ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.facebook.com/PikachuMovieThailand
โลกของโปเกมอนกำลังจะลุกมาโลดแล่น!
การผจญภัยในรูปแบบไลฟ์แอ็คชั่นครั้งแรกของโปเกมอนในภาพยนตร์เรื่อง “POKÉMON Detective Pikachu – โปเกมอน ยอดนักสืบพิคาชู” นำแสดงโดยไรอัน เรย์โนลด์สในบทนักสืบพิคาชู สร้างอิงจากแบรนด์โปเกมอนอันเป็นขวัญใจ ตัวละครได้รับความนิยมที่สุดในโลกในวงการบันเทิงหลายยุคสมัย และเป็นผลงานแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล
แฟนจากทั่วโลกจะได้พบกับพิคาชูในบทบาทของโปเกมอนนักสืบบนจอยักษ์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ภาพยนตร์ยังได้รวมเหล่าโปเกมอนตัวโปรดอีกมากมาย ซึ่งแต่ละตัวจะมีคุณสมบัติและหน้าตาในแบบเฉพาะของตัวเอง
ภาพยนตร์เรื่อง “POKÉMON Detective Pikachu – โปเกมอน ยอดนักสืบพิคาชู” นำแสดงโดยจัสติซ สมิธ ผู้มารับบททิม, แคทริน นิวตัน ผู้มารับบทลูซี่ สตีเวนส์นักข่าวรุ่นน้องที่มาเฝ้าติดตามข่าวสำคัญแรกของเธอ รวมถึงซูกิ วอเตอร์เฮาส์, โอมาร์ ชาพาร์โร, คริส เกียร์ พร้อมด้วยเคน วาตานาเบ้ ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar และบิล ไนฮี่
เรื่องราวเริ่มขึ้นจากยอดนักสืบแฮร์รี่ กู้ดแมนหายตัวไปอย่างลึกลับ ทิม ลูกชายวัย 21 ปีของเขา จึงต้องหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ช่วยการสืบสวนครั้งนี้คือนักสืบพิคาชูอดีตคู่หูนักสืบของแฮร์รี่ นักสืบที่มีความตลกและน่ารักอยู่ในตัว แถมยังแอบมีความสับสนในตัวเองอยู่ด้วย จะได้เห็นการทำงานอย่างเข้าขากันระหว่างพวกเขา เพราะทิมคือมนุษย์เพียงคนเดียวที่พูดคุยกับนักสืบพิคาชูได้ พวกเขาต้องร่วมมือกันไขปริศนาที่แสนสับสน ตามหาเบาะแสไปด้วยกันบนท้องถนนไรม์ ซิตี้ เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและทันสมัย มนุษย์และโปเกมอนใช้ชีวิตอยูด้วยกันในโลกของไลฟ์แอ็คชั่นที่มีความสมจริง พวกเขาจะได้พบ
กับตัวละครโปเกมอนต่าง ๆ ได้พบกับเรื่องราวน่าตกใจที่ทำลายความสงบของการอยู่ร่วมกัน รวมถึงเป็นภัยคุกคามโลกทั้งใบของโปเกมอนอีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่อง “POKÉMON Detective Pikachu – โปเกมอน ยอดนักสืบพิคาชู” กำกับฯ โดยร็อบ เลทเทอร์แมน จากเนื้อเรื่องของแดน เฮอร์แนนเดซ และ เบ็นจี้ ซามิต และ นิโคล เพิร์ลแมน บทภาพยนตร์โดยแดน เฮอร์แนนเดซ และ เบ็นจี้ ซามิต และ ร็อบ เลทเทอร์แมน และเดเร็ค คอนนอลลี่ สร้างอิงจากวีดีโอเกม “Detective Pikachu” ที่พัฒนาขึ้นโดย Creatures Inc. อำนวยการสร้างโดยแมรี่ พาเรนท์ และ เคล บอยเตอร์ สำหรับ Legendary Pictures และฮิเดะนากะ คาตามากิ และ ดอน แม็คโกแวนสำหรับ The Pokémon Company อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยโจ คาแร็คซิโอโล จูเนียร์, อาลี เม็นเดส, สึเนคาซุ อิชิฮาระ, เค็นจิ โอคุโบะ, โทชิโอะ มิยาฮาระ, ฮิโระ มัตสึโอกะ และ โคจิ อูเอะดะ
ทีมงานเบื้องหลังของเลทเทอร์แมน ได้แก่ ผู้กำกับภาพผู้เคยเข้าชิงรางวัล Oscar ถึงสองครั้ง จอ์น มาเธซอง ผู้ออกแบบฉาก ไนเกล เฟลป์ส ผู้ลำดับภาพ มาร์ค แซนเกอร์ และ เจมส์ โธมัส ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ซูซี่ เฮอร์แมน ประพันธ์ดนตรีโดยเฮนรี่ แจ็คแมน วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์โดย Moving Picture Company และ Framestore
แบรนด์โปเกมอนเริ่มมีขึ้นเมื่อปี 1996 และมีการตอบรับอย่างท่วมท้น โดยได้สร้างความตื่นเต้นให้แฟนวีดีโอเกมจากทั่วโลกด้วยยอดขายมากกว่า 324 ล้านชิ้น มีการจำหน่ายการ์ดเกมใน 11 ภาษาด้วยยอดจัดจำหน่ายการ์ดที่มากกว่า 25.7 พันล้านใบ ทีวีซีรีส์แอนิเมชั่น 21 ตอนที่มีการฉายมากกว่า 160 ประเทศ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นมากกว่า 20 เรื่อง รวมถึงหนังสือ การ์ตูนมังงะ ดนตรี ของเล่น สินค้าที่ระลึก โปรแกรมต่าง ๆ รวมถึง Pokémon GO ที่ได้รับความนิยมในวงกว้างด้วยยอดดาวน์โหลดที่มากกว่า 850 ล้านครั้ง สร้างความสนุกสนานให้แฟน ๆ ทุกวัยจากทั่วโลก
วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์สและเลเจนดารี่ พิกเจอร์ส นำเสนอภาพยนตร์จาก a Legendary Pictures Production ร่วมกับ Toho Co., Ltd, a Rob Letterman Film เรื่อง “POKÉMON Detective Pikachu – โปเกมอน ยอดนักสืบพิคาชู”
ภาพยนตร์จะมีการจัดจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่นและจีนโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ในประเทศญี่ปุ่นโดย Toho Company, Ltd. และโดย Legendary East ในประเทศจีน
detectivepikachumovie.net
For downloadable press information: https://mediapass.warnerbros.com https://www.facebook.com/PikachuMovieThailand/
รายละเอียดภาพยนตร์
ทิม กู้ดแมน: “นี่นายพูดได้หรอ?”
นักสืบพิคาชู: “โว้ว… นายเพิ่งเข้าใจฉันหรอ?”
พิคาชูพูดได้! และนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
อย่างที่แฟน ๆ ทั่วโลกรู้กันดีว่าพิคาชูเป็นโปเกมอนตัวหนึ่ง และไม่ว่าโปเกมอนจะมีลักษณะหน้าตา ท่าทาง การแสดงออกและพลังพิเศษแบบไหน พวกเขาต่างมีข้อจำกัดเรื่องภาษาตั้งแต่การเรียกชื่อของพวกเขา ยกเว้นโปเกมอนตัวนี้ที่มีความพิเศษ ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัด สวมหมวกเหมือนนักล่าและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วอย่างนักสืบพิคาชู
อาจเป็นเพราะนิสัยติดคาเฟอีนของเขาที่ทำให้มีอาการหลงลืมหรือบุคลิกที่ดูตื่นตัว นักสืบเหลืองพิคาชูพูดเก่งมาก จนต้องพยายามสงบปากสงบคำเขาเลยทีเดียว
ในความเป็นจริงแล้วเมื่อเรื่องราวเริ่มต้นขึ้น นักสืบพิคาชูกำลังอยู่ในช่วงทำหน้ามึนอย่างสับสนอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และเขาไม่ยอมหยุดคิดจนกว่าจะหาคำตอบได้ว่าเขาเป็นใคร? เกิดอะไรขึ้นกับคู่หู
ของเขาอย่างแฮร์รี่ กู้ดแมน? ทำไมอยู่ ๆ เขาถึงเข้าใจภาษามนุษย์ที่มีเพียง ทิม ลูกชายของแฮร์รี่สามารถสื่อสารกับเขาได้อย่างเข้าใจ?
“นักสืบพิคาชูก็มีความพูดมากอยู่ในตัวครับ” ไรอัน เรย์โนลด์ส ผู้รับบทแสดงนำของเรื่องที่มีสไตล์การเล่นมุกได้อย่างถูกจังหวะและมีลีลา “เขาก็มีมุมที่ดูจริงจังอยู่บ้าง จริง ๆ เขาเป็นตัวละครที่มีความกล้าหาญอย่างที่ควรจะเป็นเลยล่ะ เขาดูเหมือนก้อนสำลีเล็ก ๆ ลองนึกภาพว่ามีคนเผาทั้งเป็นและฉีดยาให้ผมกลายเป็นเจ้าตัวสีเหลืองแบบนี้ นั่นละครับเรื่องราวทั้งหมด
“ผมเคยร่วมงานในเรื่องที่มีตัวละครซีจีมาก่อน แต่ไม่เคยแสดงอะไรในระดับแบบนี้เลย” เขาเล่าต่อว่า “มันมีความพิเศษใช้ได้เลยครับ เวลาที่เราเห็นพิคาชูตัวเป็น ๆ ที่หายใจได้เร็นเดอร์อย่างเต็มตัวอยู่บนหน้าจอ จะรู้สึกเหมือนอยากเอื้อมไปจับและกอดเขาเลยล่ะ แต่อย่าได้ไปกอดเขาเชียว ผมไม่รับผิดชอบนะว่าเขาจะทำอะไร”
“ผมรู้สึกหลงรักเนื้อเรื่องครับ” ผู้กำกับฯ ร็อบ เลทเทอร์แมนกล่าว “มันมีทั้งความรู้สึกอันยิ่งใหญ่และมีความแตกต่าง เราทำงานในเรื่องนี้ด้วยความเคารพเนื้อเรื่องที่มีอยู่แล้ว และอยากถ่ายทอดความแปลกใหม่บางอย่างออกมา พิคาชูในเรื่องนี้จะมีความแตกต่างด้วยเรื่องราวที่เราเล่าและโลกที่เขาอาศัยอยู่”
ผลงานแฟรนไชส์ที่ทั่วโลกต่างหลงรักคือโปเกมอน เรื่อง “POKÉMON Detective Pikachu – โปเกมอน ยอดนักสืบพิคาชู” จะนำเสนอความแปลกใหม่และแง่มุมที่มีความน่าสนใจ มีการออกแบบจากสิ่งที่แฟน ๆ คุ้นเคยดีและมีสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ในเรื่องอีกมากมาย ในหนังจะนำเสนอพิคาชูและโปเกมอนอีกมากมายในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ตัวละครเป็นรูปแบบซีจี 3 มิติ แต่ละตัวมีบุคลิกที่มีความเฉพาะตัว มีรายละเอียดซับซ้อน และมีพลังที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ ผสมผสานเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง ขณะเดียวกันก็มีเนื้อเรื่องที่เหมือนต้นฉบับ สร้างความอุ่นใจ และตัวละครน่ารักที่ครองใจผู้ชมทุกแห่ง ไม่ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับ
วิวัฒนาการของโปเกมอนอย่างดีหรือไม่ หรือจำชื่อตัวละครอีกกว่า 800 สายพันธุ์ได้ก็ตาม ตัวละครมากมายจะมาร่วมจอไปกับนักสืบพิคาชู รวมถึงโคดัก ฮิโตคาเงะ รุนปัปปา บูล เซนิกาเมะ, ฟุชิกิดาเนะ พูริน เอย์แพม เบโรรินกา บาร์เรียด … และ มิวทู.
เลทเทอร์แมนก็ร่วมเขียนบทในเรื่องกับแดน เฮอร์นันเดซ, เบ็นจี้ ซามิต, เดเรค คอนนอลลี และ นิโคล เพิร์ลแมน โดยเขายอมรับว่า “มีผลงานที่น่าทึ่งมากมายของแอนิเมชั่นโปเกมอนและวีดีโอเกมส์ที่มีความสำคัญ ซึ่งพวกเรารู้จักดีและรักผลงานนั้น แต่ถ้าเราจะสร้างหนังโปเกมอนเรื่องใหม่ขึ้นมา เราอยากให้มันมีพื้นที่ของตัวเองและมีเหตุผลพิเศษที่เกิดขึ้นมา เราอยากแน่ใจว่ามันตรงตามอารมณ์ของโปเกมอน และเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่ใคร ๆ รู้กันจะพอใจกับมัน แต่ก็เปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วไปที่เพิ่งเข้ามาในโลกใบนี้เป็นครั้งแรกด้วย
“นี่เป็นความสร้างสรรค์ที่น่าตื่นเต้นและการพัฒนาอย่างสมเหตุผล มันเหมือนพวกเขามีตัวตนจริง ๆ” เขาเล่าต่อ จนในที่สุดผู้กำกับฯ เลือกใช้ฟิล์ม 35 มม. เพื่อคุณภาพและรายละเอียด รวมถึงมีการใช้สถานที่จริงให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูสมจริง
มีความใส่ใจรายละเอียดเรื่องขนาดที่เหมาะสม รูปร่างและคุณสมบัติต่าง ๆ ของพวกเขา นักสืบพิคาชูและเหล่าเพื่อนโปเกมอนของเขาต้องมีการโต้ตอบกับคู่หูที่เป็นมนุษย์ของพวกเขาในไรม์ ซิตี้ ซึ่งเป็นสังคมที่สร้างขึ้นมาจาก “ความสามัคคีระหว่างมนุษย์และโปเกมอน” ตามจินตนาการของผู้ก่อตั้ง โฮเวิร์ด คลิฟฟอร์ด มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ซึ่งรับบทโดยบิล ไนฮี่
ในเรื่องมีการผสมผสานระหว่างโปเกมอนและไลฟ์แอ็คชั่น ซึ่งทั้งสองอย่างจะมีความโดดเด่นอย่างไร้ที่ติ ความน่ารักของนักสืบพิคาชูเมื่อเทียบกับความขี้บ่นของตัวเขา ดูเป็นเรื่องที่ขัดกันอย่างลงตัว และการพากย์เสียงของเรย์โนลด์สก็ราบรื่นด้วย “มันมีความตลกตรงที่ไรอันตัวใหญ่แต่เสียงของเขากลับออกมาจากตัวละครที่เล็กจิ๋วและน่ารัก มันดูเหมือนไปคนละทางแต่กลับมีความเป็นธรรมชาติมาก” ผู้กำกับฯ กล่าว
การผจญภัยเริ่มขึ้นเมื่อ ทิม กู้ดแมน วัย 21 ปีที่รับบทโดยจัสติซ สมิธต้องเดินทางมาที่ไรม์ ซิตี้ เพื่อมาจัดการคดีที่ แฮร์รี่ พ่อของเขาหายตัวไปอย่างลึกลับจนมีการสันนิษฐานว่าเสียชีวิตลงแล้วระหว่างที่เขาทำคดีล่าสุด เมื่ออยู่ที่อพาร์ทเมนท์ของแฮร์รี่ ทิมได้เห็นชีวิตของผู้ชายที่เขาแทบจะไม่รู้จักมาก่อน แต่เป็นคนที่มีความใส่ใจเขามาก จากนั้นเขาได้พบกับอดีตคู่หูของแฮร์รี่อย่างนักสืบพิคาชู นักสืบรุ่นเก่าแก่ที่สวมหมวกแก๊บ เขาชอบเล่นมุกตลกและดูใสซื่อแต่มีไหวพริบมากพอตัว ทิมพบว่าเขามองเห็นความเป็นไปได้ที่แฮร์รี่จะยังมีชีวิตอยู่ เขาและนักสืบพิคาชูผู้ไม่ยอมย่อท้อต้องช่วยกันตามหาเขา และไขปริศนาว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ขณะเดียวกันนี่คือครั้งแรกที่เขาสามารถเข้าใจได้ว่าโปเกมอนพูดอะไร ซึ่งเป็นอีกปริศนาที่เขาไม่อาจจะละทิ้งไปได้
หลังจากนั้นเพียงไม่นานการผจญภัยของทิมร่วมกับนักสืบจิ๋วได้พาไปพบกับเรื่องอื่น ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องเกี่ยวกับพ่อของเขาเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องมิตรภาพและความกล้าหาญของตัวเองและอนาคตของเขาอีกด้วย ซึ่งจะได้เห็นความหมายของการได้มีโอกาสอีกครั้ง และความทุ่มเทของเราเพื่อสิ่งนั้น
“หนังเรื่องนี้มีครบทุกอย่างครับ” สมิธกล่าว “มันทั้งตลกและดูงี่เง่าในแบบที่ผมคิดว่าผู้ใหญ่จะเข้าใจได้พอ ๆ กับเด็ก มันมีความดราม่าและความลึกลับอยู่ในเรื่องด้วย เรื่องราวดูมีเหตุผลและมีความสมจริง มีเนื้อหาที่มีความหมายจนทุกคนสามารถเข้าใจได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมเกิดความสนใจครับ”
“จัสติซกับฉันได้อยู่ในความฝันของแฟนโปเกมอนทุกคน” แคทริน นิวตัน นักแสดงที่มาประกบคู่กับเขาในบท ลูซี่ สตีเวนส์ นักข่าวสาวที่มีทั้งความฉลาดและความทะเยอทะยาน เธอเองก็ทุ่มเทให้กับการตามหาแฮร์รี่อย่างมีเหตุผลของตัวเอง “ทันทีที่ได้อ่านบทฉันรู้สึกอินกับมันมากค่ะ”
จนเมื่อผ่านทั้งเสียงหัวเราะ เรื่องราวต่าง ๆ และจุดพลิกผัน ความพยายามของทิมเหมือนเป็นการเดินทางรอยแฮร์รี่ จนทำให้เขาใกล้ชิดกับพ่อมากขึ้นกว่าที่คิดไว้ว่าจะเป็นไปได้ เคล บอยเตอร์แห่งเลเจนดารี่ พิกเจอร์ส ผู้อำนวยการสร้างฯ ร่วมกับแมรี่ พาเรนท์ รองประธานฝ่ายสร้างสรรค์ของบริษัท และผู้อำนวยการสร้างฯ ฮิเดะนากะ คาตะคามิ และ ดอน แม็คโกวานแห่ง The Pokémon Company ได้เล่าว่า “หนังของเราเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อเราเปิดใจตัวเองสร้างความสัมพันธ์ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม เราทุกคนต่างเคยล้มและบางครั้งก็ยากที่จะลุกขึ้นมาใหม่ นั่นคือสิ่งที่ทิมเจอในช่วงที่เดินทางไปไรม์ ซิตี้ เขาไม่อยากเปิดรับอะไรทั้งนั้น แต่เขาได้ผูกมิตรกับนักสืบพิคาชูที่เต็มไปด้วยความหวัง จนทำให้เขาลองพยายามตามหาพ่อ ฉะนั้นในมุมหนึ่งมันคือเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกมาก และยังไม่สายที่จะไขว่คว้าโอกาสครั้งที่ 2 เด็กที่โตมาพร้อมกับการสะสมการ์ดจะเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์เฉพาะตัว และการเข้าถึงโปเกมอนของพวกเขา นั่นจึงเป็นประเด็นสำคัญและยังเป็นการประกาศความสำคัญของแบรนด์อีกด้วย”
จากไอเดียนั้น ข้อมูลที่ได้รับ และการสนับสนุนจาก The Pokémon Company ทุกอย่างเป็นสิ่งที่มีค่ามาก “ร็อบและทุกคนในเลเจนดารี่ต่างให้ความสนใจสมบัติชิ้นนี้อันเป็นที่รักและให้ความไว้วางใจ” ฮิเดนากะ คาตากามิกล่าว “พวกเขาอยากสร้างผลงานด้วยความเคารพ แม้จะมีอิสระในการสร้างสรรรค์เพื่อสร้างความสนุกและทำให้หนังมีความน่าสนใจ ซึ่งพวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่ง พิคาชูเป็นที่รู้จักทั่วโลกและเราคิดว่าผู้มจะสนุกที่ได้เห็นโปเกมอนชื่อดังในบทบาทต่าง ๆ ผ่านบุคลิกลักษณะเฉพาะตัว ต้องขอบคุณร็อบและไรอัน เรย์โนลด์สเลย”
สึเนคาซึ อิชิฮาระ ประธานแห่ง The Pokémon Company และผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ ได้เล่าว่า “ในหนังมีการผสมผสานกันระหว่างหลักการทั่วไปของโปเกมอนและเรื่องราวต่าง ๆ ขณะที่มีการถ่ายทอดเรื่องราวที่เรียกความสนใจจากทั่ว
โลกได้ด้วย ไม่ต่างจากแบรนด์โปเกมอน นี่คือหนังที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ แฟนผลงานมาอย่างยาวนานหรือผู้ที่เพิ่งได้สัมผัสกับโลกของโปเกมอน”
สิ่งที่เป็นโบนัสสำหรับแฟน ๆ และมุกตลกที่ลงตัวคือตอนที่นักสืบพิคาชูคุยกับทิม จนรู้ว่านี่ไม่ใช่ความคิดหรือความรู้สึกของเขาแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งในการเผชิญหน้ากันระหว่างพวกเขามีเพียงเขาคนเดียวที่เข้าใจได้ อาลี เม็นเดส ผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ อีกคนหนึ่งของเรื่องได้เล่าว่า “การเข้าถึงความคิดของพิคาชูคือไอเดียที่แปลกใหม่ มีนักสืบพิคาชูแปลภาษาตอนที่เราได้ยิน ฟุชิกิดาเนะ พูดว่า ‘ฟุชิกิดาเนะ, ฟุชิกิดาเนะ,’ ถือเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ทำให้เราได้เข้าถึงชีวิตของโปเกมอนเหล่านี้ และลงลึกเข้าไปในโลกของพวกเขาอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน”
สิ่งที่สำคัญสุดในการทำความเข้าใจคอนเซ็ปต์ของโปเกมอน ตัวแฟน ๆ และแบรนด์คือเรื่องของวิวัฒนาการ เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถแปลงร่างเป็นเวอร์ชั่นที่มีพลังมากขึ้นได้ เลทเทอร์แมนเล่าว่า “สิ่งหนึ่งที่สำคัญของโลกสุดพิเศษใบนี้คือโปเกมอนมีแสดงความมีมนุษยธรรมและเป็นเพื่อนร่วมทางของมนุษย์ตลอดเวลาที่มีการติดต่อสื่อสารกัน และพวกเขามีวิวัฒนาการกลายเป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นได้ นั่นคือสิงที่ทำให้ผมสนใจและเป็นสิ่งที่สร้างความตื่นเต้นให้เรื่องราว”
นักแสดงและตัวละครต่าง ๆ
นักสืบพิคาชู: “มันคือเรื่องมหัศจรรย์ที่ทำให้เราได้มาอยู่ด้วยกัน เด็กน้อย และเรื่องมหัศจรรย์นั้นเรียกกันว่าความหวัง ความหวังว่าแฮร์รี่จะยังมีชีวิตอยู่”
บางมิตรภาพก็ถูกกำหนดไว้แล้ว
ทิมได้รับการเลี้ยงดูจากคุณย่าในอีกเมืองหนึ่ง เขาไม่ได้เจอพ่อมานานหลายปี และเขาชอบพูดว่าเขาไม่คิดอะไรเรื่องพ่อ เขาไม่ต้องการพ่อ เขาไม่ต้องการอะไรหรือใครเลย แม้แต่โปเกมอนที่เรียกได้ว่าเป็นของเขาก็ตาม แต่เมื่อได้เข้าไปในที่พักของแฮร์รี่ ผู้ชายที่แข็งแกร่งอย่างทิมก็ต้องรู้สึกหวั่นไหวขึ้นเล็กน้อย เพราะในห้องมีทั้งรูปของทิมตอนเด็กที่อยู่ในกรอบ การ์ดวันเกิดที่ไม่ได้ส่งไปและตั๋วรถไฟ และมีห้องที่ตกแต่งไว้สำหรับเด็กวัยรุ่นที่รักโปเกมอนแต่เขากลับไม่เคยได้ใช้งานห้องนั้น
“ผมคิดว่าเขารู้สึกผิดเล็กน้อย” จัสติซ สมิธกล่าว “เขาได้รู้ว่าพ่อห่วงใยเขามากกว่าที่คิดไว้ และอาจเป็นความผิดของเขาที่ไม่ให้โอกาสแฮร์รี่เลย มันเป็นช่วงเวลาที่อึดอัด ความรู้สึกอ่อนไหวตอนเด็กที่พยายามปิดบังเอาไว้ได้กลับมาอีกความรู้สึกนั้น ที่แย่ที่สุดคือเขากับพ่อน่าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน ซึ่งเขาคิดว่าตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว”
หรือเป็นแบบนั้น? ถ้าทิมต้องการเหตุผลมาสนับสนุนความเชื่อ เขาก็ต้องฟังคู่หูของแฮร์รี่ที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา… แม้ตอนนี้เขาจะจำอะไรไม่ได้เลยก็ตาม ถึงแม้ว่านักสืบพิคาชูจะเสียความทรงจำไปช่วง 2 อาทิตย์ก่อน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่แฮร์รี่หายตัวไป เขามีการโน้มน้าว 2 ประเด็น (1) เขาเป็นนักสืบระดับเวิร์ลคลาส (2) แฮร์รี่ยังมีชีวิตอยู่ การที่เขาสามารถคุยกับโปเกมอนได้ และทิมสามารถคุยกับมนุษย์ได้ ทั้งคู่สามารถพูดคุยกันได้ มีทางเดียวคือพวกเขาต้องร่วมมือกันหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น ทิมต้องจำใจยอมตกลง แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร
“ในตัวพิคาชูจิ๋วมีความรู้สึกที่มุ่งมั่นและไม่สามารถควบคุมได้ เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้มีแค่สมองแต่มีพลังอยู่ด้วย โดยที่ในความเป็นจริงแล้วร่างกายของเขาทำอะไรได้ไม่ถึงครึ่งที่คิดเอาไว้เลย” บอยเตอร์กล่าว “เขาเลยต้องพึ่งทิม ซึ่งเป็นการผลักดันให้เขาไปอยู่ในสถานการณ์จริงบางอย่าง”
แต่นั่นอาจเป็นสิ่งที่ทิมต้องการท้าทายและค้นหาตัวเองก็ได้ เขาได้รับการช่วยเหลือจากนักสืบพิคาชู และเมื่อได้เห็นสิ่งต่าง ๆ เขาก็พร้อมจะวิ่งเข้าใส่ จนสุดท้ายทิมสามารถทิ้งตัวตนเดิมที่รักความปลอดภัย พร้อมสำหรับอนาคตมากกว่าที่เขาเคยเป็นเมื่อหลายวันก่อน
เมื่อภาพยนตร์เริ่มแสดงให้เห็นถึงพลังของพวกเขา ผู้สร้างภาพยนตร์ได้เปิดโอกาสให้นักแสดงได้สร้างความสนิทขึ้นมาร่วมกัน เรย์โนลด์สและสมิธบันทึกฉากระหว่างพวกเขาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการถ่ายทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น แต่นักแสดงทั้งสองต่างรู้สึกดี หลังจากนั้นเรย์โนลด์สได้เข้าฉากร่วมกับสมิธตั้งแต่ช่วงเริ่มการถ่ายทำ คอยป้อนบทของนักสืบพิคาชูให้เขาผ่านหูฟัง สร้างมิตรภาพนั้นขึ้นมาในระหว่างที่สมิธก็ถ่ายทำไปโดยมีสแตนอินอ่านบทต่าง ๆ ให้
เรย์โนลด์สเล่าว่า “ผมให้เสียงพากย์มาเยอะมาก และครั้งนี้ก็สนุกเป็นพิเศษเพราะต่างจากที่เคยเจอมาเลย ผมได้แสดงกับจัสติซที่อยู่ตรงหน้าด้วย” หลังจากนั้นพอได้อยู่ในฉากเขาได้เล่าต่ออีกว่า “ผมอยากไปอยู่ตรงนั้นเพื่อปรับปรุงเรื่องจังหวะมีหลายครั้งที่เราได้คุยกัน มีความรู้สึกเหมือน Odd Couple เลยครับ เราเลยอยากแสดงออกมาให้ถูกต้อง”
เลทเทอร์แมนเล่าถึงตอนนั้นว่า “ในช่วงแรกเราทำงานกันอย่างหนักเพื่อออกแบบตัวละครนักสืบพิคาชูในรูปแบบ 3 มิติออกมา เราสนใจที่เรื่องสีสัน การเคลื่อนไหว พยายามทำให้แมตช์กับภาพต้นฉบับในรูปแบบ 2 มิติ หลายเดือนต่อมาในช่วงก่อนที่ไรอันจะเซ็นสัญญาด้วย เราก็มีการทดสอบกัน เราใช้ตัวอย่างเสียงของเขามาสร้างแอนิเมชั่นเข้ากับตัวละคร มันออกมาลงตัวดีมากครับ มันยากที่จะอธิบาย มันรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติและขณะเดียวกันก็ทำให้ตัวละครไปอยู่อีกระดับหนึ่งเลย พอเขามาร่วมงานกับจัสติซ พวกเขาก็ช่วยกันแสดงทั้งไหวพริบ เสน่ห์ และมุกตลกที่อยู่ในมิตรภาพนั้นออกมา”
เมื่อทิมและนักสืบพิคาชูตติดตามเบาะแสจากคดีล่าสุดของแฮร์รี่ พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนอย่าง ลูซี่ สตีเวนส์ ที่มาอย่างคาดไม่ถึงแต่ได้รับการต้อนรับอย่างดี ลูซี่กำลังทำการค้นคว้าของเธอเรื่องพฤติกรรมของโปเกมอนที่ไม่สามารถ
อธิบายและระบุลักษณะเฉพาะได้ ซึ่งนั่นทำให้เธอได้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องของแฮร์รี่ เธอคิดว่าเขาเองก็มีคำถามเรื่องเดียวกันหรืออาจจะใกล้ชิดมากก็ได้
“เธอเป็นนักข่าวที่มาทำการสืบสวนค่ะ เหมือนกับนักข่าวน้องใหม่ เธอเป็นเด็กฝึกงานค่ะ แต่เธอกำลังจะก้าวไปขั้นนั้น” แคทริน นิวตันเล่าถึงมุกตลกจากในหนัง ลูซี่เป็นคนที่ประเมินงานต่ำไปตลอดเวลา เธอต้องต่อสู้เพื่อให้ได้รับการยอมรับและเคารพในความสามารถของตัวเธอเองที่มี แต่เธอไม่เคยลดละความพยายาม ตอนนี้ “เธอกำลังหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับไรม์ ซิตี้ เพราะมีบางอย่างผิดเพี้ยนไปอย่างชัดเจน”
ลูซี่มีความสุขที่ได้แบ่งปันข้อมูลมากมายของเธอกับพวกเขา เมื่อพวกเขาได้รับเธอมาร่วมทีมด้วย ซึ่งไม่มีคำว่า “รอตรงนี้นะ” เวลาที่อะไร ๆ ดูยุ่งยาก ในคดีนี้เราจะสงสัยว่าทำไมเธอถึงเลือกโคดักที่น่ารักแต่ตื่นตูมง่ายเป็นคู่หูโปเกมอนของเธอที่มีสภาพเหมือนสวมผ้าอ้อมเอาไว้ เขาเห็นเรื่องน่ากลัวและเรื่องชวนสติแตกที่ลูซี่ต้องเจอ จนทำให้เขาปวดหัวหนักมากและเกิดพลังเฉพาะตัวของเขาอย่างการเกิดพลังจิต เพราะฉะนั้นพวกเขาจะพยายามทำให้เขาอยู่ในความสงบ… โดยที่ผ่านพ้นช่วงต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี
“ฉันเข้าใจลูซี่ได้” นิวตันกล่าว “ฉันเป็นคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจ คิดการใหญ่ แต่เธอยิ่งกว่านั้นอีกค่ะ แถมเธอยังเป็นคนตลกด้วย บางทีเธอก็ดูไม่กลัวอะไรและอยากออกไปปกป้องโลก ลูซี่เชื่อมั่นในตัวเองเธอพูดว่าเราต้องมั่นใจในสัญชาตญาณตัวเองและเดินหน้าไปพร้อมกับความกล้า”
ตัวละครเด่นในไรม์ ซิตี้
ไรม์ ซิตี้ปรากฏขึ้นราวกับเป็นความฝันและเป็นการออกแบบจากผู้ชายคนหนึ่งคือโฮเวิร์ด คลิฟฟอร์ด ซึ่งบิล ไนฮี่อธิบายไว้ว่า “เขาเป็นเศรษฐีผู้มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง หากจะพอนึกภาพได้ เขาเป็นซีอีโอแห่งบริษัท Clifford Enterprises ซึ่งเมืองนี้เป็นผลงานการทดลองของเขา เป็นที่ที่มนุษย์และโปเกมอนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความเท่าเทียม”
น่าตลกที่โฮเวิร์ดไม่มีความอบอุ่นในบ้านของเขาเองเลย เขามักมีปัญหาลูกชายขี้โมโหของเขาชื่อโรเจอร์ตลอดเวลา ลูกชายของเขาเป็นประธานบริษัท แต่กลับมีไอเดียของตัวเองและมักหาโอกาสต่อว่าและขัดขวางเขาตลอดเวลา “ถ้าโฮเวิร์ดต้องการอะไร เขาจะขัดขวางสิ่งนั้น” ไนฮี่กล่าว
คริส เกียร์ผู้รับบทโรเจอร์เรียกว่าเขาเป็น “เด็กหนุ่มที่ได้รับการตามใจและคิดแต่เรื่องของตัวเองมากมาย ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ ได้อะไรหลายอย่าง แต่กลับไม่มีสมอง ผู้ที่มีความคิดเบื้องหลังการทำงานคือโฮเวิร์ด ซึ่งนั่นทำให้เกิดปัญหาระหว่างพวกเขา”
แต่ยิ่งทั้งคู่มีความขัดแย้งกันโดยส่วนตัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องสวมหน้ากากสู่ที่สาธารณะมากเท่านั้น ล่าสุดคือต้องร่วมมือกันในการประกาศจัดงานเดินขบวนขนาดใหญ่เพื่อฉลองเมืองของพวกเขา “พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ปรากฎต่อหน้ากล้องและหลังกล้อง มันเลยมีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น มันเป็นการแสดงที่สนุกดีครับ และเหมือนกับฝันเป็นจริงที่ได้ร่วมงานกับบิล” เกียร์กล่าว
มีเพียงคนในวงในไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทราบเรื่องราวความบาดหมางอย่างลับ ๆ ระหว่างพวกเขา หนึ่งในนั้นคือผู้ช่วยผู้บริหารที่มีความกระตือรือร้นของคุณนอร์แมน รับบทโดยซูกิ วอเตอร์เฮาส์ เธอเป็นผู้หญิงที่พูดน้อยแต่คำพูดช่างมีพลัง คุณนอร์แมนมีความสมบูรณ์แบบทุกอย่างจนเธอไม่ยอมให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียง… หรืออะไรเกิดขึ้นกับเขาแน่นอน วอเตอร์เฮาส์กล่าว “เธอเป็นคนที่พร้อมลุยและมีความน่าสนใจอย่างที่เราไม่มีทางรู้เลยว่าเธอกำลังคิดหรือจะทำอะไร”
และอีกคนที่เป็นลูกน้องของคลิฟฟอร์ดคือ ดร.แอน ลอว์เรนท์ รับบทโดยริต้า โอร่า ในฐานะของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยและเป็นเจ้าของการทดลองที่อาจมีส่วนสำคัญอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปอย่างลึกลับของแฮร์รี่ โอร่าเล่าว่า “มันสนุกดีค่ะที่ได้รับบทนักวิทยาศาสตร์ ตัวละครที่ต่างจากสิ่งที่เจอในทุกวัน ลอว์เรนท์เป็นนักวิจัยที่มีอำนาจสูงสุดในบริษัทที่มีแต่คนรู้จัก เธอจะปรากฏตัวต่อหน้าทิมและเพื่อนของเขาในร่างของโฮโลแกรม เธอพร้อมจะปรากฏตัวอย่างไม่ทันตั้งตัวจนทำให้ทิมกลัว ฉันชอบมากเลยค่ะ!”
นักร้อง/นักแต่งเพลงชาวอังกฤษเจ้าของแผ่นเสียงทองคำได้มาร้องเพลง “Carry On” ร่วมกับไคโกที่จะได้ยินกันช่วงเครดิตตอนจบของเรื่อง
ในเวลาเดียวกันดินแดนที่ห่างไกลจากผู้มีอำนาจของไรม์ ซิตี้ เซบาสเตียน ที่มีเพียงชื่อเดียว ผู้ดูแลไฟท์คลับของโปเกมอนที่ผิดกฎหมายชื่อ บ้านทรงกลมกลม ผู้ที่เต็มไปด้วยรอยสักและแชมเปี้ยนลิซาร์ดอนของเขา ที่นั่นเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมืดและความบ้าระห่ำ มีแต่เสียงตะโกนและเสียงดนตรีที่ชวนลุ้นระทึก โดย DJ Diplo ชื่อดังที่มารับบทนักแสดงสมทบที่สนุกสนาน ที่นี่ทั้งโปเกมอนและเทรนเนอร์ของพวกเขาจะต้องต่อสู้กันบนเวที ซึ่งทำให้นึกถึงสิ่งที่พวกเขาอาจแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งเมื่ออยู่ที่เมืองอื่น แต่สำหรับเมืองนี้มันเป็นการแหกกฎ ทิมและนักสืบพิคาชูมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าแฮร์รี่เคยจ่ายเงินให้สถานที่แห่งนี้ และที่นี่จะไม่มีการเปิดเผยชื่อของผู้มาเยี่ยมอีกด้วย
โอมาร์ ชาพาร์โร ผู้รับบทเซบาสเตียนได้เล่าว่า “เขาเป็นคนที่หลุดโลก แต่งตัวและใช้ชีวิตได้อย่างสุดขั้วมาก แถมยังมีอีโก้อีกด้วย คิดว่าเมื่อเดือนที่แล้วนักสืบพิคาชูเกือบจะคว้ารางวัลของเขาซึ่งคือ ลิซาร์ดอน เซบาสเตียนรู้สึกขายหน้าต่อหน้าผู้ชมและเพือนของเขาเพราะเจ้าตัวสีเหลืองขนปุยนี่ พอได้เห็นเขากับทิมในคลับ เขาเลยอยากจะเอาคืน ซึ่งนั่นคือจุดที่เกิดเรื่องราวรุนแรงขึ้น”
แต่อย่างที่แฟน ๆ จะได้เห็น แม้ว่าในฉากจะมีการอ้างอิงจากเกมอย่างตั้งใจ แต่นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของโปเกมอนด้วยอารมณ์ความรู้สึกของโปเกมอนแบบทั่วไป มันมีอะไรมากกว่านั้น ปรากฏว่ากลายเป็นเรื่องที่ควบคุมอะไรไม่ได้และผิดแผนไปซะหมด นี่คือเรื่องที่แฮร์รี่มาทำการสืบสวนหรือเปล่า?
ถ้าเป็นอย่างนั้น นี่คงเป็นเรื่องที่เจ้านายของเขายากจะเข้าใจได้ ร้อยโทฮิเดะ โยชิดะ รับบทโดยเคน วาตานาเบ้ โยชิดะเองก็ไม่รู้ว่าทิมและอดีตคู่หูโปเกมอนของแฮร์รี่จะเชื่อว่าแฮร์รี่ยังมีชีวิตอยู่ และจะมาพัวพันกับภารกิจที่ไม่น่าไว้วางใจแบบนี้ แต่วาตานาเบ้ก็แนะนำตำรวจผู้มากประสบการณ์ให้มาร่วมมือในเรื่องนี้ด้วย “แฮร์รี่เป็นนักสืบที่มีฝีมือมาก ในหนังเริ่มต้นจากโยชิดะสูญเสียเขาไป ผมเดาว่าเขาคงเป็นผู้ที่คอยให้การช่วยเหลือทิมราวกับว่าเขาเป็นลูกชายแท้ ๆ เลย”
ที่นี่ไม่เหมือนกับที่ไหน
โฮเวิร์ด คลิฟฟอร์ด: “คุณกำลังจะเข้าสู่ไรม์ ซิตี้ ซึ่งเกิดขึ้นจากการเป็นพันธมิตรกันระหว่างมนุษย์กับโปเกมอน”
จินตนาการของเรื่อง “POKÉMON Detective Pikachu – โปเกมอน ยอดนักสืบพิคาชู” มีความสอดคล้องกับจินตนาการของโฮเวิร์ด คลิฟฟอร์ดมาก ในบรรยากาศที่มนุษย์และโปเกมอนสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้ โปเกมอนจำนวนมากถูกเร็นเดอร์ลงบนภาพยนตร์ บางตัวก็มีบทบาทเด่นส่วนบางตัวก็ปรากฎอยู่ในฉากด้านหลัง
การได้ร่วมงานกับ The Pokémon Company ถือเป็นสิ่งที่มีค่ามาก รวมถึงการได้รับข้อมูลจากประธานบริษัทและซีอีโอสึเนกาซุ อิชิฮาระ โดยมีเคน ซูกิโมริ นักวาดภาพเกมอาร์ตเวิร์คต้นฉบับของโปเกมอน พร้อมด้วยศิลปินและนักออกแบบอีก
จำนวนมาก พวกเขามีการอ้างอิงข้อมูลมากมายเพื่อทำการค้นหารายละเอียดต่าง ๆ ไปจนถึงเล็บมือและขน เลทเทอร์แมนและทีมงานด้านเทคนิคที่สำคัญของเขาต้องทำการแปลงภาพจาก 2 มิติเป็น 3 มิติ
แอนิเมชั่นสมัยก่อนจะใช้คอนเซ็ปต์ที่ยืดหยุ่นแบบมีการบีบและยืด โดยที่ตัวละครต่าง ๆ จะเร็นเดอร์เป็นภาพ 3 มิติที่มีขนาดตายตัว มีการคำนวณสัดส่วนต่าง ๆ จากความสูงและความกว้างในช่วงแรกของแต่ละตัวละคร “เราจะทำอะไรผิดเพี้ยนไปไม่ได้เลย” ผู้ควบคุมแอนิเมชั่นของเรื่อง เฟอร์เร็น โดเมเนช “เราไม่อยากให้ตัวละครเหล่านี้ดูเหมือนตัวการ์ตูนจนเกินไป เราเลยมีการอิงจากภาพธรรมชาติ และมีการใช้การค้นคว้าและพัฒนาร่วมกับผู้สร้างแอนิเมชั่นและรอก เพื่อสร้างตัวละครขึ้นมาจากรายละเอียดภายในสู่ภายนอก พวกเขาต้องมีลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหวเหมือนมีน้ำหนักอยู่ในตัว”
ที่สำคัญสุดคือ “เราต้องนึกภาพว่าจะได้รายละเอียดทุกอย่างโดยที่ไม่ให้รายละเอียดสำคัญหายไป ซึ่งมีความสำคัญต่อการเชื่อมโยงระหว่างโปเกมอนและผู้คน” ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ อีริค นอร์ดบาย เคยร่วมงานกับเลทเทอร์แมนในเรื่อง “Goosebumps” “สิ่งที่ต้องทำคือต้องแน่ใจว่าตัวละครเหล่านี้เป็นแบบไหน มีความสำคัญยังไง และมีจุดมุ่งหมายไปยังทิศทางนั้นตลอด”
แม้ว่าจะไม่ใช่สัตว์ แต่จากการออกแบบที่โดดเด่นของโปเกมอนจะมีบุคลิกลักษณะบางอย่างของสัตว์ต่าง ๆ ที่นำมาผสมกัน ทีมงานเลยมุ่งเน้นไปที่ความเป็นธรรมชาติทางร่างกายของเขา ไม่ว่าจะเป็นหนู เต่า ลิง นกอินทรี หรืออะไรก็ตามที่เรารู้สึกว่าใกล้เคียงกับแรงบันดาลใจขั้นพื้นฐานะที่สุด และยิ่งไปกว่านั้นคือการแสดงของเรย์โนลด์สช่วยทำให้ภาพของนักสืบพิคาชูบนหน้าจอมากกว่าน้ำเสียงของเขา “เขามีอิทธิพลต่อตัวละครมากครับ” โดเมเนชกล่าว “การแสดงของเขาเป็นตัวกำหนดลักษณะท่าทางและการแสดงของพิคาชูผ่านมุกตลก ลีลา นิสัย การแสดงออกทั้งหมดที่ออกมาจากการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ”
สำหรับฉากที่ทิมและนักสืบพิคาชูต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายเรื่องการสืบสวนในภาษาของเขาเอง บาร์เรียด ผู้สร้างภาพยนตร์ได้จ้างนักแสดงละครใบ้ชาวนิวซีแลนด์และนักแสดงตลกชาว Trygve Wakenshaw เพื่อมาช่วยผู้สร้างแอนิเมชั่นและการแสดงของจัสติซ สมิธ
มีการสร้างหุ่นกระบอกต่าง ๆ ที่มีรายละเอียดใช้งานได้จริงสำหรับฝ่ายวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เพื่อสร้างตัวละครขึ้นมาและทำให้นักแสดงมองเห็นภาพ “มีหลายครั้งที่นักสืบพิคาชูต้องมาอยู่บนไหล่ของผม” สมิธกล่าว “ผมจะเดินไปรอบ ๆ โดยมีหุ่นที่มีน้ำหนักอยู่บนไหล่ของผม ผู้สร้างแอนิเมชั่นก็จะสร้างตัวละครขึ้นมาจากการเคลื่อนไหวของผม เช่น ผมเอียงหัวยังไง ผมแสดงท่าทางยังไงเวลาเขาเอาหางฟาดหน้า”
สำหรับเมืองที่อยู่ในเรื่องราวอย่างไรม์ ซิตี้ สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำอีกครั้งคือเรื่องความสมจริงและสไตล์ของเมืองที่โดดเด่นสะดุดตา ผู้ออกแบบฉากฯ ไนเกล เฟลส์ อธิบายว่าเลทเทอร์แมนต้องการเมืองที่มีความทันสมัย โดยต้องมีความคุ้นตาและแปลกตา มีความเป็นสากลสำหรับทุกคน “เรามีการใช้ลอนดอนเป็นฐานตั้งมั่น แล้วลงเอยด้วยการสร้างสถานที่ ๆ มีการผสมผสานระหว่างนิวยอร์ก โตเกียว และลอนดอน ในเมืองนั้นมีความแตกต่างกันหลายอย่าง เช่น รถขับชิดทางซ้าย แต่ทำให้ได้ความรู้สึกแบบชาวอเมริกัน”
ขอบท้องฟ้าที่ถูกยืดโดยระบบดิจิตอลและป้ายโฆษณาเป็นการสร้างการจดจำของตำแหน่งเมือง บรรยากาศในเมืองนั้นเป็นแบบคลาสสิกนัวร์เพื่อให้สอดคล้องกับความน่ารักของนักสืบพิคาชู มีการใช้สีโทนเย็นและเข้ม พร้อมด้วยแสงไฟนีออนสะท้อนหยดน้ำฝนที่อยู่บนท้องถนน และมีเงาแบบแปลก ๆ อยู่ทุกมุมซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อถึงความตื่นเต้นหรืออันตราย “สีสันโดยธรรมชาติของลอนดอนทำให้ได้ภาพพื้นหลังที่มีความลงตัว เพราะโปเกมอนต่าง ๆ มีสีสันจัดจ้าน” เฟลป์สกล่าว “หนึ่งในสิ่งแรกที่เราทำคือการสร้างผังแผนงานขึ้นมาโดยมีตัวละครทั้งหมดอยู่ในฉากต่าง ๆ เพื่อช่วยกำหนดสีสันของฉากต่าง ๆ”
บางฉากมีการสร้างขึ้นมาที่ Shepperton Studios รวมถึงอพาร์ทเมนท์ของแฮร์รี่ เพนท์เฮ้าส์ของโฮเวิร์ด และ Hi Hat Café ที่ทิมและนักสืบพิคาชูพยายามคุยกัน โดยไม่มีคนอยู่รอบตัวคิดว่าทิมเสียสติไปแล้ว บรรยากาศภายใน The Roundhouse และห้องแล็บของ ดร.ลอว์เรนท์ ก็สร้างขึ้นที่ Leavesden Studios นอกจากนั้นยังมีสถานที่ต่าง ๆ ที่สำคัญซึ่งกองถ่ายใช้สถานที่จริงในประเทศอังกฤษและสก็อตแลนด์
ฉากที่ทิมโดนไล่ล่าจากอพาร์ทเมนท์ของพ่อและข้ามหลังคา โดยกองทัพที่อันตรายและไร้รูปแบบ เอย์แพม ถูกจับกุมภายใน 4 คืนบนดาดฟ้าของโรงกลั่นเบียร์ Truman Brewery ที่อีสต์ลอนดอน ขณะที่ภายนอกอาคาร Bishopsgate และ Broadgate Plaza ใช้เป็นย่านการปกครองเดิมของแฮร์รี่ การถ่ายทำฉากแอคชั่นในเรื่องได้รวมถึงการใช้นักแสดงสมทบมากกว่า 300 คนในช่วงระยะเวลายาวนานกว่า 5 สัปดาห์ และมีการเก็บภาพในย่านใจกลางของ The City of London มีตึกสูงเสียดฟ้าอย่าง 122 Leadenhall ที่อยู่ตรงข้าม Lloyds of London หรือที่รู้จักดีในชื่อ The Cheesegrater ด้วยรูปร่าง จากจุดนั้นกองถ่ายมีการใช้สถานที่ Scottish Highlands โดยเฉพาะ Glen Affric, Glen Orchy และ Finnich Glen หรือที่รู้จักในชื่อ The Devil’s Pulpit สำหรับฉากภายในที่ใช้ช่วงสืบสวนทรีโอที่ลึกลับจนนำไปสู่ห้องแล็บของดร.ลอว์เรนท์ในพื้นที่ของป่าซึ่งอยู่ห่างจากเมือง
ฉากในห้องแล็บและผลลัพธ์ที่น่าเซอร์ไพรส์หลังจากนั้น นำไปสู่ฉากแอ็คชั่นที่นอร์ดบี้ชื่นชอบ มีการใช้สเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์จากความพยายามในแผนกของเขา ซึ่งควบคุมโดยสตีเว่น วอร์เนอร์ รวมถึงกรีนส์และผู้ควบคุมการแสดงผาดโผนอย่างแฟรงคลิน เฮนสัน ทำให้ทิม ลูซี่ และนักสืบพิคาชูต้องนิ่งอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าที่อยู่ ๆ ก็แยกตัวออกจากกัน สมิธและนิวตันต้องเรียนการดำน้ำแบบสคูบ้าสำหรับเข้าฉากที่พวกเขาต้องจมอยู่ในทะเลสาบ นอร์ดบี้เล่าด้วยความดีใจว่า “มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะมีเทคนิคที่ท้าทายหลายอย่างเลย! เราต้องเคลื่อนย้ายโลหะขนาดหลายตัน พาทีมงานทั้งหมดไปที่สก็อตแลนด์และถ่ายทำกันในโคลนด้วยเฮลิคอปเตอร์และโดรน”
การออกแบบในฉากที่ดูเหมือนโลกมีการขยับได้ ต้องมีการใช้เหล็กที่มีความยาวมากกว่า 100 ฟีต โดยมีด้านหนึ่งที่ทำมุม 22 องศาครึ่งไปจนถึง 90 องศา สร้างบนเครื่องระบบไฮดรอลิคที่มีทรายและใบไม้ปกคลุม ทั้ง 4 ด้านใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมแยกกันได้ เฮนสันเล่าว่า “เราใส่มุกที่สนุก ๆ ลงไปเพื่อรักษาความสนุกสนานและทำให้มีความตื่นเต้น”
“โปเกมอนตัวโปรดของผมควรเป็นพิคาชู แต่ในความเป็นจริงแล้วระหว่างช่วงถ่ายทำ ผมพบว่าตัวเองชอบโคดักและอาการปวดหัวของเขาเวลาพยายามหาทางทำทุกอย่างให้สำเร็จ” เลทเทอร์แมนเล่าพร้อมหัวเราะ
นอกจากเรื่องตลกแล้วเขายังกล่าวสรุปอีกว่า “สิ่งที่ผมรักในเรื่องนี้ไม่ต่างจากหนังทุกเรื่องที่ผมชอบดู คืออารมณ์ที่ออกมาอย่างแท้จริงและมีเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ สิ่งสำคัญคือต้องมีตัวละครที่ทำให้เราหัวเราะ ร้องไห้ และรู้สึกหวาดกลัวแทนพวกเขาได้ เมื่อความลงตัวทุกอย่างมารวมตัวกัน เราสามารถสร้างสิ่งที่น่าสนใจและสิ่งที่น่ารักให้ผู้ชมทั่วโลกได้สัมผัส มันเหมือนกับเรื่องมหัศจรรย์ นั่นคือความหมายของหนังเรื่องนี้ที่มีต่อผมครับ เราหวังว่าผู้ชมก็จะรู้สึกแบบเดียวกัน”