อีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่ส่งต่อความชิล จัดต้อนรับลมเย็น ๆแห่งขุนเขา กอดหมอก แค้มป์ เขาค้อ‘ ที่เพียงแค่บ่ายแก่ ๆ เหล่า Scooter ก๊วน Biker ก็เข้ามาจับจองพื้นที่กางเต็นท์ เตรียมรับความชิลจากบทเพลงอินดี้ ที่จัดกันยาว ๆ กว่า 8 ชั่วโมงเต็ม โดยภายในงานยังมีกิจกรรมดี ๆ ให้ได้เลือก ชิม ช้อป หรือจะเลือกผ่อนคลายชาร์จพลังความสุขให้ตัวเองทั้ง Activity Zone,  Pool Bar Zone, Massage Zone, Work Shop Zone, Woodoo Zone, Wanderlust Market Zone, Slow Bar Zone เรียกว่างานนี้ได้ทั้งผ่อนคลายเคล้าเสียงดนตรีกันไปแบบเต็ม ๆ 

และทันทีที่แดดร่มลมตกความฟินก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจากอคูสติคกีต้าร์เพราะ ๆ จาก สหายก่อ กรการ มาขับกล่อมให้ได้เคลิ้มเปิดงาน ก่อนจะต่อด้วย ‘Yamin&Nor’ 2 หนุ่มอารมณ์ดีที่งัดบทเพลงแห่งทุ่งหญ้ากับดนตรีคันทรี่ความหมายดี ๆ ของการใช้ชีวิต นำมาบอกเล่า ร้อยเรียงเรื่องราวไปตลอดจนจบโชว์  

ก่อนจะเข้าสู่ช่วงของคอนเสิร์ตจริง ๆ กับฟูลแบนด์วงแรก ดวงดาว เดียวดาย หนุ่มเมืองเหนือ กับโชว์ที่ต้องบอกว่าเข้ากับบรรยากาศแบบสุด ๆ บทเพลงเย็น ๆ แห่งความชุ่มฉ่ำ ต่างถูกโอบล้อมไปด้วยเสียงกระซิบของแมกไม้ผ่านบทเพลงแห่งสายธารทั้ง กลับมาได้ไหม กลับมาอีกครั้งในวงโคจรเราเธอเอาไปทุกอย่างแก่จนป่านนี้คงเป็นไอ้ต้าวต่อไป วอนขอเพียงเธอด้วยหางตา ปิดท้ายโชว์ด้วย ทิ้งบางอย่างเอาไว้ให้กลายเป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นก็พอ 

 ถึงคิวของ อภิรมย์‘ ที่ขอสานต่อความอบอุ่นขึ้นมากอดหมอกท่ามกลางดวงดาวไปกับ 7 บทเพลงซึ้ง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ดวงตานั้นถามกันสักทีเดิมเดิมจดหมายจากโจโจ้, GPS, 213 และ เจ้าสาวไฉไล ที่ต้องบอกว่าถึงตอนนี้อารมณ์แห่งความสุขได้พุ่งทะยานขึ้นไปสุดกราฟแล้ว 

 ปลานิลเต็มบ้าน รับหน้าที่ส่งไม้ต่อความสุขเป็นวงถัดมา ที่ถึงแม้ว่าใครไม่ได้เป็นแฟนเพลงวงนี้ ต่างก็ต้องมีผ่านหูเพลงของพวกเขากันมาบ้าง ทั้ง ที่รักบอกโลกส่วนตัวแค่นั้นเอง ก่อนจะขอปิดท้ายโชว์ไปกับเพลงสุดฮิตของวงอย่าง นาฬิกา ที่แฟนเพลงด้านล่างต่างลุกขึ้นมาขยับแข้งขายืดเส้นยืดสายกันแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโชว์ของวงที่เอาคนดูอยู่หมัดได้ดีนักแหละ ก่อนจะลากลับเข้าหลังเวทีไป 

            ถัดมาจึงเป็นคิวของ ‘Greasy Cafe’ ศิลปินที่แมสสุดในงานนี้ แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ไป ที่ถึงตอนนี้ด้านหน้าเวทีไม่มีใครนั่งกันแล้ว ลุกขึ้นเอนจอยไปกับโชว์ของพี่เล็ก Greasy Cafe กันทุกคน ที่วันนี้ต้องบอกว่าพิเศษมาก ๆ เพราะพี่เล็กนำโชว์รูปแบบใหม่ อคูสติคร็อก ที่บัลลาดบาดใจหัวใจคนหนุ่มสาวกันเป็นแถว ไล่มาตั้งแต่เพลง ไกลระเบิดเวลาวันทรงจำแสงของไฟความเลือนลางหมุนฝืนภายใต้ท้องฟ้าสีดำ ก่อนจะถึงช่วงพีคสุดของโชว์กับเพลง สิ่งเหล่านี้ ที่ต้องบอกว่าทุกเพลงแฟน ๆ ต่างก็ร้องกันกระหึ่ม กลบเสียงจิ้งหรีดเรไรมิดเลยทีเดียว

เพิ่มอารมณ์ความพีคกันต่อกับ จุลโหฬาร‘ อีกหนึ่งวงดนตรีดี ๆ ที่ไม่ได้หาดูกันได้ง่าย ๆ ที่ขอเริ่มโชว์ด้วยเพลงชื่อเดียวกับวง จุลโหฬาร‘ ให้อารมณ์สูดเสียงพิณเคล้ากลิ่นแคนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ก่อนจะชวนแฟน ๆ แด๊นซ์กันให้ยับกับเพลง ดิ้นสาวอีสานรอรักกระแซะกุหลาบแดงสาวรำวงจุลซาวด์ ที่งานนี้ขอจัดมาแบบจุก ๆ ถึง 11 เพลงด้วยกัน  เล่นเอาแฟน ๆ ขาลากกันถ้วนหน้า  

ก่อนจะปิดท้ายค่ำคืนแห่งความสุขนี้กันด้วย กรุงกวี ที่ดูจะร็อกสุดในนี้งานแล้ว บอกเลยว่าไม่มียอมน้อยหน้า ส่งเพลงสาวสักลาย มาประเดิมเปิดเวที ก่อนจะตามติดมาอีกเป็น 10 บทเพลง เช่น ของปลอมคนขี่หลังควายเจ้านายที่รักขึ้น ๆ ลง ๆแว่นวิเศษอีสานบ้านเฮา ที่แต่ละเพลงก็ดูจะทำเอาแฟนเพลงแถวหน้าที่ทั้งเต้นและโยกหมดแรงกันเป็นแถว ๆ เลยทีเดียว 

 นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานยังได้ร่วมทำบุญกันอีกด้วยเพราะรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดงานในครั้งนี้ได้นำไปมอบให้กับโรงพยาบาลเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ อีกด้วย