ข้อมูลภาพยนตร์ 

ชื่อเรื่อง: Love Stuck รักวนลูป
ประเภท: โรแมนติก-คอเมดี้-แฟนตาซี-ดราม่า
นักแสดง: เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน, ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์, ดู๋-สัญญา คุณากร, เกรซ มหาดำรงค์กุล, ไปป์-มนธภูมิ สุมนวรางกูร
ผู้กำกับ: จงดล สุกุลวรภัทร
ผู้กำกับร่วม: นพรัตน์ รามวงค์
ผู้เขียนบท: กนกพรรณ อรรัตนสกุล, พบเมฆ จุลละครินทร์, ไอรีน อินสด
ผู้กำกับภาพ: ตฤณานนท์ สำเร็จ
ผู้กำกับศิลป์: วุฒินันท์ สุจริตพงศ์
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย: สุธี เหมือนวาจา
ผู้ตัดต่อภาพยนตร์: มานุสส วรสิงห์
ผู้ควบคุมการผลิต: ราชวิน นฤหล้า, กุลเทพ นฤหล้า
ดำเนินการผลิตโดย: Amazon MGM Studios ร่วมกับ Benetone Films
กำหนดสตรีม: วันที่ 17 ตุลาคม 2567
ความยาว: 1 ชั่วโมง 57 นาที
ช่องทางการรับชม: สามารถรับชมได้ที่ Prime Video เท่านั้น 

“ถ้าต้องติดอยู่ในวันสิ้นปี ที่ไม่มีทางออก”
 

ภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ครอบครัว และชีวิตได้อย่างลึกซึ้งชวนติดตาม ทั้งยังเป็นผลงานภาพยนตร์ Amazon Original เรื่องแรกของไทย ดัดแปลงจากภาพยนตร์เรื่อง The Map of Tiny Perfect Things ซึ่งเป็นผลงาน Amazon Original ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Critics’ Choice Award ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสำหรับโทรทัศน์และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม

 

“ติดอยู่ในวันเดิม แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม” 

 

 

 

เรื่องย่อ 

“ทอย” หนุ่มสุดกวนที่พบว่าตัวเองติดอยู่ในลูปเวลาและตื่นขึ้นในเช้าวันที่ 31 ธันวาคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะที่เขาพยายามหาทางออกจากวังวนอันน่าเบื่อหน่ายนี้ เขาได้พบกับ “วี” หญิงสาวลึกลับที่ติดอยู่ในลูปเวลาเดียวกัน ทั้งคู่จึงได้ใช้เวลาร่วมกันตามหาช่วงเวลาสมบูรณ์แบบที่อยู่รอบตัวพวกเขา 

ทอยพยายามหาทางออกจากลูปเวลานี้ แต่วีกลับหันหลังให้กับความตั้งใจของเขา ท่ามกลางความผิดหวัง ทอยได้รู้ความจริงที่ทำให้เขามองทุกอย่างเปลี่ยนไป วีเองก็ได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ ที่ทำให้เปลี่ยนความรู้สึกและรู้ถึงเหตุผลแท้จริง ที่ทำให้ตัวเธอและทอยติดอยู่ในวันนี้ด้วยกัน 

ในขณะที่ทุกอย่างดำเนินต่อไปในลูปเวลาเดิม ทั้งคู่ได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจ และค้นพบบางอย่างที่อาจจะทำให้พวกเขาหลุดพ้นออกจากวังวนแห่งลูปเวลาได้ 

“ตามหาช่วงเวลาสมบูรณ์แบบ ในโลกที่ไม่มีวันพรุ่งนี้” 

 

นักแสดง 

 

ทอย (รับบทโดย เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) 

หนุ่มสุดกวนที่มีความเป็นศิลปิน มีความคิดสร้างสรรค์ ช่างพูดช่างคุย มองโลกในแง่ดี แต่ก็สนใจตัวเองเป็นหลัก มีน้องสาวจอมแสบและพ่อที่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก เขาติดอยู่ในวันที่ 31 ธันวาคม วนเวียนไปมาซ้ำๆ และพยายามหาทางออกจากลูปนี้ จนกระทั่งมาเจอกับสาวปริศนาที่ติดลูปอยู่ในวันเดียวกัน 

 

 

วี (รับบทโดย จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน) 

หญิงสาวลึกลับแต่มีเสน่ห์ วีมักจะมีท่าทีและสีหน้าเรียบเฉยเหมือนมีอะไรซ่อนไว้ในใจ ทำให้เธอน่าค้นหา แต่เมื่อเธอยิ้มก็ทำให้โลกที่น่าเบื่อเปลี่ยนไป วีชื่นชอบในเรื่องราวของฟิสิกส์และหลงใหลดวงดาวบนท้องฟ้า เธอติดอยู่ในลูปวันที่ 31 ธันวาคมเช่นเดียวกับทอย 

 

ริน (รับบทโดย ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์) 

น้องสาวของทอย ผู้มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักดนตรีแซกโซโฟนและพยายามฝึกฝนอย่างหนักเพื่อชิงทุนเข้ามหาวิทยาลัยดนตรีอย่างที่ฝัน รินเป็นคนร่าเริงสดใส สนิทกับพี่ชาย มีความละเอียดอ่อน ช่างสังเกต และเข้าอกเข้าใจผู้อื่น คอยเป็นคนกลางระหว่างพ่อกับทอย หลังจากที่แม่จากไป…บางครั้งเธอก็ใหญ่สุดในบ้าน 

 

 

เมธ (พ่อทอย) (รับบทโดย ดู๋-สัญญา คุณากร) 

พ่อของทอยและริน เป็นคนที่รักลูกมากและมุ่งมั่นตั้งใจจริง เป็นพ่อที่ใจดี อบอุ่น แต่ก็คาดหวังและเป็นห่วงในตัวลูก เขากำลังเปลี่ยนบ้านชั้นล่าง ให้เป็นร้านกาแฟของตัวเอง ที่เตรียมจะเปิดในวันปีใหม่ 

 

แม่วี (รับบทโดย เกรซ มหาดำรงค์กุล) 

แม่ของวี เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนแต่เข้มแข็ง เป็นแม่ที่สนิทและเข้าใจวี พร้อมที่จะสนับสนุนวีในทุกเรื่อง 

 

 

แจ็ค (รับบทโดย ไปป์-มนธภูมิ สุมนวรางกูร) 

เพื่อนสนิทของทอย เป็นเจ้าของร้านจักรยานย่านเจริญกรุง มีนิสัยกวนประสาท โวยวาย แต่จริงใจ ติดเกม ชอบมีไอเดียแปลกๆงงๆ แต่ดันเวิร์ก รับฟังและช่วยเหลือทอยทุกเรื่อง 

 

 

 

กว่าจะมาเป็นภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป 

จากต้นฉบับสู่เวอร์ชั่นไทย…เป็นหนังแนววนลูปที่แตกต่างและน่าจดจำ 

 

ภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์เรื่อง The Map of Tiny Perfect Things ซึ่งในเวอร์ชั่นต้นฉบับได้ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างน่าประทับใจ มีแนวคิดแตกต่างจากภาพยนตร์หรือซีรีส์แนววนลูปทั่วไป เพราะโดยปกติหนังแนววนลูปมักจะนำเสนอในแนวทางแอ็คชั่น ไซไฟ แฟนตาซี แต่ในเรื่องนี้มีไอเดียที่แตกต่าง เน้นเล่าถึงความสัมพันธ์ของคนที่ติดอยู่ในลูปด้วยกัน 

ดิว – จงดล สุกุลวรภัทร (ผู้กำกับภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป) ได้บอกเล่าการตีความ ดัดแปลง และปรับเปลี่ยนเรื่องราวในเวอร์ชั่นต้นฉบับมาสู่เวอร์ชั่นไทยว่า “ผมชื่นชอบหนังเวอร์ชั่นต้นฉบับอยู่แล้ว ชอบทั้งส่วนของไอเดียในตัวหนัง วิธีการนำเสนอตัวละคร ดูแล้วรู้สึกว่าตัวละครในเรื่องมีมิติที่น่าสนใจ รวมไปถึงเงื่อนไขที่ทำให้ทั้งสองคนติดอยู่ในลูปเวลาด้วยกัน โดยเรายังคงคอนเซ็ปต์ที่เป็นหัวใจหลักของหนังต้นฉบับไว้ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนสถานการณ์ เส้นเรื่อง รวมไปถึงบริบทต่างๆให้เชื่อมโยงและเข้ากับความเป็นไทย ในขณะเดียวกันก็ยังมีความเป็นสากลอยู่ ผู้ชมประเทศอื่นๆสามารถซึมซับและประทับใจไปกับหนังเวอร์ชั่นไทยของเราได้ 

สิ่งที่เรามีการปรับเปลี่ยนหลักๆเลยคืออายุของตัวละครในเรื่อง จากเดิมพระเอกนางเอกจะเป็นเด็กไฮสคูล แต่เราปรับให้เป็นวัยทำงานตอนต้น เห็นโลกมามากกว่าเดิม เริ่มค้นหาตัวตนของตัวเองเมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงาน และอยากพิสูจน์ตัวเอง เรารู้สึกว่าคนช่วงอายุนี้มีความน่าสนใจ มีพลังงานอยู่เต็มเปี่ยม ต้องการอิสระ นอกจากนี้เราไม่อยากให้หนังดูเด็กเกินไป อยากให้โตขึ้น เพื่อให้คนดูทุกวัยรู้สึกเชื่อมโยงกับหนังของเราได้ไม่ว่ามุมใดก็มุมหนึ่ง” 

โดย รัตน์ – นพรัตน์ รามวงค์ (ผู้กำกับร่วม ภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป) กล่าวเสริมว่า “อีกจุดหนึ่งที่เรามีการปรับ คือความเร็วในการดำเนินเรื่อง เราเล่าให้กระชับขึ้น ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเข้มข้นลงไปในเรื่องราวบางช่วง โทนโดยรวมของเวอร์ชั่นไทยจะมีความจริงจังมากขึ้น แต่เป็นความจริงจังที่ดูสนุก” 

ดิว – จงดล เล่าต่อว่า “ความพิเศษอีกจุดของเวอร์ชั่นไทยคือ เราเลือกให้วันที่ตัวละครติดลูปไม่ใช่วันธรรมดาทั่วไป ซึ่งถ้าดูเวอร์ชั่นต้นฉบับเขาจะไม่ได้ระบุว่าเป็นวันอะไร แต่เราอยากให้วันของการติดลูปมันมีนัยยะบางอย่าง ก็เลยคิดว่าจะเป็นยังไงถ้าเกิดเราอยู่ในวันสิ้นปี ที่วันปีใหม่ไม่เคยมาถึง และความพิเศษของวันสิ้นปีคือบรรยากาศมวลรวมของความรู้สึก รอบตัวจะมีกลิ่นอายของการเฉลิมฉลอง การตกแต่งประดับประดา แสงสีบรรยากาศของความรัก ความอบอุ่น และความหวัง แต่พอตัวละครต้องติดอยู่ในวันสิ้นปีวนไป ไม่มีโอกาสก้าวข้ามไปสู่วันใหม่..ปีใหม่ เราว่ามันยิ่งเพิ่มความน่าสนใจและความหมายให้กับเรื่องราวโดยรวม” 

 

Tiny Perfect Moment
ช่วงเวลาเล็กๆ ที่สมบูรณ์แบบ 

 

นอกจากไอเดียเรื่องของการติดอยู่ในลูปเวลาแล้ว ภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป ยังนำเสนอเรื่องราวของการตามหา..ช่วงเวลาเล็กๆที่สมบูรณ์แบบ..ความสมบูรณ์แบบหรือความสุขที่ไม่ต้องยิ่งใหญ่ แต่เป็นเรื่องราวเล็กน้อยที่พบเจออยู่รอบตัว 

ดิว – จงดล ผู้กำกับของเรื่อง ขยายถึงแนวคิดนี้ให้ฟังว่า “ช่วงแรกที่ตัวละครติดอยู่ในลูป เค้าได้ทำอะไรสนุกๆ แปลกๆ ที่ไม่เคยได้ลองทำในวันธรรมดา แต่พอติดอยู่ในลูปนานเข้า ความสนุกจากอะไรเหล่านั้นก็กลายเป็นความน่าเบื่อ แต่ความช่างสังเกตและขี้เล่นของทอย ทำให้เขาพบเจอความพิเศษที่เกิดขึ้นกับเรื่องราวเล็กน้อยรอบตัวที่ซ่อนอยู่ เป็นช่วงเวลาเล็กๆที่สมบูรณ์แบบ..คอนเซ็ปต์นี้มันช่วยให้ทั้งตัวละครและคนดู..ที่ถึงแม้จะไม่ได้ติดอยู่ในลูปเวลา แต่อาจจะติดกับลูปการใช้ชีวิต แล้วลืมสังเกตสิ่งรอบๆตัว ได้ย้อนคิดถึงคุณค่าบางอย่าง ที่จะช่วยให้ชีวิตที่ดูเหมือนแสนธรรมดา..มีความพิเศษขึ้นมาได้” 

ใน Love Stuck รักวนลูป ผู้กำกับ ผู้กำกับร่วม และทีมเขียนบท ได้ออกแบบรายละเอียดของ Tiny Perfect Moment ให้รายล้อมอยู่ในสถานที่และสถานการณ์ต่างๆ พร้อมชวนให้คนดูได้ลองมองหาความสุขเล็กน้อยที่ซ่อนอยู่ในทุกๆวันที่เราอาศัยอยู่ 

 

 

 

 

 

รวมดาว…แท็คทีมนักแสดงชั้นนำมาถ่ายทอดเรื่องราวลึกซึ้งชวนติดตาม 

นับเป็นอีกหนึ่งความพิเศษของภาพยนตร์ที่ ดิว – จงดล ผู้กำกับบอกว่า เหมือนรวมแต้มบุญของชีวิตมาใช้กับหนังเรื่องนี้ เมื่อได้ทีมนักแสดงมากความสามารถ ทั้งดาวรุ่ง รุ่นใหม่ และรุ่นใหญ่ มารวมตัวกันอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ และช่วยเติมเต็มให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์ ด้วยทักษะการแสดงของนักแสดงแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน, ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์, ดู๋-สัญญา คุณากร, เกรซ มหาดำรงค์กุล และไปป์-มนธภูมิ สุมนวรางกูร 

ดิว – จงดล สุกุลวรภัทร และ รัตน์ – นพรัตน์ รามวงค์ ผู้กำกับและผู้กำกับร่วม ได้เล่าถึงนักแสดงแต่ละคนที่มาถ่ายทอดเรื่องราวใน Love Stuck รักวนลูป 

 

เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ:  

“เป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งเลยที่ได้เจมส์มาเล่นบททอย เพราะทอยเป็นหนึ่งในตัวละครที่โอบอุ้มเรื่องราวในเรื่อง เป็นบทที่ท้าทายนักแสดงมาก เจมส์มีการแสดงที่โดดเด่น เป็นคนมีของ และเขาทุ่มเทให้กับทุกบทบาทที่ได้รับ ตัวทอยจะมีทั้งส่วนของความรอมคอมและความดราม่าผสมกันอยู่ข้างใน ดังนั้นนักแสดงที่จะมารับบทนี้ต้องเป็นคนที่ลึกซึ้งประมาณนึง เราได้มีโอกาสดูช่อง YouTube ของเจมส์ ได้เห็นแง่มุมความเป็นมนุษย์ของเจมส์ในหลายๆมิติ เราเลยตกลงกันว่าอยากให้เจมส์ลองเข้ามาอ่านบทดู แล้วดูว่าเจมส์อยากจะร่วมงานกับเรามั้ย พอได้คุยถึงทิศทางและมุมมองหนังที่เราอยากจะถ่ายทอด เจมส์ก็ตกลงทันที ซึ่งเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ และเจมส์ก็ห่างหายจากบทแนวนี้นานพอสมควร ผู้ชมน่าจะอยากเห็นเจมส์แสดงหนังแนวรอมคอม” 

 

จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน: 

“เราชอบสายตาของจูเน่ในการถ่ายทอดตัวละครวีมาก ตัววีเขาจะดูเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ จูเน่ไปตีความและทำการบ้านมาอย่างหนัก ในเรื่องนี้จูเน่มีการแสดงที่แตกต่างออกไปจากเรื่องก่อนๆอย่างสิ้นเชิง เราได้เห็นอินเนอร์ความเป็นตัววีฉายออกมา เราได้เห็นศักยภาพด้านการแสดงของจูเน่ ทั้งในมุมโรแมนติกและด้านดราม่า วีเป็นอีกหนึ่งตัวละครหลักที่ขับเคลื่อนหนัง และจูเน่ถ่ายทอดวีออกมาได้อย่างน่าติดตาม ที่สำคัญเคมีจูเน่กับเจมส์มีความเข้ากันมาก พอสองคนอยู่ด้วยกันมันมีเสน่ห์บางอย่างที่อยากให้ผู้ชมได้สัมผัสด้วยตัวเอง” 

 

ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์: 

“ใบปอเป็นนักแสดงที่โดดเด่นและมีความเป็นธรรมชาติมาก เมื่อมีโอกาสเราเลยส่งบทไปให้อ่าน ปรากฏว่าน้องชอบบทและคอนเซ็ปต์ต่างๆในหนัง ก็เลยตกลงรับเล่น ในขณะเดียวกันตัวใบปอเองก็ตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับนักแสดงคนอื่นๆ อย่าง เจมส์ จูเน่ พี่ดู๋ นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่น้องรับเล่นเรื่องนี้ ในเรื่องใบปอจะมีซีนอารมณ์ ซึ่งน้องทำได้ดีมาก และใบปอเล่นเป็นน้องสาวเจมส์ได้อย่างน่ารัก เป็นน้องสาวที่หลายๆคนอยากมี” 

 

ดู๋-สัญญา คุณากร: 

“เราเห็นแง่มุมการแสดงที่มีความอบอุ่นและมีความลึกของพี่ดู๋ เป็นนักแสดงในดวงใจ ที่คิดว่าถ้ามีโอกาสได้ทำหนังจะต้องมีพี่ดู๋ และรู้สึกโชคดีที่พี่ดู๋ตอบรับ พี่ดู๋เป็นคนที่น้อยแต่มาก เรื่องนี้พี่ดู๋ได้มอบการแสดงที่น่าประทับใจ ถ่ายทอดความรู้สึกของพ่อได้อย่างลึกซึ้งและส่งความรู้สึกออกมาถึงคนดู” 

 

เกรซ มหาดำรงค์กุล: 

“เราอยากได้คนที่ดูมีอะไรพิเศษซ่อนอยู่ในแววตา มีความเป็นแม่ที่อบอุ่นแต่บางมุมก็ดูเหมือนซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ เป็นคนที่ดูเอาใจใส่และแคร์ความรู้สึกของลูก เราตามหาคนที่เหมาะกับบทนี้อยู่นานมาก แต่สุดท้ายมาลงตัวที่พี่เกรซ และพี่เกรซใช่อย่างที่เราตามหาเลย” 

 

ไปป์-มนธภูมิ สุมนวรางกูร: 

“ไปป์เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกกามิกาเซ่มาก่อน เขามีจังหวะการแสดงที่เฉพาะตัวมาก เราอยากได้เพื่อนของทอยที่อยู่ตรงกลางระหว่างความยียวนกวนประสาท กับความแคร์เป็นห่วงเพื่อนแบบจริงจัง ไปป์มีมิติบางอย่างที่พอจับมาคู่กับเจมส์แล้ว สามารถสร้างเคมีที่น่าสนใจออกมาได้ เขาทำให้ตัวแจ็คดูมีเลือดเนื้อมีชีวิตจิตใจและกวน….มาก 

 

 

 

 

 

บทสัมภาษณ์นักแสดง 

เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ (รับบท ทอย)
“การกลับมาสวมบทแนวโรแมนติกคอเมดี้ ที่ไม่ได้เห็นมานาน”

Q: ทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้?
A: อย่างแรกเลยคือรู้สึกว่าบทมันดูใหม่ดี เรายังไม่ค่อยเห็นการเล่าเรื่องวนลูปในหนังไทย อย่างที่สองคือตัวบทมันน่าเล่น พอเราได้เห็นว่าตัวทอยเขาต้องไปทำอะไรบ้างก็รู้สึกว่ามันสนุกดีนะ เรื่องนี้ผมได้ลองทำอะไรใหม่ๆ หลายอย่าง  เราก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาทำอะไรแบบนั้นเหมือนกัน อ่านบทแล้วรู้สึกว่ามันส์ดี  

ตอนแรกทีมงานบอกว่าจะใช้ CG ใช้สตันท์สำหรับบางฉากด้วย ผมก็ถามเลยว่าเราจะใช้ทำไม ผมรู้สึกว่าเราอยากเล่นเองทั้งหมดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเรามองว่ามันเป็นเหมือนงานศิลปะของเรา ถ้าเราวาดรูปรูปหนึ่งขึ้นมา ถ้าอยู่ๆ มีคนจะมาวาดต่อให้จบแทนเรา ผมคิดว่ามันก็คงไม่ใช่

Q: ช่วงหลังเราจะคุ้นกับเจมส์ในบทบาทที่ค่อนข้างหนักหน่วง มีความดราม่า รู้สึกอย่างไรบ้างที่เรื่องนี้ได้กลับมาเล่นแนวโรแมนติกคอเมดี้ มีความเป็นวัยรุ่นใกล้เคียงกับตัวเรา?
A: เอาจริงๆ ผมอยากเล่นรอมคอมมาตลอดเลย แต่แค่ว่าไม่มีคนติดต่อมา (หัวเราะ) ผมเล่นรอมคอมนับเรื่องได้เลย สำหรับผมก็รู้สึกว่ามันใหม่เหมือนกันนะ ถ้าเทียบกับตอนเล่นเรื่องฮอร์โมน (Hormones วัยว้าวุ่น) ซึ่งเป็นวัยรุ่นมัธยม ตัวละครในเรื่องนี้มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า เพราะว่าเป็นวัยรุุ่นจบใหม่ ทัศนคติและการมองโลกมันก็ต่างจากตอนนั้น

Q: การร่วมงานกับจูเน่เป็นอย่างไรบ้าง?
A: จูเน่เป็นคนมีของ แล้วก็ขึ้นกล้องมากๆ เป็นคนทุ่มเทกับการแสดง เรารู้จักกันอยู่แล้วแต่ไม่เคยทำงานด้วยกันมาก่อนเลย พอมาเล่นเรื่องนี้ก็เลยจะต้องพยายามจูนตั้งแต่แรกเลย ทั้งวิธีการทำงานและการแสดง เพราะเราต้องทำงานด้วยกันตลอดประมาณ 2 เดือน ผมคิดว่าการคุยกันตั้งแต่แรกสำคัญมากๆ ไม่อย่างนั้นถ้าทำไปก่อนแล้วค่อยมาจูนทีหลัง มันจะมีช่วงที่เราเสียดายว่าทำไมไม่คุยกันก่อนตั้งแต่ก่อนหน้านี้

Q: แล้วพี่ดู๋กับใบปอล่ะ เรื่องนี้เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกเหมือนกันเลยใช่ไหม?
A: ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าพี่ดู๋มีความเป็นพ่อตามบทบาทเลย มีความอบอุ่นในแบบของเขา เรารับรู้ได้ถึงสิ่งนั้นตอนที่แสดงด้วยกัน ส่วนใบปอเรารู้จักกันมาก่อนอยู่แล้วแต่ว่าไม่เคยร่วมงานกัน เราเคยเห็นงานของเขาแล้วเรารู้สึกว่าเขาอยากลองร่วมงานด้วย แล้วพอมาแสดงด้วยกันก็เป็นอย่างที่คิดเลย มีอยู่ซีนหนึ่งที่เขาเล่นดีมากๆ อยากให้รอดูกันครับ

Q: ความท้าทายในการเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้?
A: คงจะเป็นการดึงความสนุกกลับมามั้งครับ เพราะพอเราโตแล้ว ชีวิตมันไม่ได้สนุกขนาดนั้น ชีวิตมันดาร์ค ทำไมฟังดูดราม่าจังวะ (หัวเราะ) เราตีความว่าตัวละครทอยเขาน่าจะอายุซัก 25 เด็กกว่าผมนิดนึง แต่การที่เขาติดลูปมันทำให้การใช้ชีวิตมันมีความสนุกมากกว่าคนอื่นแหละ เราก็ต้องไปหยิบความรู้สึกสนุก ความจอยแบบนั้นมาใช้ ซึ่งผมรู้สึกว่ายากนะ เพราะว่าถ้าลองไปเล่นจะรู้เลยว่าการโกงอายุไม่ใช่เรื่องง่าย

Q: อะไรคือเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้?
A: อย่างแรกเลยคือความสนุกบ้าบิ่นของทอย แต่สิ่งที่มีเสน่ห์กว่านั้นคือหนังมันไม่ได้เล่าว่าเราจะไปสนุกกันยังไง เพราะสุดท้ายแก่นของมันคือหนังครอบครัวนะ ผมชอบสิ่งที่หนังเรื่องนี้ซ่อนไว้ตรงนั้น

Q: ถ้าเลือกได้ว่าจะต้องติดลูปอยู่ในวันใดวันหนึ่ง อยากให้วันนั้นเป็นวันอะไร?
A: วันเกิดตัวเองแล้วกันครับ เพราะอย่างน้อยเราก็มีเพื่อนมาเจอกันวันนั้น เราเป็นคนชอบดื่มชอบสังสรรค์ ถ้าเราเบื่อก็ชวนเพื่อนมาดื่มได้

Q: มีอะไรที่อยากทำเป็นพิเศษมั้ย ถ้าเราต้องติดอยู่ในลูปเวลาแบบตัวละครทอยในเรื่อง?
A: น่าจะเป็นกระโดดร่มแบบคนเดียว เพราะผมเคยโดดร่มแบบมีครูฝึกเกาะหลัง (tandem skydiving) มา 3 รอบแล้ว ความฝันใฝ่ของผมคืออยากโดดคนเดียว แต่มันต้องเรียนก่อน 

 

จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน (รับบท วี)
เสน่ห์การแสดง ที่อยากจะติดลูปไปกับเธอ

Q: จูเน่มีการตีความตัวละครวีอย่างไร และได้ดูภาพยนตร์เวอร์ชั่นต้นฉบับด้วยหรือไม่?
A: ดูค่ะ พอได้รับการติดต่อเข้ามา เน่ก็ดูเลย เพื่อที่จะได้ตัดสินใจและทำความเข้าใจหนังว่ามีคอนเซ็ปต์อย่างไร สำหรับตัวละครวี พี่ดิว (ผู้กำกับ) ก็มีการเล่าให้ฟังว่าคาแรคเตอร์วีจะเป็นประมาณไหน โดยตัววีจะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดไปจากตัวละครเวอร์ชั่นต้นฉบับประมาณนึง รวมๆก็ทำให้เราเห็นภาพวีคร่าวๆ แต่ว่ายังมีพื้นที่ให้เราในฐานะนักแสดงได้ใส่ไอเดียต่างๆของตัวเองลงไป วีเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างชัดเจน มีความมั่นใจและรู้จักจุดยืนของตัวเอง รู้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร และอะไรคือสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถึงบางครั้งวีจะดูเป็นคนแข็งๆ แต่ก็มีมุมอ่อนโยนด้วยเหมือนกั

Q: จูเน่ได้แสดงร่วมกับเจมส์เป็นครั้งแรก เล่าการทำงานร่วมกับเจมส์ให้ฟังหน่อย และในเรื่องต้องเล่นคู่กันมีเขินกันบ้างมั้ย?
A: หนูกับพี่เจมส์รู้จักกันอยู่แล้ว แต่ว่านี่เป็นเรื่องแรกที่ได้ทำงานด้วยกันจริงจัง บางครั้งที่มีฉากกุ๊กกิ๊กก็เลยมีมุมที่ยังเขินกันอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่หนูเป็นผู้หญิงที่มีความมาสคิวลีน (masculine) ประมาณหนึ่ง ส่วนพี่เจมส์ก็เป็นผู้ชายที่มีความเฟมินีน (feminine) ประมาณหนึ่งเหมือนกัน มันเลยกลายเป็นความบาลานซ์เวลาอยู่ด้วยกัน หนูรู้สึกสบายใจที่ได้ทำงานกับเขา สามารถคุยกันตรงๆได้ เวลาอยากเสนอไอเดียอะไรกัน  

อีกอย่างพี่เจมส์เป็นคนที่ตั้งใจและทุ่มเทมากอย่างที่ทุกคนรู้ เรื่องนี้เขามีการฟิตหุ่นดูแลรูปร่าง กินอาหารคลีน เพื่อฉากหนึ่งในหนังเป็นพิเศษเลย อยากให้ลองดูว่าเป็นฉากไหน ใบ้ให้ว่าอยู่ช่วงต้นๆเลยค่ะ 

 

Q: มีอะไรที่ถือว่าเป็นความท้าทายในการแสดงเรื่องนี้หรือไม่? 

A: จริงๆไม่ได้เรียกว่าท้าทาย ต้องเรียกว่าได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำเยอะมากในหนังเรื่องนี้ อย่างพี่เจมส์ก็ได้ลองซิ่งตุ๊กตุ๊กแบบยกล้อ แล้วทั้งหนูกับพี่เจมส์ก็ได้ลองต่อยมวย ได้แต่งตัวแบบร็อกสตาร์ แต่ถ้าเป็นความท้าทายน่าจะเป็นซีนอารมณ์ที่หนูต้องแสดง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ต้องแสดงซีนอารมณ์ประมาณนี้ 

 

Q: มีฉากไหนที่รู้สึกว่าเป็นฉากที่สนุกหรือน่าประทับใจบ้าง? 

A: มีฉากที่ได้โชว์เต้นกับพี่เจมส์ ฉากนี้รู้สึกว่าสนุกดีค่ะ คือทั้งเน่และพี่เจมส์เองมีพื้นฐานการเต้นมาก่อน เพราะเน่เคยอยู่ในในเกิร์ลกรุ๊ปแล้วพี่เจมส์เคยอยู่ในบอยแบนด์ แต่ปรากฏว่าการเต้นในฉากนี้มันไม่เหมือนกับที่พวกเราเคยเต้นมาเลย มันเป็นการเต้นแบบประกบคู่ ความยากของมันคือความซิงโครไนซ์ระหว่างคนสองคน อย่างการหมุนตัว การยกตัว มันต้องอาศัยความเชื่อใจกัน แล้วเน่ต้องใส่ส้นสูงเต้นด้วย เลยเพิ่มความยากขึ้นไปอีก ปกติจะไม่ค่อยถนัดใส่ส้นสูงเท่าไหร่ แต่ก็เป็นฉากที่สนุกค่ะ 

 

Q: ถ้าให้บอกผู้ชมแบบไม่สปอยล์ ผู้ชมจะได้รับอะไรจากการดู Love Stuck รักวนลูป (ความรู้สึกหรือข้อคิดใดๆ)? 

A: เน่รู้สึกว่าผู้ชมจะได้ฉุกคิดในเรื่องของเวลา…เวลาที่เราจะใช้ไปกับอะไร แต่ว่าผู้ชมแต่ละคนอาจจะได้หรือรู้สึกไม่เหมือนกันกับเน่ จากประสบการณ์ที่เจอ หรือจากการให้ความสำคัญในสิ่งต่างๆที่แตกต่างกัน อยากให้ลองดูกัน แล้วบอกเน่ด้วยว่าแต่ละคนได้อะไรจากหนังเรื่องนี้บ้างค่ะ 

 

Q: ถ้าต้องเข้าไปติดในลูปเวลาอยู่ในวันใดวันหนึ่ง อยากเลือกติดอยู่ในวันไหน? 

A: อยากเลือกติดอยู่ในวันไหนก็ได้ค่ะ แต่ขอให้เป็นวันที่เราสุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วย ที่สำคัญไม่มีสิวด้วย เพราะถ้าต้องตื่นมาแล้วป่วยทุกครั้ง หรือมีสิวเม็ดนั้นทุกวัน น่าจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ 

 

Q: และถ้าติดอยู่ในลูปเวลา เราอยากจะลองทำอะไรแปลกๆที่ไม่เคยทำบ้าง? 

A: อาจจะลองคุยกับคนที่ไม่รู้สึกว่าอยากจะคุยด้วยเลย หรือกินในสิ่งที่แพ้หรือสิ่งที่จะทำให้ปวดท้อง เพราะพรุ่งนี้ตื่นมาก็หายปวด 

 

Q: ถ้าหลุดออกจากลูปเวลาที่เราติดอยู่มานานแล้วได้ สิ่งแรกที่อยากทำคืออะไร?
A: อยากนั่งมองหน้าคนในครอบครัวไปเรื่อยๆ 

 

 

ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์ (รับบท ริน)
“น้องสาวแห่งชาติ กับความท้าทายครั้งใหม่”

Q: เพราะอะไรใบปอถึงตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้?
A: อย่างแรกหนูรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีมากเลยค่ะที่จะได้ร่วมงานกับ Prime Video หนูรู้สึกว่าเป็นสตรีมมิ่งที่ใหญ่มากและมีเนื้อหารายการที่น่าสนใจ อย่างต่อมาหนูชอบบทของหนังเรื่องนี้มาก อ่านบทแล้วรู้สึกว่าตัวหนังต้องออกมาดีแน่ๆเลย แล้วก็เป็นครั้งแรกที่จะได้ร่วมงานกับพี่เจมส์และพี่จูเน่ด้วย

Q: บทรินเป็นอย่างไรบ้าง เป็นน้องสาวและลูกสาวแบบไหน?
A: รินจะโตมากับพ่อและพี่ชาย ทำให้ได้รับนิสัยแบบเด็กผู้ชายมาค่อนข้างเยอะ คือจะเป็นคนแมนๆลุยๆ และมีความหลงใหลกับเรื่องดนตรีมาก ด้วยความที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในบ้าน รินเลยพยายามที่จะดูแลทุกคนในครอบครัว และพยายามทำตัวไม่ให้เป็นภาระของพ่อและพี่ชาย

Q: ในเรื่องจะได้เข้าฉากกับพี่ดู๋และเจมส์อยู่ตลอด เล่าการทำงานกับทั้งคู่ให้ฟังหน่อย?
A: หนูกับพี่เจมส์จะเจอกันมาก่อนตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ก็จะมีความสนิทกันประมาณหนึ่งอยู่แล้ว พอมาเล่น Love Stuck รักวนลูป ด้วยกัน เลยยิ่งสนิทกันมากขึ้น เหมือนพี่น้องกันจริงๆเลยค่ะ พี่เจมส์เป็นนักแสดงที่เป็นมืออาชีพมาก เขาจะหาข้อมูลหาเหตุผล ความเป็นไปของตัวละคร หนูรู้สึกว่าพี่เจมส์เตรียมตัวและทำการบ้านดีมาก หนูชื่นชมและเอาวิธีการนี้มาปรับใช้กับตัวเอง หนูไม่อยากเข้าใจตัวละครแค่ผิวเผิน อยากจะมีไอเดียมาแชร์กับทีม รู้สึกว่ามันคือการทำงานแบบมืออาชีพและเป็นทีมเวิร์ค เหมือนเราได้มาทำหนังด้วยกันจริงๆ 

ส่วนพี่ดู๋หนูเห็นผลงานของเขามาเยอะมาก และทุกเรื่องพี่ดู๋แสดงดีมากๆเลย หนูรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นเสน่ห์มากๆในการแสดงของพี่ดู๋ คือพี่ดู๋เป็นคนที่ธรรมชาติมากๆ และทำให้เราเชื่อในสิ่งที่เขาถ่ายทอดออกมา เวลาที่หนูเข้าฉากกับพี่ดู๋ มันคลิกง่ายมาก รู้สึกว่าเราเป็นพ่อลูกกันจริงๆ 

 

Q: มีอะไรที่ถือว่าเป็นความท้าทายในการแสดงเรื่องนี้หรือไม่? 

A: การเล่นแซกโซโฟนค่ะ เป็นทั้งความยากและความน่าสนใจเลย เพราะมันใหม่มากๆสำหรับหนู หนูต้องฝึกเล่นแบบจริงจัง มันยากตรงการควบคุมลมหายใจ เหมือนปอดหนูมันไม่ค่อยมีพลังเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แล้วตัวเครื่องก็หนักเหมือนกัน ถึงจะยากแต่หนูชอบนะคะ หนูซ้อมอยู่เป็นเดือนเลย เอากลับมาฝึกที่บ้านตอนกลางคืน เกรงใจเพื่อนบ้านมากๆ เลยต้องฝึกเฉพาะการวางนิ้วตอนกลางคืน แล้วมาฝึกแบบมีเสียงจริงตอนเช้า หนูไปรีเสิร์ชเพิ่มด้วยว่าท่าทางของนักแซกโซโฟนเวลาเขาแสดง เขามีการวางท่าทางแบบไหน เพื่อให้ดูว่าหนูเป็นนักแซกโซโฟนจริงๆ 

 

Q: มีฉากไหนที่รู้สึกว่าเป็นฉากที่สนุกหรือน่าประทับใจบ้าง? 

A: มีสองฉากเลยค่ะที่หนูประทับใจมาก ฉากแรกเป็นซีนที่ใหญ่มากๆสำหรับหนู คือฉากที่หนูต้องไปแสดงโชว์แซกโซโฟนตรงหน้าหอศิลป์ฯ ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนจริงมาก เหมือนหนูไม่ได้มาถ่ายหนัง แต่มาแสดงดนตรีจริงๆ ก่อนแสดงฉากนี้หนูเครียดมาก กลัวจะทำออกมาได้ไม่ดี แล้วในฉากตัวละครรินของหนูก็รู้สึกเครียดแบบนี้เหมือนกัน หนูเลยเอาความรู้สึกนั้นมาใช้ในฉากจริงๆเลย นักแสดงประกอบก็เยอะมาก เหมือนเป็นผู้ชมจริงๆ เป็นฉากที่ถึงแม้ตอนแรกจะเครียดแต่ว่าตอนหลังสนุกมากเลยค่ะ 

ส่วนอีกฉากเป็นฉากที่แสดงกับพี่เจมส์ หนูเล่ารายละเอียดมากไม่ได้เดี๋ยวสปอยล์ แต่ว่ามันเป็นซีนอารมณ์ ที่ต้องใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ เราถ่ายกันอยู่หลายเทคเหมือนกัน หนูกับพี่เจมส์รับส่งอารมณ์กันดีมาก ทำให้ฉากนั้นออกมาดีค่ะ ถึงใช้พลังไปเยอะ แต่ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยเลย

Q: ถ้าต้องเข้าไปติดในลูปเวลาอยู่ในวันใดวันหนึ่ง อยากเลือกติดอยู่ในวันไหน? 

A: วันที่ได้ไปร่วมแฟชั่นวีคที่ต่างประเทศค่ะ มันเป็นวันในชีวิตที่หนูภูมิใจและประทับใจมากๆ เป็นช่วงเวลาที่ได้เห็นผู้คนแต่งตัวสวย เห็นแฟชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ 

 

Q: และถ้าติดอยู่ในลูปเวลา เราอยากจะลองทำอะไรแปลกๆที่ไม่เคยทำบ้าง? 

A: อยากใช้เงินเท่าไหร่ก็ได้ เท่าที่อยากใช้ เพราะเดี๋ยวตื่นมาเงินก็กลับมาเท่าเดิม 

 

Q: ถ้าหลุดออกจากลูปเวลาที่เราติดอยู่มานานแล้วได้ สิ่งแรกที่อยากทำคืออะไร? 

A: ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มีความสุขค่ะ มันดูเป็นคำตอบนางงามนะ แต่หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ 

 

ดู๋-สัญญา คุณากร (รับบทเมธ – พ่อทอย)
“การแสดงน้อยแต่มาก ที่ได้ใจคนดู”

Q: รู้สึกยังไงบ้างกับการได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้?
A: ตอนที่ได้รับการติดต่อเข้ามา พอรู้ว่าจะเป็นหนังเกี่ยวกับการติดอยู่ในลูป เราก็คิดไปเองเลยสบายแน่ เราอยู่ในลูป เล่นเหมือนเดิมไปเรื่อยๆ มีแค่เจมส์ที่ต้องเล่นใหม่ เราก็แค่เล่นเหมือนเดิมซ้ำๆ นึกว่าจะง่าย…เล่นจริงยากชิบเป๋งเลย ผมเพิ่งรู้ว่าถ้าให้ทำซ้ำแต่มีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปมันเล่นยากมาก

Q: การทำงานกับเจมส์กับใบปอ เป็นยังไงบ้าง?
A: ผมรู้สึกว่าเจมส์กับใบปอมีความใกล้เคียงกับบทบาทที่เขาแสดงมาก เจมส์มีความเฟี้ยว ขาลุย พลังงานเขาเยอะเหมือนแบตเต็มตลอดเวลา ทีนี้พอคนแบตเต็มมาติดลูป ทำอะไรซ้ำๆ หน้าที่ของผมคือเป็นแค่กลไกที่กดดันให้แบตของเขามันระเบิดออกมาเท่านั้นเอง ทุกครั้งที่เราทำซ้ำ เราต้องรู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรกเสมอ…ส่วนใบปอ ถ้าคุณมีลูกสองคนเป็นผู้หญิงกับผู้ชาย ใบปอมีบุคลิกที่ตรงกับในบทที่ควรจะเป็นเลย คือเขามีความเป็นเด็กผู้หญิงที่มีพี่ชาย เขาจะเรียบร้อยกว่าพี่ เหมือนลูกที่เราเป็นห่วงว่าเขาจะไหวไหม แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นเด็กมีความมุ่งมั่นและมั่นใจ  

สำหรับผม ทั้งคู่ดูสมบทบาทมาก ตัวจริงเขาอาจจะไม่ใช่แบบนี้ก็ได้นะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องบอกว่าเขาเตรียมตัวมาสวมบทกันได้ดีเลย

Q: ถ้าต้องติดอยู่ในลูปเวลา คิดว่าตัวเองจะอยากทำอะไรบ้าง?
A: ผมว่ามันคงจะเริ่มต้นด้วยความกลัวก่อน คงจะตกใจและงงกับมันอยู่ซักห้าหกวัน แต่พอเริ่มเข้าใจว่าอ้าว ทำยังไงก็ไม่ตายนี้หว่า ยังไงก็กลับไปเริ่มใหม่อยู่ดี ก็คงจะสนุกไปกับมัน ไปทำสิ่งที่ไม่กล้าทำมาก่อนในชีวิต ผมคงจะไปกระโดดตึก เพราะว่าเป็นคนกลัวความสูง โดดซักพันครั้ง ดูซิว่ามันจะหายกลัวไหม

Q: แล้วถ้าหลุดออกมาจากลูปได้ในที่สุด จะทำอะไรเป็นอย่างแรก?
A: หาวิธีกลับเข้าไปอยู่ในนั้นอีก เพราะเรารู้แล้วว่าออกมาได้ เราก็ดูว่ายังมีอะไรที่ยังไม่ได้เล่น แล้วกลับไปเล่นกับมันอีก

Q: คิดว่าผู้ชมจะได้รับอะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้?
A: ผมเป็นคนชอบหนังวิทยาศาสตร์ ไม่ได้หมายถึงหนังที่มีหลอดทดลองในห้องแล็บ แต่คือหนังที่เราผจญภัยไปกับตัวละครเพื่อหาหนทางหลุดพ้นด้วยวิธีที่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ด้วยอำนาจอภินิหาร เราพยายามหาตรรกะว่าเราควรจะทำยังไงต่อไป ลูปเป็นกติกาที่โหดมาก สำหรับผม ถ้ามีคนทำหนังเล่าเรื่องลูปผมจะอยากดูทันที ผมชอบลูปที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่เราอินไปตัวละครว่า ทำไมเราถึงมาอยู่ในลูปนี้วะ ทำยังไงเราถึงจะออกจากลูปนี้ได้วะ  

ถามว่าผู้ชมจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้ หนึ่งคือคุณจะสนุกไปกับการคิดว่าถ้าเป็นเราที่ติดลูป เราจะเป็นแบบตัวละครไหม และสนุกไปกับคิดหาวิธีออกจากลูป สองคือท่ามกลางความพยายามในการหาคำตอบเหล่านั้น คุณอาจจะเข้าใจชีวิตของคุณมากกว่าเดิม ว่าเดี๋ยววันนี้มันก็จะผ่านไป แต่ลูปจะสอนคุณว่าใน 24 ชม.ที่ผ่านไปในแต่ละวันนั้น ชีวิตคุณได้รู้จักอะไรอีกเยอะ ได้รู้จักความรัก ความเกลียด ความกลัว โมโห และอะไรต่างๆ อีกเยอะเลย…ถ้าคุณพิจารณา 

 

 

 

 

ส่วนผสมที่ลงตัวของสองผู้กำกับ เพื่อความกลมกล่อมของภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป  

 

ดิว – จงดล สุกุลวรภัทร (ผู้กำกับภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป) 

จากกราฟฟิคดีไซนเนอร์ สู่ผู้กำกับมิวสิควิดีโอ ต่อยอดสู่ผู้กำกับโฆษณา
และ ล่าสุดกับการสานฝันการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต 

“โดดเด่นด้วยแนวทางที่แปลกใหม่ การเล่าเรื่องที่แตกต่าง งานดีไซน์ และความถนัดในการสื่อสารกับวัยรุ่น” 

 

ดิว –  จงดล สุกุลวรภัทร เด็กลพบุรีที่บ้านอยู่ตรงข้ามโรงหนัง ทำให้ได้ใช้ชีวิตผูกพันอยู่ในโรงหนังตั้งแต่เด็ก การดูหนังทำให้เขามีความสุขเหมือนหลุดไปอยู่โลกจินตนาการและค่อยๆซึมซับกลายเป็นความรักในภาพยนตร์โดยไม่รู้ตัว  

แต่ในยุคที่การฝึกฝนทำหนังด้วยตัวเองดูจะเป็นเรื่องยาก ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เขาเลยพาตัวเองเข้าใกล้โลกแห่งภาพยนตร์ ด้วยการฝึกทำมิวสิควิดีโอด้วยตัวเอง จากนั้นค่อยขยับเข้าสู่การทำหนังสั้น จนมีโอกาสได้ลองส่งหนังสั้นเข้าประกวดในโครงการประกวดภาพยนตร์โฆษณา Junior Tact award ร่วมกับโรงภาพยนตร์อีจีวี หัวข้องดใช้มือถือในโรงภาพยนตร์  ด้วยไอเดียที่แปลกใหม่ทำให้ได้รับรางวัลที่หนึ่งและที่สามในคราวเดียวกัน 

ในยุคเริ่มต้นเขาได้ลองทำหนังสั้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งอนิเมชั่น สต็อปโมชั่น ผสมผสานหลายเทคนิคการเล่าเรื่อง เพื่อฝึกฝีมือและทดลองแนวทางแปลกใหม่ รวมถึงหาแนวทางที่ใช่ให้กับตัวเอง ถึงแม้ตอนมหาวิทยาลัยเขาจะเรียนทางด้านกราฟฟิคดีไซน์ แต่ดิวเลือกที่จะทำวิทยานิพนธ์เป็นหนังสั้น จากการ์ตูนไทยเรื่อง ฮีชีอิท ของ วิศุทธิ์ พรนิมิต 

หลังจากเรียนจบดิวได้ยึดบทบาทกราฟฟิคดีไซน์เนอร์เป็นอาชีพหลักอยู่สักพัก ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโอ และก้าวเข้าสู่วงการโฆษณา นับเป็นอีกหนึ่งผู้กำกับที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานในวงการโฆษณาและมิวสิควิดีโอ โดยระหว่างนั้นดิวได้มีโอกาสกำกับหนังสั้น โดยได้รับเลือกให้ร่วมโปรเจกต์พิเศษกับมูลนิธิระดับโลก A21 (องค์กรเอกชนระหว่างประเทศเพื่อกำจัดการค้ามนุษย์) จากประเทศอังกฤษ ในแคมเปญ Can You see ME เผยแพร่ในประเทศต่างๆของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งได้ร่วมกำกับโปรเจกต์ภาพยนตร์สั้นเทิดพระเกียรติ เราเกิดบนแผ่นดินรัชกาลที่๙โดยกำกับในเรื่อง “ตื่น 

และล่าสุดกับการรับหน้าที่ผู้กำกับในภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป ของ Prime Video ซึ่งเป็นผลงานภาพยนตร์ยาวเรื่องแรกในชีวิตของเขา 

  • ภาพยนตร์ในดวงใจ 
  • Back to the Future (1985) 
  • Fight Club (1999) 
  • Inception (2010) 

 

  • ผู้กำกับไอดอล 
  • Robert Zemeckis (Back to the Future, Forrest Gump) – “หนังของเขาเป็นหนังในดวงใจผมหลายเรื่องเลย เขาเก่งมากสามารถทำหนังให้มีทั้งความแมสและเป็นหนังที่มีคุณค่าลึกเข้าไปในใจได้ในเรื่องเดียวกัน มีการเล่าเรื่องที่ทั้งสนุกน่าติดตามและให้แง่คิด” 
  • David Fincher (Se7en, Fight Club, Gone Girl, Zodiac, The Social Network) – “ชอบวิธีการเล่าเรื่องของเขาและวิธีในการถ่ายหนังของเขาด้วย มันมีมวลความพิเศษทุกเรื่อง” 
  • Christopher Nolan (Inception, Oppenheimer, Interstellar, The Dark Knight) – “มีไอเดียและวิธีการนำเสนอที่ล้ำมาก และคอนเซ็ปต์ก็ชวนให้เราว้าวในทุกๆเรื่อง” 

 

ประวัติ 

2001 – 2002: กราฟฟิคดีไซน์ – Bakery Music 

2002 – 2007: ผู้กำกับมิวสิควิดีโอ – Jinks Film House 

2007 – 2012: ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา – Maison Films and Production 

2013 – ปัจจุบัน: ผู้กำกับอิสระ 

 

รัตน์ – นพรัตน์ รามวงค์ (ผู้กำกับร่วม ภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป) 

นักดนตรีผู้ค้นพบว่าตัวเองมีใจรักในภาพยนตร์
จากคนเบื้องหลังวงการโทรทัศน์ สู่วงการโฆษณา และก้าวแรกในวงการภาพยนตร์ 

“ถนัดการนำเสนอด้วยสตอรี่นําเทคนิค มีเซนส์ในการแมทช์เพลงกับภาพ” 

 

รัตน์ – นพรัตน์ รามวงค์ เป็นคนลพบุรีเช่นเดียวกับดิว เขามีความผูกพันกับภาพยนตร์ตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อผู้หลงใหลในการดูหนัง ทำให้รัตน์ซึมซับความรักในภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่ได้มีความฝันที่จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เนื่องจากรู้สึกว่าการทำหนังเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไปสำหรับเด็กต่างจังหวัดอย่างเขา  

ช่วงวัยรุ่น รัตน์เริ่มมีความหลงใหลในเสียงดนตรี เขาได้ร่วมก่อตั้งวงดนตรีกับเพื่อน และรับหน้าที่เป็นมือกีตาร์ประจำวง รัตน์กับวงดนตรีของเขาได้มีโอกาสเข้าร่วมการประกวดดนตรีในหลายรายการ และสามารถคว้ารางวัลติดไม้ติดมือกลับมาตลอด 

เมื่อก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย รัตน์ตัดสินใจเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ เอกวิทยุโทรทัศน์ โดยไม่ได้มีพื้นฐานความชอบอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่คิดว่าเป็นคณะที่มีความใกล้เคียงกับเส้นทางนักดนตรีของเขา รัตน์มาค้นพบว่าตัวเองชอบงานด้านกำกับและเบื้องหลัง เมื่อเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 เพราะมีโอกาสได้กำกับสารคดีและมิวสิควิดีโอในวิชาเรียน แต่ตอนนั้นเขาจะย้ายไปเรียนเอกภาพยนตร์ก็ไม่ทันแล้ว จึงพยายามขวนขวายและฝึกฝีมือด้วยตัวเอง เพื่อเข้าไปให้ใกล้กับวงการภาพยนตร์มากที่สุด 

รัตน์เริ่มต้นอาชีพหลังเรียนจบด้วยการเป็นคนเบื้องหลังวงการโทรทัศน์ ทำมาแล้วหลากหลายหน้าที่ ทั้งตัดต่อ กำกับรายการ และโปรดิวเซอร์ จากนั้นจึงได้ผันตัวมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา ทุกครั้งที่มีโอกาสรัตน์จะเลือกนำเสนอโฆษณาในรูปแบบหนังสั้น ตามความชื่นชอบของตัวเอง ผนวกกับความสามารถและเซนส์ในการแมทช์เพลงกับภาพ ที่มีติดตัวมาจากการเป็นนักดนตรีในช่วงวัยรุ่น ทำให้ผลงานหนังสั้นโฆษณาของเขามีความน่าสนใจและถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าประทับใจ จนได้รับการทาบทามจากดิว ให้มาร่วมกำกับภาพยนตร์ Love Stuck รักวนลูป ร่วมกัน 

  • ภาพยนตร์ที่ชอบ 
  • The Witch (2015) 
  • Get Out (2017) 
  • Hereditary (2018) 
  • ผู้กำกับที่ชื่นชอบ 
  • เต๋อ –  นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ 
  • โต้ง – บรรจง ปิสัญธนะกูล 

 

ประวัติ 

2011: เริ่มต้นทำงานกำกับภาพ และตัดต่อรายการต่างๆ เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ 

2012 – 2014: เริ่มต้นรับงานกำกับโฆษณา หนังสั้น คลิปวิดีโอต่างๆ ที่เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ 

2015 – 2018: ผลิตรายการโทรทัศน์ในตำแหน่งควบคุมการผลิตและกำกับรายการ  

2018 – ปัจจุบัน: ผู้กำกับและตัดต่อภาพยนตร์โฆษณาอิสระ