นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ฝน ธนสุนทร เปลือยใจหมดเปลือกกับ 18 ปี ที่ต้องฝ่าฟันเรื่องความรัก กับสาวหล่อรุ่นน้องคุณเอ โดนดูถูกสารพัดทั้งเสียดายของไม่น่าคบทอมเลย แถมยังถูกตราหน้าว่าโดนทอมหลอกแน่นอน อีกทั้งยังสบประมาทว่าไปกันไม่รอด ล่าสุด ฝน ธนสุนทร ได้มาเปิดใจผ่านทาง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บSHOW ทางชองวัน31 ที่มีหนิง ปณิตา และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร พร้อมทั้งเรื่องที่เจ้าตัวเคยเชื่อหมอดูจนไล่แฟนออกจากบ้าน ลั่นทุกวันนี้ทำพินัยกรรมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
พี่ฝนเป็นคนไม่ได้เปิดเผยเรื่องความรัก ปิดเงียบมาทั้งหมดกี่ปี?
ฝน : เรามีความรู้สึกว่าเราไม่รู้อนาคตมันจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาเราจะใช้คำว่า เราดูแลกัน มาโดยตลอด ไม่ค่อยสัมภาษณ์หรือพูดเรื่องนี้ เพราะว่าเราเห็นหลายคนที่พูดที่เปิดเผยสุดท้ายเลิกกันก็เยอะ เราเลยมีความรู้สุกว่าเราไม่อยากเป็นแบบนั้น เราก็เลยใช้คำว่าเราดูแลกันมาตลอด 18 ปี
เพิ่งมาเปิดเผยว่าพี่เอเป็นแฟนพี่ฝนกี่ปีแล้ว?
ฝน : มาย่องๆ ถามในรายการคุยแซ่บนี่แหละ
คนก็เลยตะลึงว่าเจ้าหญิงแห่งวงการลูกทุ่งมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกัน?
ฝน : คือหลายคนก็แบบไม่สนับสนุน หลายคนก็บอกว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ เสียของ เสียดาย อะไรอย่างนี้ คือการที่เราดูแลกันมันมากกว่าคนที่เป็นแฟนกันที่แค่อาจจะดูแลกันในเรื่องของความเป็นแฟน แต่นี่เหมือนเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนร่วมงาน คือเป็นทุกอย่างให้กับเรา ทำทุกอย่างให้กับเรา แล้วถามหน่อยว่าชีวิตนี้เรายังต้องการอะไร
เวลามีคนพูดว่าเสียดาย เสียของ รู้สึกยังไง?
ฝน : รู้สึกเกลียดคำนี้มาก ไม่ได้โกรธเขานะ แต่เกลียดคำนี้ เพราะว่าของเราก็ยังอยู่ ไม่ได้เสียหายไปไหน แล้วถ้าจะมองย้อนกลับไป ผู้หญิง ผู้ชาย มีลูกกัน สุดท้ายเลิกกัน ลูกก็ต้องมาอยู่กับแม่อันนั้นไม่เสียกว่าเหรอ เรามองในแง่นั้นเลยรู้สึกว่าเราไม่ชอบคำนี้เลย ผู้ชายที่พูดแบบนี้กับผู้หญิง แสดงว่าผู้ชายคนนี้ไม่ให้เกียรติผู้หญิง เขาไม่ใช่คนดี เราก็เลยคิดว่าเราไม่ชอบคำนี้
เคยสัมภาษณ์พี่ พี่บอกว่าในอดีตเคยผิดหวังเรื่องความรัก คนก็เขามาถามมีใครดูอยู่หรือเปล่า รู้สึกว่าไม่โอเคกับใครเลย ก็เลยเอาพี่เอนี่แหละตอนนั้นพี่ใช้คำว่า เอาไว้เป็นไม้กันหม?
ฝน : ใช่แล้ว ตอนนั้นที่มีคนเข้ามาแบบเยอะแยะมากมาย เรารู้สึกว่านี่ก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ชอบ อันนี้ก็ไม่เอา อันนี้ก็ไม่จริงอะไรอย่างนี้ คือทุกคนไม่ใช่หมดเลย เราก็เลยคิดว่าเราจะทำวิธีไหนให้เขาออกไปเองโดยที่เราไม่ต้องใช้แรงเยอะ ก็มีเขาที่มาเกาะแกะเราอยู่ เราก็เออเด็กคนนี้น่ารักดี ก็เลยเอานี่แหละมาเป็นไม้กันหมาให้เรา ตอนนั้นก็คิดแค่นั้น แต่เราก็จะบอกเขาเสมอว่า ณ ตอนนั้นที่เราบอกว่าเป็นไม้กันหมา จริงๆ ก็เหมือนเอาเขามาเป็นเกาะป้องกันเราจากคนที่เราคิดว่ามันไม่ใช่ มันไม่ดีเท่านั้นเอง
แต่คนก็พูดว่าไปกันไม่รอดหรอก?
ฝน : นั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่เราไม่ออกมาพูดตั้งแต่ตอนแรก เราอยากให้เขารู้เอง แล้วจะใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ วันนี้ก็คือ 18 ปี ก็พิสูจน์ว่าเราไม่ได้ทิ้งกัน
พี่เอเจอพี่ฝนครั้งแรกเป็นรักแรกพบเลยไหม?
เอ : ก็ใช่ค่ะ
พี่ชอบพี่ฝนตั้งแต่แรกที่รู้จักเลยไหม?
เอ : ไม่ค่ะ เอเป็นแดนซ์เซอร์แล้วไปเจอพี่ฝน
ฝน : เขาเป็นแดนซ์เซอร์ของครูเทียม แล้วเป็นตัวขายด้วยนะคะ
ก็คือเจอกันในงาน?
เอ : ก็เจอกันบ่อยๆ เอก็เต้นไปทั่ว แล้วบริษัทเขามาจ้างเอไปเต้นให้พี่ฝนที่คาเฟ่
เห็นแล้วจีบเลยไหม?
เอ : คงเป็นไปไม่ได้ ก็แค่ฝันลมๆ แล้งๆ
ตอนนั้นพี่เอรู้ไหมว่ามีคนมาเกาะแกะพี่ฝนเต็มไปหม?
เอ : ตอนนั้นก็ยังไม่รู้มาก พอได้เข้ามาอยู่กับเขาแล้ว โอ้โห…เยอะจริง
ความรู้สึกตอนนั้นพี่ฝนต้องการให้พี่เอไล่แขก?
ฝน : ใช่
แล้วพี่เอรู้ไหมว่าเขาแค่ต้องการให้ไล่แขก?
เอ : ตอนแรกก็ยังไม่รู้ ก็บอกว่าเหนื่อยจังเลย ทำไมเธอเจ้าชู้ขนาดนี้ แต่ที่รู้สึกว่าน่าจะมีโอกาสก็มีอยู่วันนึงเขาส่งข้อความมาว่าอย่าทำอย่างนี้บ่อยๆ สิ เดี๋ยวก็ใจอ่อนหรอก
ฝน : ก็เป็นธรรมดาผู้หญิงสวยก็ต้องหยอดถูกไหม
เอ : ก็ดูแล ช่วยเหลือกันตลอด
ฝน : เขาดูแลเรา เอาใจเราทุกอย่าง มีครั้งนึงพี่ฝนทำกระเป๋าเงินหาย แล้วพี่ฝนก็ร้องไห้ คือเขาโทรมา เขาอยู่อีกที่นึง ซึ่งอยู่ไกลมาก แต่เขารีบขับรถกลับมาหาเราภายในเวลา 30 นาที ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ คือในเวลาที่เราทุกข์ในหรือมีปัญหาเนี่ย เขาจะอยู่ข้างๆ เราตลอด มันก็เลยเหมือนซึมเข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะตอนแรกบอกตรงๆ เราก็ไม่ได้ชอบเขา แต่ก็ไม่ได้เกลียด ก็คือเอ็นดูว่าน่ารักดี ตลกดี แต่ทุกครั้งที่เรามีปัญหา หรือว่าเราเครียด หรือว่าอะไร จะมีเขาอยู่ข้างๆ แล้วทำให้เราหัวเราะ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกสบายใจ
เห็นบอกว่า 2 ปีแรก เป็นอะไรที่ยากมากในการคบกัน?
ฝน : ยากมาก ก็คือเวลาที่จะนั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกัน มันเหมือนดาราสมัยก่อนที่แบบต้องไปแอบขึ้นรถนะ ไม่ให้ใครเห็นนะ
เอ : พี่ฝนต้องนั่งรถตู้ แล้วเอขับรถตาม แล้วเวลาพี่ฝนจะไปถ่ายเอ็มวี ก็ไปส่งพี่ฝนก่อน แล้วเอก็กลับมา ขับรถไปเหมือนฉันเพิ่งมาถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาพี่ฝนไปหาเอก็จะไปแอบอยู่ข้างหลัง ห้ามให้ใครเจอ
เห็นบอกพี่ฝนไปพึ่งหมอดูด้วย ถามเรื่องราวเกี่ยวกับพี่เอ?
ฝน : ก็ไม่เชิงว่าเพิ่งหมอดู แต่ว่าเหมือนมีคนทัก
ไม่พึงเลย ไม่เชื่อเลย แต่ไล่เขาออกจากบ้าน?
ฝน : อย่าฟังความข้างเดียว มีคนทักมา เราก็เลยบอกว่า นี่นะดวงมันฉุดกัน ต้องให้เขาออกจากบ้านภายในวันนี้แล้วเราจะดัง แบบอยู่ๆ ก็จะดังเป็นพลุแตกเลย เราก็มองว่าถ้าเราทำแล้วมันไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราก็ไม่ได้คิดว่าให้เขาไปแบบ แล้วเลิกกันเลย แล้วหายไปเลยไม่ใช่ เราแค่แบบอยู่คนละที่กันสักพักนะ แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมา
เอ : ก็ออกวันนั้น เดี๋ยวนั้นเลย พอทักปั๊บ โห…ร่วงเลย ตายแล้ว เชื่อขนาดนี้เลยเหรอ
ฝน : ก็ออกไปก่อน ในใจพอนั้นปุ๊บแล้วค่อยกลับมาใหม่
พี่เอวันเก็บของเดินออกมาจากบ้านร้องไห้ไหม?
เอ : ก็เสียใจนะ ทำไมเชื่ออะไรแบบนี้ เขาคิดว่าตัวเองไม่ดัง แล้วตอนนั้นเอว่าเขาก็ดังแล้ว หมอดูก็ทักว่าถ้ามีระดับ 1-9 เขาเพิ่งอยู่ขั้นแรกเอง เขาก็เป็นคนที่เชื่ออะไรอย่างนี้มาก
ฝน : มันอาจจะเป็นความที่เราอยากมั้ง หน้าที่ การงาน เรามีความรู้สึกว่าถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรง ไม่ต้องไปฆ่าใคร มันก็น่าจะลองเสี่ยงดู
แล้วพอลองเสี่ยงดู พี่เอออกไปจากบ้านจริงๆ พี่ฝนรู้สึกยังไง?
ฝน : ก็โหวงค่ะ เรารู้สึกว่ามันชีวิตมันก็ขาดๆ อะไรไป แต่ว่าเรามองเพื่ออนาคตต้องเข้มแข็ง แต่สุดท้ายเรามารู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น แล้วเขาก็พยายามกลับมาหาเรา
แล้วฝั่งพี่เอทำอะไรบ้าง?
เอ : จุดธูปไหว้พระ ก็ไปปรึกษาหมอเหมือนกัน บอกว่าทำยังไงดีให้เขากลับมา ไม่ต้องทำอะไรหรอกลูก จุดธูปไหว้พระทุกคืน
ฝน : เขาเป็นคนที่ชอบจุดธูปฟ้องพระ
เวลาฟ้อง ฟ้องยังไง?
เอ : ก็ไม่ได้ฟ้องอะไร ก็ร้องไห้ด้วยนะคะ ก็ตกใจโดนไล่ออก ก็จุดธูปสวดนะโมเสร็จ ก็บอกว่าขอพี่ฝนตาสว่างสักทีนะ ขอให้กลับมาสักทีเถอะ ที่หลงผิดไปขอให้ตาสว่างไวๆ
พี่เอก็โดนคนดูถูกต่างๆ นานาว่าไม่เหมาะสมกับพี่ฝน?
เอ : เขาก็รู้ว่าเอเป็นแดนซ์เซอร์ น่าจะมาหลอก น่าจะมาอะไร น่าจะมาเกาะฝนกิน คงไม่ทำมาหากินหรอก คงจะนอนอยู่บ้านเฉยๆ เราก็บอกว่าก็แล้วแต่พี่ฝนแล้วกัน เหมือนครอบครัวเขา เราก็เลยบอกว่างั้นคุณก็มาดูแลพี่สาวคุณแล้วกัน เดี๋ยวเราจะยอมเดินออกไป แต่สรุปก็ไม่มีใครมา เราก็ดูแลจนชนะใจได้ ก็ดูแลทุกอย่าง ทำทุกอย่างให้หมดเลย
วันนั้นที่เขาบอกว่าเรามาเกาะพี่ฝนกิน เรารู้สึกยังไง?
เอ : ก็เสียใจนะคะ แต่ก็เป็นแรงผลักดันให้สู้ ทำให้รู้ต้องชนะใจให้ได้
คำด่าที่แรงที่สุด ที่ทำให้น้ำตาร่วงคือคำไหน?
ฝน : ก็น่าจะเรื่องนี้แหละ มาเกาะเรา เพราะนี่คือศักดิ์ศรีเลยนะคำว่ามาเกาะ มันคือศักดิ์ศรีของเขาเลย ถามว่าเกาะ คุณรู้เหรอว่าเขาทำอะไรบ้าง เขาไม่ทำอะไรบ้าง เราอยากจะบอกเลยว่าเขาทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการดูแลเราทั้งหมด ทั้งตัวเลย ทั้งบ้าน นู่น นี่นั่น คือเขาเป็นคนจัดการหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นถ้าจะหาใครมาดูแลเราแบบนี้คุณต้องจ่ายเงินเดือนเขาเท่าไหร่ มันถึงจะคุ้มกับสิ่งที่เขาทำ ก็หลายหมื่น แต่เราไม่ได้ให้เขาเลยสักบาท ฝนจะบอกว่าใครกันแน่ที่เอาเปรียบเขา
พี่ฝนให้กำลังใจพี่เอยังไงบ้าง?
ฝน : พี่ฝนก็บอกเขาว่าทุกคนมีสิทธิ์คิดได้ แล้วแต่ใครจะคิดอะไร เหมือนเกรียนคีย์บอร์ดจะเขียนอะไร หรือใครจะคิดอะไรทุกคนมีสิทธิ์คิดได้แล้วแต่เลยใครจะคิด แต่ว่าเรารู้อยู่แก่ใจว่าเราทำอะไร ถึงใครไม่เข้าใจก็ตาม ขอให้พี่ฝนเข้าใจพี่เอคนเดียวก็พอ
โดนสั่งฆ่า ห้ามยุ่งกับสมบัติคืออะไร?
เอ : เป็นช่วงแรกๆ ที่คบกัน เขาก็เป็นนักร้องดัง มันก็คงไม่ถูกใจใครไปซะหมด เขาบอกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของเขา
ใครมาสั่งฆ่าพี่เอ?
เอ : เรื่องนี้ขอไม่พูดถึงดีกว่า มันมีคนคนนึงไม่ให้เราคบกัน
ชีวิตเราเลยนะ เรายอมแลกเพื่อผู้หญิงคนนี้?
เอ : ก็ยอมนะคะ ก็อยากดูแลเขา ไม่กลัว
วันนี้มันคุ้มค่าไหม?
เอ : ก็คุ้มค่านะคะ
รักพี่ฝนขนาดไหน?
เอ : มันก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่ารักขนาดไหน แต่ว่าเราเอาตัวเราเข้าแลกชีวิตกับเขาได้เลย
ฝน : เรารู้สึกว่าเขาจริงใจ เราจะไปหาซื้อความจริงใจที่ไหนมันไม่มี มันต้องใช้ใจแลกใจ ในเมื่อเขาแสดงความจริงใจที่จะดูแลเรามา เราก็ยอมให้เขาดูแล แต่ก็หมายความว่าเราก็ดูแลซึ่งกันและกันด้วย ใครที่พูดดูถูกมา หรืออะไรมาเราก็ไม่ตอบโต้ เราให้เขาเป็นเองด้วยกาลเวลา ให้เขาเห็นว่าจนถึงวันนี้เราก็ยังดูแลกันอยู่ จนถึงวันนี้เขายังมีโปรโมชั่นให้เต็มที่ตลอดเวลา
เขายังไม่ใช้คำว่าแฟน?
ฝน : เพราะว่ามันมากกว่านั้น เราก็เลยรู้สึกว่าถ้าคำว่าดูแลกัน มันมากกว่านั้นจริงๆ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราจะไม่ทิ้งซึ้งกันและกัน เพราะว่าเราดูแลกันตลอดเวลา
ใช้คำนี้ได้ไหม คู่ชีวิต?
ฝน : ก็ได้ค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าอะไรก็ได้ที่ทำให้เราตอบแทนซึ่งกันและกันได้โดยไม่มีเงื่อนไข
ล่าสุดทราบมาว่าทำพินัยกรรมแล้ว ยกสมบัติให้ใคร?
ฝน : จริงๆ อยากจะบอกว่าที่เราทำงานมา พี่ฝนเริ่มจากศูนย์เหมือนกันนะ พอมารู้จักเขา เราทำงานด้วยกัน หาเงินช่วยกันมา พอถึงวันนี้ปุ๊บเงินต่างๆ หรืออะไรเรามีสิทธิ์ด้วยกันทั้งคู่เพราะเราทำงานมาด้วยกัน เพราะฉะนั้นก็เลยทำว่าถ้าพี่ฝนเป็นอะไรพี่ฝนก็ยกให้พี่เอ ถ้าพี่เอเป็นอะไรก็ยกมาให้พี่ฝน
เห็นว่าทำประกันด้วย?
ฝน : ใช่ค่ะ เราก็ทำให้เขา เขาก็ทำให้เรา ถ้าเราเป็นอะไร เขาก็ได้ ถ้าเขาเป็นอะไร เราก็ได้ แล้วเรามีความรู้สึกว่าเราจะยกให้ใครที่เราไว้ใจได้ เรายกให้เขาเพราะเขาเป็นคนยุติธรรม เรามีความรู้สึกว่าถ้าเราเป็นอะไรไปก่อน เขาก็ต้องดูแลพ่อ แม่เราได้ เขาเป็นคนไม่ทิ้งอยู่แล้ว เราก็เลยมองว่าให้เขานี่แหละบริหาร
ความฝันของผู้หญิงอยากใส่ชุดเจ้าสาว ทำไมคู่นี้ถึงไม่จัดงานแต่งงาน?
เอ : เขาบอกเปลืองเงิน ก็เคยคุยกันเล่นๆ แล้วบอกว่าจัดทำไม เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ฝน : จัดทำไม ก็อย่างที่บอกมันเลยตรงนั้นมาแล้ว เอาเงินตรงนั้นไปเที่ยวดีกว่า มันโอเคกว่ามีประโยชน์มากกว่า
เห็นบอกว่าก่อนหน้านี้พี่ฝนลองใจพี่เอหนักมาก ไล่ออกจากบ้าน อันนี้ไม่เกี่ยวกับหมอดู?
ฝน : มันอยู่ด้วยกัน มันก็เหมือนลิ้นกับฟันกระทบกัน ทะเลาะกันบ้าง แล้วเราก็มองว่าถ้าเป็นแบบนี้เลิกกันเลยดีกว่า ก็เลยไล่เขาออกจากบ้าน แต่ทะเลาะเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้วนะคะ แต่น่าจะรุนแรงอยู่แล้วเราก็โกรธมาก ก็ไล่เขาออกจากบ้าน แล้วเขาก็ร้องไห้ แล้วก็ไล่เขาจริงๆ เหรอ เขาไปแล้วนะ เขาก็ลงไปจากบ้าน เราก็ไม่สนใจ แล้วเขาก็วิ่งขึ้นมา เขาไปจริงๆ นะ เราก็บอกว่าไปสิ ไปเลย เขาก็วิ่งลงไปแล้วเขาก็วิ่งกลับขึ้นมาอีก เราก็ถามกลับมาทำไมอีก เขาบอกไม่มีเงินค่ารถ ขอเงินค่ารถหน่อยสิ เราก็เลยควักเงินให้ 500 ไปเลยนะ แล้วอย่ากลับมา เขาก็วิ่งลงไป ไปแล้วนะ แล้วเขาก็วิ่งกลับขึ้นมาใหม่ มันมืดแล้ว ไปพรุ่งนี้ได้ไหม เขากลัวผี
หลังจากนั้นมาพี่ฝนเคยไล่พี่เออีกไหม?
เอ : ไม่ต้องไล่แล้วค่ะ ขี้เกียจไปล่ะ บอกถ้าอยากมีคนอื่นก็มีเลยนะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะนอนกั้นกลางให้
พี่เอรักพี่มากไหม?
เอ : มากค่ะ ก็ตายแทนได้
พี่เอบอกรักพี่ฝนบ่อย แต่พี่ฝนไม่ค่อยเลย?
เอ : ไม่เคย เขาบอกทำไมต้องพูดด้วย การกระทำดูไม่รู้เหรอ
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ ฝน ธนสุนธร
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ