นักร้องหนุ่มเสียงดี บี พีระพัฒน์ ขอควงภรรยาคนสวย ฬินา ภชสร มาเปิดตำนานเส้นทางความรักระหว่างนักร้องและนักแต่งเพลงกว่า 17 ปี พร้อมเปิดเผยอุปสรรคความรัก โดนเม้าท์เป็นหนูตกถังข้าวสาร เพราะฝ่ายหญิงรวยมาก อีกทั้งเปิดชีวิตคู่ช่วงโควดไม่ได้ร้องเพลงกว่า 2 ปี ผ่านทางรายการ คุยแซ่บSHOW ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 
ความรัก 17 ปี เจอกันได้ยังไง?
บี : เจอกันที่งานรำลึกสึนามิที่ภูเก็ต มีศิลปินไปเล่นเพื่อหาเงิน เขาก็เป็นนักแต่งเพลงอยู่ที่ โซนี่ มิวสิค ซึ่งมีคนเอารูปเขามาให้ผมดูก่อนแล้วว่าคนนี้เขาไปเรียนกลองกับเพื่อนผมที่วง เป็นนักแต่งเพลงด้วย ผมก็ดูรูป ไม่น่าเชื่อ หน้าตาไม่น่าเป็นนักแต่งเพลง
ตอนนั้นรู้ไหมว่ามีคนแอบส่องรูปเราอยู่?
ฬินา : ไม่ทราบเลย ไม่เคยเจอหน้า ได้ยินแต่เพลง ตอนที่ได้ฟังเพลงทีแรก ตอนนั้นเพลงวีนัสออกมา ก็รู้สึกว่าเสียงเขาไม่เหมือนใคร แล้วจิตนาการว่าเป็นผู้ชายตัวใหญ่ แต่พอได้เจอตัวจริงแล้วเซอร์ไพรส์มากเลย คนนี้เหรอ ใช่เหรอ เจอครั้งแรกแอบตกใจว่าเขาเอาพลังมาจากไหน เมื่อก่อนเขาผอมกว่านี้อีก
บี : ผอมกว่านี้ 10 กว่ากิโล
พอเราเจอเขาตอนนั้นรู้สึกยังไง?
บี : ผมว่าก็น่ารักดี ตัวจริงตาเขาเป็นประกาย
พอเจอเขาคุณตามต่อได้ยังไง?
บี : ตอนนั้นผู้จัดการคนเก่าผมเขาทำงานอยู่ที่โซนี่ แล้วเป็นแม่สื่อให้ ลากเขามานั่งกับผมที่งานรำลึกสึนามิ
ฬินา : วันนั้นยังไม่รู้สึกอะไร แต่ก็ข้องใจอยู่ แอบมองแว๊บๆ ว่าใช่เหรอ เพราะเสียงกับตัวไม่เท่ากัน
บี : ผมสงสัยว่าหน้าตาแบบนี้แต่งเพลงได้จริงเหรอ ผมอยู่ในวงการผมไม่เคยเห็นคนแต่งเพลงหน้าตาประมาณนี้ อันนี้ไม่ได้บูลลี่อะไร แค่พูดถึงโดยทั่วไป เห็นเขาแล้วแบบเขาน่ารักด้วย เขาแต่งเพลงได้ด้วย แต่งเพลงได้มันเป็นหนึ่งข้อที่ประทับใจผม
แล้วจีบเขายังไง?
บี : ผมก็ให้ผู้จัดการนี่แหละ ตอนนั้นมันยังไม่มีไลน์ ไม่มีอะไร
ฬินา : เพิ่งมีเฟซบุ๊ก โทรศัพท์ยังเป็นขาว-ดำ เพิ่งเปลี่ยนเป็นสี
บี : ผมก็ให้ผู้จัดการขอเบอร์โทรศัพท์ ผมใช้คุ้มเลยผู้จัดการผม
ตอนนั้นผู้จัดการบอกว่ายังไง?
ฬินา : ตอนนั้นคุยลักษณะเรื่องงานมากกว่า ให้เรามาเขียนเพลงให้พี่บี
เพลงแรกที่แต่งให้คือเพลงอะไร?
ฬินา : เพลงดินแดนแห่งความรักนี่แหละ เมื่อก่อนเวลาฬินาจะเขียนเพลงให้ใคร ต้องสื่อสารกับตัวนักร้องก่อน เพื่อที่เขาร้องจะได้เป็นภาษาเขา ทีนี้พอคุยกัน ไปๆ มาๆ มันก็เลยสนิทกัน ก็เลยไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ตรงไหน
แล้วตอนนั้นคุณไปขอเขาเป็นแฟนได้ยังไง?
บี : เนียนๆ ไป ผมคุยเรื่องงาน แล้วนัดกินข้าว นัดดูหนัง เป็นการทำความรู้จักกัน น่าจะสัก 5-6 เดือนกว่าที่จะเริ่มคบกัน
ฬินา : พอคุยๆ กันก็รู้สึกว่าพี่เขาก็น่ารักดี เหมือนเขาแปลกดี ปกติจะไม่ค่อยได้เจอแนวนี้ จะเป็นนักธุรกิจอะไรอย่างนี้
บี : ตอนนั้นผมรู้หมดว่ามีใครมาจีบเขาบ้าง เราก็มีหมั่นไส้บ้าง
มีเนื้อเพลงอยู่ท่อนนึงที่พี่บีเคยพูดกับฬินา?
บี : ใช่ๆ
ฬินา : ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่เวลาฬินาคุยกับพี่บีแล้วมันจะมีคำที่เราประทับใจแล้วโดนๆ แล้วแอบโน้ตไว้ เขาบอกเป็นภาษาพูดไม่เหมือนในเพลง ฬินาว่าไหมเหมือนชีวิตคนเราเกิดมาบางทีเราคิดว่าเรามีความรักมาหลายๆ ครั้งแล้ว แล้วพอมาเจอคนที่ใช่แล้ว แล้วที่ผ่านมามันอาจจะไม่ใช่ความรักก็ได้นะ ตอนที่เราพูดว่ามันเป็นความรักแล้วเราพูดว่า ฉันรักเธอนะ อยากเอาคืนมาให้หมด เอามาให้คนที่ใช่คนเดียว มันเสียเวลาชีวิต
แล้วมันแปลงเป็นเพลงอะไร?
ฬินา : เพลงดินแดนแห่งความรัก ตอนท่อนฮุก
หน้าตาคล้ายกัน มีคนเคยบอกไหม?
บี : เมื่อก่อนไม่คล้ายนะครับ อยู่ไป อยู่มาเขาเรียนแบบผม
สมัยก่อนตอนที่คบกันใหม่ๆ เขาบอกเลยว่า บี เป็นหนูตกถังข้าวสาร?
บี : มีบ้าง แต่ก็ไม่เยอะ แต่ก็มีบางคนที่เป็นเจ้าของหนังสือแล้วก็ชอบเขา แล้วให้ลูกน้องเขียนข่าวว่าผม วันๆ ไม่ทำอะไรตามแต่ผู้หญิง ถามว่าโกรธไหม แรกๆ ก็โกรธ อะไรวะ ก็พาไปเที่ยว ไม่ได้อะไรสักอย่าง ไปกินข้าวก็ต้องเลี้ยง ผมก็บ่นกับเขานี่แหละ ผมคิดอย่างเดียวเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เดี๋ยวก็เห็นเอง
พอฬินาเห็นข่าวเราให้กำลังใจพี่บีอย่างไร?
บี : ก็จะบอกพี่บีว่ามันเป็นการโฆษณาการพาดหัวข่าวให้น่าสนใจ เขาก็คงอยากให้คนเข้าไปอ่าน
นานไหมกว่าจะตัดสินใจแต่งงานกัน?
บี : ปีที่ 7 พอดี ถามว่าทำไมรอนาน ก็เพราะว่าพ่อเขาไม่อนุญาต 5 ปีแรก ผมได้ยินแต่ชื่อ ไม่เจอเลย แล้วเคยเจอกันงานแต่งงานพี่ชายเขาครั้งเดียว ผมไปร้องเพลงให้ สวัสดีคุณพ่อ แล้วผมก็พยายามบอกฬินาว่าอยากเจอคุณพ่อ อยากกินข้าวด้วย
ฬินา : พยายามหลายครั้งแล้ว คุณพ่อไม่เลย ไม่ยอม
ตอนคบกัน 5 ปี คุณพ่อทราบไหมว่าเราคบคนนี้?
ฬินา : ทราบค่ะ บอกคุณพ่อตลอด แต่คุณพ่อคิดว่าเด็กๆ คบกันเดี๋ยวก็เลิก แล้วด้วยความที่อาชีพศิลปิน แล้วที่บ้านเป็นนักธุรกิจก็จะชินกับครอบครัวที่จะทำธุรกิจด้วยกัน เขาอาจจะไม่ชินกับศิลปินที่ไม่มั่นคง แล้วคงจะเด็กๆ คบกันเดี๋ยวก็เลิกกันไปเอง
คุณรู้แบบนี้ห่อเหี่ยวไหม?
บี : ครั้งแรกก็เซ็งนิดนึง แต่โดยอาชีพผม ผมชินแล้วไง เรื่องแบบนี้หมายถึงว่า คนมองว่าอาชีพนี้ไม่มั่นคง ตอนนั้นทั้งๆ ที่มันเพิ่งเริ่มต้น ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร ร้องเพลงกลางคืน ผมเจอเรื่องแบบนี้จนชินแล้ว ผมก็ได้แต่คิดว่าเดี๋ยวก็เห็น ก็ทำไปเรื่อยๆ
พ่อ แม่ ไม่สนับสนุนแบบนี้ อะไรทำให้คู่นี้ถึงตัดสินใจแต่งงาน?
บี : เรารักกันแค่นั้น จับมือกันแล้วต้องผ่านมันไปให้ได้
แล้วอะไรที่ทำให้คุณพ่อยอมเจอ?
ฬินา : คุณพ่อคงเห็นว่ามัน 5 ปีแล้ว ฬินาเป็นคนบอกคุณพ่อว่าคบกัน 5 ปีแล้ว ก็เริ่มนัด
ครั้งแรกที่เจอเป็นยังไงบ้าง?
บี : เกร็งมาก ผมตื่นเต้นจมูกบาน ก็เจกันที่ร้านอาหารข้างนอก แล้วก็คุยกันทำให้มื้อนั้นทำให้เราก้าวมาอีกสเต็ปนึง แล้วก็ประทับใจ เพราะว่าคุณพ่อน่ารักไม่เหมือนที่เราคิดไว้ว่าจะมีนัยยะ แต่ปรากฏว่าคุณพ่อดีทุกอย่างเลย ก็เปลี่ยนความคิดไปเลย แล้วหลังจากนั้นก็เจอกันบ่อยๆ
ตอนแต่งบอกพ่อ แม่เขาตอนไหน?
บี : ก็นัดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว แล้วบอกคุณพ่อว่าผมขออนุญาตนะคุณพ่อ ผมอยากจะขอฬินามาอยู่กับผม ท่านก็ยิ้ม
ฬินา : พ่อเขาก็ก็มีเหอะๆ นิดหน่อย แล้วก็มีคุยกับฬินานอกรอบด้วย ว่าการที่คบกันเป็นแฟนแล้วการที่แต่งงานกันจริงๆ มันไม่เหมือนกันนะลูก เราก็ฟัง ตอนนั้นอะไรก็ได้ เป็นเด็กดี
บี : หลังจากที่คุยกันวันนั้นคุณพ่อก็โอเค ในความเป็นจริงเราคบกันมาสักพักแล้ว คุณพ่อก็รู้อยู่แล้วก็อยู่ในสายตาคุณพ่อตลอด วันนั้นคุณพ่อก็ อืม…
เพิ่งครบรอบแต่งงาน 10 ปี?
ฬินา : ใช่ค่ะ 11 พฤศจิกายน
แล้วที่คุณพ่อบอกชีวิตแต่งงานกับเป็นแฟนมันเหมือนกันไหม?
ฬินา : ก็ไม่เหมือน มันมีเพิ่มเติมมา มันเริ่มไม่ใช่คนสองคน มันจะมีเรื่องของครอบครัวเรา ครอบครัวเขา คนมันก็จะเยอะมากขึ้น
บี : มันก็ต้องดูครอบครอบเขาด้วย มันกลายเป็นว่าเราทำอะไรมันก็มีผลกระทบไปถึงชื่อเสียงนามสกุลของเขาด้วย
ต้องปรับตัวกันเยอะไหม เวลาที่เรามาอยู่ด้วยกัน?
บี : เยอะเหมือนกัน
ฬินา : อย่างช่วงแรกๆ เวลาเข้าห้องน้ำ ยิ่งแบบนี้ดึกๆ ฬินาเป็นคนดื่มน้ำเยอะ ตอนเย็นๆ เข้าห้องน้ำปุ๊บก้นหล่นลงไปในโถเลย ขาชี้
บี : เขาก็พูดว่าพี่บี ผมก็เอาอีกแล้ว ผมโดนอีกแล้ว
คุณฉี่ไม่เคยยกโถเลย?
บี : ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมยกแล้วผมไม่เอาลง
ฬินา : ใช่ ฬินาก็หล่นลงไปเลย เราก็บอกบ่นหลายครั้ง จนเขาทำจนได้
คู่นี้ทะเลาะกันไหม?
ฬินา : ทะเลาะ เรื่องไร้สาระ
บี : เรื่องหนังยังทะเลาะกันได้เลย
พี่บีดูภายนอกเป็นคนใจเย็นมาก?
บี : เมื่อก่อนผมใจร้อนมาก ตอนนี้ใจเย็นแล้ว เมื่อก่อนถ้ามีอะไรอยู่ในมือผมปา ผมเรียนโรงเรียนชายล้วน ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวอะไรหรอก ผมอาจจะเป็นคนเลือดร้อนด้วยโดยสันดานหรืออะไรก็ไม่รู้แหละ เมื่อก่อนนี้ ต่อยกำแพงอะไรแบบนี้
อะไรทำให้เราเปลี่ยน?
บี : เขาเลย แต่ตอนคบกันก็ยังเป็นอยู่ ตอนขับรถชอบด่า ใครตัดหน้าไม่ได้เลยไม่ยอม
ทีมงานบอกว่าทะเลาะกับแท็กซี่?
บี : ผมก็เป็นแบบนี้แหละ ผมขับตามแท็กซี่ปาดกันไปหลายแยกแล้ว ประมาณตี3 สมัยนั้นผมยังดื่มอยู่ ยังไม่รู้จักฬินา ขับตามไปถึงแยก จอดปุ๊บเตรียมตัวลงแล้ว เปิดประตูลงไป แท็กซี่เปิดประตูลงมา ดึงมีดออกมายาวมากแล้วไฟส่องมาแบบเงาแว๊บเลย เหมือนดาบซามูไร ผมก็ถอยสิครับ ขาเราก็มีกลัวอะไร เราขึ้นรถแล้วไปเลย เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าความเป็นกับความตายอยู่แค่เสี้ยวนาที
หลังจากนั้นกลายเป็นใจเย็นลงเลยไหม?
บี : ก็ยังไม่เย็นเท่าไหร่ แต่จะเข็ดเรื่องการลงไป เรื่องแบบถึงตัว จะเริ่มแบบไม่กล้าซ่าแล้ว กลับมาคิดอีกทีถ้าวันนั้นมันมีปืนละ วิ่งก็ไม่ทันนะ
อย่างนี้เวลาคนตัดด่าในรถไหม?
บี : ด่า
ฬินา : เคยๆ คือปกติพี่บีเขาจะค่อนข้างสุภาพก็จะคุยกันปกติ อันนี้คือเมื่อก่อนนะคะพอมีคนปาด หรือขับรถไม่สุภาพบนท้องถนน พี่บีก็เหมือนมีอีกร่าง ตอนหลังฬินาก็บอกพี่บีว่าพี่บีคนที่ได้ยินอะ พวกนั้นเขาไม่มีใครได้ยินเลยนะ ฬินาเป็นคนที่ได้ยิน พี่บีเขาก็เลยปรับ
บี : ผมก็เลยเปิดโลกทัศน์ เออหวะ…เขาคือคนฟัง ผมก็เลยเริ่มปรับ เริ่มเรียนรู้ว่าเวลาเราโมโห เวลาเราโกรธ ถ้าเราพูดคำหยาบเนี่ยมันเหมือนเอาน้ำมันไปราดในกองไฟ ก็เลยเวลาโกรธจะต้องพูดสุภาพ ผมจะเก็บคำหยาบไว้พูดกับเพื่อน
แล้วตอนที่เคยเกือบเลิกกันล่ะ?
ฬินา : ตอนนั้นอยู่ญี่ปุ่น
บี : น่าจะคบกัน 2-3 ปี
ฬินา : วันนั้นเราไปถึงไฟล์เช้า แล้วเราก็พักผ่อนกันไม่พอทั้งคู่ ฬินาก็เหมือนอยากถ่ายรูปสวยๆ ก็ใส่บูทยาว รองเท้าส้นเข็มสูง 5 นิ้วประมาณนี้ แล้วเขาเห็นทาวเวอร์ เรกคอร์ส เขาจะวิ่งเข้าไปในนั้น แล้วเขาจะไม่ให้ฬินาไปตรงอื่นด้วยนะ ให้เป็นกำลังใจ ให้อยู่ข้างๆ คือเราก็ชอบฟังเพลงนะ แต่ว่าพี่บีแบบฟังจริงๆ แล้วเขาอยู่ในนั้น 3 ชั่วโมงแล้ว เราก็เริ่มเมื่อย เริ่มหน้าหงิกแล้ว แล้วเขาก็บอกว่าฬินาไม่สนับสนุนสิ่งที่พี่รักได้ยังไง นี่มันอาชีพการงานของพี่นะ แต่พี่บีมัน 3 ชั่วโมงแล้วนะ พี่เพิ่งเข้ามาในนี้แค่ครึ่งชั่วโมง ทำหน้าอย่างนี้แล้วเหรอ
บี : ผมก็โกรธ เหมือนที่ผมคบกับเขา เพราะว่าผมเข้าใจว่าเขารักงานของผม รักดนตรี เพราะผมจะมีปมเรื่องคนที่มาคบกับผม ต้องรับชีวิตผมได้ด้วย รับงานผมได้ด้วยนะ มันถึงจะอยู่กันได้ เพราะว่างานผมไม่ปกติ ทีนี้พอเขาไม่อินกับโลกของเรารู้สึกผิดหวัง นอยด์ไปเอง
แล้วเวลาทะเลากันหยาบไหม?
บี : ไม่หยาบ หยาบไม่ได้
ฬินา : เขาจะแบบจริงจัง แบบเป็นคู่ชีวิตกัน แต่งงานกันแล้วพี่ก็คิดว่าฬินาจะเข้าใจพี่ แต่นี่เรื่องงานพี่ เรื่องเพลงพี่ฬินาไม่สนับสนุนได้ไง ก็ฬินาเมื่อยพี่บี ปกติก็ฟังเพลง ชอบด้วยกัน เสร็จแล้วพี่บีก็ไม่เชื่อ คือตัวเองก็เหนื่อยด้วย ฬินาก็ยังไงสลับกันไป
แล้ววันนั้นจบยังไง?
บี : เลิกกันเลย
ฬินา : ใช่ อย่างนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ฬินาก็สะบัดไป เดินข้ามถนนไปก็ถึงโรงแรม
บี : แล้วอีก 10 นาทีผมก็ตามไป แต่ในใจคือเลิกจริง คือเราไม่ใช่คนพูดซี้ซั่ว เลิกคือเลิก แล้วบังเอิญเป็นเตียงคู่ แยกกันนอนหันหลัง แบบเลิกแน่ๆ ค่ำๆ เหมือนเราคิดว่าเราทำอะไรผิด เหมือนแบบสติมา
ฬินา : เหมือนฬินาก็เสียใจ ร้องไห้ แต่พี่บีกลับเข้ามาตัวเองก็ตาแดงมากเลย เข้ามาแบบร้องไห้ แล้วสักพักเขาก็มานั่งบนเตียงแล้วมากอด แล้วบอกว่าเย็นนี้เราไปทานอะไรอร่อยๆ กันนะ
แสดงว่าครั้งนั้นทะเลาะกันหนักสุด?
ฬินา : ใช่ค่ะ
บี : แล้วเป็นครั้งเดียวที่พูดว่าเลิก เลิกกัน 5 ชั่วโมง
เวลาฬินาโมโหเคยพูดคำหยาบบ้างไหม?
ฬินา : ไม่ๆ โดยธรรมชาติเราไม่พูด
ตอนที่บอกว่าเลิกกันแล้ว ทำไมถึงกลับไปง้อ?
บี : มันรู้สึกเหมือนเราทำอะไรผิดไป ทบทวนไป ทบทวนมา มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดที่เราต้องเลิกกับเขาจริงๆ นี่หว่า เราแม่งงี่เง้า มันไม่เคยทะเลาะกันแรงๆ  พอทะเลาะกันมันหดหู่ แล้วแบบเราพูดคำนี้ออกไปได้ยังไง
คบกันมา 17 ปี อะไรที่ทำให้เราคบกันได้นานขนาดนี้?
ฬินา : อย่างน้อยเราคุยกันรู้เรื่อง พี่บีเป็นคนจริงจังกับเรื่องงานมาก เพลงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชีวิตเขา แล้วสิ่งที่เรารู้เรื่องที่สุดก็เป็นเรื่องเพลง
ช่วงโควิดเขาบอกว่าคุณสบายมากเลยเหรอ?
บี : ตอนแรกรู้สึกไม่เคยหยุด
ฬินา : ดูทุกเรื่องในเน็ตฟิก
บี : ซื้อทีวีใหม่ เราก็ไม่ได้ทำงานตลอดทุกวัน แต่ 1-2 วันก็ต้องออกไปแล้ว ไม่เคยได้หยุดนานๆ
ฬินา : วันที่ไม่มีงานเขาก็ต้องซ้อม ก็เหมือนทำงานทุกวัน
พอได้หยุดแล้วเป็นไง?
บี : ตอนแรกเพลินมากเลย ไปซื้อทีวีใหม่ดีกว่า ใช้คุ้มเลย ดูทุกอย่างที่อยากดู
แล้วเริ่มจิตตกตอนไหน?
บี : ตอนรอบหลัง รอบแรกช่วงปลายปีเปิดได้ ผมก็มีคอนเสิร์ตยาวเลย พอโควิดมาอีกคอนเสิร์ตก็ถูกยกเลิก โอเคทำใจนิดนึง เดี๋ยวต้นปีกุมพาก็กลับมามีงาน มีนาปิดอีก ทีวีเริ่มไม่น่าดูแล้ว เอาไปเปลี่ยนเป็นเงินได้ไหม เริ่มแบบทำไงดี งานเริ่มหายไปเรื่อยๆ ทีนี้เริ่มนาน เริ่มจิตตก เหมือนไร้ค่า ไม่มีประโยชน์อะไรต่อโลกเลยเหรอ
แล้วทำยังไงให้เปลี่ยนชีวิตเราได้?
บี : ช่วงนั้นมันมีข่าวลบเยอะ แล้วเราเป็นคนที่ทำงานอยู่กับความสุขตลอด ภูมิต้านทานเรื่องความทุกข์เราจะต่ำกว่าคนอื่น พอจิตตกมากๆ ก็ดาวน์ แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรมาก ตอนหลังอยู่ดีๆ เขาบอกจะขายของไอจี ลูกค้าสั่งของ เขาก็มานั่งสั่งของเอง เพื่อจะได้มีอะไรทำในช่วงโควิด ผมก็เห็นทุกวัน ผมก็รู้สึกอาย เขายังลุกมาทำนู่น ทำนี่เลย ผมจะมานั่งอยู่อย่างนี้ทำไม ผมก็เริ่มได้สติแล้ว ผมจะทำอะไรดี เราร้องเพลงได้ ทำออนไลน์ก็ได้ ทำยูทุบ ทำเพจ ก็เริ่มไปไลฟ์ในเพจ ทำคลิปในยูทูบ เอาเพลงที่เก็บไว้ออกมาปล่อยผ่านยูทูบ
ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คุยแซ่บShow”  ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์  บี พีระพัฒน์ และ ฬินา ภชสร

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ