เจ้าแม่อาณาจักรกันตนา ตุ๊กตา จิตรลดา กัลย์จาฤก ที่วันนี้ควงลูกสาว น้องสตางค์ ดิษย์ลดา ที่มาย้อนเล่าเหตุการณ์เสียน้ำตา หลังเข้ามาสานต่องานในบริษัท พร้อมเปิดใจครั้งแรกกับวิกฤตสุดตกต่ำวงการทีวีรายได้บริษัทหายไปกว่าครึ่ง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกร
ตอนนี้พี่เริ่มเฟดตัวเองจากผู้บริหารกันตนา เฟดมานานหรือยัง?
พี่ตุ๊กตา : อยากจะเฟดทุกวันเลย นี่จะ 60 อยู่แล้ว เริ่มที่จะปล่อยแล้ว ปั้นมาก็ต้องใช้ให้คุ้มหน่อย
คนนี้ปั้นยากไหม?
พี่ตุ๊กตา : ปั้นยาก ก็ปั้นเหนื่อย เริ่มให้เรียนอะไรต่ออะไร กว่าจะถึงวันนี้ก็ต้องถึงเวลาใช้งานแล้ว
แสดงว่าตอนนี้เราสามารถนั่งอยู่บ้านได้ แล้วปล่อยให้ลูกๆ ดูแล?
พี่ตุ๊กตา : ใช่ค่ะ เขาก็ลงไปทำ ต้องขอบอกนิดนึงไม่ใช่แค่ 2 ลูกของพี่นะคะ ลูกของพี่เยอะ ที่บ้านเป็นครอบครัวธุรกิจ พี่น้องก็จะมีลูก หลาน ซึ่งจะเป็นรุ่นอย่างนี้ แล้วตอนนี้พร้อมใช้ แต่ละเบอร์ก็คือเขาก็สามารถทำได้ในตำแหน่งบริษัท รันกันเองพี่น้องได้ดี รุ่นเราก็ค่อยๆ ถอย
ตอนนี้พี่ตุ๊กตาดูแลเรื่องอะไรอยู่บ้าง?
พี่ตุ๊กตา : ก็นั่งดูรวมๆ ส่วนใหญ่ก็พวกละคร
ส่วนน้องสตางค์ก็ไปเป็นผู้จัดตั้งแต่เด็กน้อยเลย เริ่มตอนอายุ 22 ปี?
สตางค์ : ประมาณนั้นค่ะ คือจริงๆ ตางค์เองโตมาในกองถ่ายอยู่แล้ว จำความได้ก็อยู่ในกองถ่ายแล้ว แม้กระทั่งไปหาลูกค้า คุณแม่ก็จูงไปด้วย พอเราไปเรียนกลับมาก็ได้ลุยงานเลย
หลายคนมองว่าครอบครัวกันตนา พ่อ แม่ ทำมาดีแล้ว ลูกรับต่อมันง่าย มันง่ายไหม?
สตาค์ : โอ๊ย..มันไม่ง่ายหรอกค่ะ ก็ก่อนที่มาลุยได้เต็มที่ตางค์เองก็ได้ไปนั่งอยู่ทุกแผนก
คุณแม่จับไปอยู่ทุกแผนก เริ่มแผนกไหนก่อน?
พี่ตุ๊กตา : เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว เอาง่ายๆ เล่นละครก็เล่น ตั้งแต่เป็นตัวประกอบ เป็นอะไรก็เล่น ไปฝึกงาน แต่ก่อนฝึกงานเขาต้องเรียนก่อน จะมีการจัดอบรมสัมนาเป็นทีม มีผู้เชี่ยวชาญมาสอนทุกอย่าง เรื่องการเงิน เรื่องภาษี เรื่องบริษัททุกอย่างเลย สอนกันเป็นปีๆ
สตางค์ได้สัมผัสทุกแผนกของกันตาไหม?
สตางค์ : ได้ค่ะ ก่อนที่จะมาเป็นผู้จัดเต็มตัวไปมาหมด ตั้งแต่การตลาด ฝ่ายขาย ตัดต่อ ทุกอย่าง
แผนกไหนที่เราไม่ชอบที่สุด?
สตางค์ : พวกบัญชี
พี่ตุ๊กตา : เหมือนแม่ แม่ก็ไม่ทำเลย
แล้วเวลทำไหม?
พี่ตุ๊กตา : เวลล์ยังพอรู้เรื่องการดูแลบัญชี แต่พวกนี่พวกไม่เก่งเลขไง ทำงาน ผลิต ทำยังไงให้ละครสนุก ละครดีได้ แต่ถ้าให้คิดเรื่องเงิน คิดไม่ออก ปวดหัว เลยไม่รวยสักที
จำเป็นต้องให้เขาไปทุกฝ่าย ทุกแผนก เพราะอะไร ให้เขาเป็นผู้จัดดูข้างบนไม่ได้เหรอ?
พี่ตุ๊กตา : ถ้าเหมือนเราจะทำอะไรสักอย่าง เราจะต้องทำเองเป็นด้วย ถ้าวันนึงคนนี้ คนนั้นไม่อยู่ ไม่มา เราก็ต้องทำเองได้ งานโปรดักชั่นอย่างพี่ก็ต้องดูหมด ตั้งแต่หาเรื่อง เขียนบท แก้บทเอง สมมติถ่ายตัดต่อใาเป็นยังไงก็ต้องนั่งดูทั้งหมด ทุกอย่างต้องรู้หมด
อย่างนี้พี่เอาอะไรมาวัดว่าสตางค์พร้อมแล้ว?
พี่ตุ๊กตา : ไม่วัดเลย อย่างที่เขาบอก เขาไปกับพี่มาตลอด ไปทุกขั้นตอน อยู่กับเราทุกเวลาที่เราไปทำงาน เพราะฉะนั้นเขารู้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว พอถึงวันที่มันจะต้องทำก็ต้องทำเลย
แล้ววันนั้นมาถึง เราพร้อมไหม?
สตางค์ : ตอนนั้นมั่นใจมาก เรียนจบมา แต่พอไปลุยจริงๆ ปุ๊บ ทุกอย่างที่เรียนไปมันต่างกัน มันไม่เหมือนเวลาเราเจอปัญหาจริงๆ เราได้ไปเรียนรู้การใช้ชีวิตในกอง เจอปัญหาแล้วแก้เลย
แม่ลูก 2 คนเหมือนกันไหม?
พี่ตุ๊กตา : ไม่เหมือน น้องเวลล์เขาจะอีกแบบ เขาจะไม่ถามอะไรเลย เขาไม่อยากให้มาบอกด้วย ทำเอง จัดการเอง พอบอกให้ทำก็ทำเลยนะ แล้วไปเลย ไม่ถาม ไม่อะไร อยากแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อยากทำด้วยตัวเอง
ความเป็นลูกของแม่น่าจะต้องกดดันสุดๆ เพราะคุณแม่ทำไว้ดี เรากดดันแค่ไหน?
สตางค์ : ตรงนั้นเป็นส่วนกดดันหนึ่งส่วน แต่อย่าลืมว่าตอนที่ตางค์เข้ามาทำงานตอนแรกๆ บางคนเห็นตางค์ตั้งแต่เกิด มันก็ต้องไปทีละสเต็ป แล้วต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกๆ ไอเดีย ทำงานด้วยกันเป็นทีมเวิร์ก
จริงไหมตอนแรกร้องไห้แทบทุกวัน โทรหาแม่ทุกวัน?
สตางค์ : ตอนนั้นใช่ค่ะ เรื่องแรกตางค์ทำห้องหุ่น แล้วเรื่องที่สอง ดาวหลงฟ้าคือต้องไปถ่ายทำที่อินเดียเลย ตอนที่โทรหาแม่อยู่อินเดียมั้ง
พี่ตุ๊กตา : เหมือนเขาไปถึงมีปัญหา เขาวางงานไว้แล้ว เริ่มตั้งแต่เข้าประเทศเลย ไปถึงติออยู่ที่ ตม.
สตางค์ : มันก็จะมีปัญหาทุกวัน ที่เราคิดว่ามันไม่เกิดมันก็เกิด แล้วเราต้องดูแล 30-40 คน เราก็เครียดมาก ทุกวัน
คุณแม่ตกใจไหมปัญหาเกิดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน?
พี่ตุ๊กตา : ปัญหาเกิดตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงานอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ
เชื่อไหมเขาไม่สามารถคุยกับนักแสดงบางคนได้ แผงฤทธิ์ใส่?
สตางค์ : ส่วนใหญ่ดาราผู้ใหญ่ที่ทำงานด้วยสตางค์ไม่มีปัญหา น่ารักทุกคน
อายุมากกว่าเราขนาดไหนที่กล้าแผงฤทธิ์ใส่?
พี่ตุ๊กตา : เรื่องปกติทำงานตรงนี้ เจอดารา นักแสดงที่ฤทธิ์เยอะ แต่ก็แก้ปัญหาไป แม่เจอมาหมด แบบกราบเถอะมาเล่นนะคะ เล่นๆ อยู่ ไม่เล่นแล้วก็มี
คนที่แผงฤทธิ์ใส่สตางค์เขาบ่นเรื่องอะไร สคริปต์ เสื้อผ้า?
สตางค์ : ทุกแบบ มีทุกรูปแบบ
ตอนนั้นเราจัดการยังไง เราเด็ก?
สตางค์ : ก็แรกๆ จะเครียดมาก ตอนนี้มีอะไรก็พูดกันตรงๆ เครียดไปเลยประมาณนี้
คุณแม่รู้สึกยังไง พอวันนึงลูกสาวเราทำได้?
พี่ตุ๊กตา : รอดแล้ว ดีเลย สบาย ฉันก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว ก็ดีนะ
สตางค์ : ตางค์ยังไม่ได้มองว่าตัวเองประสบความสำเร็จขนาดนั้น เพราะทุกเรื่อง ทุกโปรเจ็กต์มันมีอะไรให้ตางค์ต้องเรียนรู้อีกมากมาย แต่โกลของตางค์อยากทำให้เรตติ้งมันโอเคในบัตเจทที่ให้มา แต่ก็ยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะ มันไม่มีโปรเจ็กต์ที่เพอร์เฟคท์ 100% อยู่แล้ว
เคยบอกกับพวกเราว่าสงสารลูก ลูกมารับช่วงต่อในช่วงที่เป็นวิกฤตของวงการทีวีเหมือนกัน?
พี่ตุ๊กตา : กำลังเริงร่าดีงามมาปีนี้แหละค่ะ มันก็มีแววมาตั้งแต่โควิด เราก็ผ่านมาได้
พี่ตุ๊กตาบอกว่าโควิดโอเค?
พี่ตุ๊กตา : โอเค โควิดหรืออะไรก็ตามที่ผ่านมา ในช่วงที่ผ่านมา สำหรับพี่ พี่สามารถรอดได้ดีงามแบบงานก็ยังดีอยู่ แต่เพิ่งมาปีนี้แหละที่มันเกิดขึ้นที่ไม่เคยเจอมาก่อน อยู่ดีๆ ทุกอย่างหดหายไปหมดแล้ว งานอาจจะด้วยภาวะเศรษฐกิจที่มันต่อเนื่องมา ทำให้มีผลกระทบต่อวงการทีวีเรา ทางผู้จ้างทั้งหลายเขาก็ลดรายการลง เห็นไหมมีข่าวละครหายไปครึ่งนึงแล้ว หรือลดเวลาลง คือเรารับจ้างผลิต งานส่วนตรงนี้มันก็หายไป น้องก็จะเหนื่อยหน่อย เพราะว่ากว่าจะได้งานแต่ละชิ้นก็จะต้องทำเต็มมากขึ้น แต่โชคดีที่รุ่นนี้เขาจะไปทางแฟลตฟอร์มอื่น
ในฐานะผู้บริหาร พวกยูทูบเข้ามาแชร์ตรงนี้เยอะไหม?
พี่ตุ๊กตา : เยอะ ถามว่ามาดึงลูกค้าไหม คือสปอนเซอร์เขาจะไปลงในโซเชียล เป็นพวกอีกแบบนึงมากกว่า
สมมติ 100% ที่ได้มาตลอด หายไปเท่าไหร่?
พี่ตุ๊กตา : เอาส่วนของละครดีกว่า เพราะอย่างอื่นไม่หาย อย่างอื่นยังดี ละครก็จะหายไปประมาณ 50% จะเห็นว่าตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีใครเปิดกล้องอะไรกันเท่าไหร่ ดาราก็จะตกงาน
ตอนที่เราทำ เราเห็นไหมว่าทุกอย่างมันด้อยลง?
สตางค์ : ก็เห็นค่ะ แต่ว่าตอนนี้ตางค์ว่าพฤติกรรมคนดูมันเปลี่ยนมากๆ แต่ว่าคอนเทนต์ยังเป็นสิ่งที่คนยังต้องการอยู่ เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่การปรับตัว เหมือนเราผ่านมาทุกยุค แต่ตอนนี้เป็นยุคของการที่ต้องพัฒนาคอนเทนต์ในแนวสตรีมมิ่งได้ด้วย เราก็ต้องปรับให้ทัน ด้วยการอักเดตตัวเองตลอดเวลา ตางค์เองก็เดินทางไปเทศกาลทั่วโลกจะคอยอัปเดตเรื่องคอนเทนต์ แล้วพยายามพุดคอนเทนต์เราออกไปด้วยก็ได้เรียนรู้อะไรเยอะ แล้วก็คิดว่ามันไม่น่ามีปัญหาหรอก น่าจะปรับตัวได้
ตอนนี้หลายคนกำลังคิดว่าวงการทีวีกำลังจะตายไปแล้ว มันจะจริงไหม?
พี่ตุ๊กตา : เราก็อย่ายอมให้มันตายสิ เราต้องไม่ยอมนะ เพราะพี่ว่าคนก็ยังต้องการคอนเทนต์ มันอาจจะไม่ได้อยู่บนจอทีวี มันอาจจะไปอยู่ตรงแฟลตฟอร์มอื่น แต่เราคิดว่ายังไงคนก็ยังตัองการคอนเทนต์
ในฐานะคนดูและผู้บริหาร เราแก้ตรงกลางยังไง?
พี่ตุ๊กตา : ปรับตัวเอง ทำให้ครบเลย ปรับตัวเองเท่านั้นเอง เราก็ต้องปรับตัวเองไปให้ได้ทุกที่ ไปอยู่ทุกที่ที่เขาต้องการ
พี่ตุ๊กตาดูแบบนี้เป็นหญิงแกร่งดูแลคนอื่นมากมาย ชีวิตจริงขี้อ้อนมาก?
พี่ตุ๊กตา : เป็นมุกสำหรับอ้อนลูก ไม่งั้นจะไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายกับเรา จะต้องทำอันนู้นไม่ได้ อันนี้ไม่ได้ ลูกจะได้ทำให้
สตางค์ : ช่วงนี้เรายุ่งๆ กันมาก ลุยงานกันเกือบ 7 วัน เลยไม่ค่อยได้ใช้เวลากับคุณแม่เท่าไหร่ช่วงนี้ เขาก็เลยจะอ้อนเป็นพิเศษ
พี่ตุ๊กตา : เรียกร้องความสนใจ
แต่คุณแม่ก็มีความบ่นเบาๆ?
สตางค์ : เบาไหม ก็ไม่ค่อยเบาเท่าไหร่
คุณแม่บอกว่าเวลาที่น้องสตางค์อยู่เมืองไทย เจอน้องสตางค์น้อยกว่าที่อยู่เมืองนอก?
พี่ตุ๊กตา : ถูก อันนี้จริง เพราะว่าเขาไปเรียนหนังสือตั้งแต่เด็กใช่ไหม พี่จะเกาะติดเขาแทบจะ 24 ชม. สมัยก่อนแค่ติดกล้องแล้วผ่านสไกค์ เหมือนจะแค่นั้นแต่ต้องตลอดเวลานะ แม้นางจะเดินไปโรงเรียนก็ต้องโทรศัพท์ด้วย ลูกนอนก็จะต้องดู แล้วเวลาก็จะกลับกัน พี่ไม่ได้ดูคนเดียวนะ ให้คุณยายดูด้วย แต่ไม่ถึงกับเข้าห้องเรียนนะ เวลาเดินไปโรงเรียน จะข้ามถนน คุยกับเพื่อนก็อยู่จนถึงโรงเรียน
ช่วงนั้นมีเวลาส่วนตัวไหม?
พี่ตุ๊กตา : กลับมาเลยไม่ให้เจอเลยไง
กลายเป็นว่าอยู่ที่นี่เจอน้อยกว่าเพราะทำงาน?
พี่ตุ๊กตา : ค่ะ พอกลับมาเมืองไทยมันคงอัดอั้น
สตางค์เป็นนางแบบที่อเมริกามาก่อน?
สตางค์ : ตอนนั้นไปเที่ยว LA กับคุณแม่ ตอนนั้น 13-14 อยู่เลย บอกแม่ลองเข้าเอเจนซี่ที่ LA ดูเผื่อมีใครอยากเซ็นเรา พอไปถึงปุ๊บ พอเข้า 4-5 เอเจนซี่เขาก็เหมือนรับหมดเลย ก็เลย อุ้ย..แม่ไปลุยที่นิวยอร์กดีกว่า ลองบินไปดูสิ ไปเที่ยวเฉยๆ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ปรากฏว่าตอนนั้นเราก็ไปด้วยกัน ไปวอร์กอินเอเจนซี่ต่างๆ ได้เซ็นสัญญากับ 1 เอเจนซี่ เขาบอกว่ายูต้องย้ายมาเลยนะภายใน 2 อาทิตย์ ตอนนั้นกำลังจะเปิดเทอม แต่เราก็ย้ายเลย
แม่ไม่ห้าม?
พี่ตุ๊กตา : ห้ามยังไงละ นางจะเป็น แล้วเอเจนซี่ก็เดินมาขอลูกสาว แล้วพาไป เราแค่ไปเที่ยว แค่ไปลองดู เราไม่ได้ตั้งใจไป เราไปแค่นิวยอร์ก 3 วัน แล้วเขาให้อยู่เลย แล้วเขาพาไปเดี๋ยวนั้น ไปแคสแฟชั่นวีคเลย ก็ได้งานเลยตรงนั้น แล้วเขาเหมือนกับว่าคุณต้องเซ็นนะถ้าจะอยู่
สตางค์เป็นนางแบบนานเท่าไหร่?
สตางค์ : ช่วงนั้นจนถึงอายุ 18 ตอนเข้ามหาวิทยาลัยอยากเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเต็มตัว
แสดงว่าตอนนั้นเป็นนางแบบอาชีพ 3-4 ปีเลย?
สตางค์ : ประมาณนั้นค่ะ ถามว่างตางค์ซีเรียสกับมันไหม ตางค์ซีเรียสระดับนึง แต่ว่าใจไม่อยากทิ้งเรื่องเรียน พอเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็พักงานเดินแบบไปเลย แต่พอกลับมาเมืองไทยก็มีเดินๆ อยู่บ้าง แต่พอมาจัดละครเต็มตัวไม่ได้มีเวลาไปเดิน
พี่ตุ๊กตาบอกว่าในใจลึกๆ คิดว่าถ้าลูกฉันไม่กลับมาจะทำยังไง?
พี่ตุ๊กตา : ตอนนั้นก็กังวล อยู่นานไปหน่อย แล้วไปตั้งแต่เด็ก ก็กลัวเหมือนกันว่าจะเหมือนหลายๆ คนที่ไม่อยากกลับเมืองไทย แต่เขาก็กลับมา
พี่ตุ๊กตาซื้อลอตเตอรี่ยังไงถึงถูกครั้งนึงเกือบ 100 ใบ?
พี่ตุ๊กตา : ก็ซื้อในแอพเป๋าตังค์
พี่กดมั่วหรือมีตัวเลขในใจ?
พี่ตุ๊กตา : มีตัวเลขในใจ แต่ไม่ได้ฝัน ไม่ได้เห็นจิ้งจกสามขา นกสองหัวอย่างนี้ไม่มี ต้องบอกก่อนนะไม่ใช่มนุษย์ซื้อลอตเตอรี่นะ เพิ่งมาซื้อเป็นเมื่อปีที่แล้วที่เขามีแอพ แล้ววันนั้นอยู่ในงานแต่งเฮียเวียร์ แต่งหน้าทำผม แล้วช่างเขาสอนว่าซื้อยังไง เลยเป็นที่มา ซื้อใหญาเลย จิ้มๆ ซื้อปุ๊บมันก็ถูกไป 89 ใบ
จาก 89 ใบที่ถูก ซื้อทั้งหมดกี่ใบ?
พี่ตุ๊กตา : ไม่ได้ซื้อเยอะนะ เพราะมันใบละ 80 บาทเอง หมายถึงว่าพอซื้อเป็น ซื้อทีนึงก็ประมาณไม่เกิน 20-30 เบอร์ 1 เบอร์นี้อาจจะ 5 ใบ แต่ไม่ใช่ใบเดียว ใบเดียวไม่ซื้อ เพราะกลัวถูกรางวัลที่1 แล้วอารมณ์เสีย ก็ซื้อรวมๆ ครั้งนึงเป็น 100 คุณต้องดูว่าถ้าคุณถูกคุณจะคุ้มไหมด้วย เราต้องมีลิมิตของเรา
ที่พูดนี่ไม่ได้ถูกงวดเดียวนะ ถูกมา 20 งวดติดแล้ว?
พี่ตุ๊กตา : ใช่ ตั้งแต่มีแอพ ความสนุกมันอยู่ตรงที่ฉันถูก
ล่าสุดเพิ่งถูกเลยเนี่ย 10 ใบ?
พี่ตุ๊กตา : จะถูก 3 งวดติดกัน 4 งวดติดกันจะอยู่อย่างนี้
พี่ตุ๊กตาสารภาพความจริงมาเลย เอาเลขมาจากไหน?
พี่ตุ๊กตา : จริงๆ คือเลขที่ชอบ ชอบเลขวันเกิดแม่ วันเกิดพ่อ วันเกิดลูก อะไรที่มันพัวพันอยู่กับเรา ไม่มีไปถูอะไรที่ไหน เลยลำบากใจ เพราะมีแต่คนมาถาม แต่พี่ก็มีวิธีของพี่อยู่ พี่ใช้สถิติ
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ ตุ๊กตา จิตรลดา และ สตางค์ ดิษย์ลดา
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ