การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การใช้งานเทคโนโลยีทางการเงินเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย โดยเฉพาะสำหรับกลุ่ม Underserved ซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการทางการเงิน แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจด้านการเงินของ แกร็บ ที่ตอบสนองทุกความต้องการในทุกวันของผู้บริโภค เชื่อว่าเทคโนโลยีด้านการเงินจะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในการสร้างภูมิคุ้มกันแก่สังคม โดยมี เทรนด์ในชีวิตวิถีใหม่ที่น่าจับตา ได้แก่ การเติบโตของสังคมไร้เงินสด การช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายอย่างทันท่วงที และการใช้ข้อมูลเชิงลึกในการออกแบบผลิตภัณฑ์

1. ความใส่ใจสุขภาพเร่งการเติบโตของสังคมไร้เงินสด 

การเปิดให้บริการพร้อมเพย์ และการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินข้ามธนาคารผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้การชำระเงินแบบไร้เงินสดเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยอดการทำธุรกรรมออนไลน์ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมีการเติบโตสูงถึง 69%* เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์โรคระบาดทำให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินสด โดยความกังวลด้านสุขภาพจากจะเป็นอีกปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญของ Cashless Society และการทำธุรกรรมบนมือถือจะมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นในพื้นที่ต่างจังหวัด หลังจากผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมในวงกว้าง

บนแพลตฟอร์มของแกร็บ เราพบว่าระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน ธุรกรรมผ่าน GrabPay Wallet เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว ส่งผลให้สัดส่วนธุรกรรมแบบไร้เงินสด (รวมทั้งวอลเล็ต บัตรเครดิตและบัตรเดบิต) เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 50% ของธุรกรรมทั้งหมดบนแพลตฟอร์มแกร็บ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นหลังจากเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม 2562

2. การปรับแผนทางธุรกิจเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายอย่างทันท่วงที 

การหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทำให้ทุกองค์กรต้องปรับแผนธุรกิจอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างทันท่วงที โดยโจทย์สำคัญก็คือ การให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างถูกตัวและตรงคน ด้วยรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการ

นายวรฉัตร กล่าวว่า เราพบว่ารายได้เฉลี่ยของพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บ โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้บริการเดินทาง ได้รับผลกระทบทันทีจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ได้ออกมาตรการพักชำระหนี้แก่พาร์ทเนอร์กลุ่มนี้ทันที พร้อมทั้งขยายความช่วยเหลือเพิ่มเติมเมื่อผลกระทบขยายวงกว้างขึ้น โดยรูปแบบของมาตรการช่วยเหลือ คือ การเว้นชำระค่างวด และการหยุดพักชำระหนี้ 1-3 เดือน หลังจากนั้น ในเดือนมิถุนายนที่เริ่มมีการคลายมาตรการล็อคดาวน์ เราเห็นปริมาณการใช้งานแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้น และรายได้เฉลี่ยของคนขับบางส่วนกลับมาฟื้นตัว เราจึงทยอยปลดล็อคการพักชำระหนี้ ควบคู่กับการเตรียมแผนปรับโครงสร้างหนี้สำหรับกลุ่มที่ยังคงได้รับผลกระทบต่อไป”

3. ข้อมูลเชิงลึกช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตทำให้ผู้ให้บริการทางการเงินต้องปรับแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรายวัน ข้อมูลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละเซ็กเมนต์ โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ฉลาดและขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเปิดโอกาสในการประกอบอาชีพ

“ข้อมูลเชิงลึกบนแพลตฟอร์มของแกร็บทำให้เรามีความเข้าใจพาร์ทเนอร์เป็นอย่างดี รวมถึงเล็งเห็นถึงรูปแบบพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ในสถานการณ์ที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มชะลอตัว เราจึงต้องปรับรูปแบบการผ่อนชำระให้พาร์ทเนอร์คนขับสามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ เราพบว่าโมเดลการวิเคราะห์ข้อมูล และรูปแบบการผ่อนชำระ ที่เราใช้กับผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อพาร์ทเนอร์คนขับอยู่ในปัจจุบันสามารถนำมาปรับใช้กับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารได้เช่นกัน” นายวรฉัตร กล่าว

“วิกฤตโควิด-19 ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงบทบาทของเทคโนโลยีและบริการทางการเงินที่เข้าใจวิถีชีวิตของกลุ่มเป้าหมายในการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคม ในครึ่งปีหลัง แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าพัฒนาฟินเทคโซลูชันครบวงจร ทั้งด้านการชำระเงิน สินเชื่อ และประกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย 100,000 ครัวเรือนต่อไป” นายวรฉัตร กล่าวสรุป

 

 

*ที่มา: Bi-monthly Payment Insight เดือนเมษายน 2563 โดยธนาคารแห่งประเทศไทย

 

###################

เกี่ยวกับแกร็บ

แกร็บ (Grab) คือ ผู้นำด้านซูเปอร์แอปที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันแอปพลิเคชันแกร็บได้ถูกดาวน์โหลดบนโทรศัพท์มือถือมากกว่า 163 ล้านเครื่อง ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ ร้านค้าและผู้แทนกว่า ล้านราย แกร็บยังมีเครือข่ายการให้บริการขนส่งทางบกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยได้ให้บริการการเดินทางไปแล้วมากกว่า พันล้านเที่ยวนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2555 นอกเหนือจากบริการการเดินทางแบบออนดีมานด์ที่มีความหลากหลายแล้ว แกร็บยังนำเสนอบริการด้านอื่นๆ ให้กับผู้ใช้งานทั่วทั้ง 339 เมืองใน ประเทศ อันได้แก่ การบริการรับส่งอาหาร การจัดส่งสินค้าและพัสดุ ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนบริการทางการเงิน