สำหรับหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์ ความยิ่งใหญ่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ดังนั้นเมื่อ New Line Cinema และ Warner Bros. Pictures ประกาศว่าภาพยนตร์เรื่อง Rampage ซึ่งจะออกฉายในเดือนเมษายนนั้นเป็นหนัง “ใหญ่ชนยักษ์” นั่นหมายความถึงหนังที่ใหญ่มหึมาในทุกระดับ นับตั้งแต่ซูเปอร์สตาร์คนดังระดับโลก ดเวย์น จอห์นสัน (ใหญ่) ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ได้รับการตัดต่อทางพันธุกรรม (ใหญ่กว่า) และความยิ่งใหญ่ตระการตาของฉากสัตว์ประหลาดถล่มเมืองใหญ่ (ใหญ่ที่สุด?)
เรื่องความใหญ่ยักษ์ยังได้ปรากฏอยู่ในThird Rail Studios โรงงานเก่าซึ่งเดิมเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ GM แล้วต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นสตูดิโอสร้างภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ด้วยขนาดกว้างขวางถึงเจ็ดเอเคอร์ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สตูดิโอแห่งนี้เป็นที่ทำงานของทีมสร้างภาพยนตร์Rampage อยู่นานหลายเดือน แต่ความกว้างขวางของสถานที่ก็ยังเป็นรองความมหัศจรรย์ในห้องทำงานเล็กๆ ธรรมดาๆ ที่ทีมผู้สร้างหนังตั้งชื่อว่า “ห้องวอร์รูม”อันเป็นที่รวบรวมภาพถ่าย ภาพคอนเซ็ปต์ และภาพร่างอันชวนละลานตา ดวงตาโหดร้ายและปากที่เปิดกว้างของจระเข้ขนาดใหญ่คอยข่มขวัญเรา หมาป่าตัวมหึมาออกถล่มเมืองชิคาโก ขณะที่วานรตัวเท่าบ้านซึ่งเรารู้ในภายหลังว่าชื่อจอร์จ ยกซากตึกขึ้นมากวัดแกว่งเหมือนเป็นไม้กระบอง สัตว์ทั้งสามตัวรวมพลังกันทำลายเมืองจนราบคาบ
ทั้งหมดนี้เป็นความใหญ่ยักษ์ที่อัดแน่นอยู่ในหนัง โชคดีที่ผู้อำนวยการสร้างของ Rampage อันได้แก่ โบ ฟลินน์, จอห์น ริคคาร์ด และไฮรัม การ์เซีย ได้อธิบายให้เราเห็นว่าภาพอันน่าตกตะลึงนี้อยู่ในปริบทสถานการณ์ใด และช่วยนำทางเราเข้าสู่โลก เรื่องราว และตัวละครภายในหนัง แม้ว่าพวกเขาจะได้ตรวจดูงานศิลป์เหล่านี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่พลังและความกระตือรือร้นของผู้สร้างทั้งสามรายทำให้ดูราวกับว่าพวกเขาเพิ่งได้มาสัมผัสโลกของ Rampage
ฟลินน์เริ่มกล่าวเป็นคนแรก “ถ้าจะมีใครหยุดยั้งสัตว์ร้ายสามตัวที่มาถล่มเมืองได้ ก็ต้องเป็นดเวย์น จอห์นสัน จริงไหมล่ะครับ” จากนั้นเขาจึงเริ่มเล่าว่าตัวเขาเองเป็นแฟนเกมอาร์เคด Rampage ยุคแรก และอยากทำหนังสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์มาตลอด “เพราะฉะนั้นผมจึงตื่นเต้นมากที่ได้มาร่วมสร้างRampage ซึ่งรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน”
แต่ไม่ได้มีเพียงสัตว์ประหลาดและความยิ่งใหญ่อลังการเท่านั้น การ์เซียกล่าวว่าหนังเรื่องนี้มีแก่นเรื่องอันน่าประทับใจอย่างคาดไม่ถึง ว่าด้วยมิตรภาพระหว่างตัวละครเดวิสที่รับบทโดยจอห์นสัน กับจอร์จ กอริลลาหลังเงินที่เฉลียวฉลาดและอยู่ในความดูแลของเดวิสมาตั้งแต่ได้รับการช่วยเหลือจากนักล่าเมื่อหลายปีก่อน “พวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันและความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ช่วยให้หนังเรื่องนี้ชวนอบอุ่นใจ”
โครงการทดลองตัดต่อพันธุกรรมที่มีชื่อว่าโครงการ Rampage ได้เปลี่ยนลิงยักษ์ผู้อ่อนโยนอย่างจอร์จให้กลายเป็นอาวุธ โดยทำให้มันกลายพันธุ์เป็นสัตว์โหดร้ายขนาดมหึมา เชื้อเดียวกันนี้ได้ถูกนำมาใช้เปลี่ยนพันธุกรรมของหมาป่าและจระเข้ แล้วสุดยอดนักล่าทั้งสามตัวนี้ก็ออกถล่มทวีปอเมริกาเหนือและทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ด้วยความลังเล เดวิสร่วมทีมกับวิศวกรพันธุกรรม เคต คอลด์เวลล์ ซึ่งรับบทโดยนักแสดงผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ นาโอมี แฮร์ริส เพื่อหยุดยั้งภัยพิบัติระดับโลกและช่วยจอร์จเอาไว้
ผนังห้องวอร์รูมเกือบทั้งแถบเป็นพื้นที่สำหรับสัตว์เหล่านี้ โดยแต่ละตัวจะมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปตามระดับเชื้อที่ได้รับ การทดลองในเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแต่งเสียทั้งหมด โดยหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ปรากฏนั้นได้พื้นฐานมาจากเทคโนโลยีปฏิวัติวงการที่มีชื่อว่า CRISPR ซึ่งมีศักยภาพในการจัดการกับโรคที่รักษาไม่ได้ผ่านการตัดต่อทางพันธุกรรม แต่วิธีนี้ก็เป็นดาบสองคม ดังที่ริคคาร์ดอธิบายว่า “วิธีนี้อาจมีประโยชน์มากก็จริง แต่ถ้าตกอยู่ในมือผู้ประสงค์ร้ายก็อาจให้ผลในทางตรงกันข้ามเนื่องจากเทคโนโลยีนี้อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐจึงกำหนดให้การตัดต่อพันธุกรรมเป็นอาวุธทำลายล้างระดับสูง เรานำแนวคิดนี้มาพัฒนาโดยดัดแปลงเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยให้เหมาะกับหนังครับ”
บทสนทนาย้อนกลับมาหาดารานำฝั่งมนุษย์ของหนังเรื่องนี้ จอห์นสัน ขณะที่เรามองดูภาพถ่ายเบื้องหลังตอนที่เขากำลังสื่อสารกับแฮร์ริส “ดเวย์นเป็นคนตัวใหญ่ที่สุดในห้องเสมอ” ริคคาร์ดเล่า “แต่เขาก็มีบุคลิกและเสน่ห์ที่เข้าถึงได้ง่าย ผมคิดว่าผู้ชมก็รู้สึกแบบนี้ทำให้ผู้ชมถูกดึงดูดเข้ามาหาเขา เขาดูโดดเด่นยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นคนที่เรารู้สึกว่าเชื่อมโยงได้และเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของเราได้ด้วย เขามีคุณสมบัติครบทุกประการสำหรับการเป็นดาราหนังที่โด่งดังครับ”
“ความยิ่งใหญ่” อีกส่วนหนึ่งในงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเครื่องบินขนส่งทางทหาร C-17 Globemaster ซึ่งทีมงานได้สร้างขึ้นในโรงถ่ายขนาดใหญ่ การเยี่ยมชมฉาก C-17 เผยให้เราเห็นว่าผนังภายในนั้นมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพราะผู้โดยสารทุกคนไม่ว่าจะเป็นจอห์นสัน แฮร์ริส และสุดยอดตัวร้ายจาก Walking Dead อย่างเจฟฟรีย์ ดีน มอร์แกนจะต้องถูกเหวี่ยงไปมาอยู่ในฉากขนาดใหญ่นี้ มีช่องโหว่ขนาดเท่ารถเอสยูวีอยู่ด้านข้างของเครื่อง C-17 ร่องรอยกรงขนาดใหญ่ช่วยบอกใบ้ถึงสาเหตุของความเสียหายครั้งนี้ เช่นเดียวกับแผ่นกระดานขนาดยักษ์ที่ทำเป็นรูปจอร์จด้วย
หลังจากผู้กำกับเพย์ตัน ผู้ประสานงานสตันท์ อัลลัน พ็อพเพิลตัน และผู้ควบคุมวิชวลเอฟเฟ็กต์ คอลิน สเตราส์ มารวมตัวกันหน้าแผงจอมอนิเตอร์ ทีมงานคนหนึ่งก็เปิดพัดลมยักษ์ที่ส่งเสียงดังหนวกหู พัดลมนี้สร้างกระแสลมที่ความเร็วกว่า 100 ไมล์ต่อชั่วโมงเพื่อจำลองการสูญเสียความดันอากาศในเครื่องบิน จอห์นสันเล่นฉากผาดโผนด้วยตัวเองโดยห้อยโหนอยู่กับตาข่ายคลุมระวางสินค้า ลำตัวขนานไปกับพื้นขณะที่ลมพายุแทบจะพัดตัวเขาให้ปลิวออกไปนอกเครื่องบิน ขณะที่นักแสดงสตันท์ซึ่งรับบทแทนแฮร์ริสโดยมีสลิงผูกตัวไว้กับระบบรอกอันซับซ้อนนั้น ได้ถูกดึงออกไปจากตัวเครื่อง C-17
หลังจบเทค สเตราส์ให้รายละเอียดเพิ่มเติมและบรรยายถึงสถานการณ์ของฉากนี้ “จอร์จเกิดอาละวาดขึ้นมาตอนที่เครื่องบินอยู่ที่ความสูง 30,000 ฟุต และดเวย์นกับนาโอมีก็หนีออกไปทางด้านหลังเครื่องโดยสวมร่มชูชีพ มันเป็นฉากที่ซับซ้อนเพราะนักแสดงและสตันท์ต้องโหนตัวด้วยลวดสลิงขณะที่ลมพัดกระหน่ำผ่านตัวเครื่องบินไป พัดลมพวกนั้นใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย”
การรับมือกับ”ลม” นั้นต้องอาศัยความทรหดอดทนมากทีเดียว แต่สำหรับจอห์นสัน มันก็แค่การทำงานธรรมดาๆ อีกวันหนึ่ง ซึ่งฟลินน์มองว่า มันบ่งบอกถึง “วินัยในการทำงานอันน่าทึ่ง” ของนักแสดงรายนี้ฟลินน์รู้เรื่องนี้ดี เพราะ Rampage เป็นการร่วมงานกันครั้งที่ห้าระหว่างทั้งสอง หลังจากเคยร่วมงานกันในหนังอย่าง San AndreasและJourney 2: The Mysterious Islandซึ่งทั้งสองเรื่องกำกับโดยเพย์ตัน
หลังจบฉากนั้น จอห์นสันก็เข้ามาคุยด้วย เขานั่งอยู่ด้านล่างของภาพวาดขนาดใหญ่ซึ่งมีเดวิส ตัวละครที่เขาเล่น อยู่ด้านหน้า เบื้องหลังมีจอร์จยืนตระหง่านอยู่
อีกหลายเดือนต่อมา ภาพวาดนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพโปสเตอร์เป็นทางการภาพแรกของ Rampage แต่คืนนี้จอห์นสันเล่าให้เราฟังว่าภาพนี้ถ่ายทอดสิ่งที่เขาสนใจในหนังเรื่องนี้ “หนังสะท้อนถึงตัวเกม Rampage ซึ่งคุณเล่นเป็นสัตว์ประหลาดที่ออกอาละวาดไปทั่วเมือง ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า” เขาอธิบายพลางโปรยยิ้มกว้างอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว “แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือหัวใจของเรื่องที่จุดประกายให้ผมสนใจเรื่องนี้ เพราะมันพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเดวิสและจอร์จ เป็นหัวใจที่ทำให้ Rampageโดดเด่นขึ้นมา
“อย่าเข้าใจผิดนะครับ มันก็ยังเป็นหนังฟอร์มยักษ์” เขากล่าวต่อ “แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอถ้าคุณนำเสนอแอ็คชั่นอลังการโดยมีพื้นฐานอยู่บนเรื่องอารมณ์ความรู้สึก”
เมื่อเราถามว่าเขาค้นข้อมูลเกี่ยวกับกอริลลาก่อนมาทำงานใน Rampage บ้างหรือไม่ จอห์นสันตอบว่า “สิ่งแรกที่ผมเรียนรู้และทำให้ผมประหลาดใจ ก็คือคุณไปสัมผัสแตะต้องตัวกอริลลามากไม่ได้ครับ ตอนที่เราเตรียมตัวทำหนังเรื่องนี้ ผมคิดว่า อืม ผมน่าจะไปสวนสัตว์ซานดิเอโกแล้วใช้เวลากับพวกกอริลลาที่นั่น เราต่างเคารพกัน แต่จะไม่มีการแตะต้องตัวโดยตรง”
จอห์นสันกลับได้รับแรงบันดาลใจจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ตัวกว่านั้น นั่นคือกับสุนัขของเขาที่ชื่อฮ็อบส์ หรืออีกชื่อหนึ่งว่าบรูซ วี “มันเป็นเพื่อนรักของผม เราผูกพันกันและรักกันมาก” เพื่อเน้นเรื่องนี้ จอห์นสันดึงโทรศัพท์ออกมาและเปิดวิดีโอตอนที่เขาวิ่งเล่นกับฮอบส์ พร้อมบรรยายด้วยความภาคภูมิใจ ความขี้เล่น และความสนุกสนาน “นี่ไงครับ…เราหยอกกัน…มันเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเดวิสกับจอร์จเลย…ฮอบส์ชอบเกาะนิ้วเท้าผมซึ่งค่อนข้างแข็งแรง ผมก็เลยใช้นิ้วเท้าจับตัวเขาไว้ได้…เรารักกันมากเลย” (เนื่องจากฮอบส์ไม่สามารถมาแสดงเป็นจอร์จได้ ทีมงานจึงได้ให้นักแสดง เจสัน ไลล์ส รับบทเป็นกอริลลาผู้น่ารักที่กลายร่างมาเป็นสัตว์ร้ายจอมถล่มเมือง)
นอกเหนือจากแอ็คชั่น ความอลังการ และความน่าประทับใจแล้ว ยังมีส่วนผสมสำคัญอีกสองส่วนใน Rampage นั่นคืออารมณ์ขันและหลักการทางวิทยาศาสตร์ “ผมอดหัวเราะไม่ได้เวลาถ่ายทำกันครับ ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังว่าบทมันตลกยังไง” จอห์นสันกล่าว “เมืองชิคาโกกำลังพังทลายเพราะพวกสัตว์จอมอาละวาด เคตกับเดวิสขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เขาเริ่มกดสวิตช์แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทักษะการขับเครื่องบินของเดวิสเริ่มขึ้นสนิมซะแล้ว เคตก็เลยถามว่า ‘คุณแน่ใจนะว่าขับเจ้าเครื่องนี่เป็น’ เดวิสก็ตอบว่า ‘ใกล้ระลึกได้แล้วน่า รอหน่อย…’”
ส่วนภาควิทยาศาสตร์นั้น คำถามสำคัญอยู่ที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหาก CRISPR อยู่ในมือผู้ประสงค์ร้าย
“นี่ละ คือสิ่งที่เกิดขึ้น” จอห์นสันกล่าวพร้อมกับชี้ไปยังงานศิลป์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพจอร์จตัวใหญ่ยักษ์
เพื่อนนักแสดงอีกสองคนของจอห์นสันดูเหมือนจะดึงเอาพลังมาจากภาพอันมีชีวิตชีวารอบตัวเช่นกัน แฮร์ริสถึงขั้นยกให้งานศิลป์ชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เธอสนใจมาร่วมงาน “พอได้เห็นภาพ ฉันก็ตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้มากเลยค่ะ” เธอกล่าว “และฉันก็ทึ่งกับฉากตลอดเวลาเลย!”
แม้ว่าเธอรับบทเป็นมันนีเพนนีในหนังเจมส์ บอนด์สามภาค แฮร์ริสกล่าวกับเราว่า Rampage ไม่ได้ดูเป็นอะไรที่เข้ากับเธอเลยในตอนแรก “ฉันอยู่ใยแวดวงหนังอินดี้มากกว่าค่ะ แต่ว่าฉันชอบบทเรื่องนี้และชอบจอร์จมากจริงๆ เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นหนังประเภทนี้ใส่ความอบอุ่นน่าประทับใจลงไปด้วย” อีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดเธอก็คือผู้กำกับเพย์ตัน “พลังและความทุ่มเทของเขาที่ส่งต่อไปถึงคนอื่นๆ ทำให้ฉันยิ่งอยากมีส่วนร่วมใน Rampage”
ไม่นานหลังจากนั้น มอร์แกนก็เข้ามาร่วมวงสนทนากับเราพร้อมดูภาพคอนเซ็ปต์ไปด้วย แม้ว่าจะต้องทำงานสลับกันระหว่างการถ่ายทำ Rampage กับตารางอันวุ่นวายของซีรีส์The Walking Dead แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาสนุกกับการทำงานครั้งนี้ “มีฉากหนึ่งที่ผมยิงปืนกลใส่สัตว์ประหลาดยักษ์จนกระสุนหมดไปสี่คลิป แล้วแบรด [เพย์ตัน] ก็สั่งคัตและเดินเข้ามาบอกผมว่า ‘คุณช่วยหยุดยิ้มได้ไหม’ เพราะผมสนุกกับ Rampageมากเลยครับ”
เมื่อเราถามว่ารู้สึกอย่างไรตอนที่ต้องกระเด้งกระดอนอยู่ในฉากเครื่องบิน C-17 บนแท่นหมุน มอร์แกนหัวเราะและกล่าวว่า “ผมชอบเล่นฉากผาดโผนเองนะครับ แต่หลังจากเล่นฉากต่อสู้กับกอริลลาสูง 40 ฟุต ผมก็ตื่นขึ้นมาแล้วระบมไปทั้งตัวเลย”
แน่นอนว่ากอริลลาตัวนั้นคือจอร์จนั่นเอง และจุดหมายต่อไปของเราคือการไปพบนักแสดงที่ช่วยสร้างสัตว์ตัวนี้ขึ้นมา ร่างผอมเพรียวและความสูง 6 ฟุต 9 นิ้วของเจสัน ไลล์สอยู่ในชุดที่เพื่อนนักแสดงเรียกกันตลกๆ ว่า “ชุดกางเกงนอนผ้ายืด” ซึ่งก็คือชุดสำหรับจับการเคลื่อนไหวของไลล์ส เขาต้องใส่หมวกกลมสีดำ และบนใบหน้าก็มีจุดสีขาวๆ แปะอยู่เต็มไปหมดด้วย
ไลล์สเล่าถึงการเตรียมตัวอย่างจริงจังเพื่อมารับบทนี้ ซึ่งได้แก่การเรียนคอร์สระยะสั้นเพื่อฝึกการเคลื่อนไหวกับนักแสดงผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงแบบจับการเคลื่อนไหวอย่างเทอร์รี โนทารี (Planet of the Apes, Kong: Skull Island) และใช้เวลาหลายต่อหลายชั่วโมงฝึกเดินด้วยกำปั้นและแขนเทียมที่ต่อให้ยาวเป็นพิเศษ จากนั้นไลล์สก็ทำงานร่วมกับเพย์ตันนานหลายสัปดาห์เพื่อกำหนดและปรับแนวทางการแสดงในการรับบทเป็นจอร์จ
นักแสดงรายนี้สาธิตการแสดงให้เราดูสั้นๆ โดยแปลงร่างกลายเป็นจอร์จแล้วไถลตัวอย่างเป็นธรรมชาติไปทั่วเวที เดินก้าวยาวๆ วิ่งเหยาะๆ แล้วก็วิ่งเร็วๆ เวลาเขาทำดูเหมือนง่าย แต่เมื่อผู้มาเยี่ยมกองถ่ายลองเคลื่อนไหวตามแบบจอร์จดูบ้าง พวกเขากลับดูเหมือนเด็กเพิ่งหัดเดินมากกว่าจะแสดงท่าเดินของวานรผู้สง่างาม
นอกโรงถ่ายขนาดใหญ่ พื้นที่กลางแจ้งของ Third Rail Studios ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นจัตุรัสเฟเดอรัลอันมีชื่อเสียงของชิคาโกหรือที่จริงต้องบอกว่าเป็นซากของจัตุรัสแห่งนั้นมากกว่า อันเป็นผลจากการที่สัตว์ซึ่งถูกตัดแต่งพันธุกรรมออกอาละวาดไปทั่วเมือง แสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิสาดส่องบนซากปรักหักพังและที่รกร้างรอบตัวเรา เศษซากซึ่งกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ นั้นมีทั้งซากอาคารสำนักงาน เครื่องเฮลิคอปเตอร์ที่ร่วงลงมาและฝังอยู่ในกองขยะ รถโรงเรียนที่ถูกจอดทิ้งไว้ รวมถึงสัญญาณไฟแดงและเสาไฟถนนที่ถูกทำลาย
ไม่ไกลจากซากเหล่านี้เป็นฉากดาดฟ้าของสถานที่สำคัญประจำเมืองชิคาโกแห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนี้ต้องมารับความกราดเกรี้ยวของสัตว์ร้ายทั้งสามเช่นเดียวกัน รอบบริเวณนั้นมีเส้นลวด ซากโลหะและคานเหล็กงอพันกันไปมาราวกับเขาวงกต
แต่ผู้กำกับที่ควบคุมฉากอันอลังการทั้งหมดนี้อย่าง แบรด เพย์ตัน กลับอยากแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์และความอบอุ่นระหว่างเดวิสและจอร์จที่ปรากฏอยู่ใน Rampage มากกว่า “แก่นสำคัญของหนังเรื่องนี้คือมิตรภาพครับ” เขายืนยัน “ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างทั้งสองเพราะในหลายๆ แง่เดวิสก็คือจอร์จและจอร์จก็คือเดวิส ทั้งคู่ต่างมีอารมณ์ขัน แล้วทั้งคู่ต่างก็เป็นคนตัวใหญ่ที่สุดในห้องเสมอ”
เมื่อถามถึงการร่วมงานเป็นครั้งที่สามกับจอห์นสัน เพย์ตันหยุดคิดก่อนจะตอบว่า “สิ่งเดียวที่ผมต้องการจากดเวย์นก็คือการแสดงที่ดีที่สุด แล้วเขาก็ทำได้ทุกครั้งไม่เคยพลาด” ผู้กำกับรายนี้ยินดีไม่แพ้กันที่ได้แฮร์ริสมาร่วมงานด้วย “ผมต้องการคนที่สามารถถ่ายทอดความหลงใหลที่เคต คอลด์เวลล์มีต่อหลักการทางวิทยาศาสตร์เบื้องหลังเทคโนโลยีการดัดแปลงยีน เธอมองว่ามันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์หากใช้ในทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้เป็นอาวุธอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่อง”
เพย์ตันถูกเรียกให้กลับไปที่ฉาก แต่เขาดูจะถูกใจกับคำถามสุดท้ายที่ว่าเขาคาดหวังว่าผู้ชมจะได้สัมผัสอะไรจากการดู Rampage“ผมเติบโตมาในเมืองเล็กๆ ในแคนาดา ที่นั่นไม่ค่อยมีอะไรให้ทำมากนักหรอกครับ สำหรับผมการไปดูหนังคือการปลดปล่อยทางอารมณ์ การดูหนังที่ยิ่งใหญ่อลังการช่วยให้เรารู้สึกมีพลังและได้เปิดรับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ผมคิดว่าคุณจะได้สนุกไปกับ Rampage และได้ร่วมเดินทางขึ้นรถไฟเหาะผ่านจุดผกผันที่ตื่นเต้นเร้าใจ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการในหนังสักเรื่องเช่นกันครับ”
Rampage เริ่มออกอาละวาดในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกในวันที่ 12เมษายนนี้
“Rampage – ใหญ่ชนยักษ์” เข้าฉาย 12 เมษายน นี้ ในโรงภาพยนตร์
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่