บทสัมภาษณ์ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ กับการกลับมาเล่น
ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ในรอบ 6 ปี
ในภ.Low Season สุขสันต์วันโสด
ในฐานะนักแสดงเผลอแป๊บเดียว 12 ปีแล้ว จากภาพยนตร์เรื่องแรก ‘รักแห่งสยาม’ เป็นอย่างไรบ้างกับตลอด 10 ปี กับอาชีพนักแสดง
สำหรับระยะเวลาประมาณ 13 ปีแล้วครับที่ผมอยู่ในวงการแล้ว ก็เป็นเวลาที่ดีครับ แล้วทุกปีมีค่าสำหรับผมมาก ไม่มีปีไหนง่ายเลยครับ มีแต่ประสบการณ์ใหม่ๆ หนังใหม่ๆ ให้เราเล่นตลอดเลย แล้วก็มันสนุกอ่ะครับที่ได้เจออะไรใหม่ๆ ตลอด ได้เรียนรู้ ได้ฝึกสกิลใหม่ๆ เดินขึ้นเขา ลงห้วย ลุยน้ำ ลุยโคลน ลุยอะไรแบบนี้ครับ ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่เราหาซื้อไม่ได้ เราต้องไปลุยเอาเองครับ อย่างตลอดการทำงานผมมักจะได้รับบทที่เป็นดราม่า แอคชั่น จ๋าๆ เลย แต่ดูเหมือนบทบาทที่คนเขาจะชอบผมกัน จะเป็นแนวโรแมนติก-คอมเมดี้มากกว่า อย่างเมื่อก่อนผมเล่นเรื่องสิ่งเล็กเล็ก ที่เรียกว่ารักก็เป็นโรแมนติก-คอมเมดี้ครับ แล้วก็ถัดมาก็จะเป็นพี่มากพระโขนงก็จะเป็นโรแมนติก-คอมเมดี้อีกเช่นกัน แล้วมาถึงเรื่องล่าสุดอย่างเรื่อง Low Season สุขสันต์วันโสด ที่เป็นโรแมนติก-คอมเมดี้อีกครั้งครับ
การกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งระหว่าง ‘มาริโอ้’ กับ ‘เป้ นฤบดี’ ผู้กำกับจากสาระแนสิบล้อ และสาระแนเห็นผี เป็นอย่างไรบ้าง?
พี่เป้เป็นผู้กำกับที่น่ารักครับ ผมเคยร่วมงานกับพี่เป้ตั้งแต่เด็กๆ คือ ตั้งแต่อายุ 20 ก็หลายปีแล้วครับ ตั้งแต่สาระแน เมื่อก่อนโอ้ก็จะเล่นบทดราม่าเยอะครับ แต่พี่เป้เป็นคนแรกที่พาผมมาเล่นคอมเมดี้ครับ แล้วก็แกล้งผมตั้งแต่เด็กยันโตเลยครับ พี่เป้เขาจะมีความเป็นธรรมชาติสูงครับ ผมดีใจที่ได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าพี่เป้เขาจะมีวิธีดึงคาแรคเตอร์ออกมาไม่เหมือนใคร แล้วเขาค่อนข้างที่จะปล่อยให้นักแสดงเล่น แต่ว่าเขาก็จะดูและคอยคอมเมนต์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เราต้องปรับต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับคาแรคเตอร์มากขึ้นครับ
เหตุผลอะไรที่ทำให้ตัดสินใจรับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้?
ผมไม่ได้ร่วมงานกับพี่เป้นานแล้วครับ แล้วพอพี่เป้บอกว่ามีโปรเจกต์เรื่องนี้ไปกับผู้จัดการ ผมและพี่โชก็คุยกัน ก็รู้สึกว่าน่าสนใจตั้งแต่สถานที่ที่เขาจะพากันไปแล้วครับ เขาบอกว่าเป็นที่ๆ สวยมาก แล้วคนไม่ค่อยรู้จักเยอะ เป็นที่ๆ พิเศษแล้วก็ลับๆ หน่อย ซึ่งสวยมากๆ และน่าสนใจตั้งแต่สถานที่แล้ว อีกอย่างก็คือเรื่องของบท ผมค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวพี่เป้อยู่แล้วครับ เพราะว่าเขาจะต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน บวกกับมันเป็นหนังที่ผมได้รับบทเป็นคนเขียนบท ซึ่งหา Inspiration ในเรื่องของการเขียนบทแล้วก็บวกกับที่ตัวเองพังด้วย
ภาพยนตร์ Low Season สุขสันต์วันโสด เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?
เป็นเรื่องราวของพุธซึ่งเป็นนักเขียนบทหนังสายอินดี้ที่เพิ่งโสดมาหมาดๆ เรียกว่าพังหนักเลย เขาจึงประชดรักหักดิบโดยการรับงานเขียนบทหนังผี เรียกได้ว่ายอมแหกกฏตัวเองเพื่อประชดรัก แต่งานยากของเขาคือต้องเขียนเรื่องผีที่มันต้องแมส(เป็นกระแสนิยม)ให้ได้ ซึ่งพุธเองไม่เชื่อเรื่องผี ไม่เคยเห็นผี เขาจึงต้องออกเดินทางเพื่อไปหาแรงบันดาลใจในการเขียนบทครั้งนี้ และทำให้บังเอิญได้เจอกับหลิน ชาวแก๊งสายโสดคนล่าสุด ที่เพิ่งจะโดนเทแล้วต้องเซมาดอยเพื่อหาทางเยียวยาจิตใจ แต่ที่หนักกว่านั้นคือการที่หลินดันเป็นคนที่เห็นผี! พุธจึงเหมือนได้เจอแหล่งวัตถุดิบชั้นดี ตามติดหลินไม่ห่าง ทำให้ทั้ง 2 คนต้องออกเดินทางไปด้วยกัน ซึ่งก็ไปที่โฮมสเตย์บ้านบนดอย และได้เจอกับเหล่าแก๊งคนโสดอยู่ที่นั่นด้วย เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นโฮมสเตย์หรือแหล่งบำบัดของคนพังกันแน่ เรื่องราวต่างๆ จึงเริ่มต้นขึ้นที่นี่ครับ
‘พุธ’ คาแรคเตอร์นี้ต้องเป็นคนยังไง?
คาแรคเตอร์พุธ พุธเป็นหนุ่มมาดเซอร์ นักเขียนบทหนังสายอินดี้ ที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัว เก็บความรู้สึกเก่ง มีความละเอียดรอบคอบ และชอบสังเกตผู้คน เทคแคร์ดูแลใส่ใจแบบเงียบๆ และด้วยความเป็นนักเขียนบทจึงมีแฟนเป็นผู้กำกับ แต่รักก็ดันพังไม่เป็นท่า เพราะแฟนทิ้งแล้วไปหาผู้กำกับหนังแมส ทำให้พุธประชดรักโดยการรับงานเขียนบทหนังผีที่ต้องเขียนให้แมส(เป็นกระแสนิยม) เรียกว่ายอมแหกกฏของตัวเองเพื่อต้องการประชดแฟนเก่าล้วนๆ แต่นั่นคือสิ่งที่ท้าทายสำหรับตัวพุธมาก เพราะพุธเป็นคนที่ไม่เห็นผีและไม่เคยเชื่อเรื่องผีเลย
โดยปกติจะเห็น ‘มาริโอ้’ ในบทบาทของความเป็นพระเอกมากๆ แต่ในเรื่อง ‘Low Season’ สำหรับบทบาทของ ‘พุธ’ ค่อนข้างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
พี่เป้เขาอยากเห็นโอ้ในรูปแบบคนธรรมดาครับ พัง หรือว่ามีความเป็น Loser ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องมีมุมนั้นครับ เพราะพี่เป้บอกว่าผมมีแต่ความเป็นพระเอ้กพระเอก แต่พอมาดูจริงๆ แล้วผมก็มีแววตาของความเป็น Loser แววตาความเป็นพุธอยู่เหมือนกัน เลยอยากให้ผมได้มาลองเล่นบทนี้ ซึ่งปกติจริงๆ ผมก็เป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไปนะครับที่มีอะไรที่ทำไม่สำเร็จบ้าง หรือว่าเราผิดหวังในชีวิตบ้าง ไม่สมหวังกับสิ่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องความรักก็เช่นกันครับ ซึ่งในเรื่อง Low Season รับรองว่าทุกคนจะไม่เคยเห็นผมในคาแรคเตอร์แบบนี้ที่ไหนแน่นอน
มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างสำหรับบทบาทของ พุธ รวมไปถึงสิ่งที่ยากหรือท้าทายสำหรับมาริโอ้ในการสวมบทบาทนี้คืออะไร?
บทพุธจะเป็นคนเขียนบท ซึ่งคนเขียนบทค่อนข้างที่จะเป็นคนที่ลึกซึ้งแล้วก็เป็นคนที่เห็นอะไรค่อนข้างเป็นมุมกว้าง ตัวพุธผมต้องทำการบ้านคือเขาต้องเป็นคนช่างสังเกต ซึ่งเป็นคนที่เก็บรายละเอียดของคนครับ บทพุธผมก็เลยจะพยายามมองพี่เป้เยอะๆ อย่างผมสังเกตพี่เป้ในกองเขาจะเป็นคนที่จะมองอะไรกว้างๆ แล้วก็จะเก็บรายละเอียด มีอะไรก็จะจดเก็บเอาไว้ ถึงไม่มีกระดาษแต่เขาก็จะจดอยู่ในหัวของเขา แล้วก็รู้สึกว่าคนเหล่านี้ค่อนข้างที่จะเป็นคนแบบติสท์ๆ หน่อย จะพูดอะไรก็พูดน้อยๆ ไม่พูดเยอะเท่าไหร่ แต่ว่าในใจเขาหรือหัวเขาก็คิดอยู่ตลอด มันเลยรู้สึกว่าน่าจะยากสำหรับตัวผมนิดหน่อยครับ
ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้เรื่องแรกของโอ้ในรอบ 6 ปี ควงคู่มาด้วยนางเอกสาวหน้าใส ‘พลอย-พลอยไพลิน’ การทำงานด้วยกันครั้งแรกกับนางเอกน้องใหม่คนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
น้องพลอย หรือน้องลอยพุย คือเขาเป็นคนที่ครั้งแรกที่ผมเจอ ผมรู้สึกว่าเขาน่ารักครับ จำได้ว่าวันแรกๆ ที่เจอกัน มันจะมีปาร์ตี้รอบกองไฟเลย เขามีความสามารถคือเขาเล่นกีตาร์ได้ เขาร้องเพลงได้ แต่ผมว่าสิ่งที่จะพิสูจน์ตัวน้องพลอยมากๆ เลยก็คือ หนังเรื่องแรก แล้วเขามาเจอ Low Season มันหนักครับ เพราะผมเองเล่นหนังมาเป็น 10 เรื่องก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้หนัก หนักมากครับ หนึ่งคือสถานที่ถ่ายทำ สองคือบท แล้วก็บรรยากาศทั้งการเดินทางต่างๆ โลเคชั่นที่เราต้องไป ซึ่งมันเหมือนกับเป็นการพิสูจน์กันเองละครับว่าแต่ละคนไหวแค่ไหน แล้วพอเหนื่อยที่สุดเราจะท้อรึเปล่า เราจะวีนเหวี่ยงมั้ย ซึ่งผมก็ไม่เคยจะเห็นน้องพลอยวีนเหวี่ยงเลยครับ เห็นเขามีความสุขกับการเดินไกลมาก และเขาก็ไม่เคยท้อ ก็เลยรู้สึกว่าเขาเป็นนักแสดงที่แกร่งคนหนึ่งเลย ขัดกับลุคส์เขา
หลังจากที่ได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้ว เหมือนกับที่พี่เป้มาทาบทามไว้ไหม?
มันไม่ใช่อย่างที่เขาคุยกับเราไว้เลยครับ คือเขาบอกว่าเป็นหนังรักใสๆ วิวสวยๆ อากาศดีๆ ถ่ายที่เชียงใหม่ แล้วก็สตันท์นี่ ไม่รู้ว่างบหมดหรือยังไงที่จ้างมา เวลาถ่ายนี่สแตนอินไม่มี มันจะมีฉากโหดเลย แบบว่ารถล้มอะไรอย่างนี้ ผมก็สงสารน้องพลอย เพราะว่าหน้าน้องเขาไปปักอยู่ในเลนโคลน แล้วน้องเขาก็กินไปนิดนึงด้วยครับ(หัวเราะ) ผมก็รู้สึกว่าน้องคนนี้เขาสุดยอดจริงๆ ครับ ส่วนร่องรอยก็มีนะครับ เพราะเขาจะเอาเอฟเฟกต์มาทาที่หัวนมครับ แสบมาก วันนั้นตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกแสบกับหัวนมเท่าเรื่องนี้เลยครับ(หัวเรา
ฉากที่ยากที่สุดในภาพยนตร์เรื่อง ‘Low Season’
มันจะเป็นซีนที่เรียกว่าตลกปนน้ำตาเลยครับ นั่นคือซีนมอเตอร์ไซค์ล้ม ล้มแล้วหน้าน้องพลอยก็เข้าไปแหมะกับโคลน เหมือนว่าจะเป็นโคลนกับน้ำ แบบมันเจ็บมากเลยครับ คือมันก็หัวเราะด้วย แล้วก็ตลกด้วย ใจนึงก็แบบหวาดเสียวอยู่เหมือนกันกลัวน้องจะเป็นอะไร และเป็นซีนที่ต้องถ่ายเทคเดียวแล้วผ่านเลย เพราะว่าถ้าไม่ผ่านรถอาจจะใช้ไม่ได้อีกเลย เพราะสภาพคือพร้อมพังมากครับ (หัวเราะ) แล้วก็กลัวว่านางเอกเราอะไรจะหักไป แบบแขนหัก ขาหักได้ เราก็กลัวครับ ขี่ไปก็กลัว เป็นครั้งแรกครับที่ผมต้องทำให้รถล้มโดยที่มันต้องแบบเทคเดียวเลย ซึ่งมันไม่ได้สองเทคด้วยเพราะว่าเรื่องของเสื้อผ้า เราไม่ได้แบบพกเสื้อผ้าไป 3-4 ชุด ซึ่งมันค่อนข้างยาก แล้วก็กดดันเหมือนกันครับ แต่ก็สนุกมากๆ ครับ
แล้วฉากที่ประทับใจมากที่สุดแบบไม่มีวันลืม?
มีซีนหนึ่งนะครับที่มันน่าสนใจมากๆ แล้วบรรยากาศก็สวยไม่แพ้ที่อื่น ตอนที่เราไปต้องทำงานแข่งกับเวลาด้วย เพราะตอนที่ไปถ่ายกับน้องพลอยมันเป็นฉากลับในเรื่องด้วยครับ โอ้ชอบมากครับฉากนั้น โอ้รู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นการทำงานที่แข่งกับเวลา เพราะว่าเราก็ต้องรอให้พระอาทิตย์ตกดินด้วย และก็ต้องรอฟ้าเปิดด้วย อะไรหลายๆ อย่าง จำได้ว่าหนาวมากๆ ถือถุงน้ำร้อน แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย จำได้ว่าถุงน้ำร้อนยังเย็นเลยครับ
ความสนุกของการรวมตัวกันของแก๊งคนโสด (โฟร์-ศกลรัตน์/นิกกี้-ณฉัตร/โจ๊ก-อัครินทร์/อ้น-ศรีพรรณ)
กับแก๊งคนโสดที่พังๆ กันทุกคนจะสนุกมาก แบบมันมาก เพราะว่าทุกคนรั่วๆ กันหมดเลยครับ มีทั้งพี่โฟร์ที่เราคิดว่าเขาแบบแบ๊วๆ ซึ่งมาเรื่องนี้เขาเต็มที่มากเลยมีนิกกี้ ณฉัตรนะครับซึ่งหยอดเขาทั้งวันเลยครับ หยอดพี่โฟร์ทั้งวัน ก็สนุก มี
พี่โจ๊กพี่อ้น ศรีพรรณด้วยครับ พี่อ้นไม่ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วครับในเรื่องของความฮา แล้วก็ทุกคนในเรื่องเขาก็มีปมมีอะไรของเขาอยู่แล้ว ทั้งแบบพี่โอมที่เป็นเจ้าของโฮมสเตย์ ดูแกร่งๆ ดูโหดๆ คือเขาก็มีมุมของเขา เขาก็เฮิร์ทหรือเขาก็พังด้วย อย่างพี่โฟร์เขาก็เป็นแอร์โฮสเตสที่เขาเพิ่งโสดใหม่ๆ เลย ส่วนนิกกี้พ่อหนุ่มบาริสต้าผู้ช่ำชอง เอ้ย! ผู้ชอกช้ำจากรักเก่าที่โดนแฟนตัวเองเทใจไปหาเพื่อนสนิทก็โสดมาเหมือนกัน ผมคิดว่า Low Season สุขสันต์วันโสด เป็นอะไรที่คนทั้งโสดและไม่โสดดูได้หมดเลยครับ เพราะเป็นเรื่องราวที่เราทุกคนต่างต้องเคยเจอ
เสน่ห์ของภาพยนตร์ Low Season ที่ผู้ชมจะได้เห็น
สำหรับเรื่อง Low Season จริงๆ ก็เป็น Base on true story ครับ อย่างคาแรคเตอร์หลายๆ คนในเรื่อง พี่โจ๊ก ก็คือพี่โอมมีชีวิตอยู่จริงๆ มีตัวตนอยู่จริง แล้วก็อีกหลายๆ คนในนั้นค่อนข้างมาจากชีวิตจริงครับ แล้วก็เรื่อง Low Season บทถูกเขียนมาประมาณ 20-30 ร่าง ใช้เวลา 2-3 ปี ก่อนที่จะมาเป็นบทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบเรื่องนี้ เพื่อให้คนดูได้อินมากขึ้น แล้วก็เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งคือโลเคชั่นในเรื่อง Low Season ซึ่งไปถ่ายทำในหลายที่มาก แต่ละที่ก็มีความสวยในแบบที่ต่างกัน อย่าง กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ ตรงนี้ถึงแม้ทางขึ้นจะลำบาก แต่ก็คุ้มค่ามากครับที่จะลองขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ข้างบนนั้น ทุกคนจะได้เห็นวิวแบบ 360 องศาท่ามกลางบรรยากาศของป่าหน้าฝน หรืออย่างนาขั้นบันได ต้นข้าวต้นอ่อนเขียวขจีที่กำลังพัดปลิวไปกับสายลมแห่งฤดูฝน ผมรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ครับ ดูเหงาๆ ดูโรแมนติก แล้วมันก็ดูทรหด แต่สนุกมีความสุขสุดๆ เลยครับ
หลังจากที่ได้ไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ มุมมองของมาริโอ้ที่มีต่อ Low Season เปลี่ยนไปไหม?
ผมคิดว่าข้อดีของเราคือได้ไปถ่ายทำในช่วง Low Season จริงๆ ซึ่งเป็นที่ๆ ไม่มีคนเที่ยวเลยในหน้านั้น กลายเป็นว่ามันสวยกว่าเดิมอีกครับ เพราะว่ามันไม่มีคนยืนอยู่เต็มไปหมดเหมือนตอน High Season บรรยากาศเงียบๆ แต่ไม่เหงาท่ามกลางหุบเขา กลายเป็นว่าถ่ายรูปตรงไหน มุมไหนก็สวย แล้วก็รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ในตัวมันเองในช่วงนี้ครับ
หลุมหลบพัง(Safe Zone)สำหรับโอ้คือที่ไหน?
ของโอ้คือที่บ้านครับ เพราะว่าเราอยู่กับอะไรที่แบบบรรยากาศที่เรามีความสุข เลยชอบอยู่บ้านครับ
ตัวอย่าง Low Season สุขสันต์วันโสด (Official Trailer)
สัมภาษณ์ ‘พลอย-พลอยไพลิน ตั้งประภาพร’
จากเด็กสาวเจ้าของเพจ ‘พลอยเรียนจบแล้วทำอะไรต่อ?’
สู่การเป็นนางเอกภาพยนตร์เรื่องแรกใน
‘Low Season สุขสันต์วันโสด’
จากเจ้าของเพจ ‘พลอยเรียนจบแล้วทำอะไรต่อ?’ เด็กสาวทรานส์-ไซบีเรีย ผู้ออกเดินทางค้นหาตัวตนความเป็นตัวเองใน 8 ประเทศ 37 วัน พร้อมด้วยผลงานการเขียนหนังสือเล่มแรกของเธอ ‘วิชาเดินทางหลังเลิกเรียน’ พ่วงด้วยตำแหน่งน้องสาวของนางเอกช่อง 7 สี อย่าง ‘พิม-พิมประภา ตั้งประภาพร’
ด้วยโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดาของนางเอกสาวคนนี้ จึงทำให้ผู้กำกับอย่าง ‘เป้-นฤบดี เวชกรรม’ ต้องใจเข้าอย่างจัง และท้ายที่สุดได้เลือกพลอยไพลินมารับบท ‘หลิน’ ใน Low Season สุขสันต์วันโสด ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดจาก สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ซเข้าฉาย 13 กุมภาพันธ์นี้
§ Low Season สุขสันต์วันโสด เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?
เป็นเรื่องของ หลิน สาวออฟฟิศธรรมดาคนนึง ที่มีซิกซ์เซนส์เห็นผี ต้องมาอกหักจากแฟนหนุ่มที่เป็นซุป’ตาร์ เลยอยากจะmove onให้ได้ จึงเลือกวิธีเจ็บแต่จบ เริ่มที่ไหนจบที่นั่น ทำให้ต้องออกเดินทางไปท่องเที่ยว เพราะอยากหายพัง แต่ดันไปเจอคนที่เพิ่งโสดมาเหมือนกันค่ะ บนดอยซึ่งเป็นโฮมสเตย์ที่หลินไปพัก จากโฮมสเตย์ที่คิดว่าจะไปพักรักษาใจ กลายเป็นแหล่งบำบัดของคนพังไปซะงั้น แถมยังต้องไปเจอกับ พุธ (มาริโอ้) นักเขียนบทที่มาหาแรงบันดาลใจในการเขียนบทหนังผีแมสๆ ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างทำให้ต้องไปช่วยเหลือเขาในการเขียนบท เรื่องราวทั้งหมดจึงเริ่มต้นขึ้นค่ะ
§ ความท้าทายที่ต้องเผชิญในการรับบทนางเอกภาพยนตร์เรื่องแรกของชีวิต รู้สึกอย่างไรบ้าง?
เป็นนางเอกเรื่องแรกทั้งกดดันและท้าทายมากค่ะ พลอยคิดว่าพลอยเป็นใครก็ไม่รู้ คนจะมาดูพลอยไหม ซึ่งพลอยก็ต้องทำการบ้านค่อนข้างเข้มเลย เพราะก่อนถ่ายทำก็จะมีไป Workshop ด้วย แต่ทางผู้กำกับไม่อยากให้ Workshop จนเสียตัวตนเรา เพราะเขาเขียนหนังเรื่องนี้จากที่เป็นเราอยู่แล้วค่ะ ผู้กำกับบอกว่าอยากได้ความเป็นธรรมชาติ ก็เลยต้องไป Workshop เพื่อให้เข้าใจตัวละคร ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ไปถ่ายต่างจังหวัด มันไกลแล้วก็ต้องเข้าป่าลุย ก็ค่อนข้างจะท้าทายพลอยอยู่ค่ะ
§ กว่าจะมาเป็น ‘หลิน’ ของพลอยไพลิน กับการทาบทามนานถึง 2 ปี จนคิดว่าเกือบโดนหลอกเสียแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีกว่า ไม่รู้ว่าพี่แอน(โปรดิวเซอร์)หรือใครติดต่อมาค่ะ พี่เขาบอกว่าจะมีหนัง อยากให้พลอยมาเล่น มันเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้วคาแรคเตอร์พลอยได้ เขาก็เล่าคร่าวๆ ให้ฟังว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ฟังแล้วมันสนุกดี ก็เลยอยากรู้ว่าตอนจบเป็นอย่างไร เราเลยถามผกก. ซึ่งพี่เป้ผกก.บอกพี่ยังเขียนบทอยู่เลย จนสุดท้ายมันนานจนเราตัดใจไปแล้วว่าคงไม่ได้เล่นหรอก แล้วพี่แอนก็ติดต่อกลับมาจริงๆ บอกว่าบทเสร็จแล้วนะพร้อมที่จะให้เล่นแล้วค่ะ
§ ‘หลิน’ ในมุมมองของ ‘พลอยไพลิน’ เป็นคนอย่างไร?
หลิน เขาจะเป็นคนค่อนข้างจะสู้ แต่เพื่อคนที่เรารักอะไรๆ ก็ยอม พี่ต่อคือ only one ไม่มีอะไรมากกว่าเขาอีกแล้ว เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่มันไม่ไหวแล้วก็จะตัดขาดก็ตัดให้มันจบๆ ไปเลย คิดว่าตัวละครของหลินนี่น่าจะ Base on true story ของใครหลายๆ คนที่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงและผู้ชาย เพราะเราเชื่อว่าการที่คนจะออกเดินทางคนเดียวมันต้องมีเหตุผล คือบางคนอาจจะต้องการไปเที่ยวพักผ่อน แต่เราว่าเหตุผลส่วนใหญ่คืออกหัก หลินเหมือนเป็นกระจกสะท้อนตัวตนของใครหลายๆ คนที่อกหักแล้วต้องการจะเยียวยา เพราะอยู่ที่เดิมแล้วมันลืมภาพเก่าไม่ได้ก็ต้องตัดขาดโดยการออกเดินทางไปเที่ยวเพื่อให้ลืม
§ แล้วตัวละคร ‘หลิน’ มีความเหมือนหรือต่างจากตัวตนของ ‘พลอย’ มากน้อยขนาดไหน?
คือค่อนข้างมีความใกล้เคียง เป็นคนที่ห้าวๆ เหมือนที่พี่เป้บอกว่าเล่นเป็นตัวเรา รู้สึกอย่างไรก็แค่โวยวายแบบนั้น เราก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วด้วยความที่ต้องกลัวผีเราก็กลัวผีจริงๆ และเป็นคนที่ซาบซึ้งกับธรรมชาติทุกอย่าง มองโลกในแง่บวก หลินก็เป็นผู้หญิงแบบเรานะ ถ้าตามนิสัย ส่วนที่ไม่เหมือนกันเลยก็น่าจะเป็นแค่เรื่องเดียวคือหลินไม่เคยพบโลก ไม่เคยรู้ว่าการท่องเที่ยวเป็นยังไงค่ะ
§ จากพี่โชนของน้ำ กลายมาเป็น พุธของหลิน เป็นอย่างไรบ้างการทำงานกับ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’
ตื่นเต้นค่ะ เพราะว่าถ้าคนที่รู้จักเราจริงๆ อย่างพี่พิม(พิมประภา ตั้งประภาพร)จะรู้เลยว่าเราเป็นคนที่ชอบดารามาก ชอบศิลปิน เป็นแฟนคลับ แล้วตอนที่เจอพี่มาริโอ้ครั้งแรกตอนฟิตติ้งกรี้ดเลย เพราะพี่มาริโอ้คือพี่โชนของน้องน้ำที่เราดูตอนสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก(ปี 2553) วันนี้เราก็ได้เป็น หลิน กับ พุธ นะคะ คนที่เราดูตอนนั้นมาทำงานกับเราตอนนี้ เราก็กดดัน เพราะเราอยากให้รู้สึกว่าเขาภูมิใจที่แบบได้ทำงานกับเรา อยากทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ผิดหวังที่เลือกเรามา ไม่ใช่แค่พี่มาริโอ้ แต่ทั้งพี่แอน(โปรดิวเซอร์) พี่เป้(ผู้กำกับ) และทุกคนที่รู้สึกว่าเขาให้โอกาสเรามาแล้ว เราอยากให้เขาภูมิใจ
§ การร่วมงานครั้งแรกกับผู้กำกับอารมณ์ดี ‘เป้-นฤบดี เวชกรรม’
เราว่าพี่เป้เป็นคนที่ค่อนข้างพูดน้อยค่ะ เงียบๆ แต่พูดทีคือหมัดหนัก ค่อนข้างจะใจดี ทำงานสบายๆ เป็นกันเอง คือไม่ได้มากดดันอะไรเรามาก เขาก็แค่จะคอยบอกว่าทำดีแล้ว คือทุกครั้งที่เราเล่น เราชอบไปนั่งหน้ามอนิเตอร์ เราก็จะถามเขาทุกฉากเลยว่าดีพอรึยังคะ คือเขาเหมือนแบบให้กำลังใจเรา แล้วมันจะมีรอบนึงที่เขาคงแบบรำคาญเราหรือเปล่าไม่แน่ใจ อารมณ์แบบถามทุกซีน ยันคิวสุดท้าย เราก็ถามเขาว่าดีรึยังคะ เขาเลยบอกว่า ‘ห่วยแตก’ (หัวเราะ) เขาบอกต้องการแค่นี้ใช่ไหม แล้วพี่เป้เขาจะชอบ improvise ชอบแบบไม่ต้องเน้นบทเป๊ะมาก หมดฉากแล้วแต่ถ้าจะเล่นอะไรกันต่อเขาก็เอาไว้เหมือนกัน อย่างฉากที่เข้ากับพี่กะเร (เปิ้ล นาคร) พี่โอ้ขาไปเตะโดนไฟ เขาก็ชอบ เขาชอบความแบบธรรมชาติ
การร่วมงานกับพี่ๆ แก๊งคนโสด(โฟร์ ศกลรัตน์/นิกกี้ ณฉัตร/อ้น ศรีพรรณ/โจ๊ก อัครินทร์) ชุลมุน วุ่นวาย ฮากระจายวายป่วงขนาดไหน?
คือต้องขอเล่าก่อนว่าในเรื่อง Low Season หลิน เขาต้องออกเดินทางขึ้นดอย แล้วไปพักที่โฮมสเตย์นึง ทีนี้โฮมสเตย์นี้ก็ดันมีคนที่พังเหมือนกันมา ขอเรียกว่า ‘แก๊งคน(เพิ่ง)โสดแห่งบ้านบนดอย’ แล้วกันค่ะ ซึ่งก็ได้นักแสดงรุ่นพี่ฝีมือจัดจ้านครบรสมาร่วมสร้างสีสันให้กับหนังเรื่องนี้ ทุกคนมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนของตัวเอง อย่างพี่ โฟร์ ศกลรัตน์ ในเรื่องรับบทเป็น นุ่น แอร์โฮสเตสสาวสวยที่โสดเพราะถูกเทในวันแต่งงาน ซึ่งตัวจริงพี่โฟร์เป็นคนที่ร่าเริงสดใส คอยแกล้งพี่นิกกี้ พี่นิกกี้ก็จะโดนแกล้งและแกล้งกลับพี่โฟร์เหมือนกัน ซึ่งในเรื่องพี่ นิกกี้ ณฉัตร ก็เล่นเป็น วิทยา หนุ่มบาริสต้าที่จับได้ว่าแฟนแอบไปกิ๊กกับเพื่อนสนิทของตัวเอง ส่วนพี่ โจ๊ก อัครินทร์ คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่สุด ใน Low Season พี่เขาเล่นเป็น พี่โอม เจ้าของโฮมสเตย์บ้านบนดอย ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวพ่อของเหล่าคน(เพิ่ง)โสด ซึ่งตัวจริงพี่โจ๊กก็จะคอยกำกับพี่นิกกี้ให้แกล้งพี่โฟร์ แต่ชอบพูดว่าแบบไม่เอาสิน้อง ไม่แกล้ง แต่ก็ไม่ห้าม เป็นคนคอยร่วมวงแบบเงียบๆ ส่วนพี่อ้นก็คือสายเม้าท์แบบชวนคุยค่ะ อย่างบทที่พี่ อ้น ศรีพรรณ ได้ คือเล่นเป็น พี่อ้อม แม่บ้านประจำโฮมสเตย์ ที่ชอบทำตัวเสมือนเป็นเมียพี่โอม มันจะมีฉากนึงที่เป็นฉากกินข้าวเย็น หน้าฉากก็คือนั่งระหว่างรอเซ็ต คุยกันไม่หยุดเลย แบบกินข้าวอยู่ดีๆ ก็ลากเข้ามาในไดอะล็อกเฉยเลย และจะมีซีนในเกสต์เฮ้าส์ที่ทุกคนต้องมาเจอกัน แล้วพี่นิกกี้ชอบมีมุกที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน อย่างพี่เขาจะเอาแชมพูมาสระผม คือเขาก็จะคุยกันแบบเงียบๆ ไม่ให้เรารู้ พอเราหันไปมันก็มีความเซอร์ไพร์สจริงๆ หรืออย่างฉากไฟไหม้แล้วเขาก็แบบคลาน คือเป็นอะไรที่นอกบท เขาสามารถทำให้มันมีอะไรได้ ตลกมาก ค่อนข้างเป็นคนที่ครีเอทีฟมากค่ะ
§ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนรวมนักแสดงรุ่นพี่ไว้หมดเลย พลอยแอบมีกังวลบ้างไหม เพราะเราคือน้องเล็กและใหม่สุดในกลุ่ม?
กังวลมากค่ะพี่ๆ เขาเป็นรุ่นใหญ่กันหมดเลย ตอนแรกคิดว่าเขาคงไม่อยากคุยกับเราแน่เลย เพราะเราก็เป็นหน้าใหม่ เราก็รู้สึกกดดัน กังวล เพราะรู้สึกว่ากลัวทำให้เขาเสียเวลา แต่พอมาเจอจริงๆ แล้วทุกคนน่ารักมากเฮฮาร่าเริงชวนคุย ทำให้เราไม่กดดัน เราก็รู้สึกว่าเราไม่เกร็ง เกร็งน้อยลงถึงแม้ว่าคิวแรกๆ จะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่พอหลังๆ คือได้เล่นได้คุยกันค่ะ
§ ฉากที่พลอยจะจดจำไปตลอดชีวิตในการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก
ฉากที่ดูดาวค่ะ แบบเปิดเพลงแล้วก็นั่งดูดาว ในหนังที่เราพูดว่า ‘ดีจังอ่ะ’ คือมันดีจริงๆ ตอนนั้นคือมันเห็นดาวเต็มฟ้าเลยค่ะ เราคิดว่าถ้าเป็นเราจริงๆ แล้วได้ไปนอนตรงชายคาตรงนั้นเหมือนกับหลิน ปูผ้านอนแล้วดูดาว อากาศมันเย็นมันหนาวจริงๆ ต้องรอไปดูในหนังกันนะคะ เพราะ Mood มันดีจริงๆ เปิดเพลงด้วยเพลงของเขียนไข และวานิช เพลงภาพฝัน
ในจักรวาล เราชอบท่อน ‘เธอคือภาพฝันในจักรวาลของฉัน ดวงดาวส่องแสงวับวาวเมื่อพบเจอ’ ด้วยความที่จังหวะดนตรีเบาสบาย ไม่หนัก ทำให้แล้วเราก็ชอบเพลงนั้นไปเลยค่ะ
§ ฉากไหนที่พลอยคิดว่าลุย เละ ทรหดที่สุดแล้ว
ที่พลอยรู้สึกว่าโหดที่สุดน่าจะเป็นวันที่ถ่ายทำนาขั้นบันได เพราะมันลื่นมากค่ะ มันไม่ได้โหดที่แอคชั่นหรือแอคติ้ง แต่มันโหดตรงที่ตอนเดินเข้าไป ต้องนั่งรถโฟร์วิล กว่าจะได้เข้าไป กว่าจะแบกของ กว่าจะลุย เป็นนาขั้นบันไดที่ลื่นมากจนต้องเกร็งขาเลยค่ะ วันนั้นเลยเหนื่อยมาก มันไม่ได้ถ่ายทำแค่ที่เดียว แต่ต้องย้ายโลเคชั่นด้วย มันต้องนั่งรถไปอีกที่นึงและเดินข้ามไปอีกที่หนึ่ง มันค่อนข้างเหนื่อยเดินทาง ซึ่งทุกคนลื่นหกล้มกันเกือบหมดเลยค่ะ เพราะวันแรกที่ไปถ่ายทำที่นั่นไม่มีใครรู้ว่าสถานที่ถ่ายทำมันเป็นอย่างไร และทีมงานไม่ได้เตรียมตัวเลย อย่างการใส่สตั๊ดดอย(รองเท้ากันลื่น) ค่ะก็ลื่นล้มกันไปเป็นโดมิโนเชียว
§ ความพิเศษ หรือเสน่ห์ของภาพยนตร์ที่ผู้ชมจะได้เห็นใน Low Season
เราว่าหนังเรื่องนี้มีความผสมผสานกันในหลายๆ ด้าน ทั้งความโรแมนติก ผสมกับการเที่ยว กลิ่นไอของความเหงา ที่ทั้งฝน เที่ยวคนเดียว แต่มันก็ไม่ได้เหงาเพราะมีเพื่อนแปลกหน้าที่คอยมาสร้างเรื่องราวสนุกๆ ตลกๆ ให้เรา มีตลกด้วย มีผีเข้ามาอีก คือทุกอย่างมันเป็นการผสมผสานกันในเรื่องเดียว หนังเรื่องนึงมันมีหลายมุมมองหลายความรู้สึกให้เราได้สัมผัส แล้วด้วยความที่ว่าหนังถ่ายหน้า Low Season จริงๆ ต้นไม้ ฝน หมอก ความหนาว แสงแดด หรืออย่างความชื้น โคลน ลื่น ทุกอย่างมันคือจริงหมดเลย จะได้เห็นความเรียล ไม่ใช่แค่ตัวละคร แต่ทั้งสภาพอากาศคือความจริงหมด สถานที่ที่เราไปถ่ายทำมันก็มีอยู่จริงๆ มีบ้านพักจริงๆ ที่เป็นเรื่องราวนั้นจริงๆ คือทุกอย่างมันเกือบจะ Base on true story เคยเกิดขึ้นจริงกับคนๆ นึง แล้วก็มาดัดแปลงให้มีเรื่องราวมากขึ้น
§ ฝากภาพยนตร์เรื่อง ‘Low Season’
ฝากภาพยนตร์เรื่องแรกของพลอยด้วยนะคะ เรื่องนี้พลอยตั้งใจทำมากจริงๆ ไม่ใช่แค่พลอยแต่นักแสดงทุกคน ทีมงานทุกคน ผู้กำกับ ทุกๆ คน แม้กระทั่งฝ่าย PR ทุกคนก็ตั้งใจอยากจะทำหนังเรื่องนี้ออกมาให้ดีจริงๆ แล้วเราก็เชื่อว่าหนังเรื่องนี้มันจะทำให้ทุกคนเห็นมุมมองใหม่ๆ ของทั้งการท่องเที่ยวไทย ว่าประเทศไทยมีความสวยงามอย่างไร และความสนุกของหนังที่ทั้งตลก โรแมนติก มีความน่ากลัว มีความเป็นมากกว่าหนังโรแมนติกคอเมดี้ทั่วไป เราว่าหนังเรื่องนี้น่าจะให้อะไรกับคนดูได้บ้าง แล้วเราก็หวังว่าหนังเรื่องแรกของพลอยจะได้รับความเอ็นดูจากทุกๆ คนนะคะ
เบื้องหลังการถ่ายทำ Low Season สุขสันต์วันโสด
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ