ดร.มนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที เปิดเผยว่าโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ หมู่บ้านในพื้นที่ชายขอบ (Zone C+) หรือโครงการเน็ตชายขอบ ของสำนักงาน กสทช. ซึ่ง ทีโอที ชนะการประมูล ประกอบด้วย การจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Service) ภาคเหนือ (1) การจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet Service) ภาคเหนือ (2) และการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet Service) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอาคารศูนย์ USO NET จำนวน 391 แห่ง โดยในส่วนของการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั้งหมด ทีโอที ได้ดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 98 และอยู่ระหว่าง กสทช.ตรวจรับ ส่วนอีกร้อยละ 2 ของโครงการ ทีโอที อยู่ระหว่างการประสานงานกับส่วนงานที่เกี่ยวข้องพร้อมจัดทำแผนระยะเวลาการส่งมอบงาน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
โครงการ USO สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
พื้นที่ จำนวนติดตั้งทั้งหมด ดำเนินการแล้ว 98% อยู่ระหว่างดำเนินประสานส่วนงานที่เกี่ยวข้อง 2%
ภาคเหนือ 1 1,828 1,794 อยู่ในเขตพื้นที่อุทยาน/เปลี่ยนสื่อสัญญาณ
ภาคเหนือ 2 1,178 1,167 โรงเรียนยุบ ฯลฯ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,176 1,161 โรงเรียนยุบ ฯลฯ
สำหรับการก่อสร้างและติดตั้งอุปกรณ์อาคารศูนย์ USO NET จำนวน 391 แห่งนั้น ทีโอที จะสามารถดำเนิน การได้ 329 แห่ง ส่วนที่เหลือ 62 แห่ง ทีโอที อยู่ระหว่างการประสานงานกับส่วนงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้ส่งแผนงานการส่งมอบทั้งหมดแก่ทาง กสทช.เรียบร้อยแล้ว
โครงการ USO เป็นโครงการสำคัญตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาล ก่อเกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยสร้างโอกาสให้แก่ประชาชนในพื้นที่ให้เข้าถึงบริการต่างๆ ของภาครัฐ และช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของหมู่บ้านในการสร้างทั้งอาชีพ รายได้และการศึกษา ซึ่งคณะกรรมการ ทีโอที และฝ่ายบริหารของ ทีโอที ได้มีติดตามและกำกับดูแลให้การดำเนินการให้เป็นไปตามที่กำหนดอย่างใกล้ชิดรวมทั้งการสนับสนุนทรัพยากรทุกด้านเพื่อให้งานโครงการเน็ตชายขอบ สัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมาย โดยที่ผ่านมาคณะกรรมการและฝ่ายบริหารได้กระจายกำลังลงพื้นที่ที่ติดตั้งอาคารศูนย์ USO Net ไม่น้อยกว่า 12 ครั้ง รวมกว่า 36 จังหวัด
“ทีโอที ทำทุกโครงการตามบทบาทและหน้าที่เต็มที่ที่ได้รับมอบหมายเต็มประสิทธิภาพทุกโครงการ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยนิ่งนอนใจในการเร่งติดตั้งและส่งมอบงานตามโครงการมาโดยตลอด เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคมอย่างยั่งยืน” ดร.มนต์ชัยกล่าว
ดร.มนต์ชัยฯ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวการต่ออายุสัญญาจ้าง ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาจ้าง 15 พฤศจิกายน 2562 นั้น ณ ปัจจุบันยังไม่ได้รับทราบ หรือการประสานงานในเรื่องการต่ออายุสัญญาจ้างแต่อย่างใด แต่ทาง บมจ.ทีโอที ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังเกี่ยวกับเรื่อง การจ้างและแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ผู้บริหารเดิมพ้นจากตำแหน่ง โดยตามขั้นตอนจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน/คณะกรรมการประ เมินผลการดำเนินงานของกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่ในกรณีของผมใช้ระยะ เวลาในการดำเนินการสรรหา ประมาณ 4 เดือน นอกจากนี้ ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 กำหนดว่าการจะจ้างผู้บริหารเดิมต่อหลังจากครบกำหนดเวลาตามสัญญาจ้าง เพราะเห็นว่าผู้บริหารเดิมมีผลการทำงานดีมีประสิทธิภาพ และการจ้างผู้บริหารเดิมจะก่อให้เกิดประโยชน์ ให้เสนอต่อผู้มีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งได้ โดยไม่ต้องดำเนินกระบวนการสรรหา แต่จะจ้างเกิน 2 คราวติดต่อกันไม่ได้ และผู้บริหารจะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี บริบูรณ์ และหากมีการต่ออายุสัญญาจริง ในกรณีของผมก็จะต่อได้เพียง 1 ปีกว่า ๆ ไม่ใช่ต่อ 4 ปี อย่างที่เป็นข่าว ซึ่งที่ผ่านมา ทีโอที ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตลอดมา