประสบความสำเร็จกลับล้มไม่เป็นท่า และเขาไม่จัดการอะไรให้ดีขึ้นเลย แดน ฟอกเลอร์ ยืนยันว่า “ครั้งแรกที่เราพบจาค็อบ เขาอยู่ในจุดที่ว่างเปล่า มันสะท้อนถึงเรื่องราวที่อยู่ในใจของเขา ควีนนี่คือสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเขามาก ตั้งแต่เธอทิ้งเขาไป เขาก็ไม่เป็นตัวเองอีกเลย มันเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ เขาสูญเสียเธอและความสนใจเรื่องการอบขนม เขาอกหักและหดหู่มาก”
สิ่งเดียวที่จาค็อบยังไม่สูญเสียไปคือความกล้าหาญและความมีมนุษยธรรมของเขา ทันทีที่เขาเห็นผู้หญิงถูกก่อกวนตรงข้ามร้านเบเกอรี่ของเขา เขาไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วย แม้ว่าฝั่งตรงข้ามจะมีถึง 3 คนก็ตาม “เขามีเพียงไหวพริบ
และความใจดี แถมยังกล้าหาญมากด้วย” ฟอกเลอร์ยืนยัน “ผมเคยบอกกับเจ.เค. โรว์ลิ่งตอนที่เราพยายามจินตนาการบ้านของแต่ละคนว่า ‘เขาคือฮัฟเฟิลพัฟฟ์ เพราะเขารักการทำอาหารและการทำขนม จริงมั้ย?’ แต่เธอบอกว่า ‘ไม่นะ เขาคือกริฟฟินดอร์ เพราะเขาเป็นนักสู้’ มันทำให้ผมอึ้งไปเลย นั่นเป็นรายละเอียดที่มีความหมายต่อการถ่ายทอดความเป็นเขาออกมามาก เขาอาจจะเป็นนักอบขนม แต่สิ่งแรกคือเขาเป็นนักสู้ซึ่งผมรักจุดนั้น”
ผลลัพธ์คือผู้หญิงคนนั้นรอดพ้นจากอันตราย… และเธอไม่ได้ปรากฏตัวที่นั่นอย่างบังเอิญ เจสสิก้า วิลเลียมส์ เล่าว่า “เธอคือยูลาลี่ ฮิคส์ หรือในชื่อแลลลี่ ศาสตราจารย์ผู้มีเสน่ห์แห่ง Ilvermorny เธอถูกส่งตัวมาเพื่อพาจาค็อบกลับสู่โลกแห่งเวทมนตร์ ซึ่งตอนนั้นจะเห็นว่าเขาไม่อยากมีส่วนร่วมกับอะไรเลย แต่เธอเล่าเหตุผลที่ต้องการตัวเขามาร่วมภารกิจนี้ เหมือนเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกของเขา และโน้มน้าวให้เขากลับไปพร้อมเธอ
“แลลลี่เฝ้าระวังความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น” วิลเลียมส์เล่าต่อ “และดัมเบิลดอร์รู้ว่าเขาเชื่อใจและวางใจเธอได้ เธอเป็นคนตรงไปตรงมาและมีศีลธรรม มีความเป็นตัวของตัวเอง ดูเป็นตัวละครที่มีสีสัน เธอเป็นคนตลก มีความซื่อสัตย์ และฉลาดมากด้วย”
“The Secrets of Dumbledore” เป็นผลงานแรกของวิลเลียมส์ในโลกแห่งเวทมนตร์บนจอยักษ์ นักแสดงหญิงเป็นแฟนผลงานในโลกของเจ.เค. โรว์ลิ่งบนกระดาษมาอย่างยาวนาน “ฉันโตมาพร้อมกับการอ่านหนังสือ ไม่ได้ตกหลุมรักแค่เรื่องราว แต่รวมถึงจินตนาการที่เราเหมือนมีเวทมนตร์ด้วย” เธอกล่าว “การได้เป็นส่วนหนึ่งใน ‘Fantastic Beasts’ เหมือนฝันที่เป็นจริงเลยค่ะ”
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในความฝันนั้น คือวิลเลียมส์ที่ถูกโรว์ลิ่งคัดเลือกมาด้วยตัวเอง “ฉันเคยไปถ่ายรายการ ‘The Daily Show’ และโจก็เป็นแฟนรายการนั้น เรายังเกิดวันเดียวกันด้วย ซึ่งบังเอิญเป็นวันเดียวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ เธอส่งข้อความมาหาฉันทางทวิตเตอร์ จากนั้นฉันได้ดินเนอร์กับเธอที่ลอนดอน แล้วเธอส่งอีเมล์มาหาว่ากำลังมีตัวละครหนึ่งที่เธอคิดว่าเหมาะกับฉัน”
เยทส์เห็นด้วยกับการคัดเลือกนั้น “เจสสิก้ามีความน่าทึ่งและสร้างความมหัศจรรย์ให้โลกใบนี้มากขึ้น เธอเป็นนักแสดงและนักแสดงตลกที่สร้างความสดใสให้ในฉากจนผมมีความสุข”
แลลลี่ได้ลากจาค็อบขึ้นรถไฟที่ไม่มีหลังคา พาทีมที่รวมดัมเบิลดอร์เดินทางผ่านเยอรมันเพื่อมุ่งหน้าสู่เบอร์ลิน จาค็อบได้กลับมาเจอนิวต์และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบกับเพื่อนของเขา เรดเมย์นเล่าว่าเขามีความคุ้นเคยกับตัวละครนี้ “มิตรภาพระหว่างนิวท์และจาค็อบคือสิ่งที่ผมชอบ ในเรื่องนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันสักเท่าไหร่ แต่แดนกับผมจะมีช่วงเวลาที่ถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้”
ในส่วนของภารกิจที่ได้รับมอบหมายรายบุคคล ดัมเบิลดอร์ได้ส่งของพิเศษให้กับสมาชิกในทีมบางคน รวมถึงบางสิ่งที่พิเศษสำหรับจาค็อบด้วย ฟอกเลอร์เล่าว่า “นิวท์มอบไม้กายสิทธิ์ให้จาค็อบ ซึ่งเป็นฉากที่น่ารัก เขายังถือกระทะอยู่เลยตอนที่เขาถูกลากเข้ามาอยู่ในโลกใบนี้ และตอนที่นิวท์มอบไม้กายสิทธิ์ให้เขา เขาก็วางกระทะลง มันเป็นภาพที่เปรียบเทียบได้ดีมาก เขาวางอุปกรณ์ทำขนมลงและคว้าอุปกรณ์พ่อมด จนในที่สุดผมมีไม้กายสิทธิ์และเป็นเรื่องที่วิเศษมาก ผมแฮปปี้กับไม้กายสิทธิ์ที่สุด” เขาหัวเราะ “ถ้าคุณมีโอกาสได้รับไม้กายสิทธิ์ ผมขอแนะนำมันสุดตัวเลย”
ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ช่วยคนสำคัญของนิวท์อย่างบันตี้ โบรดาครีอยู่เคียงข้างเขา ครั้งนี้คำแนะนำของเธอมาจากดัมเบิลดอร์ ผู้ทำให้เธอมีบทบาทสำคัญในภารกิจนี้ วิคตอเรีย ยีทส์กลับมารับบทที่เธออธิบายเอาไว้ว่า “เปรียบเหมือนมือขวาของนิวท์ที่หลงใหลในตัวเขา แต่นิวท์ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนั้นเป็นพิเศษ เธอเชื่อถือได้ น่าไว้วางใจ และเป็นการเป็นงานมาก ฉันคิดว่าดัมเบิลดอร์มองเห็นสิ่งนั้น เขาเห็นความซื่อสัยต์และความมุ่งมั่น คนที่กล้าจะทำในสิ่งที่เขาร้องขอ เธอเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานในหนังเรื่องนี้ เห็นแล้วรู้สึกดี ฉันชอบเล่นตัวละครที่มีอะไรมากกว่าที่เราคิดไว้ และนั่นก็ตรงกับบันตี้มากค่ะ”
ตัวละครปริศนาจากภาคที่แล้วอย่างพ่อมดฝรั่งเศส-แอฟริกัน ยูซุฟ คามา มารวมกลุ่มครั้งนี้ด้วย ซึ่งในช่วงแรกเขามาเพราะเหตุผลส่วนตัวเป็นหลัก วิลเลียม นาดีแลม เล่าว่า “กรินเดลวัลด์ฆ่าน้องสาวของคามาต่อหน้าต่อตา ซึ่งเธอเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของครอบครัวเขาที่เหลืออยู่ เขามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวใหม่เพราะเขาเชื่อมโยงผ่านลีต้าถึงนิวท์และธีซีอุส ในภาษาฝรั่งเศสเราเรียกว่า Par la force des choses ซึ่งหมายถึงพลังจากสภาวะแวดล้อม เขาจะช่วยทุกคนต่อสู้กับกรินเดลวัลด์ นั่นคือจุดเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ของคามา”
ลีต้าเคยเป็นรักของนิวท์ตอนเด็กและเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนาน จนต่อมากลายเป็นคู่หมั้นของธีซีอุสพี่ชายของเขา คอลลัม เทอร์เนอร์เล่าถึงความตายของเธอว่า “สร้างความเสียใจให้กับทั้งคู่ แต่ก็ทำให้สองพี่น้องกลับมารวมตัวกันได้หลังจากไม่แยแสกันมานานหลายปี เรื่องพี่น้องและครอบครัวเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก มันอาจจะขัดแย้งกันได้ง่าย แต่ถ้าพวกเขาสามารถแก้ไขความสัมพันธ์และกลับมาใกล้ชิดกัน ใครจะรู้ว่าความสามารถของพวกเขาจะช่วยเอาชนะกรินเดลวัลด์ได้”
เรดเมย์นเล่าเสริม “ความซับซ้อนในสายสัมพันธ์ของพี่น้อง เวลาที่เรามีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันแต่ไม่มีอะไรคล้ายกันเลย นั่นคือสิ่งสำคัญสำหรับผม มันเหมือนกับนิวต์และธีซีอุสที่รักกันมาก แต่มีการมองโลกที่แตกต่างกัน มันเป็นความสนุกในการถ่ายทอดบทนั้นร่วมกับคอลลัมเพราะผมชื่นชอบเขา”
“มิตรภาพระหว่างเอ็ดดี้กับผมเกิดขึ้นจากตัวละครของเรา แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากสิ่งที่เราเป็นด้วย” เทอร์เนอร์กล่าว “ผมรักการทำงานร่วมกับเขาและรักการเล่นหนังแนวนี้ด้วยกัน”
เรื่องราวในครอบครัวยังถ่ายทอดผ่านความเป็นพี่น้องของอัลบัสและอาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ระหองระแหงกัน รวมถึงเรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับเอเรียน่าน้องสาวของพวกเขาด้วย ริชาร์ด คอยล์ ยืนยันว่า “ผมคิดว่าอาเบอร์ฟอร์ธไม่ชอบใจนักที่ต้องอยู่ในเงาของพี่ชายที่มีชื่อเสียง มันเป็นความสัมพันธ์ที่อธิบายได้เพียงไม่กี่คำ แต่มีหลายอารมณ์ที่เก็บซ่อนเอาไว้ ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าติดตาม จู้ดกับผมสนุกกับการถ่ายทอดเรื่องราวและมีเคมีร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ เรามีพี่น้องกันทั้งคู่ และเข้าใจความไร้สาระที่เกิดขึ้นระหว่างพี่น้องดี มันช่วยได้เยอะเลยครับ
“นับเป็นเกียรติมากที่ได้รับบทดัมเบิลดอร์ และตัวละครที่มีชื่อเสียงในโลกของพ่อมด” คอยล์กล่าวต่อ “และมันก็น่าสนุกที่ได้ถ่ายทอดบทอาเบอร์ฟอร์ธที่เป็นน้อง เขาเป็นตัวละครที่มีสีสัน ผมรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่อแฟนๆ ของเจ.เค. โรว์ลิ่งและอาเบอร์ฟอร์ธ เพื่อให้เขามีอารมณ์ที่ตรงกับตัวละคร”
“ทุกคนรู้ดีว่าความเครียดในครอบครัวมีอะไรบ้าง” เฮย์แมนกล่าว “ไม่ว่าเราจะรักพี่น้องขนาดไหน เรื่องราวในอดีตหรือช่วงที่ทะเลาะกันมันส่งผลกระทบกับปัจจุบัน ดูเหมือนนี่เป็นเรื่องในครอบครัว แต่มันมีทั้งครอบครัวที่แท้จริงและครอบครัวของเพื่อนและเพื่อนร่วมงานที่ต้องรวมตัวกันเพื่อต่อสู้ปกป้องโลกแห่งเวทมนตร์”
ประเด็นสำคัญของการต่อสู้ “คือการคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นประธานสมาพันธ์พ่อมดแม่มดนานาชาติคนใหม่ที่จะเป็นผู้นำโลกแห่งเวทมนตร์ทั้งหมด” เยทส์อธิบาย “ดัมเบิลดอร์ให้นิวท์ไปส่งข้อความถึง แอนตัน โวเกล ผู้นำที่กำลังจะลงจากตำแหน่งไม่ให้กรินเดลวัลด์เข้าใกล้ ไม่ใช่นั้นจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาไม่ใช่แค่ในโลกของพ่อมดแต่รวมถึงโลกของมักเกิ้ลด้วย นี่คือเรื่องสำคัญตามข้อความที่กล่าวว่า “จงทำตามความถูกต้อง ไม่ใช่ตามความง่าย’”
โอลิเวอร์ มาซุช เล่าว่า “โวเกลเห็นกองทัพผู้ติดตามของกรินเดลวัลด์บนท้องถนน และหวาดกลัวว่าถ้าไม่ให้เขาลงสมัครเป็นผู้ท้าชิง มันจะเกิดการปฏิวัติขึ้นได้ เขาต้องตัดสินใจเรื่องนี้อย่างหนัก”
เหล่าผู้ท้าชิงที่ถูกต้องตามเกณฑ์ ได้แก่ ลิ่ว เต๋า จากประเทศจีน และวิเซนเซีย ซานโตส จากประเทศบราซิล ซึ่งเป็นตัวละครโปรดที่น่าจับตามอง “ซานโตสเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจ” มาเรยี เฟอร์นันโด แคนดิโด กล่าว “และฉันรักที่ในเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงผู้หญิงที่แข็งแกร่ง โลกแห่งเวทมนตร์มีแฟนๆ มากกว่าที่เรานึกภาพออกที่บราซิล และฉันคิดว่าพวกเขาจะแฮปปี้มากที่มีตัวละครซานโตสเป็นตัวแทนพวกเขา”
เยทส์เล่าถึงเหล่านักแสดงว่า “เรามีทีมนักแสดงที่น่าทึ่งมาก ทุกคนที่มาเข้าฉากรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของตำนานที่ยาวนาน ทุกคนทุ่มเทสุดตัวและพวกเราก็เต็มที่กับทุกคนเช่นกัน แม้พวกเขาจะอยู่ที่นั่นแค่ 1-2 วัน แต่ก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างเต็มที่เช่นกัน”
สิงสาราสัตว์
ตามธรรมเนียมของซีรีส์ “Fantastic Beasts” เรื่อง “The Secrets of Dumbledore” มีสัตว์แห่งเวทมนตร์หลากหลายชนิดทั้งใหม่และที่คุ้นตา แต่ไม่มีใครมีความสมบูรณ์ไปมากกว่าชิลลิน “ชิลลินเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญของเรา” ทิม ลูอิส กล่าว “ในบทภาพยนตร์โจได้อธิบายรายละเอียดให้เราไว้แล้ว แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของขั้นตอนการออกแบบที่แสนยาวนาน กว่าจะกำหนดทิศทางที่แคบลงให้พวกเราทำงานได้”
ชิลลินในโลกแห่งเวทมนตร์มีต้นกำเนิดอิงจากสัตว์ในเทพนิยายที่มีชื่อเดียวกัน ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ฯ คริสเตียน แมนซ์ เล่าว่า “นับเป็นความท้าทายเพราะสัตว์ในเทพนิยายเหล่านี้มักจะมีการผสมผสานมาจากสัตว์ที่มีอยู่จริงหลายชนิด อันที่จริงมีการตีความของชิลลินแตกต่างกันหลายแบบ อาจดูเหมือนกวาง บางครั้งก็เหมือนเขากวางและบางครั้งก็ไม่ใช่ มีหัวเป็นสิงโตบ้าง… แต่เราอยากให้สัตว์ของเราดูภายนอกแล้วเหมือนเป็นมนุษย์ด้วย”
ในภาพยนตร์ชิลลินที่โตเต็มวัยทำให้นึกถึงม้ามังกร สีที่เหมือนรุ้งดูเหมือนจะเปล่งแสงออกมาได้ ส่วนตอนเป็นเด็กจะมีลักษณะเด่นแต่มีการออกแบบที่แตกต่างไป แมนซ์เล่ารายละเอียด “ผู้ควบคุมแอนิเมชัน นาธาน แม็คคอนเนล มีโอกาสอ้างอิงจากดิ๊ก-ดิ๊ก ซึ่งเป็นละมั่งงตัวเล็ก มีจมูกและปากที่ดูแปลกตา เหมือนกับจมูกและปากของตัวกินมดที่สั้นลง และท่าทางการดมกลิ่นของมันก็น่ารักมาก พอเราเอาให้เดวิด เยทส์ดู เขารักมันมากมาย ต้นฉบับของมันดูมหัศจรรย์กว่าที่เรานึกภาพออก แล้วทำไมถึงไม่ใช้อ้างอิงเวลาที่มีโอกาสล่ะ?”
บทบาทของชิลลินเกี่ยวข้องกับการเลือกผู้นำแห่งโลกเวทมนตร์คนใหม่ เยทส์อธิบายว่า “ชิลลินสามารถหยั่งรู้จิตใจคนได้ สัมผัสได้ถึงจิตใจอันดีงามและบริสุทธิ์ ในโลกแห่งเวทมนตร์ที่ผ่านมา ชิลลินได้มีส่วนร่วมในการคัดเลือกต่างๆ โดยผู้ท้าชิงทุกคนจะเข้าแถวเรียงกันและชิลลินจะเดินไปหาผู้ท้าชิงแต่ละคน หากมันโค้งคำนับใครก็จะจูงใจในการเลือกได้”
มันติคอร์เคยปรากฏให้เห็นทั้งตอนโตเต็มวัยและลูกหลานของมัน แต่เป็นสัตว์ที่มีความแตกต่างจากชิลลินผู้อ่อนโยน เยทส์เล่าว่านั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ “ผมบอกกับโจ สตีฟ และเดวิดว่า ‘เราพอจะใส่สัตว์ที่ดูน่ากลัวลงไปเพื่อความเปลี่ยนแปลงได้มั้ย?’ เรามีสัตว์ที่ชวนน่าหลงใหล น่ารัก และดูตลกมาแล้ว แต่ในส่วนของมันติคอร์ ผมได้พบกับความสมดุลระหว่างความตลกและความน่ากลัวในแบบที่ผมรัก”
ซึ่งมีการผสมข้ามสายพันธุ์กันระหว่างปูหรือล็อบสเตอร์และแมงป่องด้วย มีดววงตากลมโตถึง 3 ดวง มันติคอร์จอมตะกละมีความโหดร้ายและไร้ความปรานี “ผู้คุม” แห่งเรือนจำที่ธีอุสพบกับตัวเอง “แม่มันติคอร์ขนาดใหญ่อยู่ในห้วงลึกของเรือนจำ และมันต้องให้อาหารลูกน้อยอีกจำนวนมาก ลักษณะการให้อาหารก็ช่างน่ากลัว แต่อีกมุมหนึ่งก็ดูน่าตลก” เยทส์กล่าว
ธีซีอุสอาจเคยหัวเราะในการประกาศตัวของนิวท์ แต่เขาหัวเราะไม่ออกเลยเมื่อนักสัตว์วิเศษวิทยาโผลมาช่วยเหลือเขา เขาใช้ความรู้ที่มีจัดการเรื่องเบบี้มันติคอร์ “พวกเขาเชียร์ให้นิวท์เต้นท่าประหลาด” เรดเมย์นหัวเราะ “มันคงไม่ใช่ ‘Fantastic Beasts’ ถ้าไม่มีผมทำอะไรน่าตลก ซึ่งรวมถึงการเต้นท่าประหลาดด้วย”
ในเรื่องความรับผิดชอบของนักแสดง เยทส์กล่าวเสริมว่า “การหมุนสะโพกแบบนั้นอาจดูไม่ยาก แต่เวลาที่เราต้องแสดงหลายเทคติดกันนาน 7 ชั่วโมง มันเป็นเรื่องที่หนักหน่วง เอ็ดดี้ทุ่มเทเต็มตัวจนร่างกายเหนื่อยล้าทุกวัน ซึ่งนั่นก็บอกอะไรหลายอย่างในตัวเขาแล้ว”
ในภาพยนตร์ยังแนะนำสัตว์ที่เป็นนกอย่างไวเวิร์น ซึ่งโผล่ออกมาจากกระเป๋าของนิวท์ในเวลาอันเหมาะสม สำหรับการออกแบบสิ่งมีชีวิตที่แปลงร่างได้นี้ แมนซ์เล่าว่า “หนึ่งในศลปินของเราเกิดไอเดียเรื่องมังกรที่เป่าให้ตัวเองบินได้ เหมือนบอลลูนลมร้อน มันเป็นอะไรที่สนุกหลุดโลกมากครับ” ระหว่างลอยกลางอากาศไวเวิร์นจะแปลงร่างอีกครั้ง มันจะสยายปีกออกมาและตัวเล็กลง มันมีหางที่ยาวและสามารถแบกรับน้ำหนักที่มากกว่าตัวมันได้หลายเท่า
นิวท์ต้องร่วมผจญภัยอีกครั้งกับพิกเกตต์ โบว์ทรัคเคิลที่กล้าหาญและรอบรู้ นิฟเฟลอร์ที่มีนิสัยแบบเดิมอย่างเท็ดดี้ เรดเมย์นเล่าว่า “พิกเกตต์มีความฉลาดและช่วยเหลือได้มาก ส่วนนิฟเฟลอร์จะคอยขโมยซีนตลอดเวลา และทำให้ชีวิตของนิวท์วุ่นวายเหมือนเดิม” เขาแซว “พวกมันค่อนข้างเอาแต่ใจและสร้างความสดใสในเรื่องนี้ แต่ผมไม่อยากพูดอะไรมาก บอกได้แค่ว่าทั้งพิกเกตต์และเท็ดดี้มีความเป็นฮีโร่มากขึ้นในเรื่องนี้”
สัตว์ที่แฟนในโลกเวทมนตร์ต้องรู้จักและหลงรักอย่างฟีนิกซ์ได้บินทะยานเข้ามาในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับครีเดนซ์และสะท้อนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตัวเขา แมนซ์เล่าว่า “เราอยากทำให้มันดูใกล้ถึงจุดจบวงจรชีวิตของมัน มันเลยมีสีแดงและมีชีวิตชีวาน้อยลง ดูแก่ขึ้นกว่าที่เราเคยเห็นเยอะเลย มีเปลวไฟโผล่มาจากปีกและปล่อยเถ้าถ่านออกมาตอนที่บิน มันเป็นการดีไซน์แบบเดิมเหมือนที่เห็นในหนังภาคก่อน แต่ดูอ่อนเพลียลงกว่าเดิมเยอะ”
และเช่นเดิม กลุ่มผู้ชำนาญด้านหุ่นจำลองนำโดยผู้ควบคุมหุ่นจำลองสิ่งมีชีวิต ทอม วิลตัน มาร่วมเป็นผู้ช่วยนักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์ พวกเขาจะมีสัตว์จำลองที่จับต้องได้และเคลื่อนไหวได้แต่ละตัวให้นักแสดงสามารถโต้ตอบได้ พวกหุ่นจำลองทำหน้าที่เหมือนสแตนอินของสัตว์ต่างๆ เยทส์และทีมกล้องจะได้จัดเฟรมและกำหนดแต่ละฉากของพวกมันได้
โลกแห่งเวทมนตร์ทั่วโลก
ฉากแอ็คชั่นของ “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” ขยายไปถึง 6 ประเทศใน 3 ทวีป แต่มีการถเก็บภาพฟุตของจริงที่เล็กลง ต้องขอบคุณในความสามารถและความสร้างสรรค์ของหัวหน้าแผนกต่างๆ และทีมงาน กองถ่ายที่เก็บภาพขนาดใหญ่ในโรงถ่ายและอีกหลายฉากที่ Warner Bros. Studios Leavesden ในวอทฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
“ผมมีทีมงานที่เก่งมาทำให้หนังเรื่องนี้เป็นรูปร่างขึ้นมาได้” เยทส์ยอมรับ “การสร้างหนังสเกลระดับนี้มีความท้าทาย แต่มันง่ายขึ้นเมื่อเราสร้างและแก้ไขปัญหาร่วมกับกลุ่มคนที่เราไว้วางใจ พวกเขาอยู่เคียงข้างเราและเราอยู่เคียงข้างพวกเขา สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมอยากร่วมงานในหนังเหล่านี้ไปอีกนาน คือการได้ร่วมงานกับคนที่ผมเคารพ ชื่นชม และรักพวกเขา”
ศิลปินแห่งตำนานที่ยังคงอยู่ในโลกแห่งเวทมนตร์ในภาพยนตร์ คือผู้ออกแบบฉากแห่งตำนาน สจ๊วต เครก ได้ออกแบบฉากต่างๆ ทั่วโลกควบคู่กับผู้ออกแบบฉาก นีล ลามอนต์ เฮย์แมนเล่าว่า “ผมโชคดีที่เคยร่วมงานกับสจ๊วต เครกมานาน 20 ปี และคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ออกแบบที่มีฝีมือที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาสามารถเสกโลกออกมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์ แต่สามารถเข้าถึงและมีความสมจริงมาก ผมคิดว่ากุญแจสำคัญของโลกที่โจสร้างขึ้นมาและตัวละครต่างๆ คือเรื่องความสมจริง ซึ่งในการออกแบบของสจ๊วตเขาถ่ายทอดทั้งสองสิ่งนั้นออกมาอย่างเป็นธรรมชาติและน่าอัศจรรย์ พร้อมถ่ายทอดความสมจริงได้อย่างโดดเด่น”
ลามอนต์เคยรวมงานกับเครกมาแล้วในฐานะผู้ควบคุมการกำกับศิลป์ในเรื่อง ‘Harry Potter’ เขาเล่าว่า “เราโทรหาสจ๊วต ไมว่าเราจะต้องร่วมกับออกแบบอะไรก็ตาม มันคือมิตรภาพของเราตลอดกาล หนังเรื่องนี้เหมือนการฝึกหัดขั้นสุดท้ายของผม ทุกวันผมรู้ว่าจะได้เรียนรู้บางอย่างจากเขาที่จะมีผลไปตลอดการทำงานของผม”
จีน
นิวท์พบกับชิลลินในเทือกเขาอันไกลโพ้นแถวเอเชีย สำหรับการสร้างบรรยากาศนั้นขึ้นมาใหม่ให้ดูสมจริง ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ต้องหาสถานที่ที่เหมาะสำหรับฉากภารกิจตามล่าสัตว์สุดล้ำค่าของนักสัตว์วิเศษวิทยา โดย The Detian Falls ทางตอนใต้ของประเทศจีนเขตชายแดนของเวียดนาม และ Li River ดูจะเหมาะสำหรับฉากนั้น
ลามอนต์เล่าว่า “ที่ Li River มีความน่าทึ่งมาก มันมีกำแพงหินปูนที่มีลายเป็นริ้วเก่าแก่และเห็นรอยคราบน้ำ ส่วนที่ Detian Fall ก็เป็นน้ำตกหลายชั้นที่น่าทึ่ง มีทั้งชั้นที่น้ำแรงเสียงดังไปจนถึงชั้นที่เงียบมาก” นอกจากนั้นยังมี ion, Moon Hill ถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ที่มีช่องตรงกลางเป็นทรงดวงจันทร์ ซึ่งที่นั่นคือต้นแบบรังของชิลลิน
แมนซ์ร่วมออกความเห็นว่า “เราบินโดรนไปรอบๆ เพื่อดูขนาดของพื้นที่และเก็บภาพฟุตเทจ ซึ่งจะนำไปอ้างอิงก่อนการถ่ายทำ มาตรฐานของผมคือเรื่องความสมจริงเสมอ เราพยายามเก็บภาพจริงให้ได้มากที่สุด เพื่อที่ทีมงานจะได้สร้างฉากดิจิตอลบางส่วนอิงจากต้นฉบับที่ต้องการได้ มันคือการผสมผสานกันอย่างแท้จริงระหว่างฉากที่เราสร้างขึ้นมาได้จริงกับสิ่งที่ทีมงานวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์สร้างขึ้นหลังการถ่ายทำเลยครับ”
ลามอนต์เองถึงกับยอมรับว่ารู้สึกเซอร์ไพรส์ เมื่อพวกเขาบอกว่าจะสร้างน้ำตกจริงขึ้นมาในโรงถ่าย “พวกเขาบอกว่า ‘เราจะสแกนภาพนั้นและสร้างน้ำตก Detian Falls ในเวอร์ชันของเราขึ้นมา’ ผมคิดว่า ‘ไม่นะ เราจะสร้างน้ำตกขึ้นมาในสหราชอาณาจักร’ พอเรากลับบ้านก็เริ่มวางแผนกัน ปรับพื้นที่ให้สูงขึ้น สร้างแบบจำลองและสร้างน้ำตกที่น่าทึ่งแห่งนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าต้องมีการอาศัยสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ ผมถามว่า ‘จะสูบน้ำเข้ามาในฉากนี้อย่างไร? มีความเป็นไปได้หรือ? พวกเขาแค่มองผมและตอบว่า ‘แน่นอน มันต้องเป็นไปได้’ การได้รับการสนับสนุนจากแผนกอื่นๆ อย่างอัตโนมัติแบบนั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก”
ฉากน้ำตกมีความสูง 40 ฟีตและมีป่าไผ่สูง 30 ฟีตอยู่ด้านบน ทีมงานสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์นำทีมโดยผู้ควบคุมสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ อลิสแทร์ วิลเลียมส์ ร่วมงานกับทีมฝ่ายออกแบบเพื่อปลุกชีวิตให้น้ำตก ปั๊มน้ำแรงดันสูง 8 ตัวถูกใช้สำหรับสร้างเอ็ฟเฟ็กต์ให้น้ำตก โดยแต่ละตัวสามารถส่งน้ำได้ 440 ลิตรต่อวินาที เนื่องจากฉากเหล่านี้ต้องถ่ายทำตอน
กลางคืนช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่มีความหนาว จึงต้องเพิ่มความร้อนให้น้ำ 82 ดีกรี (28 องศาเซลเซียส) จนทำให้เรดเมย์นผู้รับบทนิวท์ที่ต้องลงไปแช่น้ำพักหนึ่งถึงกับชื่นชม
นักแสดงเล่าด้วยความประหลาดใจ “ในภาพยนตร์ ‘Fantastic Beasts’ ทั้งหมด ผมได้เห็นฉากสุดอลังการมาบ้างแล้ว แต่พอมาถึงที่ Leavesden ได้เห็นน้ำตก ภูเขาขนาดใหญ่ที่ปกลุมป่าไผ่ มันทำให้ผมทึ่งมาก แม้เราจะอยู่ที่นั่นยังไม่อยากเชื่อเลยว่ามันมีจริง”
นิวยอร์ค
ภาพยนตร์มีการหยุดพักกันช่วงสั้นๆ ที่ควีนส์ นิวยอร์ค ที่แลลลี่อ้อนวอนจาค็อบให้กลับไปสู่โลกแห่งเวทมนตร์พร้อมกับเธอ
โชคดีที่ในส่วนของฉากนิวยอร์คขนาดใหญ่จากหนังภาคแรกยังถูกเก็บไว้ แผนกศิลป์จึงสามารถนำกลับมาสร้างใหม่ได้… แต่มีความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่ง ร้านเบเกอรี่ที่เคยประสบความสำเร็จของจาค็อบ ซึ่งคอยเสิร์ฟขนมปังและขนมหวานที่สดใหมในรูปแบบของสัตว์มหัศจรรย์ของนิวท์กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ มันสะท้อนให้เห็นถึงความเศร้าที่ปกคลุมเมือง และความเศร้าที่มาจากการอกหักของจาค็อบ
ฮอกวอตส์และฮอกส์มี้ด
เรียกได้ว่าเป็นความสนุกทั้งของผู้สร้างภาพยนตร์ นักแสดง รวมถึงผู้ชมที่ได้หวนกลับมาสู่ฮอกวอตส์ จุดเริ่มต้นของการผจญภัยแห่งโลกเวทมนตร์ทั้งหมด หลายฉากหายไปแล้วและต้องสร้างขึ้นมาใหม่โดยอาศัยดิจิตอล รวมถึงฉาก Great Hall และ Room of Requirement ในความเป็นจริงแล้วมีเพียงพื้นของฉากสุดท้าย และ Bhutan Prayer Wheel ที่ยังหลงเหลืออยู่
ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ไม่ใช่ห้องของอาจารย์ใหญ่อย่างที่เขาเน “มันไม่ใช่ห้องทำงานที่โดดเด่นอย่างที่เราคุ้นเคยจาก ‘Harry Potter’” ลามนอต์กล่าว “แต่สจ๊วตออกแบบให้มันมีอารมณ์เหมอืนกัน สไตล์เดียวกันและเขามีหอคอยในภายหลังด้วย”
ลอว์เล่าว่า “ผมรักการย้อนกลับไปหาฮอกวอตส์ เพราะผมคิดว่าเป็นที่ดัมเบิลดอร์รู้สึกเหมือนบ้านาที่สุด มันเป็นสถานที่หลบภัยจากโลกสำหรับเขา”
ทัวร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ได้รับความนิยมใน Leavesden ซึ่งมีหลายฉากที่คุ้นตาจากในหนัง และเป็นผลงานล้ำค่าสำหรับการสร้างหมู่บ้านฮอกส์มี้ดขึ้นมาใหม่ แมนซ์เล่าว่า “มีโมเดลฮอกส์มี้ดที่น่ารักในทัวร์ เราสามารถสแกนและใช้เป็นแหล่งอ้างอิงการสร้างทั้งหมู่บ้านของเราได้”
ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้นักแสดงตื่นเต้นดีใจ โดยเฉพาะคนหนึ่งที่ชื่นชมเป็นพิเศษอย่างเจสสิก้า วิลเลียมส์ เธอยืนยันว่า “สำหรับฉันที่อ่านหนังสือทุกเล่มและดูหนังทุกเรื่อง การมาอยู่ในฉากเหล่านี้เหมือนความฝันมากค่ะ ฉันไม่เคยเจอ
อะไรน่าประทับใจขนาดนี้มาก่อน ช่วงเวลา 2 เดือนที่เดินเข้าไปในฉากทุกครั้ง ฉันจะรู้สึกว่า ‘ให้ตายเถอะ! เรากำลังอยู่ในฮอกส์มี้ด!’”
ภายในหมู่บ้านจะมี Hogs Head Inn ที่อาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์เป็นเจ้าของและดูแลบริหาร ในโรงแรมมี 3 ส่วนที่แยกจากกัน คือฉากภายนอกในโรงถ่ายและอีกสองฉากภายในที่สร้างขึ้นในโรงถ่ายเดียวกัน รวมถึงบาร์ด้านล่างด้วย ริชาร์ด คอยล์เล่าว่า “มันดูหมือนจริงจนผมอยากจะดื่มสักแก้วและนั่งใกล้กองไฟ
เยทส์เล่าว่าแสงไฟที่จัดโดยผู้กำกับภาพ จอร์จ ริชมอนด์ ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้โรงแรมได้ “จอร์จเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนัง ‘Harry Potter’ เขาใส่ความรักลงไปกับการทำงาน เช่น การจัดแสงให้ Hog’s Head Inn เขาทำให้ดูอบอุ่น บรรยากาศชวนย้อนกลับไปหาหนังเรื่องก่อนๆ เขาถ่ายทำทั้งเรื่องออกมาอย่างงดงาม
รถไฟสู่เบอร์ลิน
ทั้งทีมมารวมตัวกันครบเป็นครั้งแรกในรถไฟ ที่นั่นนิวท์เล่าถึงแผนการของดัมเบิลดอร์ระหว่างที่เดินทางสู่เยอรมันนี สำหรับโลกของมักเกิ้ลมันคือรถไฟขนส่งผู้โดยสารทั่วไปที่ไม่มีช่องจัดเก็บกระเป๋าด้านหลัง “แต่อย่างไรก็ตาม” ลามอนต์อธิบายว่า “พอเราเข้าไปด้านใน มันกลับดูกว้างเหมือนรถไฟชั้น 1 เป็นการออกแบบ Art Deco เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราเดินทางจากปี 1930 สู่ยุคที่ทันสมัยกว่าหนังภาคก่อน โทนสีดูฉูดฉาดแต่แฝงความมีรสนิยม”
ความหรูหราในรถไฟมีทั้งไม้เมเปิลที่มีสีน้ำตาลและทอง รวมถึงแผงใบไม้สีทอง บาร์และโต๊ะมีรายละเอียดบนแผ่นไม้ ด้านบนเป็นหินอ่อนสีดำและประดับด้วยสีทอง เบาะที่นั่งเป็นหนังสีแดง และยังมีเตาผิงหินอ่อนสีดำที่ทำให้รถไฟดูล้าสมัยน้อยลง ฉากนั้นสร้างขึ้นโดยใช้ลวดที่มีการเคลื่อนไหวโดยสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ ทำให้รถไฟดูเหมือนเคลื่อนที่ไปบนราง
“มันมีประวัติเกี่ยวกับรถไฟแห่งเวทมนตร์จากแฮร์รี่ พอตเตอร์” เยทส์กล่าว “มันดูแล้วน่าเชื่อถือมาก และสัมผัสได้ถึงเวทมนตร์ของจริงระหว่างที่มันพาเราไปส่งจากที่หนึ่งสู่อีกที่หนึ่ง รถไฟของเราเป็นฉากหนึ่งที่นักแสดงชื่นชอบ และเป็นฉากโปรดของผมด้วย”
เยอรมันนีและออสเตรีย
เมื่อเดินทางถึงเบอร์ลิน คามาและบันตี้เดินทางแยกกันตามคำแนะนำของดัมเบิลดอร์ ส่วนคนอื่นเดินทางสู่กระทรวงเวทมนตร์ประเทศเยอรมัน โดยเดินผ่านผนังอิฐที่ปกป้องโลกแห่งเวทมนตร์จากโลกภายนอก เยทส์อธิบายว่า “ผมแปลกใจมาตลอดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเราเดินทางผ่านผนังนานขึ้นกว่าพริบตาเดียว ผมเลยบอกกับคริสเตียน แมนซ์ ที่ฉลาดอย่างน่าทึ่งว่า ‘เราทำให้จาค็อบเดินผ่านกำแพงแบบให้เห็นอิฐนูนขึ้นมา เดินผ่านพวกฝุ่นและซากปรักหักพังได้มั้ย? และพวกเขาก็ทำได้ เมื่อจาค็อบเดินผ่านผนังนี้จะเห็นว่าท่าทางการแสดงของแดนเป็นอย่างไร มันค่อนข้างตลกดีครับ”
สำหรับในโลกแห่งเวทมนตร์ ผู้สนับสนุนผู้ท้าชิงแต่ละคนต่างมารวมตัวกันในการเลือกตั้ง ซึ่งในกลุ่มนั้นมีกลุ่มผู้ติดตามของเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์รวมอยู่ด้วย ป้ายประกาศของผู้ท้าชิงที่มีสีสันทำขึ้นโดยผู้ชำนาญด้านกราฟฟิค เอ็ดดัวร์โด ไลมา และ ไมราโฟรา ไมนา หรือที่รู้จักกันในชื่อไมนาไลมา ผู้รับหน้าที่ด้านกราฟฟิคของภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกแห่งเวทมนตร์ทั้งหมด
ความยิ่งใหญ่ของการออกแบบบริเวณด้านนอกของกระทรวงเวทมนตร์เยอรมัน “ต่างจากกระทรวงต่างๆ ที่เราเคยเห็นมาก่อน” ลามอนต์กล่าว “ได้แรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจาก Chilehause ในแฮมเบิร์กที่สร้างขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 1920 รวมถึงสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคของเยอรมันช่วงยุค 1930 และ 40 ตึกอาคารเป็นอิฐสีฟ้า-ดำ และมีรูปปั้นขนาดใหญ่บริเวณสนามเพื่อเป็นตัวแทนของตัวละครตามที่ได้รับความนิยมในวัฒนธรรมเยอรมัน”
ความรับผิดชอบของทีมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์คือการขยายฉากจริงและกระทรวงอย่างไม่มีเงื่อนไข แมนซ์เล่าว่า “กระทรวงเวทมนตร์ประเทศเยอรมันเป็นฉากหนึ่งที่มีบริเวณด้านนอกสร้างความท้าทายมาก เพราะมันมีขนาดใหญ่ เวลาเรายืนอยู่ในฉากกระดาษแข็งเพื่อดูว่าเราจะถ่ายทำอย่างไร เรารู้สึกได้ทันทีเลยว่า ‘ว้าว มันใหญ่มากเลย!’” ถ้าให้นึกภาพออกคือหากจะสร้างตึกเดียขึ้นมา พวกเขาต้องสร้างตึกที่มีความสูง 90 ฟีตเลยล่ะ
สำหรับการช่วยให้พวกเขาเห็นภาพดิจิตอลขนาดใหญ่ที่มีการขยายแล้ว แมนซ์เล่าต่อว่า “เฟรมสโตร์จัดอุปกรณ์ที่ช่วยทำให้เราเห็นภาพก่อนการถ่ายทำเรียกว่าฟาร์ไซท์ นั่นหมายความว่าเราจะยืนตรงไหนก็ได้ในฉาก เพียงแค่ถือแท็บเล็ตเอาไว้ มันก็จะโชว์ฉากดิจิตอลให้เราเห็น นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับนักแสดง เดวิด ตากล้อง และแผนกศิลป์”
ฉากห้องเต้นรำของกระทรวงก็มีขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน และต้องใช้โรงถ่ายที่ใหญ่ที่สุดของ Leavesden แผนกศิลป์ตกแต่งผนังและพื้นด้วยหินอ่อนสีดำและขาว ส่วนเสาต่างๆ จะเป็นหินอ่อนสีแดง ผนังด้านบนเพดานจะมีใบไม้สีทองปกคลุม แผนกฉากที่ควบคุมโดยปิแอร์ โบฮานนาใช้แชงเดอเลียร์ที่สวยงามตกแต่งอีก 4 ชุด โดยแต่ละชุดใช้ไฟ 250 ดวง ภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่ 2 ผืนตกแต่งที่ผนังห้อง บอกเล่าถึงตัวละครจากโลกแห่งเวทมนตร์และสร้างภาพแอนิเมชั่นโดยวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์
แต่พายุไม่ได้รวมอยู่ในส่วนของอาร์ทเวิร์ค ในฉากการพยายามทำลายงานเลี้ยงของผู้ท้าชิงต้องอาศัยไม้กายสิทธิ์เสกกระแสลมขึ้นมา “”มันเป็นฉากที่สนุกแต่ก็ยากมาก” แมนซ์เล่ารายละเอียด “ข้าวของที่ใช้ตกแต่งฉากทุกชิ้นตั้งแต่แอสพารากัส ล็อบสเตอร์ เครื่องดินเผา แก้วน้ำ เครื่องเงินต่างๆ ต้องถูกสแกนเพื่อให้เราสร้างภาพดิจิตอลเหมือนมันอยู่กลางพายุได้”
ท้องถนนของเบอร์ลินสร้างขึ้นบนโรงถ่าย Leavesden ที่นั่นจะเป็นสถานที่เผชิญหน้ากันระหว่างดัมเบิลดอร์และครีเดนซ์ สำหรับการออกแบบท่าทางในฉากนั้น ผู้ร่วมควบคุมการแสดงผาดโผน โรว์ลีย์ เออร์แลม ได้เล่าว่าพวกเขาอยากสะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์๘องแต่ละตัวละคร “ดัมเบิลดอร์ควบคุมได้มากกว่า ส่วนครีเดนซ์ดูยังอ่อนแอและเจ้าอารมณ์มากกว่า เราเลยต้องพยายามถ่ายทอดการแสดงนั้นออกมาให้ได้ มันมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างสิ่งที่พวกเขาทำอยู่”
เอซร่า มิลเลอร์ยืนยันว่า “การแข่งขันของพวกเขาดุเดือดมาก แต่ก็เต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึกเช่นกัน เราทำงานกันอย่างหนักเพื่อหาท่าทางที่จะบอกเล่าเรื่องราวผ่านการปะทะกันระหว่างพวกเขาได้ มันเป็นเรื่องของพ่อมด
สองคนที่คนหนึ่งได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีพลังมาก ส่วนอีกคนหนึ่งไม่ผ่านการฝึกฝนอะไรแต่เข้าถึงพลังที่มาจากออบส์คูรัสที่อยู่ในตัวเขาได้ นับเป็นความตื่นเต้นและความสนุกที่ผมได้เจอมาเลยครับ”
“ผมพิถีพิถันเรื่องความสวยงามและพลังที่ไร้ขีดจำกัดของดัมเบิลดอร์ในการต่อสู้” ลอว์กล่าว “ทีมนักแสดงผาดโผนรับฟังคำแนะนำจากผมมาก ภาษากายจะถ่ายทอดสื่อถึงพลังของเขาได้อย่างไร และรวมถึงความสงบที่เป็นจุดเด่นของเขาด้วย บางคนที่มีอำนาจจะสงบเยือกเย็นภายใต้ความรุนแรง เพราะพวกเขาอาจต้องใช้กำลัง 80% เอซร่ากับผมสนุกกับการแสดงตรงนั้นมาก”
การประลองไม้กายสิทธิ์ของพวกเขาสร้างความเสียหายที่ผู้ไม่มีเวทมนตร์อาจไม่ทันสังเกตเห็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจที่แมนซ์อธิบายว่าดัมเบิลดอร์สามารถพลิกสภาพความเป็นจริงได้ “ดัมเบิลดอร์สร้างเมืองที่เป็นโลกเสมือนขึ้นมา ทุกอย่างถูกทำลาย กราฟฟิคทั้งหมดจะย้อนกลับหลังและไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย เมืองที่แสนวุ่นวายแห่งนี้กลายเป็นเมืองผีสิงทันที และเขาใช้ดีลูมิเนเตอร์สร้างความมืด มันจะต้องกันข้ามกับโลกแห่งความจริง แต่พวกเขายังต่อสู้กันได้และสร้างพังทลายทุกสิ่งโดยไม่ต้องกังวลอะไร”
เบื้องล่างถนนสายต่างๆ ยังมีฉากแอ็คชั่นที่เกิดขึ้นในเรือนจำเอิร์กสแต็ก เชื่อกันว่าถูกปิดตัวลงแต่เปิดดำเนินการอยู่ชั้นใต้ดิน สิ่งที่ใช้อ้างอิงในการออกแบบคือเหมืองแร่เก่าแก่ที่เลิกใช้งานแล้ว ลามอนต์เลาว่า “มันมีเสาสี่เหลี่ยมที่เป็นหินรองรับน้ำหนักหลังคาที่มีความต่ำมาก สจ๊วตชอบฉากสไตล์นี้ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ และเราชอบที่มันดูคับแคบอึดอัด และมันจะพาเราไปสู่ทางเดินเรือนจำที่วนเป็นเกลียวขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นฉากที่มีหลายองค์ประกอบมาก”
ทิม ลูอิสอธิบายเสริมว่า “เราสร้างเรือนจำนี้ขึ้นมาหลายส่วน เพราะมันยากที่จะสร้างให้มีขนาดใหญ่ตามที่อธิบาย แต่ผู้กำกับภาพฯ จอร์จ ริชมอนด์ ทำให้มันดูยิ่งใหญ่น่ากลัวขึ้นมากกว่าเดิม เพราะฉากนั้นจะถูกความมืดปกคลุม ฉะนั้นตัวละครต่างๆ จะต้องอาศัยแสงไฟช่วยตลอดเวลา”
“ภาพโดยรวมจะเป็นโทนที่ดูอึมครึมและหินก็ทำให้เรารู้สึกได้ว่าไม่อยากอยู่ที่นั่นเอาซะเลย” ลามอนต์กล่าวย้ำ
ในเทือกเขาใกล้กับออสเตรีย Nurmengard Castle เป็นทั้งบ้านและที่บังคับการของเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ฉากภายนอกยังคงเก็บไว้จากภาคที่ 2 ไม่รวมสนามนอกด้านนอก ภายในห้องวาดภาพยังคงบรรยากาศเดิม แต่มีห้องของครีเดนซ์เพิ่มเข้ามา เยทส์อยากให้ห้องสะท้อนถึงความสับสนในตัวละคร บนผนังจึงและพื้นจึงมีพวกการเขียนระบาย ใบไม้ปลิวเข้ามาทางหน้าต่างที่แตก เพิ่มบรรยากาศความวุ่นวายมากขึ้น
สระน้ำห้องใต้ดินของปราสาทสร้างขึ้นด้วยเหล็กและมีไฟใต้น้ำซ่อนอยู่ สัญลักษณ์และตัวอักษรมากมายถูกสลักอยู่บนผนังรอบสระ น้ำและความชื้นที่นั่นเพิ่มความหนาวเย็นและความชื้นให้บรรยากาศห้องใต้ดิน
ภูฏาน
จุดสำคัญของ “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” เกิดขึ้นที่ราชอาณาจักรภูฏาน “ที่นั่นสร้างความรู้สึกหลายอย่างมาก” ลามอนต์กล่าว “มันเลยเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านแห่งเวทมนตร์นี้”
ผู้สร้างภาพยนตร์ไม่สามารถเดินทางไปยังภูฏานเพื่อเก็บภาพได้ แต่โชคดีที่มีข้อมูลใช้อ้างอิงมากพอ Chiba Institute of Technology แห่งประเทศญี่ปุ่นได้รับหน้าที่สำรวจและทำรายงานภายใต้ชื่อ Traditional Bhutanese Houses ซึ่งทีมค้นคว้าได้มอบข้อมูลให้แผนกศิลป์ ในรายงานมีข้อมูลเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมสำคัญและกลายเป็นข้อมูลล้ำค่าสำหรับการออกแบบหมู่บ้านบนเขาของชาวภูฏาน
เครกยึดมั่นทั้งเรื่องความสมจริงและการเน้นสีขาวของสถาปัตยกรรม การออกแบบจึงเน้นที่งานอิฐสีขาว ธงสีขาว และผ้าแขวนสีขาว ในส่วนฉากต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนหลายครั้งตามบรรยากาศท้องถนนและซอกซอยที่เหล่าฮีโร่ของเราพยายามหลบหนีจากผู้ติดตามของกรินเดลวัลด์
ป้อมปราการไอรี่เหนือหมู่บ้านต้องมีบันไดเข้าถึงที่ยาว ซึ่งนักแสดงและทีมงานต้องขอบคุณวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ที่ช่วยยืดขยายบันได ทีมงานของเครกและลามอนต์ศึกษาสถาปัตยกรรมของวัดชาวภูฏาน ระหว่างรอการอนุญาตให้สร้างเมืองแห่งเวทมนตร์ในภูฏานขึ้นมา
เดวิด เยทส์เล่าว่า “ภูฎานมีความมหัศจรรย์และสร้างความยิ่งใหญ่ในหนังช่วงท้ายของทริปที่เกิดขึ้นทั่วโลก… ผ่าน Leavesden ทั้งหมด” เขายิ้ม
เสื้อผ้า
คอลลีน แอตวูดออกแบบเสื้อผ้าให้กับเรื่อง “Fantastic Beasts” ทุกภาค และเดวิด เยทส์เรียกเธอว่า “พลังจากธรรมชาติและความสุขในการร่วมงานด้วย คอลลีนเป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายที่มีความสำคัญมาก เธอใช้โอกาสสร้างสรรค์โลกแห่งเวทมนตร์ที่เธอได้รับมา”
แอตวูดอธิบายถึงการทำงานของเธอในภาคที่ 3 ว่า “ภารกิจสำคัญของฉันกับตัวละครเหล่านี้ คือการแสดงให้เห็นถึงการผจญภัยที่พวกเขาเคยเจอจากภาคก่อน ตอนนี้พวกเขากำลังออกเดินทางอีกแล้ว”
เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นนิวท์ออกจากป่า แอดวูดจึงเปลี่ยนแปลงลุคของเขาตามลำดับ “เขาสวมชุดแนวซาฟารี 3 ส่วนผสมกับชุดของนิวท์แบบที่เป็นผ้าลินินอย่างดี เราย้อมสีเข้มเพื่อให้ดูกลมกลืนกับบรรยากาศ เขายังคงติดโบว์ไทแต่เปิดช่วงคอมากขึ้น”
เมื่อกลับมาสู่บรรยากาศที่เจริญ นิวท์จะสวมโค้ทที่ดูแล้วเหมือนกับโคทปกติของเขา “แต่มันดูสุภาพมากขึ้น” แอตวูดกล่าว “ฉันอยากให้ชุดของเขามีสีสว่างขึ้นหน่อยตัดกับบรรยากาศที่อึมครึมของเบอร์ลิน ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของภาพยนตร์”
เรดเมย์นเล่าว่า “สิ่งหนึ่งที่มีความพิเศษในตัวคอลลีนคือเธอเข้าใจนักแสดง เธอรู้ว่ามันไม่ใช่แค่สิ่งที่อยู่ภายนอก แต่มันคือเครื่องแต่งกายทั้งหมด แม้ว่าสิ่งนั้นผู้ชมอาจมองไม่เห็นแต่สำคัญสำหรับเธอมาก เพราะเธอรู้ว่ามันสำคัญต่อเรา ทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ช่วยให้เราเข้าถึงตัวละครได้”
แอดวูดกำหนดให้ดัมเบิลดอร์แต่งชุดแคชเมียร์ที่สั่งตัดมาอย่างพิถีพิถันและมีสีพิเศษ เธออธิบายว่า “เราให้เขาสวมชุดสีเทาอ่อนที่จะกลืนกับสีลาเวนเดอร์ที่เขาจะสวมตอนเป็นอาจารย์ใหญ่ในภายหลัง เราเพิ่มความสว่างเข้าไปในโค้ทให้เขานิดหน่อย จะได้ดูมีรายละเอียดและความสว่างมากขึ้น แทนที่จะเป็นแค่ผ้าเรียบๆ”
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายได้เลือกโทนสีที่ต่างออกไปสำหรับกรินเดลวัลด์ และจัดให้เขาสวมชุดที่ดูตัดเป็นพิเศษเหมาะกับความทะเยอทะยานของเขา “ชุดของเขาส่วนใหญ่จะเป็นสีเขียวขี้ม้า ซึ่งดูแล้วมีความเป็นเยอรมันมาก เราจัดให้เขาสวมชุดโค้ทยาวที่ไม่ค่อยเหมือนกับพ่อมดคนไหน เพราะกรินเดลวัลด์อยู่ในช่วงชีวิตที่เครียด เขาอยากจะขึ้นเป็นผู้นำของโลก มีพลังยิ่งใหญ่ แต่เขาไม่อยากแสดงออกให้เห็นผ่านเสื้อผ้าที่สีสันฉูดฉาด”
แมดส์ มิคเคลสันสนุกกับเสื้อผ้าที่ช่วยสร้างตัวละครของเขาขึ้นมา “คอลลีนสมคำร่ำลือเลยครับ” เขากล่าว “ทุกอย่างตัดเย็บอย่างพิถีพิถันและสวยงามในแฟชั่นยุค 1930 ซึ่งเป็นช่วงที่มีความทันสมัยในประวัติศาสตร์ เรารู้สึกเท่มากตอนที่สวมเสื้อผ้าของตัวเอง”
มิลเลอร์เองก็รักการร่วมงานกับแอดวูด และชื่นชอบในการเปลี่ยนแปลงชุดของครีเดนซ์ “ฉันตื่นเต้นมากค่ะกับการสวมบทบาทที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งเวทมนตร์อย่างเป็นทางการ ไม่ใช่การพูดถึงในทางไม่ดี เพราะเรารู้ว่าในโลกของนิยายแฟนตาซี คนที่ไม่ดีมักจะมีสไตล์ที่ดูดีกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรแต่เป็นเรื่องจริง นั่นหมายความว่าฉัน
จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ขั้นสูงของคอลลีน แอดวูด ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันปรารถนามาตลอด คอลลีนเป็นผู้ชำนาญ… มีพรสวรรค์และมีศิลปินที่เก่งๆ อีกหลายคนอยู่รอบตัว”
“ครีเดนซ์มีพลังเวทมนตร์และอำนาจมากขึ้น” แอดวูดกล่าว “ฉันเลยอยากสะท้อนผ่านเสื้อผ้าของเขา เราเลือกสีชาร์โคลดำเข้มและสีแดง แต่ฉันเลือกใช้ผ้าไหมสีดำตรงขอบ และเพิ่มลวดลายของผ้าไหมบนไหล่ รวมถึงขอบเสื้อโค้ทของเขาให้เล่นกับแสงไฟ เสื้อกั๊กของเขาผลิตจากผ้าเคลือบเงาญี่ปุ่นที่ฉันเก็บไว้ประมาณ 20 ปี จนในที่สุดพบว่ามันได้ลุกขึ้นมามีชีวิตในหนังเรื่องนี้ มันเป็นผ้าที่มีความมหัศจรรย์ เพราะถึงแม้จะมืดมันก็สะท้อนแสงได้และมีสีรุ้ง”
อีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ตัวกรินเดลวัลด์ ควีนนี่อาจเป็นคนที่ดูมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ผมลอนสีชมพูและเสื้อผ้าโทนสีพาสเทลของเธอถูกแทนที่ผมบลอนด์เงินและเสื้อผ้าโทนเข้ม แอดวูดยืนยันว่า “สีสันของควีนนี่ในเรื่องเป็นสีแดงหลากหลายเฉดสี ตั้งแต่สีแดงเข้มเลือดนกไปจนถึงสีแดงเชอร์รี่ ผสมกับสีเทาและสีชาร์โคล เสื้อโค้ทของเธอทอจากขนจามรีของจริง ซึ่งมีความพิเศษตรงที่มันเหมากับธรรมชาติทั่วโลกที่เกิดขึ้นในเรื่องราว”
ขณะเดียวกันจาค็อบได้เล่าว่า “หากไม่มีควีนนี่คงดูเศร้า ในช่วงแรกเขาดูไร้จุดหมาย” แอดวูดอธิบาย “จากนั้นลาลลี่ได้ ‘เสก’ เขาให้มีตัวตนมากขึ้น ขณะเดียวกันเขายังเป็นคนมีความอ่อนน้อม เราเลยเลือกใช้วัสดุที่เหมาะกับการทำงานสำหรับชุดของเขา ซึ่งจะเป็นสีเอิร์ธโทนและเป็นโทนเย็น ฉันชอบสีที่ตัดกันระหว่างฟ้าและน้ำตาล และใส่ความโดดเด่นด้วยสีแดงอีกนิดหน่อย”
แอดวูดออกแบบชุดของลาลลี่จากความชำนาญของตัวละคร “เธอเป็นผู้มอบการศึกษาและทำตัวเป็นผู้หญิงที่รอบรู้หลายเรื่อง ฉันเลือกสีแดงเลือดนกสำหรับลาลลี่เพราะมันเหมาะกับเธอ และมันช่วยเสริมความมั่นใจได้มากขึ้นด้วยค่ะ”
หน้าที่ของธีซีอุสก็เป็นแรงจูงใจของแอตวูดสำหรับการออกแบบตัวละครของเขาเช่นกัน “ธีซีอุสเป็นตำรวจที่มีความซื่อสัตย์ในเรื่อง ผมเลยจับเขาใส่ชุดสีกรมเพราะชุดนั้นคือเครื่องแบบที่ดูสุภาพมากที่สุด”
แอดวูดตกแต่งให้บันตี้อยู่ในชุดเอิร์ธโทน “เพราะฉันชอบที่ดธอดูติดดินค่ะ และเธอก็มีสปิริตที่น่าทึ่งด้วย เธอสวมเสื้อคลุมขนแกะตัวใหญ่ลายสก็อตที่เน้นประโยชน์การใช้สอยมากกว่า แต่ฉันให้เธอสวมเสื้อคลุมสั้นสีอ่อนเพื่อเน้นความเป็นผู้หญิงของเธอ”
สำหรับคามา ผู้ออกแบบเล่าว่า “เราอยากให้เขาดูอู้ฟู่น้อยลงจากครั้งก่อน เหมือนเขาอยู่ในช่วงที่ลำบาก เน็คไทของเขาดูเหมือนเศษผ้าและเสื้อผ้าของเขาก็เหมือนชุดคนทำงาน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่แบบนั้น แต่เสื้อผ้าเขาสื่อออกมาแบบนั้น”
ริชาร์ด คอยล์เล่าว่าเขาเพิ่มบางอย่างเข้าไปในชุดของอาเบอร์ฟอร์ธ ซึ่งเป็นส่วนประกอบพิเศษชิ้นหนึ่ง “เราคิดว่ามันคงสนุกดีหากอาเบอร์ฟอร์ธดูเหมือนอัลบัสในเวอร์ชันที่ด้อยกว่า เขาอาจจะสวมชุดเก่าของอัลบัสก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมบอกคอลลีนคือคงจะดีหากมีเข็มกลัดแพะ เพราะผู้พิทักษ์ของอาเบอร์ฟอร์ธคือแพะ แล้ววันต่อมามันก็มาอยู่บนชุดของผม”
และเหมือนเช่นเคยที่ความรับผิดชอบของแอดวูดจะต้องดูแลมากกว่านักแสดง รวมถึงกลุ่มผู้คนที่มาอยู่ด้วยกันตามสถานที่ต่างๆ เพื่อสะท้อนถึงความหลากหลายในโลกเวทมนตร์ “เรามีคนที่มีเวทมนตร์จำนวนมาก ตั้งแต่อังกฤษไปจนถึงเยอรมันนีและปิดเรื่องราวที่ภูฏาน” เธอกล่าว “มันสนุกมากค่ะเพราะเราได้ผลิตชุดที่ได้แรงบันดาลใจจากชุดชาวภูฏานด้วย เราอยากให้เกียรติในสไตล์และวัฒนธรรมของภูฏาน รวมถึงทุกคนที่อยู่ในโลกแห่งเวทมนตร์”
ช่วงปิดกล้องการถ่ายทำ เดวิด เยทส์ได้ร่วมงานในขั้นตอนสุดท้ายของเรื่อง “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” กับผู้ลำดับภาพ มาร์ค เดย์ ที่เคยร่วมงานกันในภาพยนตร์ของผู้กำกับฯ มานานกว่า 20 ปี รวมถึงผู้ประพันธ์ดนตรีเจมส์ นิวตัน ฮาเวิร์ด ที่มาสร้างเสียงดนตรีเพื่อตอกย้ำการผจญภัยของตัวละครอีกครั้ง
ผู้กำกับฯ กล่าวว่า “มันมีความน่าสนใจ ผมได้รับข้อความจากคนที่เล่าว่าช่วงที่พวกเขาล็อคดาวน์ พวกเขาเปิดหนังพวกนี้เพื่อช่วยสร้างความสบายใจ เพราะโลกแห่งเวทมนตร์เป็นที่ปลอดภัยสำหรับการออกเดินทางในช่วงที่ทุกอย่างดูจะรงกันข้าม และเราพบว่าหนังเหล่านี้วนเวียนอยู่ในชีวิตของผู้คน… มีหลายคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราว และผมดีใจเพราะนั่นคือความต้องการของเราในฐานะผู้ถ่ายทอดเรื่องราว”
ข้อมูลตัวละคร
นิวท์ สคามันเดอร์ (เอ็ดดี เรดเมย์น)
นิวท์ สคามันเดอร์ มีชื่อเสียงในฐานะนักสัตว์วิเศษวิทยาคนแรกและยังคงเป็นคนเดียวในโลกเวทมนตร์ อีกทั้งยังเป็นผู้เขียนหนังสือ สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ แต่เดิมนั้นเขาใช้ชีวิตเงียบๆ คอยดูแลสัตว์วิเศษและไม่เลือกฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากับผลลัพธ์จากการขึ้นครองอำนาจของเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ เขาก็ไม่อาจทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป อัลบัส ดัมเบิลดอร์มอบความไว้วางใจให้นิวท์เป็นผู้นำพ่อมดแม่มดผู้กล้ากลุ่มเล็กๆ รวมทั้งเพื่อนมักเกิ้ลของเขาอย่างเจค็อบ นิวท์ได้แสดงความกล้าหาญและความฉลาดหลักแหลมขณะดำเนินการตามแผนของดัมเบิลดอร์เพื่อหยุดยั้งกรินเดลวัลด์ แต่นิวท์ก็ไม่ใช่ผู้ที่จะหยั่งรู้ได้ทุกสิ่ง
อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (จู๊ด ลอว์)
อัลบัส ดัมเบิลดอร์ อาจารย์ประจำโรงเรียนฮ็อกวอร์ตส์เคยสนิทสนมกับเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ และรู้ดียิ่งกว่าใครถึงแผนการของพ่อมดศาสตร์มืดอย่างกรินเดลวัลด์ที่ต้องการนำโลกเวทมนตร์เข้าสู่สงครามกับโลกมักเกิ้ล แม้มีพลังอันน่าเกรงขาม แต่ดัมเบิลดอร์ไม่อาจโจมตีกรินเดลวัลด์ได้เนื่องจากทั้งสองได้ทำสัญญาเลือดร่วมกันไว้ เขาจึงได้แต่วางแผนการต่างๆ แล้วยกหน้าที่ให้นิวท์ สคามันเดอร์ พร้อมทีมพ่อมดแม่มดเข้าต่อสู้ประลองเวทมนตร์ด้วยเดิมพันอันประเมินค่ามิได้ เพราะหากพวกเขาแพ้ย่อมหมายความว่าทั้งโลกเวทมนตร์และโลกมักเกิ้ลจะต้องถูกทำลาย จึงนำไปสู่คำถามที่ว่าดัมเบิลดอร์จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าไปได้อีกนานแค่ไหน
เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ (แมดส์ มิคเคลเซน)
เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ไม่ใช่นักโทษหลบหนีที่ปฏิบัติการอยู่ใต้เงามืดอีกต่อไป เขาได้ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อขจัดอุปสรรคทั้งปวงที่เข้ามาขวางทางเขาในการเข้ายึดอำนาจโลกเวทมนตร์โดยสมบูรณ์ กรินเดลวัลด์ผู้โหดเหี้ยมทว่ามีเสน่ห์ดึงดูด ได้ก่อตั้งกลุ่มสาวกผู้จงรักภักดีซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดต่างเชื่อมั่นในแนวทางของเขาที่ว่าพ่อมดแม่มดนั้นมีสถานะเหนือกว่าพวกมักเกิ้ลโดยธรรมชาติ เขาคิดว่าไม่มีใครแข็งแกร่งพอที่จะหยุดยั้งเขาได้ แม้กระทั่งอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ซึ่งไม่สามารถต่อสู้กับเขาได้ด้วยเหตุผลที่ทั้งสองต่างรู้กันเอง
ควีนนี่ โกลด์สตีน (อลิสัน ซูดอล)
ควีนนี่ โกลด์สตีนเป็นแม่มดรักอิสระผู้ตกหลุมรักหนุ่มมักเกิ้ลนักทำขนมชาวอเมริกัน เจค็อบ โควัลสกี้ ทั้งที่โลกเวทมนตร์ในอเมริกามีกฎบัญญัติห้ามความสัมพันธ์ลักษณะนี้เอาไว้ เพราะไม่อยากสูญเสียชายที่เธอรัก เธอจึงเลือกติดตามกรินเดลวัลด์เพราะเข้าใจผิดว่าเขาจะช่วยสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับพ่อมดแม่มดทุกคน กรินเดลวัลด์ใช้ประโยชน์จากพลังของเธอในฐานะเลกจิลิเมนส์ที่อ่านใจคนได้ แต่ยิ่งควีนนี่รับรู้เรื่องราวต่างๆ มากขึ้น ก็ยิ่งน่าสงสัยว่าเธอเล่าทุกอย่างที่รู้ให้กรินเดลวัลด์ฟังจริงๆ หรือเปล่า
เจค็อบ โควัลสกี้ (แดน โฟเกลอร์)
เจค็อบ โควัลสกี้ เป็นมักเกิ้ลชาวอเมริกันที่หลงรักควีนนี่ โกลด์สตีน เธอทำให้เขาอกหักด้วยการเลือกไปติดตามกรินเดลวัลด์ โลกทั้งใบของเขาจึงพังทลายลง เขาไม่อาจหาความสุขได้แม้กระทั่งในการทำงานอบขนมที่ตนรักในนิวยอร์ก เมื่อเขาได้รับการติดต่อให้ออกไปผจญภัยในโลกเวทมนตร์อีกครั้ง สิ่งแรกที่เขาคิดคือเขาไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยแล้ว แต่ถึงตอนแรกจะไม่อยากไป เจค็อบก็ไม่อาจปฏิเสธโอกาสที่จะได้กลับไปพบควีนนี่อีกครั้ง หลังจากร่วมทีมกับเพื่อนสนิทอย่างนิวท์ สคามันเดอร์ มักเกิ้ลที่อยากเป็นพ่อมดมาตลอดรายนี้ก็ได้รับของขวัญพิเศษจากดัมเบิลดอร์ที่ช่วยให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอย่างแท้จริง
ออเรเลียส ดัมเบิลดอร์ หรือเครเดนซ์ (เอซรา มิลเลอร์)
ชายหนุ่มซึ่งเคยมีชื่อว่าเครเดนซ์ บัดนี้ได้กลายเป็นผู้ติดตามของเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ซึ่งได้คืนชื่อที่แท้จริงให้กับเขา นั่นคือ ออเรเลียส ดัมเบิลดอร์ รวมถึงได้มอบไม้กายสิทธิ์ให้เขาใช้พลังในฐานะพ่อมด กรินเดลวัลด์เก็บเครเดนซ์ไว้ใกล้ตัวเพื่อให้เขาเตรียมพร้อมรับภารกิจพิเศษ แต่พลังเวทมนตร์ที่มีชื่อว่าออบสคูรัสยังคงอยู่ภายในตัวเครเดนซ์ พลังนี้ไม่เพียงเป็นอันตรายต่อตัวเขาเองแต่ยังคุกคามชีวิตของผู้อื่นที่อยู่แวดล้อมด้วย
ยูลาลี่ “ลัลลี่” ฮิกส์ (เจสสิกา วิลเลียมส์)
ยูลาลี่ ฮิกส์ หรือลัลลี่ เป็นอาจารย์วิชาคาถาประจำโรงเรียนอิลเวอร์มอร์นี โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์แห่งอเมริกาเหนือและเป็นเพื่อนกับอัลบัส ดัมเบิลดอร์ แม่มดผู้ปราดเปรื่องรายนี้มีความกล้าหาญ รอบรู้ และช่างเจรจา เธอชื่นชอบผลงานของนิวท์ สคามันเดอร์เป็นอย่างยิ่งและเขียนจดหมายติดต่อกับเขามาตั้งแต่เมื่อหนังสือของเขาออกขาย แต่ทั้งสองเพิ่งได้มาพบกันเป็นครั้งแรก เธอพบว่าเจค็อบเป็นคนสนุกสนานและยินดีที่ได้ร่วมงานกันในทีมพร้อมกับนิวท์ ธีซีอุส และคนอื่นๆ เพื่อปฏิบัติภารกิจจากดัมเบิลดอร์
ธีซีอุส สคามันเดอร์ (แคลลัม เทอร์เนอร์)
ธีซีอุส สคามันเดอร์ พี่ชายของนิวท์ สคามันเดอร์ เป็นหัวหน้าสำนักงานมือปราบมารที่กระทรวงเวทมนตร์อังกฤษ ธีซีอุสมีชื่อเสียงในฐานะวีรบุรุษสงคราม เขาเป็นห่วงน้องชายที่มักจะมีปัญหากับทางกระทรวงอยู่เสมอจนทำให้ธีซีอุสต้องลำบากใจ แต่
เขาได้เห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และนิวท์กลายเป็นผู้นำที่ไม่ได้ต่อสู้เพียงเพื่อสัตว์วิเศษของตัวเองเท่านั้น ธีซีอุสจึงภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่จะได้ติดตามน้องชาย
บันตี บรอดเอเคอร์ (วิคทอเรีย ยีตส์)
บันตี บรอดเอเคอร์ เป็นผู้ช่วยผู้ซื่อสัตย์ของนิวท์ สคามันเดอร์ เธอมักใช้เวลาส่วนใหญ่คอยดูแลเหล่าสรรพสัตว์ของนิวท์ รวมถึงคอยจับลูกนิฟเฟลอร์แสนซน บันตีแอบชอบเจ้านายของตนมาตลอดโดยที่เขาไม่รู้ตัวแต่เขาก็เห็นความสำคัญของเธอ มาคราวนี้บันตีต้องสลัดบทผู้ช่วยมารับบทบาทสำคัญในแผนการของดัมเบิลดอร์ซึ่งแม้แต่นิวท์ก็ไม่ได้ล่วงรู้มาก่อน
อาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ (ริชาร์ด คอยล์)
อาเบอร์ฟอร์ธเป็นน้องชายผู้บึ้งตึงของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ เขายังคงไม่พอใจพี่ชายอยู่เสมอมาโดยเหตุผลสำคัญก็มาจากเรื่องราวชะตากรรมของน้องสาวผู้เป็นที่รักอย่างแอรีอานนา อาเบอร์ฟอร์ธเป็นเจ้าของร้านหัวหมูในฮอกส์มี้ด และแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอัลบัสจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ยังยอมให้ใช้ร้านนี้เป็นจุดนัดพบลับสำหรับเหล่าเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของพี่ชาย
ยูซุฟ คามา (วิลเลียม เนดีแลม)
ยูซุฟ คามาเป็นพ่อมดเชื้อสายฝรั่งเศสแอฟริกันผู้สง่างาม เขาพบนิวท์เป็นครั้งแรกในปารีสขณะคามากำลังตามหาตัวเครเดนซ์ คามาเป็นพี่ชายร่วมมารดากับลีตา เลสแตรงจ์ เขาโทษกรินเดลวัลด์ว่าเป็นต้นเหตุทำให้เธอเสียชีวิตในกองเพลิง ดังนั้นเขาจึงมีเหตุผลส่วนตัวที่จะต้องล้มกรินเดลวัลด์ลงให้ได้
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/fantasticbeastsmoviethailand #FantasticBeasts #SecretsOfDumbledore #สัตว์มหัศจรรย์ #ความลับของดัมเบิลดอร์