หลายๆ คนคงรู้จัก “เหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2″ กันเป็นอย่างดี เพราะเรียกได้ว่ามันคือมหาสงครามที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ซึ่งเกิดจากความขัดแย้งภายในประเทศ การแย่งชิงอำนาจ ความขัดแย้งระหว่างชาติ และเชื้อชาติ โดยมีแนวร่วมมิตรประเทศช่วยทำสงคราม จนทำให้ทั้งทหารที่ถูกส่งไปสู้รบ และพลเรือนในพื้นที่นั้นเสียชีวิตจำนวนมาก แต่ในทางกลับกันหากพูดถึง “Operation Mincemeat หรือ “ปฏิบัติการที่ศพคนตาย หลอกลวงทหารนาซีทั้งกองทัพ” แล้วนั้น คงจะมีน้อยคนนักที่รู้จักเหตุการณ์นี้ ทั้งๆ ที่มันคือปฏิบัติการแผนซ้อนแผนสุดแปลก ที่ทำให้ศพคนตายเพียงคนเดียว สามารถหลอกทหารนาซีทั้งกองทัพได้เลยทีเดียว

          “Operation Mincemeat เป็นปฏิบัติการย่อยที่อยู่ใน “Operation Husky” หรือแผนการรุกรานเกาะซิซิลีของฝ่ายสัมพันธมิตรในปี 1943 อีกที ซึ่งเป้าหมายสำคัญของปฏิบัติการย่อยนี้ คือการส่งมอบข้อมูลที่เป็นเท็จเกี่ยวให้กับจุดที่ฝ่ายสัมพันธมิตรต้องการจะโจมตี เพื่อหลอกล่อให้ฝ่ายนาซีวางกำลังผิดจุด โดยทางหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ MI5″ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความจริงที่ว่าในอดีตมีข้อมูลทางทหารมากมายหลุดไปยังศัตรู เนื่องจากอีกฝ่ายพบศพของทหารที่มีข้อมูลการรบติดตัวอยู่ ดังนั้นทางกองทัพอังกฤษจึงผุดความคิดขึ้นมาว่า มันคงจะดีถ้าพวกเขาสร้าง “ศพทหาร” ขึ้นมาเองและเอาข่าวปลอมให้ศพดังกล่าวถือไว้ ที่อาจจะสามารถช่วยรักษาชีวิตของทหารอังกฤษมากกว่า 1 แสนนายได้สำเร็จ และในครั้งนี้จะเป็นการเปิดเผยข้อมูลลับของสุดยอดแผนลวงโลกสู่สายตาสาธารณชนมากที่สุดโดยไม่ผิดกฎหมายของสหราชอาณาจักร ซึ่งระบุไว้เคร่งครัดมากเกี่ยวกับการรักษาความลับทางการทหารของประเทศ

1) เริ่มปฏิบัติการลวงโลก

          เมื่อได้ศพที่ต้องการแล้ว ทางกองทัพก็เริ่มดำเนินการตามแผน “Operation Mincemeat” ในทันที โดยพวกเขาได้ทำการปลอมตัวศพเป็น “พันตรี วิลเลี่ยม มาร์ติน” ซึ่งถูกตั้งขึ้นให้มีจุดเด่นที่ชื่อโหลๆ และช่วยทำให้การยืนยันตัวเป็นเรื่องยาก ก่อนที่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของกองทัพจะช่วยกันทำประวัติปลอมๆ ให้กับทหารคนนี้ รวมทั้งยังคำนึงลึกไปถึงรายละเอียดอย่างการใส่ภาพภรรยาไปในกระเป๋าผู้ตาย และใช้วิทยุสื่อสารของกองทัพที่พูดถึงตัวตนของพันตรีมาร์ติน ในขณะที่ศพของตัวทหารถูกส่งตัวข้ามน้ำแบบลับๆ ไปยังสเปนแล้วเรียบร้อย

2) จับมือกับประเทศที่เป็นกลาง

            เหตุผลที่ทางกองทัพอังกฤษเลือกสเปนเป็นสถานที่ปฏิบัติการแทนที่จะเป็นสถานที่อื่นซึ่งศัตรูจะพบศพได้ง่ายกว่านั้น มาจากความพยายามที่จะซ่อนแผนการของพวกเขาให้ได้เนียนที่สุด ดังนั้นแทนที่จะนำศพไปทิ้งตามสนามรบ การเอาศพไปทิ้งในประเทศที่มีสถานะทางสงครามที่เป็นกลางแต่ก็มีสายของนาซีอยู่เยอะจึงเป็นอะไรที่ดีกว่า และก็แน่นอนว่าประเทศดังกล่าวก็คือ “สเปน” อีกทั้งพวกเขาก็ยังสามารถเล่นละครติดต่อกับทางกองทัพสเปนให้ส่งตัวทหารที่ตายกลับอังกฤษในทันที โดยที่ไม่มีการเปิดดูเอกสารใดๆ ของผู้ตาย ภายใต้ความหวังว่าเอกสารที่ว่านี้จะถูกเปิดอ่านโดยเจ้าแมวอยากรู้อยากเห็นที่ทำงานให้ทางนาซีนั่นเอง

3) แผนลวงสมบูรณ์แบบ

          ทันทีที่ศพถูกส่งกลับมา ทางเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอังกฤษก็ถึงกับยิ้มกว้างทันที เพราะซองเอกสารที่พวกเอาดัดแปลงมาเป็นพิเศษมีร่องรอยการถูกเปิดให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณอันดีว่ามีคนแอบถ่ายภาพข้างในไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็มีเพียงแค่ภาวนาให้ข่าวในเอกสารถูกส่งไปถึงกองทัพเยอรมัน โดยเฉพาะ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ก็เท่านั้น แต่นับว่าเป็นโชคดีของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ต้องภาวนารอเอกสารดังกล่าวนานนัก เพราะในช่วงเวลาเดียวกับที่พวกเขาปฏิบัติการอยู่ การถอดรหัสเครื่องอีนิกม่าก็ทำให้พวกเขาทราบว่า ทางนาซีมีการย้ายกองกำลังร่วม 90,000 นายเกิดขึ้นแล้ว และเป้าหมายของทหารเหล่านั้นก็คือ “กรีซ” สถานที่ที่พวกเขาคาดหวังไว้ได้อย่างตรงเป้าร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม และถือว่าแผนการ Operation Mincemeat” นั้นเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

          และในปี 2022 นี้ แผนลวงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดประวัติศาสตร์ของเกมสงครามโลกกำลังได้รับการนำเสนอในฐานะภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง Operation Mincemeat พลิกแผนรบลวงโลก โดยผู้กำกับระดับเข้าชิงรางวัลออสการ์ “จอห์น แมดเดน” (Shakespeare in Love, Miss Sloane) ที่จะนำผู้ชมทั้งโลกย้อนรอยสู่ยุทธศาสตร์สุดระทึกที่ชวนลุ้นแทบทุกนาที พร้อมยกทัพนำแสดงด้วยทีมนักแสดงมากฝีมือของเกาะอังกฤษไว้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ “โคลิน เฟิร์ธแมทธิว แม็กฟาเดียนเคลลี่ แม็กโดนัลด์จอห์นนี่ ฟลินน์เพเนโลปี้ วิลตัน และ “เจสัน ไอแซ็กส์” เตรียมทะยานความระทึกทะลุจอ มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

ตัวอย่างภาพยนตร์ (ซับไทย)

แผนลวงครั้งยิ่งใหญ่ จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์

Operation Mincemeat – พลิกแผนรบลวงโลก”

มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

#OperationMincemeat #พลิกแผนรบลวงโลก

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ