“แซ็ค ชุมแพ” เผยชีวิตหลังมรสุมข่าวเรื่องทำผู้หญิงท้อง เคยท้อจนอยากถอดใจทิ้งวงการ!

นักร้องหนุ่มเสียงมีเอกลักษณ์ สำหรับ แซ็ค ชุมแพ ที่วันนี้จะขอย้อนเล่าชีวิตหลังมรสุมข่าวเรื่องผู้หญิง เครียดหนัก นอนไม่หลับ จนต้องดื่มทุกวัน เคยคิดถอดใจทิ้งวงการบันเทิง พร้อมเคลียร์ข่าวสร้างกระแสเป็นไบเซ็กชวล คบหญิงก็ได้ คบชายก็ดี อีกทั้งยังซื้อบ้านใหม่สวนกระแสโควิดด้วยเงินสดเกือบ 10 ล้านบาท ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน 31 ที่มีธัญญา ธัญญาเรศ และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

แซ็ค : ถือว่าหนักนะครับ สำหรับผมคือไม่คืดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเคยดูแต่ดาราที่เขาดังๆ หล่อๆ ที่มีเงิน เขาเป็นข่าวกัน ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

แซ็ค : ตอนที่ดูข่าว ผมก็ดูกับแม่ผม แม่ก็บอกว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งทุกคนก็สามารถเกิดขึ้นได้ รักกันมา 9 ปี 20 ปี เขาก็ยังเลิกกันได้ มันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างซึ่งคนนอกไม่รู้

แซ็ค : มันก็กระทบนะครับ ซึ่งผมเป็นเด็กบ้านนอก ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วไม่ได้คิดมาก่อนว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเรา เราต้องแก้ปัญหายังไง แต่พอมันเกิด มันบู๊มมมทีเดียวเลย เราทำอะไรไม่ได้ แล้วทำอะไรไม่เป็นด้วย ซึ่งผมเป็นคนที่พูดน้อย แล้วคิดน้อยด้วย ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาทุกวัน ผมมีความนอยด์กับตัวเอง

แซ็ค : ไม่ได้โกรธให้กับใครนะ โกรธให้ตัวเองมากกว่า ซึ่งเราแก้ปัญหาไม่ได้เลย

แซ็ค : ถ้าผลกระทบกับงานช่วงนั้นก็มีปัญหากันกับทางเจ้าภาพบ้าง คนที่ดิวงานไว้เยอะๆ บ้าง เขาโทรมาถามว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง แล้วจะทำยังไงต่อเรื่องงาน พวกพรีเซ็นเตอร์บ้าง พวกโฆษณาบ้าง ก็อธิบายให้เขาฟังว่าเรื่องราวมันเป็นแบบนี้นะ เขาก็เข้าใจ

แซ็ค : เรื่องจบอยู่ที่ศาลครับ จบกันด้วยดี

แซ็ค : อายมากครับ ผมเป็นเด็กบ้านนอก อยู่เฉยๆ ก็มีชื่อเสียง อยู่เฉยๆ ก็มีเรื่องที่ไม่คาดคิดกับตัวเอง มีความนอยด์และมีความเครียด แล้วก็ไปสู้หน้าใครไม่ได้ การอธิบาย ไม่ชอบอธิบาย อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นปุ๊บเราจะอธิบายไปทำไม ในเมื่อเรารู้ว่าสิ่งที่เราพูดมันเป็นความจริงนะ เราไม่อยากให้ดูเหมือนมาแก้ตัวหรือเปล่า ผมก็เลยเก็บไว้คนเดียว มันก็เลยสะสม ไม่อยากอยู่คนเดียวเลยตอนนั้น คืออยากหาเพื่อนคุย ตอนแรกๆ นักดนตรีแยกย้ายกันไป ตอนทำงานเสร็จเขาก็ไปบ้านพักเขา ผมอยู่บ้านคนเดียว บ้านหลังใหญ่ เช่าเขาอยู่ตอนนั้น ทำยังไงเราถึงจะดับความเครียดของเราได้ 1.ต้องมีเพื่อน ไปอยู่บ้านนักดนตรี ไม่อยู่บ้านตัวเอง ไปหาเพื่อนคุย พี่ๆ เขาก็ช่วยอธิบายให้เราสบายใจขึ้น

แซ็ค : ไม่ถึงกับร้องไห้ครับ แต่ผมเครียด ปกติเวลาผมกลับบ้าน ผมจะไม่คุยกับใครเลยนะ ผมจะอยู่กับตัวเองมากกว่า

แซ็ค : มันก็แว๊บเข้ามานะครับ คือเรื่องเกิดที่เรา หรือจะจบที่เราดี เคยมีความคิดแบบนี้นะ กลับไปอยู่บ้านดีกว่า

แซ็ค : ใช่ครับ ทิ้งทุกอย่างเลย เรามาจากศูนย์ ทำไมเราจะไปอยู่ที่เรามาไม่ได้

แซ็ค : ผมไม่ได้โกรธ แล้วไม่ได้แค้นอะไร 1.เราเคยรักกัน เรามีความผูกพันกัน สิ่งเหล่านี้มันจะล้างทุกอย่าง

แซ็ค : ไม่ได้คุยเลยครับ ตั้งแต่มีเรื่องกัน ส่วนมากก็จะเป็นทางผู้ใหญ่เขาคุย เขาเคลียร์กัน

แซ็ค : เป็นเพราะครอบครัว และกำลังใจจากทางค่ายด้วย พี่ๆ ทีมงาน แล้วก็แม่นั่นแหละครับ

แซ็ค : แม่บอกว่าไหนๆ มันมาถึงจุดๆ นี้แล้ว แล้วแม่อยากให้ไปมองว่าข้างหลังของเรามีใครบ้างที่เราก่อสร้างมาด้วยกัน ก็ยังมีพี่ๆ นักดนตรี  ทีมงานทุกคน ถ้าเราทิ้งไปแล้วเขาจะอยู่ยังไง ก็มานั่งคิด

แซ็ค : เพื่อให้มันลืมครับ ดื่มทุกวัน ลืมได้เฉพาะตอนดื่ม ตอนที่มันหลับ แค่นั้นเอง คือผมเป็นคนที่ทำงานมาเหนื่อยๆ ผมหลับเลย แต่ช่วงนั้นทำยังไงก็ไม่หลับ ทำงานเลิกคอนเสิร์ต ตี1-2 เพลียๆ ไปนอนก็ไม่หลับ ยังคิดอยู่

แซ็ค : ใช่ครับ ดื่มทุกวัน โต้รุ่งก็มี

แซ็ค : ช่วงนั้นคิดว่าตัวเองยังแข็งแรงอยู่ ช่วงนั้นเรานอนในรถตู้ เสร็จงานนี้ก็ต้องไปอีกจังหวัดนึง ไม่ได้นอนโรงแรม ผมก็กินในรถตู้เลย กินแล้วก็หลับ

แซ็ค : ไม่ถือว่าติดครับ แต่ว่าขาดไม่ได้

แซ็ค : ก็กลับมาทำงานอีกครั้งนึงนี้แหละ คือมันห่างจากคอนเสิร์ตด้วย มาถ่ายละคร มาเป็นพิธีกร ไม่ค่อยได้อยู่กับนักดนตรีเท่าไหร่ แล้วก็มาอยู่กับแม่ด้วย

แซ็ค : เพี้ยนนี่มีบ้างครับผม ผมเป็นนักร้องสายเพี้ยนอยู่แล้วครับ ลืมเนื้อก็มีบ้าง ช่วงที่เราทำงานเยอะๆ

คนรอบข้างเตือนไหม แซ็คเบาๆ หน่อย?

แซ็ค : ก็มีๆ แม่นั่นแหละครับ แม่คอยเตือน คอยบอกตลอด ซึ่งผมไม่เชื่อคำพูดใครเลย นอกจากแม่คนเดียว

เห็นแม่บอกว่าเรื่องถ้ามันไม่จริงก็อย่าไปเครียดกับมัน ให้ต่อสู้ อันนี้เพิ่งด่านแรก แม่บอกอย่างนี้เลยใช่ไหม?

แซ็ค : ใช่ครับ แม่บอกว่าอันนี้ยังเล็กๆ น้อยๆ ใครๆ เขาก็เป็นข่าวกัน

แซ็ค : พักหลังๆ คือผมไม่ดื่มแล้วครับ หลังจากที่ย้ายมาอยู่บ้านเช่าที่กรุงเทพ เพราะว่ามีแม่ มีน้องชาย มาอยู่ด้วย ปกติกลับมาจากทำงาน กินข้าว แล้วผมก็ขึ้นนอนเลยครับ

แซ็ค : ผมก็งง วันนั้นผมไปโปรโมทเพลงภาพยนตร์ นักข่าวเขามารุมสัมภาษณ์ผม เขาก๋ถามเรื่องเก่าผม เป็นมายังไง เรื่องมันจบยังไง จบกันด้วยดีหรือเปล่า ผมก็เฉไฉ ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่มันผ่านมา คือเพลงนี้สนุกมาก ใครที่เข้าไปฟังต้องเต้นตามเลยนะ เขาก็พูดไป ผมก็พยายามเบี่ยงประเด็น พี่นักข่าวเขาก็พูดมาคำนึง หรือว่าเข็ดจากผู้ผญิงจะไปชอบผู้ชาย เห้ย…หรือว่าจะเป็นทางออกที่ดี ผมก็บอกว่าใช่ครับ ถ้ารักผู้หญิงแล้วมีปัญหา ผมชอบผู้ชายดีกว่าครับ

แซ็ค : ใช่ พี่นักข่าวก็ถามผม แสดงว่าเป็น ไบเซ็กชวลแน่นอน เอาแล้วกู…ไบเซ็กชวลคืออะไรวะ ครับๆ ใช่ๆ ครับ อย่างนั้นพี่เอาออกหน้า1 เลยนะ ครับๆ ได้ครับ แค่นั้นแหละ นักข่าวเลิกสัมภาษณ์ผมเลย 4 โมงเย็นเป็นข่าวหน้า1 เลยครับผม โห…ดังมาก

แซ็ค : คืออยากให้เรื่องมันจบ ผมพูดไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไบเซ็กชวลคืออะไร ผมก็พูดไปแค่นั้นเอง

แซ็ค : รู้แล้วครับ จำไปจนวันตายเลยครับ

แซ็ค : หลังจากที่เป็นข่าวไป คือไอจีผมคนติดตามน้อยมาก หลังจากวันนั้นคนทีกเข้ามาใน DM  เยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เป็นพันข้อความ เขาก็ทักมา ส่งกำลังใจมาให้ ถามว่าจีบไหมก็มีบ้าง เขาก็บอกว่ายินดีด้วยนะที่กล้ายอมรับ กล้าเปิดเผยอะไรประมาณนี้ ผมก็ตอบ ขอบคุณครับ แต่ถ้ามากกว่านั้นผมก็ไม่กล่าตอบเขา

แซ็ค : ผมชอบผู้หญิงนั่นแหละครับ สิ่งที่ผมบอกว่าผมเป็นไบเซ็กชวล คือผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ผมก็เลยพูดไปแบบนั้น ผู้ชายครับ

แซ็ค : ผมขอโทษแฟนคลับและพี่ๆ สื่อมวลชนทุกๆ ท่านนะครับ ที่วันนั้นผมพูดไปโดยไม่รู้กาละเทศะเนื่องด้วยตัวเองเป็นคนที่ติดตลก ปากพล่อยด้วย รู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วย ยังไงก็ต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ที่ ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

แซ็ค : ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยมีแฟน คนนี้คือคนแรกที่เป็นจริง เป็นจัง ผมเป็นคนที่เอาใจผู้หญิงไม่เป็น เป็นผู้ชายที่ไม่โรแมนติก แล้วก็ไม่หวาน แต่ไม่เจ้าชู้

แซ็ค : ผมว่าผู้หญิงเขาต้องการผู้ชายที่อบอุ่น โรแมนติก  เทคแคร์ ซึ่งผมไม่มี ผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมันเกิดที่ผมแหละครับ ไม่มีเวลาให้เขา

แซ็ค : มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นครับ คือผมถ้าทำงาน ผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องอื่นเลย มุ่งแต่ทำงานอย่างเดียว

แซ็ค : ใช่ครับ ยากครับ เขาก็มีความนอยด์บ้างตามประสาผู้หญิง ทำให้เรามีปาก มีเสียงกัน

แซ็ค : ตั้งแต่นั่นมาผมไม่ได้คุยอะไรกับใครเลย

แซ็ค : ก็มีคนทักมาเยอะนะครับ แต่ว่าเหมือนตอนนี้ผมมีเซ้นต์แล้ว ทักมาคุย 2-3 วัน เขาไม่น่าจะมาจริงจังกับเรา ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่นอน ก็เลยไม่คุย

แซ็ค : ผมพร้อมนะครับ แต่ผมไม่ใช่ฝ่ายรุกไงครับ คือใครที่อยากจีบผม ต้องเข้ามาหาผมเอง

แซ็ค : จีบไม่เป็นครับ

แซ็ค : สายเปย์ก็มีนะครับ ให้ผมไปกินข้าว ให้ 5-6 หมื่น ผมก็ไม่กล้าไป เป็นผู้หญิงวัยน่าจะ 30 กว่าแล้วมั้งครับ ผมไม่กล้าไป ผมกลัวจริงๆ ครับ

แซ็ค : ต้องดูก่อนครับ ถ้าเป็นข่าวมามันไม่คุ้มกับเงิน 200,000 บาท

แซ็ค : จริงๆ ตอนนี้ผมก็พร้อมนะครับ

แซ็ค : เมื่อก่อนผมเลือกไว้เยอะ แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่เลือกแล้วครับ ใครก็ได้ แต่ถ้าสวยก็ดี เพราะผมเป็นคนขี้เหร่ แม่พันธุ์ต้องสวย ต้องเป็นคนที่เป็นผู้นำ เพราะผมไม่ใช่ช้างเท้าหน้า ผมมีหน้าที่ทำงาน คุณมีหน้าที่เก็บเงิน แล้วก็ดูแลทุกสิ่ง ทุกอย่างไป รักจริง แล้วดูแลครอบครัวผมได้

แซ็ค : ตอนนี้ยังไม่เจอครับ

แซ็ค : ตอนโควิดนี่แหละ ตอนแรกเราก็อยู่ด้วยกันกับวง สร้างตั้งแต่คำแพงยังไม่ดัง ผมว่าทุกคนมันต้องก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ทุกคนได้เงินแล้วมีเงินเก็บ บางคนเขาก็ออกไปเปิดร้านขายเครื่องดนตรี เปิดร้านขายกาแฟ บางคนเขาก็กลับไปเรียนต่อ บางคนผมก็ไล่ออก ยืมตังค์ผม ผมก็ไล่ออกไม่คืนสักที เอาจริงๆ มันไม่ถึงกับไล่ออกหรอกครับ เขาตีตัวออกห่างเรา

แซ็ค : ก็มีคนเดิมบ้าง เอาคนนอกมาเสริมบ้าง

แซ็ค : ใช่ครับ ทุกคนมีความเป็นส่วนตัว บางคนเขาก็มีแฟน เขาก็อยากอยู่กับแฟนเขา อยากอยู่กับครอบครัวเขา

แซ็ค : 10 ล้านเลยเหรอ ไม่ถึงหรอกครับ หลังจากที่เรามานั่งคิด 3-4 ปีที่เราเช่าบ้านมา แม่บอกว่าซื้อบ้านได้หลังนึงเลยนะ ตอนแรกผมคิดว่าจะซื้อในกรุงเทพ แต่อันนี้อยู่ปทุม ชอบบรรยากาศที่มันเป็นธรรมชาติ คิดถึงบ้านตัวเอง ต้องมีศาลาหน้าบ้าน ต้องมีแบบสระปลานะ อันไหนที่ผมทำได้ ผมก็ทำเอง ขุดเอง ทำน้ำตกที่บ้านเอง

คลิปสัมภาษณ์  แซ็ค ชุมแพ