ท่ามกลางโลกที่กำลังระอุด้วยมรสุมทางสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ไม่ว่าจะด้วยภาวะโลกร้อน หรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง แบรนด์แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ อย่าง “Rip Curl (ริป เคิร์ล) ตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเหล่านี้เป็นอย่างดี กับหนึ่งในวิสัยทัศน์ของ “Rip Curl” คือ การคืนความสุขสู่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ดังนั้นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ถูกวางจำหน่ายล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมความเป็น ECO ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า หรือกระเป๋า ต่างถูกผลิตด้วยกรรมวิธีที่ไม่เพียงแต่พิถีพิถัน แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งด้วยวัสดุอย่างโพลีเอสเตอร์แบบสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ และการลดปริมาณการใช้พลาสติกอย่างถึงที่สุด สิ่งเหล่านี้ล้วนตอกย้ำความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาแบบยั่งยืนของภายใต้ชื่อแบรนด์ “Rip Curl” และเราไม่เคยหยุดพัฒนาไอเดียในเรื่องของการลดภาวะโลกร้อนเลย ครั้งนี้ “Rip Curl” ขออาสาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ผ่านแคมเปญล่าสุด            กด ลด ขวด (Refill Me Up)” นวัตกรรมล่าสุดของเรา ซึ่งจะช่วยให้คุณทั้งคลายร้อน และลดปริมาณการใช้พลาสติกในเวลาเดียวกัน

ทุกวันนี้ผู้คนต่างมี tumbler ไว้ใส่น้ำดื่มในการดำรงชีวิต แต่ยังขาดแคลนตู้กดน้ำสาธารณะที่รองรับ และ         ซัพพอร์ตในส่วนนี้ ทำให้หลายคนยังคงต้องซื้อน้ำดื่มขวดพลาสติกมาเทใส่ tumbler ทาง Rip Curl” จึงอยากสนับสนุนการลดการใช้ขวดลง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และเข้าถึงได้ง่าย และเราได้วาง Position ของตู้กดน้ำ ให้ตั้งอยู่หน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าสามารถกดน้ำมาดื่ม เหมือนมีเพื่อนอยู่เคียงข้างนั่นเอง

ดังนั้นนวัตกรรมล่าสุดนี้ “Rip Curl” จึงเป็นมากกว่าแบรนด์แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ที่รักษ์โลก แต่เรายังพร้อมอาสาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขให้ทุกคน (ได้คลายร้อน) และสร้างโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสามารถก้าวไปในโลกที่ยั่งยืนด้วยกันได้อย่างมีความสุข โดยตู้กดน้ำ กด ลด ขวด (Refill Me Up)” พร้อมให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาวะโลกร้อนนี้ไปด้วยกันแล้ว และจะตั้งอยู่บริเวณหน้าร้าน “Rip Curl Flagship Stores” ทั้ง 15 สาขา ดังนี้

1.       สาขาเอสพลานาด รัชดา

2.       สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์

3.       สาขาเซ็นทรัลเวิลด์

4.       สาขาเมกะ บางนา

5.       สาขาเซ็นทรัล เวสเกต

6.       สาขา POP UP ZPELL

7.       สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว

8.       สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยา

9.       สาขาเทอร์มินอลพัทยา

10.    สาขาหัวหิน มาร์เก็ต วิลเลจ

11.    สาขาจังซีลอน

12.    สาขาเซ็นทรัลภูเก็ต

13.    สาขาพอร์โต เดอ ภูเก็ต

14.    สาขา SUNOVA

15.    สาขาอ่าวนาง

นอกจากนี้ “Rip Curl” ยังมีโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเป็นส่วนหนึ่งในการลภาวะโลกร้อน ได้แก่

โครงการพัฒนาผ้าฝ้าย (Better Cotton Initiative)

เป็นโครงการเพื่อพัฒนาศักยภาพในการใช้ผ้าฝ้ายอย่างยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย “Rip Curl” ได้เข้าร่วมโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา และได้ร่วมกันส่งเสริมการใช้ผ้าฝ้ายที่ดีขึ้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และเรามุ่งมั่นจะเป็นผู้ยกระดับการอุปโภคผ้าฝ้ายทั่วโลก ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไปจนถึงอนาคตที่สดใสของอุตสาหกรรมผ้าฝ้าย

ตัวเลือกใหม่สำหรับไฟเบอร์

เพื่อจะสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เหล่านักออกแบบของ “Rip Curl” ได้ร่วมกันคัดเลือกแบรนด์ผู้ผลิตไฟเบอร์ที่สนับสนุนการกลับมาใช้ซ้ำ หรือรีไซเคิล อีกทั้งยังได้ร่วมกันใช้ไฟเบอร์ของผู้จัดจำหน่ายเหล่านี้ในกระบวนการผลิตที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย โดยมีแบรนด์ที่เราวางใจ เช่น Organic Cotton, Hemp/Cotton, Repreve, Bloom EVA,  BCI และ Ecovero

ลดปริมาณการใช้พลาสติก

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เราได้ประเมินผลิตภัณฑ์ของเราอย่างต่อเนื่อง และได้ลดปริมาณการใช้พลาสติกในกระบวนการผลิตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเราสัญญาว่าจะคงไว้ซึ่งมาตรฐานนี้ อย่างผลิตภัณฑ์บางประเภทที่ไม่ต้องใช้ถุงพลาสติก เราก็ไม่ใช้ และนี่สามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกลงได้ถึง 30% เลยทีเดียว

นำกลับมาใช้ใหม่

“Rip Curl” มีผลิตภัณฑ์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหรือชุดว่ายน้ำ ซึ่งถูกผลิตด้วยกรรมวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการใช้วัสดุที่ใช้ซ้ำและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น โพลีเอสเตอร์แบบใช้ซ้ำและไฟเบอร์ที่สามารถใช้อย่างยั่งยืน

ป้ายผลิตภัณฑ์

แม้แต่ป้ายห้อยผลิตภัณฑ์ของ “Rip Curl” ก็ได้รับการรับรองจาก “Forest Stewardship Council (องค์กรจัดการด้านป่าไม้) ไม่เพียงเท่านั้น ฉลากของเรายังถูกผลิตจากโพลีเอสเตอร์แบบใช้ซ้ำด้วย เพื่อยืนยันความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเรา อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการของเราเท่านั้น “Rip Curl” ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต#RipCurlThailand