นายสุรวุฒิ วูวงศ์ ผู้บริหารสูงสุดบริษัท เมดิเซเลส จำกัด เปิดเผยว่า ในขณะนี้อุตสาหกรรมความงามด้วยแพทย์ มีการเติบโตขึ้นอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดความงามด้วย โบท็อกซ์ และ ฟิลเลอร์ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 20% ทั้งนี้หากแยกเป็นตลาด โบทูไลนุ่ม ทอกซิน เอ (โบท็อกซ์) ตลาดมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15 % ส่วนตลาดสารเติมเต็มบริสุทธิ์ มีอัตราการเติบโตที่สูงมาก อยู่ที่ 30-40%
“อุตสาหกรรมความงามด้วยแพทย์ถือเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตสูงสุดติดอันดับ 1-2 ของอุตสาหกรรมดาวรุ่ง และเชื่อว่าจะคงเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกหลายปีเนื่องจากคนไทยร่วมให้ความสำคัญกับการดูแลความสวยความงามของตัวเองมากขึ้น” นายสุรวุฒิ กล่าว
เพื่อเป็นการพัฒนาตลาดความสวยงามโดยแพทย์ บริษัท เมดิเซเลส จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายยา “นิวโรน็อกซ์”กระจายสินค้าแต่เพียงผู้เดียวในคลินิกความสวยงามและโรงพยาบาล พร้อมให้บริการด้านการตลาด รวมถึงการจัดกิจกรรมด้านการอบรมสนับสนุนให้แพทย์ที่สนใจ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้แก่แพทย์ควบคู่กับการพัฒนาทักษะการใช้ผลิตภัณฑ์ให้เกิดผลสมบูรณ์อย่างไร้ผลข้างเคียง เพื่อความน่าเชื่อถือในการส่งมอบมาตรฐานและคุณภาพผลิตภัณฑ์ในระดับโลก ส่งผลให้ยา”นิวโรน็อกซ์” ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่ากึ่งหนึ่งของยาประเภทเดียวกันที่ส่งเข้าจำหน่ายในประเทศ ล่าสุดทางบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขึ้นทะเบียนยานิวรามีส (Neuramis) ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) วางตลาด ยานิวรามีส (HA Derma filler) อันดับหนึ่งของเกาหลี โดยยานิวรามีสมีส่วนแบ่งเกิน 5% ของตลาดสารเติมเต็ม HA DERMA FILLER
ปัจจุบันทางบริษัทฯ เป็นผู้นำในตลาดโบทูไลนุ่มทอกซิน ในประเทศไทย จัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจยาขนาดกลาง (รายได้ 5–1000ลบ.) จากยอดขายของปีก่อนหน้าที่ทำยอดขายไปถึง 300–400 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโตเข้าสู่กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ทำยอดขายให้ถึง1,000 ลบ. ขึ้นไป ภายใน 5 ปี โดยการพัฒนาธุรกิจในฐานลูกค้า เพิ่มช่องทางการให้บริการการขาย ผ่านแอปพลิเคชันและสัมมนาทางการแพทย์ การอบรมแพทย์ สร้างองค์กรให้เป็นที่ประจักษ์รับรู้ในกลุ่มแพทย์ด้านความสวยงาม การดูแลสุขภาพตนเองให้คงความงาม ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมามีการนำเข้าสินค้าอย่างผิดกฎหมาย การละเมิดเครื่องหมายการค้า และการปลอมแปลงผลิตภัณฑ์
ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ยา”ปีที่แล้วซึ่งเป็นเปิดตัวบริษัท เมดิเซเลส เราสามารถทำยอดขายเติบโตถึง 40% แต่สำหรับปี 2561 ทางบริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตจากปีก่อนไว้ที่ 25% โดยประมาณ ซึ่งเรามียานิวโรน็อกซ์ ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ที่ 55% และปีนี้เราก็หวังว่า มันจะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 60% พร้อมกันนี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราเพิ่งเปิดขายตัวยากลุ่มสารเติมเต็ม (ฟิลเลอร์) ในชื่อ นิวรามีส ซึ่งเพียง 6 เดือนเราก็ได้ส่วนแบ่งการตลาดถึง 5% ซึ่งถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่ทำได้” นายสุรวุฒิ กล่าว
อย่างไรก็ดี ทางบริษัท เมดิเซเลส ได้วางแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างน้อยปีละ 1 ผลิตภัณฑ์ ทั้งในกลุ่มสารเติมเต็ม, ยาสลายไขมัน, และกลุ่มอาหารเสริม นอกจากนี้จะมีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยปีก่อน มีคลินิคความงามที่ใช้สินค้าของบริษัท 1,100 แห่ง ปีนี้จะเพิ่มเป็น 1,500 แห่ง รวมถึงจะมีการเพิ่มช่องทางโรงพยาบาลที่มีแผนกความงามเพิ่มขึ้นด้วย
“ปัจจุบันคลินิกความงามของประเทศไทย มีกว่า 6,000 สาขา แต่บริษัท เมดิเซเลส ได้เข้าถึง 1,000 กว่ สาขา ดังนั้นมันจึงมีโอกาสอีกมากที่จะทำให้ธุรกิจของเราเติบโต”
นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมคืนกำไรสู่สังคม ด้วยโครงการบริจาคยา อุปกรณ์ สนับสนุนโครงการก้าวแรก โดยจัดตั้งกองทุนขึ้นเพื่อให้ความรู้ สร้างความเข้าใจของโรคสมองพิการต่อทุกสังคมทุกช่องทาง และช่วยเหลือผู้ป่วยที่เป็นโรคสมองพิการที่ขาดโอกาสที่จะเข้าถึงยาได้ และมีปัญหาไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาอาการและอาการแสดง ด้วยปัจจุบันนี้ ได้มีโรคสมองพิการ ที่เป็นปัญหาในการรักษา โรคนี้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กและได้รับความทุกข์ทรมาน โรคนี้มักจะเกิดในครอบครัวที่มีรายได้น้อยขาดการดูแลตนเองก่อนคลอดและยังขาดความรู้ความเข้าใจ ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง โอกาสที่จะเข้าถึงยาก็มีน้อยมาก ทั้งนี้ รายได้ของกองทุนจากการสนับสนุนของทางบริษัทฯ ,เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาค และรายได้เกิดจากการจัดกิจกรรม