บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารภายใต้แบรนด์ “หงษ์ทอง” เปิดตัวข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% Limited Edition ผลผลิตจากความเชี่ยวชาญที่บ่มเพาะมานานกว่า 85 ปี พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ได้ข้าวหอมมะลิที่ “หอมที่สุด” และ “นุ่มที่สุด” เสิร์ฟให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง ด้วยจำนวนที่จำกัด พร้อมเดินหน้าสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงการหงษ์ทองนาหยอด พัฒนาองค์ความรู้ และสนับสนุนให้เกษตรกรนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้
นายกัมปนาท มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารคุณภาพที่ได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับสากล กล่าวว่า ข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% Limited Edition เป็นผลิตภัณฑ์พิเศษสุดจากข้าวหงษ์ทอง ที่พัฒนาขึ้นเพื่อต้องการยกระดับคุณภาพข้าวหอมมะลิของไทย และเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานข้าวหอมมะลิที่หอมที่สุด นุ่มที่สุด โดยหงษ์ทองได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญที่มีกว่า 85 ปีมาใช้ในกระบวนการผลิต พิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ข้าวที่ดีที่สุด
“ข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% Limited Edition ใช้เมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ ปลูกด้วยกระบวนการนาหยอดในโครงการหงษ์ทองนาหยอด บนพื้นที่กว่า 50,000 ไร่ ในจังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิชั้นดี นอกจากนี้ ยังได้นำนวัตกรรมทางการเกษตรอย่างโดรนควบคุมความหอมของข้าว และโดรนตรวจจับความผิดปกติของแปลงนามาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพของข้าวหอมมะลิให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งนำเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การอาหารมาใช้ตรวจสอบคุณภาพข้าวทั้งทางกายภาพ ความนุ่ม ความหอม เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าจะได้รับประทานข้าวมะลิที่หอมที่สุดและนุ่มที่สุด ซึ่งหนึ่งปีจะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% Limited Edition ได้นำไปเปิดตัวและจำหน่ายให้ผู้บริโภคในงานชัยพัฒนาแฟร์ ที่ชั้น G ศูนย์การค้าไอคอนสยาม โซนข้าวแดนสยาม ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2565 และยังวางจำหน่ายที่ Hongthong online shop และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ” นายกัมปนาท กล่าว
จากความมุ่งมั่นของข้าวหงษ์ทองในการพัฒนาข้าวไทยให้มีคุณภาพ ส่งผลให้ข้าวหงษ์ทองได้เป็นตัวแทนประทศไทยในการประกวดข้าวดีที่สุดของโลก The World’s Best Rice Award โดยสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองถึง 2 ปีซ้อน ในปี 2563 และ 2564
นายกัมปนาท กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพข้าวแล้ว ข้าวหงษ์ทองยังได้ สร้างความยั่งยืนให้เกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในโครงการที่สำคัญคือ โครงการหงษ์ทองนาหยอด โดยสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีปลูกข้าวจากเดิมที่เคยปลูกแบบนาหว่านมาเป็นการทำนาหยอดที่ปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกร อีกทั้งยังได้ผลผลิตที่มีคุณภาพมากขึ้น ข้าวเมล็ดสูง หอมและนุ่มยิ่งขึ้น ซึ่งนับป็นการพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย
นอกจากนี้ ยังได้มุ่งพัฒนาเกษตรกรให้มีองค์ความรู้ โดยเพิ่มพูนทักษะการเกษตร รวมทั้งผลักดันให้เกษตรกรไทยเป็นเกษตรกรยุคใหม่ โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเพิ่มกำไร เช่น โดรนเพื่อการเกษตร เพื่อติดตามสุขภาพและการเติบโตทุกการเพาะปลูก โดยริเริ่มใช้ตั้งแต่การวัดระดับพื้นที่เพาะปลูกเพื่อวางรากฐานแปลงนาให้มั่นคง ใช้ในการวางระบบน้ำเพื่อให้มีน้ำเพียงพอต่อการทำนาและสูบน้ำออกได้ง่ายก่อนเก็บเกี่ยว รวมทั้งการใช้ RGB Sensor เพื่อวัดความอุดมสมบูรณ์ของแปลงนา และติดตามการเติบโตทุกช่วงเพาะปลูกด้วยแพลตฟอร์ม Varuna Land Monitoring
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจากความใส่ใจนี้ ส่งผลทำให้ได้ผลผลิตข้าวหอมมะลิไทย ที่มีคุณภาพสูง ที่หอมที่สุด นุ่มที่สุด และอร่อยที่สุดแห่งปี สมดังคำว่า “ข้าวแดนสยาม” เพื่อส่งต่อให้ผู้บริโภคทุกคน ได้ลิ้มรสความหอมนุ่มอร่อย ดั่งได้เติมความสุขในทุกๆ ครั้งที่ตักทาน
————