เราได้รับผลกระทบจากโควิดยังไงบ้าง?
แอน : เต็มๆ เลย จริงๆ เรามีงานแสดงทุกคืน เดินทางไปหลายจังหวัดในภาคอีสาน แล้วก็มีมาทางกรุงเทพฯ และปริมณฑลบ้าง
ทัวร์ต้องหยุดชะงักไปเลย?
แอน : หยุดเลย จะบอกว่ารายได้หลักของแอนมาจากการแสดงหมอลำ คือตอนนี้ก็หายไปเลย
รู้สึกยังไงบ้างที่กระแสตอบรับดีขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงขึ้นท็อป3 เรื่องเสื้อผ้า ความสวย ความงาม เรียกว่าเป็นที่ถูกจับตามอง มาแรงมากๆ ตอนนี้?
แอน : มันมาเกินฝันจริงๆ แล้วดีใจมากๆ ที่แฟนคลับ แฟนเพลง แฟนหมอลำให้การตอบรับมากยิ่งขึ้น แล้วจริงๆ เราเหมือนเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ที่ทำให้หมอเข้าไปในทุกอายุ ทุกช่วงของคนได้มากขึ้น ส่วนมากหมอลำสมัยเก่า เหมือเป็นรุ่นคุณพ่อ คุณแม่ คุณป้า คุณยาย ไปดู ทุกวันนี้ก็ทำให้วัยรุ่นหันกลับมาอนุรักษ์มากขึ้น
อะไรที่มีความแตกต่างระหว่างหมอลำยุคเก่ากับยุคใหม่?
แอน : สำหรับหนูเอง หนูว่าเกี่ยวเนื่องกับการแต่งตัว ปรับให้เข้ากับยุคสมัย เหมือนของหนู ปกติหมอลำไม่มีการจำกัดความว่าต้องแต่งแบบนี้นะ เราก็เลยลองเอามาปรับดูได้ไหมนิดนึง จากที่ปกติอาจจะแต่งหน้าเข้มๆ เหมือนแบบบล็อกตาสีดำเหมือนนางงาม หลังๆ มาหนูก็ดูพี่ๆ นักแสดงเป็นไอด้อล เราก็ปรับให้มันทันสมัยมากขึ้น
ตอนนี้ยอดวิว แว๊บแว๊บ เท่าไหร่แล้ว?
แอน : ตอนนี้อยู่ที่ 6 ล้านวิว
คืนๆ นึงเวลาเราออกคอนเสิร์ตทั้งหลาย ทิปคือเยอะมากๆ จากแฟนคลับ จากคนดู?
แอน : ใช่ค่ะ จริงๆ แล้ว หนูไม่ได้มีพ่อยก แม่ยก อะไรเลย ของแอนส่วนมากจะเป็นแฟนคลับขาจรซะมากกว่า หนูไม่รู้ว่าวันนี้ใครจะมาดูบ้าง หนูไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร อยู่ดีๆ ก็เอาเงินมาให้หน้าเวที
แอน : ใช่แล้ว เราดูแลทุกอย่าง ภาระ หนี้สินทุกอย่าง จากที่แต่ก่อนไม่ได้มาดูแลจุดนี้ แต่คุณตาเสีย เหลือคุณยายกับคุณแม่ แม่ก็ต้องดูแลยาย ก็เลยกลายเป็นเราที่ต้องเข้าไป
จากเดิมที่เราไม่ได้รับผิดชอบตรงนี้ พอมารับผิดชอบมันท้อ มันเหนื่อยไหม?
แอน : เหนื่อย แต่เวลาที่เห็นครอบครัวมีความสุข มีรอยยิ้มมันจะหายเหนื่อยไปเลย มันจะทำให้เรารู้สึกว่ามันคุ้มกับการที่เราเหนื่อยมาเลย
ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนิทกับคุณแม่ เพิ่งจะมาสนิทกันช่วงหลัง มันเกิดอะไรขึ้น?
แอน : คือหนูจะห่างจากบ้านมาตั้งแต่เด็ก เพราะว่ามีโอกาสได้ไปฝึกร้องเพลงกับค่ายเพลง กับทางผู้จัดการ ต่างอำเภอ ต่างจังหวัดบ้าง คุณแม่ก็จะค้าขายอาหาร เขาก็จะไม่ค่อยมีเวลาดูแลเรา ก็ไม่มีเวลาคุยกันเลย หนูก็จะรับผิดชอบตัวเองมากกว่า
ถึงขนาดแอบน้อยใจ แอบไปร้องไห้คนเดียวด้วย?
แอน : ใช่ค่ะ คือเราเห็นเพื่อนเรา เห็นคนอื่น คือบางทีเราก็อยากกอดแม่ กอดคุณพ่อ กอดคุณแม่อะไรอย่างนี้ แต่บางทีเราหันไปก็ไม่เจอ ก็จะน้อยใจ
แล้วเราได้สื่อสาร โทรไปไหมว่าเรารู้สึกแบบนี้?
แอน : ช่วงนั่นหนูไม่มีโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ ก็จะมียืมโทรศัพท์ผู้จัดการมาบ้าง แต่ก็จะไม่กล้ายืมบ่อยเท่าไหร่
คุณแม่ได้บอกเหตุผลไหม ว่าแม่ต้องทำงานนะ เข้าใจแม่หน่อย มีการพูดคุยกันไหม?
แอน : ช่วงนั้นเขาจะไม่ค่อยพูด แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่าทำอะไร เขาก็ค้าขาย
เห็นว่าเรายังสร้างรายได้ให้กับครอบครัวหลักแสนเลย?
แอน : หลักแสนก็จะเป็นหมอลำจะมีการเปิด ปิด ฤดูกาล แฟนคลับก็จะมาหาแอน มาลัยก็หลักแสน อันนี้หนูเป็นผู้หญิงนะ ถ้าเป็นพระเอกแสนกว่าๆ เกือบสองแสนก็มี
ทำไมเราถึงเลือกอาชีพหมอลำ มันมีจุดเริ่มยังไง?
แอน : จุดเริ่มต้นมาจากต้องการหาเงิน เพราะว่าคุณพ่อ คุณแม่จะแยกทางกัน แล้วเรามีน้องชาย 1 คน แล้วน้องก็ยังเรียนอยู่ คือน้องกำลังจะจบ ม.6 คุณแม่ยังไม่ได้จ่ายค่าเทอมน้องเลย แล้วอาจารย์เขาโทรมาบอกว่าถ้าไม่มาจ่ายค่าเทอม เดี๋ยวน้องจะไม่ได้จบพร้อมเพื่อนนะ หนูก็เลยแบบ เหมือนเคยไปอยู่หมอลำแล้วมันได้เงิน เราก็เลยโอเค หมอลำแหละ คงจะเป็นที่เดียวที่เราสามารถใช้ความสามารถของเราได้
แล้วเรารู้ตอนไหนว่าเราเป็นหมอลำได้ ฉันมีความสามารถทางด้านนี้
แอน : จริงๆ ไม่รู้ตัว มาของมันเองเหมือนกัน แอนจะถนัดร้องเพลงมากกว่า แล้วแอนก็พยายามปรับประยุกต์ให้มันไปด้วยกันได้ อย่างเราไม่เคยร้องหมอลำ เราก็ฟังเพลงหมอลำมากขึ้น พยายามที่จะใกล้ชิด ซึบซับให้มันมากขึ้น
เราเป็นนักร้องแล้วมาเป็นหมอลำเนี่ย ความยาก ง่ายอยู่ตรงไหน?
แอน : นาก ง่าย อยู่ที่หนูต้องเข้าไปให้ถึงในจุดของหมอลำ
แล้วระหว่างที่เดิน มีจุดที่เรารู้สึกเราแย่ เราท้อ ไม่ไหว มีบ้างไหม?
แอน : มีอยู่แล้ว
แล้วเราผ่านมาได้ยังไง?
แอน : หนูเอาคำที่เขาดูถูกหนูมาพัฒนาตัวเอง เขาบอกว่าร้องเพลงได้แค่นี้จะมาเป็นหมอลำได้ยังไง เนี่ยเหรอที่เขาเรียกว่าหมอลำ คุณทำได้แค่ไหนกัน แล้วคุณจะมาบอกว่าคุณเป็นนางเอกเหรอ มันก็เลยแบบไม่ได้อะ เดี๋ยวหนูทำให้ดู หนูก็เลยพยายามที่จะพัฒนาตัวเอง แล้วก็ฝึกตัวเอง มันอาจจะไม่เป๊ะ ทุกวันนี้ก็ยังไม่เป๊ะ แต่หนูพยายามทำให้มันดีที่สุดอยู่ตลอดเวลา หนูคิดว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
อึดอัดถึงขั้นอยากจะเลิกเรียนหนังสือแล้วมาฝึกหมอลำให้มันถึงพริก ถึงขิง ขนาดนั้นเลยเหรอ?
แอน : หนูรู้ว่าตรงนี้เป็นช่องทางที่เราสามารถหารายได้ได้แล้ว แล้วถ้าเราแบ่งเวลาไปเรียน หนูรู้ว่าหนูไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น หนูก็เลยอยากเต็มที่กับตรงนี้ อีกอย่างคำดูถูกมันก็เยอะเหมือนกัน
ไปลาออกกับทางโรงเรียน แต่ครูก็ไม่ยอมให้ออก?
แอน : ใช่ค่ะ เขาเป็นห่วง อย่างน้อยเราต้องมีวุฒิ ม.6 หรือ ปริญญาตรี ไหม แต่ ณ ตอนนั้นทุกอย่างมันกดดันไปหมดเลย
สุดท้ายกลับไปเรียนไหม?
แอน : กลับไป แล้วมีโอกาสได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่ด้วยความที่มันเกิดปัญหา คุณพ่อ คุณแม่หย่ากัน หนูก็เลยได้มาหาเงินก่อน คือมันมีทุกปีเลย ปีนึงก็จะมีปัญหาเข้ามา แล้วเราแบบคิดคนเดียว สู้คนเดียวมาตลอด
จุดเปลี่ยนอะไรที่ทำให้เราขึ้นมาเป็นดาวเด่น แล้วคนรู้จักว่าคนนี้คือ แอน?
แอน : หนูได้มีโอกาสไปอยู่กับคณะนึงคือศิลปินภูไท ช่วงนั้นได้รับโอกาสจากหัวหน้าวง เขาจะทำเรื่อง สังข์ทอง เงาะป่า ซึ่งเขารู้ว่าแอนไม่ถนัดเรื่องรำสักเท่าไหร่ แต่ถนัดเรื่องร้อง เขาก็เลยแต่งเนื้อเรื่องแบบให้มันเข้าถึงง่ายขึ้น แต่งเป็นเพลงคู่มาให้พระเอกกับนางเอกร้อง เพลงคู่เพลงนึงทำให้หนูเป็นที่รู้จักขึ้นมา แต่ช่วงนั้นยังไม่ได้ใช้ชื่อตัวเอง คือด้วยความที่มีปัญหากับค่ายเพลง เพราะว่าเคยไปทำเพลง ใช้ชื่อตัวเองไม่ได้ ก็มาเปลี่ยนเป็นอีกชื่อนึง เพื่อที่จะสามารถขึ้นเวทีได้ คนก็เลยเริ่มรู้จัก ช่วงนั้นก็มีกระแสยูทูบขึ้นมาแล้ว
ไม่ว่าคณะหมอลำไหนๆ ก็ต้องการตัวคุณแอนไปเป็นนางเอกประจำคณะของเขา ตอนนั้นคนแย่งชิงเราหลายคณะไหม?
แอน : จริงๆ หนูไม่ได้รู้สึกว่าแย่งชิง
คิดว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้หลายๆ คนอยากได้เราไปร่วมงาน?
แอน : ถ้าชัดเจนที่สุดที่แอนมอง คือแอนเป็นตัวของตัวเอง แต่หนูเชื่อว่านางเอกทุกคนเขามัเอกลักษณ์ของเขา แต่หนูก็จะมองแปลกจากคนอื่นไปนิดนึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดีไซซ์ร้อง หรือการรำ จะดื้อนิดหน่อย รวมไปถึงหนูต้องหาเอกลักษณ์ของตัวเองก่อน หนูจะดูเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม หนูจะเป็นคนที่ทำการบ้าน จะเรียนผ่านทางไอจีตลอด ตือจะศึกษาว่าเขาแต่งยังไง เพราะว่าเวลาที่ไปงานก็จะทำเองทุกอย่าง
เคยโดนลวนลามหน้าเวที เราร้องเพลงอยู่ ไม่รู้ตัวด้วย?
แอน : ใช่ ปกติเวทีจะเป็นเรียบๆ เราจะแบบเซลฟี่ด้วย มือนึงจับไมค์ เขามาด้านหลัง แล้วมาจับก้นเรา งัดขึ้นด้วย หนูก็แบบ แต่มันหลุดไม่ได้เพราะเรายังร้องเพลงอยู่
เราเห็นหน้าคนทำไม?
แอน : ไม่เห็นค่ะ
แล้วเรามีวิธีการในการแก้ปัญหาในครั้งต่อไปยังไง ถ้าเกิดเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก?
แอน : ก็ต้องนั่งระวังกว่าเดิม จริงๆ เราต้องดูซ้าย ดูขวาด้วย
เหตุการณ์ที่มีคนขึ้นมาลวนลาม หรือวุ่นวายกับเราตอนแสดง เหมือนมีมาตลอดอยู่แล้ว?
แอน : ก็มีมาเรื่อยๆ บางทีมาจับมือกับเรา ทีแรกก็ไม่แรง แล้วก็ดึงไป เกือบตกเวทีก็มี
มีที่แปลกๆ ที่ไม่เคยเจอไหม?
แอน : น่าจะเป็นเคสพี่คนนี้เหมือนโมโหอะไรมา คือวันนั้นหนูก็นั่งถ่ายรูปปกติ สักพักนึงพี่เขาก็ถือกระดาษทิชชู่มา แล้วบอกว่าหน้ามันแล้ว เช็ดหน้าเลย หนูแบบ เขารอหนูนานไม่ได้ถ่ายรูปหรือเปล่า เหมือนเขาเหวี่ยงประมาณนั่นมากกว่า
ติดตามชม รายการ “คุยแซ่บShow” ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ แอน อรดี
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ