หมอลำแถวหน้าของเมืองไทย พิมพา พรศิริ ที่วันนี้จะมาเปิดเผยชีวิตบนเวทีหมอลำกว่า 35 ปี ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง วัน 31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์, ธัญญา ธัญญาเรศ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกร แถมยังเคยลงทุนทำผลงานเองอีกด้วย แต่ว่าเสียหายถึงหลักล้าน อีกทั้งยังป่วยหนักถึงขั้นหอบสายน้ำเกลือขึ้นเวทีมาแล้ว
เมื่อก่อนเพลงดังมาก ไปได้ทุกภาคเลย?
พิมพา พรศิริ : ตอนแรกบอกว่าดังก็ไม่รู้ว่าดังยังไง แต่ว่าเดินสายร้องเพลงก็ได้ไปเจอแฟนเพลง เขาก็มาให้กำลังใจกันเยอะ เราก็เลยรู้ว่าเขาให้ความสนใจนะกับเพลงน้ำตาเมียซาอุ แต่ละภาคที่เราไปก็มีแฟนๆ มาให้การต้อนรับ
อัลบั้มนี้ขายได้ 2 ล้านตลับเลย?
พิมพา พรศิริ : ประมาณนั้น
ย้อนกลับไปที่พี่ 16-17 ตอนนั้นพี่เพิ่งเข้าวงการ?
พิมพา พรศิริ : ประมาณ 17 จริงๆ เราเป็นเด็กที่ชอบร้องเพลงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร ถูบ้าน กวาดบ้านจะร้องเพลงตลอด แต่ไม่ใช่คนเสียงดิบ เสียงดีนะ ไม่ได้ไฝ่ฝันว่าจะเป็นนักร้องดังหรืออะไร แต่ในช่วงนั้นไปอ่านเจอหนังสือราชาเสียงทอง จะเกี่ยวกับศิลปินนักร้อง แล้วไปเจอชื่อคุณลุงใหญ่ อยุทธยา ท่านรับสมัครศิลปินนักร้อง คุณลุง คุณป้า ท่านก็สนับสนุนลูกหลานอยากให้เป็นศิลปินนักร้อง ที่ท่านทำอยู่ก็จะเป็นวงโปงลางนักเรียน พี่ก็ไปร้องเพลงตามงานต่างๆ ท่านก็เลยเห็นว่าราร้องได้ อยากให้ลูกหลานเป็นนักร้อง พี่หนูแดงก็เลยส่งจดหมายไปสมัครกับคุณลุงใหญ่ ยุทธยา ตอนนั้นเขียนมาเฉยๆ ยังไม่ได้ส่งเสียงอะไรไปเลย เขาก็บอกว่าให้ส่งเสียงมาให้หน่อย
เห็นว่าตอนที่เราดังๆ พี่ต้องดรอปเรียนด้วย แล้วก็เป็นหัวหน้าวงด้วย?
พิมพา พรศิริ : ตอนนั้นทางผู้จัดการเขาบอกว่าเพลงติดแล้วนะจะตั้งวงดนตรีให้ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเพลงติดมันเป็นยังไง คือดรอปเรียนก็ต้องดรอป ตอนนั้นยังสงสัยอยู่มันเหลือแค่ปีแล้วจะได้กลับมาเรียนไหม เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ก็ลองไปดู ปีนึง ดรอปไว้ก่อน ไม่ดียังไงค่อยกลับมาเรียนใหม่ แต่ก็ไม่ได้กลับไปเรียนดรอปยาวเลย
ตอนนั้นอายุเรายังน้อยเป็นหัวหน้าวงได้ยังไง?
พิมพา พรศิริ : เป็นชื่อ เพราะว่าเราไม่มีประสบการณ์ พออัดอัลบั้มแรก เพลงก็ติด การที่ไปขึ้นวงครั้งแรกเราพูดไม่เป็น การดูแลวงก็จะมีผู้จัดการ ตรงนั้นก็ไม่ได้ยาก
แรกๆ เคยอยู่บนเวทีแล้วร้องเพลงไม่จบด้วย?
พิมพา พรศิริ : มีค่ะ เปิดวงครั้งแรก ที่จังหวัดสระบุรี วันนั้นเปิดจบเพลงเดียวคือร้องอยู่หลังเวที เสร็จเรียบร้อยขึ้นไปหน้าเวที ด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์ก็ร้องไป คนดูก็ถามเราก็ร้องไปด้วยตอบเขาไปด้วย
เห็นบอกว่ามีครั้งนึงขึ้นเวทีพร้อมสายน้ำเกลือเลย?
พิมพา พรศิริ : ตอนนั้นไม่สบาย เป็นนักร้องใหม่ๆ เวลาปวดฉี่ก็ไม่กล้าบอกใครว่าปวดฉี่มันอาย ตอนนั้นก็เลยเป็นท่อปัสสาวะอักเสบ ตอนนั้นวิ่งจากโคราชมากรุงเทพฯ ฉี่เป็นเลือด ก็เลยเข้าโรงพยาบาลเลย แต่พวกการแสดงมันล็อกไว้แล้ว
เห็นว่าเคยทำเพลงเองแล้วขาดทุน?
พิมพา พรศิริ : ก็มีช่วงที่ไปลงทุนทำเพลง แล้วมองตลาดไว้แล้วด้วย การที่เราไปทำเองมันก็น่าจะแหวกหรือแปลกออกไปก็เลยคิดว่าลองไปทำเพลงสำเนียงทางใต้ดู แล้วเผอิญได้ไปเจอกับอาจารย์สมนึก อินชุม ซึ่งท่านเป็นคนใต้ แล้วท่านแต่งเพลงมาให้หนูแดงลองซ้อมดู ก็เข้าท่า ก็เลยได้มีโอกาสมาทำเพลงใต้
ขาดทุนไปเท่าไหร่?
พิมพา พรศิริ : มันก็หลัก 7 เหมือนกัน แต่ในส่วนนี้ผู้จัดการท่านดูแล แต่เราก็มีส่วนในชื่อพิมพา พรศิริ ก็มีส่วนต้องช่วยเหลือพึ่งพากัน
หลังจากที่ขาดทุนคิดจะเลิกร้องเพลงไหม?
พิมพา พรศิริ : ตอนนั้นก็มีท้อนะ อาชีพแต่ละอาชีพที่เหมือนทำแล้วลงตลอด มันก็มีท้อ แต่ว่าเราก็ไม่ได้ที่จะไม่สู้ เราก็สู้จนถึงที่สุด ก็สู้มา 30 กว่าปี
เห็นว่าตอนนั้นถึงขั้นลูกน้องไม่ได้รับค่าจ้าง?
พิมพา พรศิริ : ตอนนั้นที่เดินสายร้องเพลง บางทีมันก็จะมีติดขัดปัญหาเรื่องเงิน เรื่องอะไร บางทีเหมือนเราตั้งวงมา 10 กว่าปีมันก็จะมีบ้าง มีขึ้นแล้วก็มีลง ถ้าเราฝืนธรรมชาติมันก็จะเจ็บ ซึ่งก็มีเข้าใจและไม่เข้าใจก็มี แต่ว่าส่วนใหญ่เป็นกำลังใจกันดีอยู่
มันเลยเป็นเหตุต้องยุบวงไหม เพราะจำนวนคนที่มันเยอะ ด้วยเศรษฐกิตจ ด้วยอะไร มันทำให้เราดูแลไม่ทั่วถึง?
พิมพา พรศิริ : ตรงนั้นก็มีส่วนที่มันไม่ไหว
ตอนนั้นเป็นหนี้ด้วยไหม?
พิมพา พรศิริ : เราก็ไม่ได้เป็นหนี้โดยตรง ส่วนใหญ่ก็ต้องขอบคุณผู้จัดการ ท่านก็สู้เหมือนกัน
ตอนนี้ยังเดินสายอยู่ไหม?
พิมพา พรศิริ : เดินสายร้องเพลง ปัจจุบันก็มีงาน เดี๋ยวนี้คือไม่มีทีมงานแล้ว คือยุบแล้ว
ตอนนี้โสดไหม?
พิมพา พรศิริ : โสดค่ะ แต่ก็มีคนเข้ามาจีบนะคะ
เคยมีแฟนไหม?
พิมพา พรศิริ : คือพี่ไม่ได้ตั้งเป้า หรืออะไร ปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้าจะมาก็มา ไม่มาก็คือไม่มา เป็นคนที่อยากให้ชีวิตเรามีความสุข ไม่อยากเห็นแล้วแบบมันมีความสุขแค่นี้ ไม่อยากให้มันหาย อยากให้มันมีตลอด แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะมีความสุขตลอด ก็เลยคิดว่ากลัวความทุกข์
เพราะมันมีปมเรื่องความรักด้วยไหม?
พิมพา พรศิริ : ไม่หรอก แค่เราอยู่ในสิ่งแวดล้อมพี่น้อง มันไม่เห็นจะมีสุขตลอด
เลยหันหน้าเข้าหาธรรมะ ถึงขั้นไปสร้างสถานปฏิบัติธรรม?
พิมพา พรศิริ : เป็นบ้านธรรม ไม่ถึงสถานปฏิบัติธรรม เป็นบ้านส่วนตัว ปฏิบัติตัวเองนี่แหละ สร้างตัวเองก่อน ดูจิต ดูกายของตัวเอง คนอื่นๆ ก็สามารถเข้าไปคุยเรื่องธรรมกันได้
ถึงขั้นจะโกนหัวบวชตลอดชีวิตเลยไหม?
คลิปสัมภาษณ์ พิมพา พรศิริ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ