ครั้งแรกของ SPC และ ICC กับการร่วมมือกันอย่างเต็มรูปแบบ ส่งกาแฟเพื่อสุขภาพ “แคทเธอรีน” ขายผ่านช่องทางสหพัฒน์ เสริมแกร่งช่องทางการทำตลาดที่ครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภค ตอบโจทย์ด้วยผลิตภัณฑ์กาแฟคุณภาพ โดดเด่นในแง่ของการดูแลและควบคุมน้ำหนัก
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC เปิดเผยว่า สหพัฒน์ ได้ร่วมกับมือกับ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ICC ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟอาราบิก้าเพื่อสุขภาพแบรนด์ “แคทเธอรีน” อย่างเป็นทางการ นับเป็นครั้งแรกของการร่วมมือกันอย่างเต็มรูปแบบเพื่อส่งเสริมการขยายตลาด โดย SPC นับว่าเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าชั้นนำที่มีศักยภาพ ประกอบกับ ผลิตภัณฑ์กาแฟเพื่อสุขภาพแบรนด์ “แคทเธอรีน” เป็นสินค้าเพื่อสุขภาพมีความโดดเด่นในด้านการช่วยดูแลน้ำหนัก และด้วยกลยุทธ์ในการกระจายสินค้าผสานกับช่องทางการจำหน่ายที่ครอบคลุมของ SPC เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำตลาดได้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน จากเดิมที่กาแฟเพื่อสุขภาพแคทเธอรีน มีการทำการตลาดในช่องทางออนไลน์มาแล้ว 3–4 ปี และมีฐานลูกค้าออนไลน์ที่เหนียวแน่น
“ความร่วมมือในครั้งนี้ SPC จะเข้ามาเติมเต็มช่องทางการจำหน่ายให้กับกาแฟแคทเธอรีน ทำให้สามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่มีฐานลูกค้ากลุ่มออนไลน์อยู่แล้ว ซึ่งเรามองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ผู้บริโภคในแง่ของการดูแลและควบคุมน้ำหนัก พร้อมกันนี้ได้วางกลยุทธ์เพื่อให้ผลิตภัณพ์เข้าถึงลูกค้าด้วย TikTok Marketing ชวนทุกคน “มา รีน กัน” ไปกับ “แคทเธอรีน” รวมทั้งการจัดกิจกรรมทางการตลาดและหนังโฆษณาชุดใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมไปกับกาแฟแคทเธอรีนอีกด้วย ” นายบุญชัย กล่าว
สำหรับผลิตภัณฑ์กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าเพื่อสุขภาพแบรนด์ “แคทเธอรีน” เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไปที่ต้องการให้ความสำคัญกับการดูแลรูปร่าง โดยในผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติกระบองเพชร สารสกัดจากถั่วขาว สารสกัดจากส้มแขก ผงพรุน และแอลคาร์นิทีน ช่วยดูแลระบบเผาผลาญ และระบบขับถ่าย ไม่มีคอเลสเตอรอล ไม่มีไขมันทรานส์ ใช้วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล ขนาดบรรจุ 10 ซอง น้ำหนัก 150 กรัม มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกตามหัวเมืองต่าง ๆ รวมถึงช่องทางออนไลน์ของทางสหพัฒน์
อย่างไรก็ดี มูลค่าตลาดกาแฟเพื่อสุขภาพในประเทศอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท โดยแบรนด์ “แคทเธอรีน”คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาด 10% หรือ ประมาณ 200 ล้านบาทในปี 2568 โดย “แคทเธอรีน” ยังอยู่ในช่วงขยายตลาด จากฐานลูกค้าเดิมไปสู่ลูกค้าใหม่ ส่งผลให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด 2 เท่าจากยอดขายเดิมในปีนี้ โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 75%