ถ้าพูดถึงหมอลำคณะใหม่มาแรง ที่มุ่งมั่นเดินสายสร้างความม่วนให้กับแฟนๆ ในฤดูกาลนี้ ต้องยกให้ อีสานนครศิลป์ ซึ่งแจ้งเกิดพระเอกนางเอกน้องใหม่มาเฉิดฉายในวงการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีโอกาสเจอตัวบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงอย่าง เฮียหน่อย-สุชาติ อินทร์พรหม หนึ่งในผู้ก่อตั้งหมอลำคณะ อีสานนครศิลป์ มาเผยให้ทราบถึงที่มาของความหลงไหลในมนต์เสน่ห์และศาสตร์แห่งหมอลำ

จนทำให้คนเมืองกรุงอย่างเขาตัดสินใจผนึกกำลังความคิดร่วมกับพาร์ทเนอร์ บอสโน้ต-มานิต โทแสง คนสำคัญอีกคน เพื่อผลิตผลงานมาประดับวงการหมอลำอย่างสุดกำลังความสามารถ

เฮียหน่อย-สุชาติ เผยว่า “การตั้งวงหมอลำ ‘อีสานนครศิลป์’ มันเกิดจากผมและบอสโน้ตคนสองคนที่มีความชอบส่วนตัวเป็นพื้นฐานเดิม และมองเห็นว่าความชอบของเราสามารถช่วยนำพาให้เกิดการสร้างงาน  สร้างรายได้ ให้กับกลุ่มคนเกือบ 200 ชีวิตได้มีอาชีพเพื่อเลี้ยงดูตัวเอง ผู้ชมหรือแฟนคลับ ได้รับความสุขจากผลงาน ทีมงานได้มีอาชีพที่มั่นคง เราจึงนำองค์ประกอบของความคิดนี้มาเป็นกรอบความคิดเพื่อเป็นแนวทางในการจัดตั้งคณะหมอลำ เราอยากนำเสนอโชว์ประเพณีของแต่ละจังหวัด เพื่อให้ผู้คนทั่วไปที่ได้มาชมโชว์ แล้วเกิดความรู้สึก อยากไปเที่ยวจังหวัดนั้น ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชน และส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้ไม่มากก็น้อย ในส่วนของผลงาน  เจ้าภาพเห็นแค่ผลงานที่ผมเคยทำไว้กับ ‘เสียงอิสาน’ และที่เคยไปร่วมงานกับวงอื่นๆ เป็นความรู้สึกที่อยากขอบคุณเสมอทุกๆ ครั้ง

ผมก็จะนึกถึงเสมอว่าต้นกำเนิดของวงเรามาจากอะไร ผมต้องขอขอบคุณโอกาส บารมี และความโชคดีที่ผมได้ไปร่วมบริหารวง ‘เสียงอิสาน’ พอได้บริหารในครั้งนั้นมันทำให้ผมได้โอกาสดีๆ กลับมา ไม่ว่าจะเป็นความรักจากแฟนคลับ จากเจ้าภาพที่จ้างงาน เราได้กลุ่มแฟนคลับที่เชื่อมั่นในทีมงานของเรา นี่คือจุดสำคัญมาก หลังบ้านของผม ย้ำ ทุกคนทุกแผนก ที่อยู่รอบตัวผม ทุกคนคือหัวใจสำคัญหลักที่ขับเคลื่อน ทำให้หลายสิ่งที่สำคัญได้เกิดขึ้น และมี ‘อีสานนครศิลป์’ ขึ้นมาได้  สิ่งที่ผมเห็นแน่นอนเลย คือเมื่อไหร่ที่หมอลำมีการแสดง มันเกิดมวลความสุข ความสนุก รักบ้านเกิด อะไรก็ตามที่ทำให้นึกถึงความเป็นอีสาน ผมมักจะได้เห็นความรู้สึกของคนที่นั่งรับชมการแสดงที่มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความสุขเสมอ ซึ่งสะท้อนออกมาแทนความปลื้มใจและความภาคภูมิใจของคนอีสาน ที่มีวัฒนธรรมและรากฐานอันดีงามที่ซึมซับและส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งนั่นกำลังบอกว่า นี่ไง! แค่เขาได้รับรู้ และสัมผัสถึงความเป็นบ้านเกิดของเขาในสิ่งที่เขาจากมาไกล ได้เห็นรายละเอียดอันอ่อนโยนที่ถ่ายทอดจากผลงานที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมา ก็นับว่าเราทุกคนในนาม “อีสานนครศิลป์” ได้เป็นองค์กรหนึ่งที่สามารถสืบสาน ดำรง คงอยู่ และต่อยอดศาสตร์และศิลป์ของคนอีสานให้ยั่งยืนคู่กับลมหายใจของคนอีสานต่อไป เราทุกคนรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติมากๆ ครับ”

ช่องทางการติดตาม อีสานนครศิลป์ แฟนเพจ

 https://www.facebook.com/IsanNaKhonSil?mibextid=LQQJ4d