จอนนี่ แอนโฟเน่ อวดหน้าใหม่หลังผ่าตัดยกทั้งหน้า เผย หลังจากนี้คิดลงเล่นการเมือง

จอนนี่ : ใช่ครับ ครบ 1 เดือนพอดีเลย เรียกว่าอัพเดตดีกว่า เค้าทำให้ฟรีแล้วเราก็อยากทำพอดี เราดูรีวิวหาข้อมูลจนน่าวางใจ เค้าถามทำคูากันเลยมั้ยกับคุณนก คุณนกบอกถามฉันหรือยัง งั้นเราทำนำไปก่อนเลย เราเห็นพี่โน่ก่อน เค้าไปดูดไขมันที่แผ่นอก เราก็อยากทำด้วย แต่พอไปตรวจของเราไม่ใช่ไขมัน มันเป็นโรคเต้านมโต คุณหมอบอกผ่าได้  แทนที่จะทำหน้าเลยไปผ่าหน้าอกก่อนเอาก้อนเนื้อนี้ออก แล้วเค้าก็ดูดไขมันแถมให้เลยพอทำเสร็จแล้วเราเริ่มสนุก

จอนนี่ : ไม่ชอบ เพราะไอดอลเรายับหมดทุกคน อย่างอาหนิง นิรุต เท่ห์แบบยับๆ สมัยหนุ่มใครให้บำรุงหน้าผมบอกไม่ต้อง เพราะผมมีในหัวผมแล้วว่าจะเป็นยังไงเลยไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้

จอนนี่ : คนเราแต่ละคนไม่ได้เป็นอย่างนั้นได้ทุกคน พอเรามียับๆลองไปเทียบกับเค้า เราไม่ได้เท่ห์แบบเค้า เราไม่ได้เป็นอย่างน้าหนิงได้ ผมว่าแต่ละคนมีแบบของตัวเองว่าควรเป็นยังไง ผมเห็นว่ามาถึงครึ่งชีวิตแล้ว ถ้าเราอยากจะทำอะไรทั้งทีก็ทำมันตอนนี้ ทำตอนนี้ก็ยังไม่เยอะนิดๆหน่อยๆเก็บๆ

จอนนี่ : หน้าเลยครับทีนี้ ดึงเลยดีกว่า ตัดสินใจ 5 นาที นี่แบบ face off เลย ตั้งแต่เข้าห้องผ่าตัดจนถึงตอนนี้ยังไม่รู้สึกเจ็บเลย บางคนความเจ็บอาจจะไม่เท่ากัน

จอนนี่ : มีครับ ผมว่ามันเป็นงานฝีมือมาก เราบอกหมอเอาแบบธรรมชาติ ผมยังชอบผมอยู่แต่ขอให้สดชื่นขึ้น

สดใสขึ้น ไม่ได้ว่าต้องดูเด็กลง ผมไม่อยากให้มันผิวหน้ามันห้อย ดูหน้าเหนื่อย วันจะเข้าห้องผ่าตัดเรานั่งนึกในใจจะทำทั้งทีเอาให้มันเยอะๆไปเลยดีกว่าเผื่อไว้อีก 10 ปีข้างหน้า พอไปเจอหมอบอกยกให้เป็นตาจีนไปเลยได้มั้ย หมอบอกผมไม่ทำให้ เค้าอธิบายให้ฟัง ว่าของเราไม่ได้เพราะมีเคราถ้าดึงเยอะเคราจะไปขึ้นหู

จอนนี่ : วางยาสลบบ่อยเพราะไฟไหม้ ทุกครั้งที่ขัดแผลไฟไหม้ต้องวางยาสลบ ตื่นมาเหมือนหลอน เป็นคนแพ้ยาสลบหรืออะไรไม่ทราบ เวลาฟื้นยาสลบตะมีอาการไม่เหมือนคนอื่นเค้าจะเพ้อเหมือนเราเมาอะไรสักอย่าง มีโวยวาย เรารับรู้หมดแต่คอนโทรลตัวเองไม่ได้ เลยค่อนข้างหลอนยาสลบจะไปยุ่งกับหมอวิสัญญีพอสมควร จะไปบอกให้เค้าฟัง เค้าก็ปรุงยาให้ในการวางยา ตื่นมาคราวนี้เป็นอีกด้านนึงกลับนั่งนิ่ง สงบเลย นั่งสำรวจตัวเองเจ็บตรงไหนบ้าง

จอนนี่ : มันบวมก่อนเลยอาการแรก ที่ตกใจเลยคือเวลาเราส่องกระจกเราเห็นหูตัวเองหรือปล่าว พอเราไม่เห็นมันเลยแปลกๆ มันบวม พอผ่านไป 1-2 วัน มันยุบอย่างเร็วเลย

จอนนี่ : ยังหล่อไม่เสร็จ ยังบวมอยู่

จอนนี่ : ที่เราไปเห็นนะ ทุกคนเค้าก็ชอบ หน้าตาสดชื่น มันก็เป็นแบบที่เราอยากได้ ตอนครบ 1 อาทิตย์ตัดไหม โรงพยาบาลเอารูปขึ้นคนก็แบบทำไมมันบวม ผมมีไอจีแต่ไม่ได้เล่นเองให้น้องเล่น เพราะไม่ค่อยมีเวลา ตอนหลังเลยเล่นเองคนจะได้ไม่พูดกันไปเรื่อยเดากันไปเรื่อย จะได้ถ่ายตัวเองให้เค้าดูได้เลยอัพเดตให้เองว่ามันเปลี่ยน

จอนนี่ : เค้าก็แอบอิจฉาความสวยของผม ผมยุให้ทำ ให้มันดูสดชื่น ไม่ได้ให้เปลี่ยนหน้า แต่ที่ผมทำคือ lift up ไม่มีใส่อะไรแปลกปลอม หน้าเราก็ยังเป็นหน้าเราอยู่ หน้าตึงขึ้น

จอนนี่ : ที่โรงพยาบาลเค้ามาชวนว่าเติมปากอีกหน่อย คุณนกนั่งอยู่ข้างๆ บอกไปไกลๆเลยฉีดเมื่อไหร่ไม่ต้องมาเดินข้างฉัน เราเลยเอ๊ะ..เบรคไว้ก่อน พี่ลองไปดูเค้าฉีดแล้วเป็นยังไง สำหรับพี่ยังไม่น่าฉีด

จอนนี่ : ไม่รู้จะปิดทำไม เราไม่ได้ทำบนหน้าใคร ทำบนหน้าตัวเอง เราไม่ได้ไปทำให้ใครเค้าเดือดร้อน มันเป็นความสุขส่วนตัวเป็นความชอบของเราเอง ที่อยากทำให้หน้าสดชื่น เราไม่ได้เปลี่ยนหน้าตัวเองเลยไม่รู้สึกว่าต้องปิดบัง เรื่องการดูแลหน้าตาหรือศัลนกรรมผมว่าปัจจุบันนี้มันดูเป็นเรื่องไม่ต้องปิด

จอนนี่ : แปลงเพศเลยครับ (หัวเราะ) ไม่มีครับหมดแล้ว

จอนนี่ : หน้ามันก็ไม่ได้เปลี่ยน อาจจะยังไม่เข้ารูปบ้าง มันยังบวมอยู่ ถ้าหน้าเดิมรอไว้หนวดอีกแปปนึง ตอนนี้ต้องทำแผลเราเลยไว้ไม่ได้

จอนนี่ : มันมี 2 เรื่อง เรารู้สึกว่าอยากหยุดทำงานกับที่เดิมก่อน ด้วยมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในการร่วมงานกัน ตั้งแต่โควิดเศรษฐกิจมันดิ่งลงมาก ลูกค้าโฆษณาสปอนเซอร์ไม่มีกำลังซื้อเยอะพอสมควร ปรับเปลี่ยนจาก time sharing เป็นเก็บค่าเช่า เราคำนวนต้นทุนแล้ว แต่ไม่ได้ทะเลาะกันนะครับคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ว่าเราไปไม่ไหวจริงๆ อย่าเรียกว่าแยกย้ายแต่เราขอหยุดก่อน เราดูแล้วว่าในอีก 1 ปีข้างหน้าก็น่าจะกลับมายังไม่มากนัก ถ้าโดนค่าเช่าเวลาเจ้าไปอีกก็น่าจะแพงเพราะช่องใหญ่ เราก็น่าจะขาดทุนเยอะเพราะเราปิดต้นทุนนี้ไม่ได้ เราเลยขอหยุดก่อน อีกอันเราไปทำงานกับทางเทโร ซึ่งมีการย้ายเหมือนกัน เราต้องตามเทโรไปอีกช่องนึง ไปทางวิกหมอชิต ทำรายการขึ้นรายการใหม่ ทำละคร ไม่ได้ทะเลาะกับใครเราคุยกันด้วยเหตุด้วยผล

จอนนี่ : เปลี่ยนเยอะมาก ผมอยู่มาเกือบ  30 ปี ส่วนอีกช่องคนดูคนละกลุ่มกันเลย เราไม่เคยทำงานเสิร์ฟเค้ามาก่อนต้องเปลี่ยนเยอะมาก วิธีคิดเรื่องงาน วิธีทำงานต้องเปลี่ยนไปหมด

จอนนี่ : มันไม่มี เพราะว่าเราไม่ได้ย้ายเพราะทะเลาะ เร่หยุดเฉยๆ ตอนแรกผมกะอยู่เฉยๆอยู่กับบ้าน หลบโควิดอย่างเดียวเลย บังเอิญมีคนมาชวนให้ไปช่วยงานที่เทโรเป็นจังหวะเดียวกับที่เทโรย้ายมาทำงานอีกช่องหมอชิต เราก็เลยต้องทำงานกับเทโรที่ช่อง

จอนนี่ : ผมมีหุ้นส่วนหลายคน แยกกันเพราะว่าเค้าอยากแยก เราก็แล้วแต่ตามสบาย ผมเป็นคนคิดอย่างนึงเป็นคนเพื่อนเยอะ หุ้นส่วนเยอะ มีหลายบริษัท มันเหมือนการมีแฟน ถ้าแฟนขอเลิกเราจะไม่ตีโพยตีพาย เราคงคิดไม่เหมือนกับเราแล้วจะแยกกันก็ตามสบาย เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน

จอนนี่ : ผมไม่มีนะ เค้ามีหรือปล่าวผมไม่ทราบ ผมก็บอกเค้าว่าเฉยๆผมไม่ได้มีปัญหาอะไร หุ้นส่วนคนอื่นไม่ทรายว่าเค้ายังไง แต่ตัวผมไม่มีอะไรเลย

จอนนี่ : ปีที่แล้วก็มี เอาตรงๆนะปิดไป 2-3 บริษัทเลย เราไม่ใจหายนะ เพราะเศรษฐกิจมันแย่จริงๆ

จอนนี่ : ไม่ได้ลาวงการบันเทิงครับ เราตั้งเป้าชีวิตเราไว้ว่าในแต่ละช่วงอยากให้เป็นยังไง ในเรื่องของธุรกิจการทำงานวงการบันเทิงก็ถือเป็นธุรกิจ วางมือจากงานที่เราต้องทำธุรกิจซัก 55 อันนี้นึกในใจไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ 52 เราก็เริ่มดูไว้  แต่ในช่วงนี้ที่ผ่านมาเป็นช่วงโควิดเจอคนที่ลำบากมาก ไปช่วยเหลือคน ผมได้นั่งกลับมาคิด ชีวิตเราตั้งแต่อายุ 17 เข้าวงการจนถึงทุกวันนี้ ได้หาเงินมาด้วยวงการบัรเทิง ทั้งความนิยมชมชอบของคนดู วงการให้ทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงมีครอบครัว เจอภรรยา มีลูก มีเงินเลี้ยงครอบครัว คิดว่าหลังจากนี้ถ้าอยากวางมือจากธุรกิจแล้ว สิ่งที่อยากทำเลยก็คืออยากไปเล่นการเมือง ไปดูแลพี่น้องประชาชนบ้าง ด้วยความรู้ความสามารถที่เรามี เราน่าจะทำงานกลับให้บ้านเมืองบ้าง ให้ประเทศชาติบ้าง ให้ประชาชนบ้าง จะไปอยู่ที่ไหนอันนี้ยังไม่ได้ตกลง

จอนนี่ : ไม่ได้กลัวครับต้องโดนอยู่แล้ว เตรียมใจแล้ว พี่นกก็เตรียมใจแล้ว พี่นกไม่ค่อยโอเคมันต้องมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เราก็ปิดหูปิดตาบ้าง ไม่ต้องไปรับทั้งหมดคนเรา ไม่งั้นมันจะทำให้สิ่งที่เราตั้งใจอยากทำ ไม่ได้ทำ

คลิปสัมภาษณ์  จอนนี่ แอนโฟเน่