ก้าวคนละก้าว ร่วมกับ จีดีเอช และ คิงเพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย จัดรอบกาล่าภาพยนตร์ “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว”ภาพยนตร์คลุกวงในตลอด 55 วันของก้าวคนละก้าว ที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ภาพจากกล้องตัวเดียวของทีม จีดีเอช ที่ยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนให้ได้ชมกันครั้งแรก เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการทำความดี ก้าวนี้..เพื่อศิริราช ด้วยการบริจาคเพื่อหารายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์เพื่ออาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อาคารหลังสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส และผลิตบุคลากรทางการแพทย์รุ่นต่อไป โดยมี เปอร์–สุวิกรม อัมระนันทน์ และ โด๋ว–มรกต โกมลบุตร รับหน้าที่พิธีกร พูดคุยกับศ.ดร.นพ. ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ถึงความต้องการของผู้ป่วยด้อยโอกาสที่มากขึ้นทุกวันที่กำลังรอรับการรักษา และพูดคุยกับ ตูน–อาทิวราห์ คงมาลัย และ ไก่–ณฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ที่มอบให้เป็นของขวัญสำหรับคนไทยทุกคน โดยมีผู้บริหาร ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, บุษบา ดาวเรือง, จินา โอสถศิลป์, จิระ มะลิกุล และแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงายมากมาย ณ ลานลิฟท์แก้ว ชั้น1 เซ็นทรัลคอร์ท ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด
ตูน–อาทิวราห์ เผยว่า “ตื่นเต้นมากครับที่หนังเรื่องนี้จะได้ฉายให้ทุกคนได้ชมกัน เป็นหนังที่ผมและทีมงานจีดีเอชทุกคนตั้งใจมาก อยากให้คนไทยทุกคนได้ไปดูหนังเรื่องนี้กันในทุกช่องทางทั้งการดูฟรี 6-16 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์ หรือชมด้วยการจ่ายค่าตั๋วในราคาพิเศษทั้งในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และ เอสเอฟ รวมถึงดูรอบพิเศษที่สนามกีฬาแห่งชาติ อาคารนิมิบุตร ถ้าผู้ชมได้รับความบันเทิง สนุก หรือได้รับแรงบันดาลใจแล้วไปส่งต่อเรื่องราวดีๆ ให้กับตัวเอง ให้กับคนในครอบครัว หรือคนในสังคม ผมว่าเป็นเรื่องดีมากๆที่เกิดจากหนังเรื่องนี้ ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราได้สำเร็จแล้ว สิ่งที่ผมเคยตั้งเป้าอยากเป็นพระเอกพันล้าน ความจริงแล้วผมเป็นแค่เพียงตัวประกอบ ถ้าเราสามารถทำยอดเงินได้พันล้านตามที่ศิริราชต้องการ ผมว่าพระเอกพันล้านตัวจริงคือพวกเราคนไทยทุกคน นี่คือโอกาสที่ดีที่พวกเราทุกคนจะได้ร่วมกันก่อสร้างอิฐคนละก้อน 2 ก้อน เงินจำนวนน้อยๆ จากคนเยอะๆ เพื่อสร้างอาคารอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อาคารหลังสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส และผลิตบุคลากรทางการแพทย์รุ่นต่อไปได้สำเร็จครับ”
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ
