เดิมทีฉันคิดว่าจะทำ PLAN 75 เป็นหนังยาวในปี 2017 ระหว่างที่ฉันกำลังพัฒนาพล็อตเรื่องนั้น ฉันได้รับการติดต่อจาก เอย์โกะ มิซุโนะ เกรย์ ซึ่เป็นโปรดิวเซอร์ของโปรเจคต์ Ten Years Japan (และกลายมาเป็นโปรดิวเซอร์ของ PLAN 75) เธอกำลังมองหาผู้กำกับที่สนใจอยากทำหนังสั้นว่าด้วยญี่ปุ่นในอนาคต โดยมีแก่นเรื่องเกี่ยวข้องกับประเด็นทางสังคม ฉันเลยคิดว่า PLAN 75 น่าจะเหมาะกับโปรเจคต์นี้ ฉันเลยเสนอ PLAN 75 ไปให้เขา โดยดัดแปลงเป็นฉบับหนังสั้น บทเดิมที่เป็นหนังยาวนั้น ฉันต้องการจะเล่าชีวิตของตัวละคร 5 ตัว ฉันก็เลยเลือกมา 1 ตัวละครเพื่อทำเป็นหนังสั้นความยาว 18 นาที อีกอย่าง ฉันอยากร่วมงานกับฮิโรคาสุ โคเระเอดะด้วย เพราะเขาจะเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ของ Ten Years Japan การทำหนังสั้นเรื่องนั้นจึงนับเป็นโอกาสที่ดีของฉัน
ถ้าไม่นับพล็อตเรื่องที่ดูชวนให้ติดตามและการยินยอมให้คนเลือกตายได้ PLAN 75 กำลังพูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันในญี่ปุ่น เราสามารถสรุปได้เลยไหมว่า หนังกำลังพูดถึงปัญหาสังคมผู้สูงอายุในญี่ปุ่น
ฉันคิดว่าอย่างนั้น หนึ่งในปัญหาวิกฤติของญี่ปุ่นคือประชากรที่อยู่ในสถานะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เช่นผู้สูงอายุ ในโลกความเป็นจริงเราอาจจะไม่มีกฎหมาย PLAN 75 แต่หลายๆ อย่างในหนังนั้นเกิดขึ้นจริงๆ เช่น คนแก่หลายคนยังต้องทำงานเพราะลำพังแค่เงินบำนาญนั้นไม่พอกินพอใช้ ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย ความรู้สึกที่ผู้สูงอายุต้องกลายเป็นภาระของสังคม และพวกเขาก็ต้องอับอายที่ต้องไปขอสวัสดิการใดๆ จากรัฐ บรรยากาศตอนนี้ทำให้ผู้สูงอายุต้องกลายเป็นคนไร้ค่า สิ้นหวัง และที่หนักหนาที่สุดคือ กลายเป็นคนมองไม่เห็นความเจ็บปวดของคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจเล่าในหนัง
ทำไมตัวละครคนแก่ในหนังถึงยอมเข้าร่วมโครงการ PLAN 75 ได้ง่ายนัก
คนญี่ปุ่นมีความเชื่อที่หนักแน่นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนแก่ๆ ว่า เราต้องไม่เป็นภาระของคนอื่น มันคล้ายเป็นศีลธรรมหลักของชาติเลย ทำให้คนญี่ปุ่นแทบทุกคนไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัว เพื่อนฝูง หรือสังคม
นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากสังคมที่ทำให้พวกเขารู้สึกไร้ค่า และเป็นภาระของสังคม สื่อมวลชนเองก็มีส่วนสร้างความหวาดกลัวต่อการเป็นผู้สูงอายุและสังคมสูงอายุ คนก็เลยกลัวเวลาตนเองอายุมากขึ้น แม้แต่ตอนนี้ คนหนุ่มสาวในญี่ปุ่นก็วิตกว่าชีวิตวัยเกษียณของพวกเขาจะเป็นอย่างไร แถมรัฐบาลญี่ปุ่นยังพยายามจะบอกกล่าวกับประชาชนทุกคนว่าให้ช่วยเหลือตนเอง
เราสามารถเรียกสถานการณ์ในหนังของคุณว่าเป็นสังคมแบบ “พรีฟาสชิสม์” (ก่อนการเกิดเผด็จการฟาสชิสม์) ได้ไหม หนังของคุณกำลังวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดเสรีนิยมสุดโต่งหรือเปล่า ไอเดียเรื่องการกำจัดประชากรที่ไม่มีคุณค่าในการผลิตมันดูเป็นฟาสชิสม์อยู่ไม่น้อยเลย
ฉันไม่ได้ต้องการติติงแนวคิดแบบเสรีนิยมสุดโต่ง แต่ฉันพยายามวิจารณ์สังคมที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจและการผลิตมากกว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่างหาก การกำจัดประชากรที่ “ไม่มีคุณค่าในการผลิต”อาจจะใกล้เคียงกับฟาสชิสม์ แม้ประเทศญี่ปุ่นจะไม่มีผู้นำเผด็จการ แต่บรรยากาศดังกล่าวกลับเกิดขึ้นจากแรงกดดันของประชาชนด้วยกันเอง สิ่งนี้แหละที่มันน่ากลัวสำหรับฉัน
การฆาตกรรมหมู่ในช่วงเปิดเรื่อง ทำให้นึกถึงเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในซางามิฮาระ ซึ่งคนร้ายบุกเข้าไปแทงคนพิการ (มีผู้เสียชีวิต 19 ศพ บาดเจ็บ 26 คน โดยผู้ต้องหาเป็นอดีตพนักงานของศูนย์ดูแลผู้พิการเอง)
ฉันตกใจมากตอนได้ข่าวการฆาตกรรมในซางามิฮาระ ตอนฤดูร้อนปี 2016 ฉันมองว่ามันไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากคนบ้าคนหนึ่งลุกขึ้นไปแทงคนพิการ แต่มันเป็นผลผลิตของสังคมที่ใจแคบและไร้เหตุผล ฉันต้องการทำหนังให้คนดูได้ถกเถียงว่าเราต้องการสังคมแบบนี้จริงๆ นะหรือ เหตุการณ์ในซางามิฮาระ คือหนึ่งในแรงกระตุ้นให้ฉันทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ