วัยอลวน 5

กำหนดฉาย                                            29 ธันวาคม 2565

แนวภาพยนตร์                                         คลาสสิค โรแมนติก คอมเมดี้

บริษัทผู้จัดจำหน่าย                                  เอ็ม พิคเจอร์ส

อำนวยการสร้าง                                      เดอะ ฟิฟท์ เอลลิเม้นท์ ฟิล์ม

กำกับภาพ                                              สุธิพงษ์ ตีระสกุล

ออกแบบงานสร้าง                                   สุดเขตร  ล้วนเจริญ

ออกแบบเครื่องแต่งกาย                            พัณณิตา แสนแปง

ลำดับภาพ                                              ไพโรจน์ สังวริบุตร

ดนตรีประกอบ                                        บานาน่า เรคคอร์ด

ออกแบบเสียง                                         ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา                                                                                   

บทภาพยนตร์                                         ไพโรจน์ สังวริบุตร

ดำเนินงานสร้าง                                     เดอะ ฟิฟท์ เอลลิเม้นท์ ฟิล์ม

ผู้อำนวยการสร้าง                                    จิตรลดา สังวริบุตร

ควบคุมงานสร้าง                                     จิรายุษ สังวริบุตร

กำกับภาพยนตร์                                      ไพโรจน์ สังวริบุตร

นำแสดงโดย                                           ไพโรจน์ สังวริบุตร,ลลนา สุลาวัลย์,จิระวดี อิสรางกูร ณ อยุธยา,ชาลี ปอทเจส,

พิมประภา ตั้งประภาพร,ชรัส เฟื่องอารมย์,ปกฉัตร เทียมชัย และ พัสกร พลบูรณ์

เรื่องย่อ

ความทรงจำคู่ขวัญ “ตั้ม-โอ๋” จะถูกปัดฝุ่นอีกครั้ง กับเรื่องความรักชุลมุนของ “ตั้ม-โอ๋” ที่แม้เวลาจะผ่านไป 45 ปี แต่ชีวิตคู่ก็ยังมีเรื่องวุ่น ๆ มาให้แก้ตลอด

ด้าน “ป้าอ้อ” หรือ “ดีเจออดี้” หลังเปิดตัวว่าเป็นสาวห้าว ก็ไปตกหลุมรัก “ต้องใจ” แม่ม่ายลูกติดว่าที่เศรษฐินีคนใหม่ของไทย แต่ดันเจอกรรมบัง เดือดร้อนทนายตั้มต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

ขณะที่ “อั้ม” ครูสอนเต้นดีกรีนักเรียนนอก โกรธพ่อ “ภาคิน” นักธุรกิจรุ่นใหญ่ เพราะคิดว่าพ่อมีเมียน้อย ทะเลาะกับแม่ จึงทำให้แม่ขับรถออกไปเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต และภายหลังยังเป็นกิ๊กกับ “นับดาว” เลขาสาว จึงประชดพ่อด้วยการคบกับ “โต๋”  หลานชายดีกรีนักเรียนนอกของ “ตั้ม-โอ๋” งานนี้โต๋จะฝ่าด่านภาคินสำเร็จหรือไม่ และความอลวนของความรักแต่ละคู่จะเป็นเช่นไร ต้องหาคำตอบพร้อมกันได้ กับ “วัยอลวนฮ่า”

 

เอ๋ไพโรจน์ สังวริบุตร : ผู้กำกับภาพยนตร์ “วัยอลวนฮ่า” และ รับบท “ตั้ม”

อาเอ๋ไพโรจน์ หวนกลับมากำกับภาพยนตร์ “วัยอลวนฮ่า” อีกครั้ง ในรอบ 30 กว่าปี กลับมาครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง

-เด็กที่อายุต่ำกว่า 40 ปีจะไม่ค่อยรู้ว่าอาเอ๋เคยกำกับภาพยนตร์มาก่อน เขาจะจำภาพเราในฐานะนักแสดงได้มากกว่า จริง ๆ ใจของอารักและผูกพันกับงานกำกับมาก แต่มีช่วงหนึ่งที่วงการโทรทัศน์เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จึงทำให้อาตัดสินใจหยุดการทำหนังไป ที่ตอนนั้นไม่กำกับละคร เพราะอารู้สึกว่าชอบทำงานหนังมากกว่า การทำหนังสำหรับอาเหมือนกันเจียระไนเพชร ต้องใช้ความใส่ใจและประณีตในการทำ แต่ในใจเราก็คิดมาตลอดว่าสักวันเราจะกลับมา ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าระยะหลังมีแต่คนหนุ่มสาวที่ออกมาดูหนัง แต่ถ้ามองย้อนไปดูจะมีคนบางกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มวัยรุ่นมาดูหนัง อย่างหนัง “นาคี” ทำรายได้ 400 กว่าล้านบาท อาวิเคราะห์ได้ว่า ที่คนกลุ่มนี้ไม่ออกมาดูหนังเป็นเพราะไม่มีหนังที่ถูกจริตกับเขา พอเราเห็นปัญหาตรงนี้ เราในฐานะพ่อแม่จะมีความสุขเวลาที่ลูกมีกิจกรรมร่วมกัน แค่ลำพังพาพ่อแม่ไปทานข้าวด้วยพวกท่านก็มีความสุขแล้ว แล้วยิ่งถ้ามาดูหนังด้วยกัน จะไม่ยิ่งมีความสุขหรือ

อาจึงอยากทำหนังอีกสักเรื่องที่พ่อแม่และลูกจะจูงมือออกมาดูหนังด้วยกัน และมีความสุขไปพร้อมกัน จึงหยิบเรื่อง “วัยอลวน” ขึ้นมาทำอีกครั้ง ตลอดเวลา 30 ปีถึงแม้เราจะไม่ได้กำกับหนัง แต่อาก็ไม่เคยหยุดดูหนัง อาดูหนังในมุมมองของนักสร้างหนัง เราจะเก็บรายละเอียดความเป็นสากลของหนังฮอลลีวู้ด อย่างหนึ่งที่อาพูดได้อย่างชัดเจนคือการแสดง ฝรั่งเวลาให้รางวัล เขาให้รางวัลคนที่เล่นเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่ใช่ร้องไห้หรือฟูมฟายเก่งที่สุด อาอยากจะบอกว่าถ้าได้ไปดู “วัยอลวนฮ่า” จะได้เห็นการแสดงของ จิ๋ม-ลลนา และนักแสดงคนอื่นๆ  ที่แสดงออกได้เป็นธรรมชาติ หาไม่ได้ง่าย ๆ ในเรื่องอื่น ๆ

 

ทำไมเลือกทำหนัง “วัยอลวน”

-เพราะเป็นหนังที่ถ่ายทอดออกมาในแง่มุมดี ๆ คุณจะได้เห็น ตั้ม-โอ๋ ในวัย 60 ปี เป็นสามีภรรยาในแบบฉบับที่ดีของสังคมไทย ตั้มเป็นสามีที่มีความเกรงใจภรรยาเหมือนสมัยก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังถือเป็นความงดงามของสังคม และในวัยอลวนฮ่า เราได้เก็บเรื่องราวจริง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมเอามาสร้าง

เหมือน “วัยอลวนฮ่า” พูดถึงความรักทุกรูปแบบ

-เราบอกแล้วว่าอยากทำหนังครอบครัว อยากทำแบบ “วอลท์ ดิสนีย์” ไม่มีพิษมีภัย ในเมื่อเราอยากให้พ่อแม่ลูกไปดูหนังด้วยกัน  เราก็ต้องทำให้พ่อแม่ดูสนุกและลูกก็ต้องสนุกด้วย อาถึงได้ดึง แน็ก-ชาลี และ พิม-พิมประภา มาเล่นเรื่องนี้ และตัวละคร “ป้าอ้อ” เมื่อปี 2519 เป็นสาวสวย แต่ทุกวันนี้เป็นหนุ่มหล่อ จะได้เห็นว่าโลกเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เหรอ เราเขียนเรื่องราวให้กลุ่ม “LGBTQ” ไปดูเรื่องนี้อย่างมีความสุข ให้เขาได้รู้ว่าทุกวันนี้สังคมของเราเปิดกว้างและมีความเสมอภาค อาไม่เชื่อว่าหนังที่จะสนุกจะมีแค่พวกชิงรักหักสวาท อาฆาตมาดร้าย

ทำไมเลือกให้ “ป้าอ้อ” มีลูก

-ก็ชีวิตจริงของ อ้อย-จิระวดี เขาเป็นอย่างนั้น อาเก็บเรื่องราวของคนในสังคมมาใส่ไว้ให้เป็นความสุขของเรื่อง 45 ปีที่รู้จักกับอ้อย เรารู้อยู่แล้วว่าเขามีลูก และไม่ว่าแม่ของเขาจะอยู่ในเพศสภาพไหน เขาก็ยังรักแม่ของเขามาก เราสนับสนุนให้คนยอมรับในความเป็นธรรมชาติของมนุษย์

ทำไมเลือก แน็กชาลี มาแสดง

-อาดูจากคลิปไอจีของเขา เขาเป็นตัวแทนพระเอกที่สนุกของยุค เขามีอารมณ์ขัน แน็กเป็นคนน่ารักและมีจิตใจดี คนที่เลี้ยงงูหรือตัวเงินตัวทอง ถ้าไม่ใช่คนที่มีจิตใจดีคงเลี้ยงไม่ได้ พอมาร่วมงานกันเขาก็เล่นได้เป็นธรรมชาติมาก เราพยายามรักษาความเป็นตัวตนของเขาเอาไว้ ต้องปรับบททุกอย่างให้เข้ากับนิสัยใจคอของเขา ความยากในการทำ “วัยอลวนฮ่า” อยู่ตรงนี้แหละครับ ส่วนน้องพิมเป็นเด็กมีความสามารถสูงมาก เขาเก็บรายละเอียดในสิ่งที่เราอยากเล่าในเรื่องได้ดี เป็นการทำงานที่ทำแล้วสบายใจมาก โยนอะไรไปปั๊บเขาทำได้ ถือว่าเป็นโชคดีที่ได้น้องพิมมาร่วมงาน

ไปกล่อมอาแต๋มกับอาจิ๋มให้มาเล่นหนังอีกครั้งได้อย่างไร

-ทุกครั้งที่เจออาแต๋ม เขาจะบอกเสมอว่ามีอะไรอยากให้เขาทำ เขายินดีมาก เพราะอาเหมือนเป็นคนแจ้งเกิดอาแต๋มในวงการ จริง ๆ บท “ภาคิน” มีนักแสดงหลายคนที่สามารถเล่นได้ แต่ที่เลือกแต๋มเพราะเราต้องการคนที่เป็นนักร้องและนักแสดงในตัวมาเล่น เพราะต้องเข้าใจว่า “วัยอลวน” เป็นหนังที่เพลงประกอบภาพยนตร์จะเด่น และเขาก็ยังแต่งเพลงให้กับหนัง 1 เพลงด้วย ชื่อเพลง “ไม่แก่เกินไปที่จะรัก” เป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงคนสูงอายุ  ความรักของคนเราไม่เกี่ยวกับอายุ เพลงนี้ให้กำลังใจกลุ่มผู้สูงวัย ในส่วนของอาจิ๋ม ที่เขากลับมาเล่นเพราะอาจิ๋มรักอา อาพูดอะไรเขาจะเชื่อ เขาเคยพูดว่าเขาอ้วนแล้วไม่เหมาะที่จะมาเล่นหนังหรอก แต่อาก็บอกกับเขาว่าความน่ารักของคนเราไม่ได้อยู่ที่อ้วนหรือผอม จิ๋มเป็น “โอ๋” ที่อายุ 60 ปี เราสวยตามวัย แต่สิ่งหนึ่งที่จิ๋มไม่ควรทิ้งไปคือความสามารถทางการแสดง ควรกลับมาทำให้คนดูมีความสุขและมาช่วยกันรักษาตำนานของวัยอลวน จิ๋มก็เข้าใจ

ทราบมาว่าฉากในหนังสวยด้วย

-ทุกซีนดูแล้วสวยแน่นอน เรามีวิวทิวทัศน์ที่อันซีน ไม่เคยมีใครไปถ่ายเลย อย่างฉากที่ “คลองบางกะเจ้า” เป็นฉากที่พายเรือในคลอง ชวนให้คนอยากไปเที่ยวเมืองไทย

กลับมากำกับหนังในรอบ 30 ปี กดดันไหม

-ไม่กดดัน เพราะเรามาด้วยความมั่นใจ และเรามักได้ทำสิ่งที่เราคิด และเวลาเจออุปสรรคเราอาจพลาดสิ่งที่ต้องการไป แต่เราจะได้สิ่งที่ดีกว่ามาทดแทนเสมอ เหมือนโชคช่วยเรา

คิดว่าทำไมกลุ่มวัยรุ่นต้องมาดู “วัยอลวนฮ่า”

-แน็กและพิม เป็นแม่เหล็กที่จะดึงวัยรุ่นมาชม พวกเขาถ่ายทอดออกมาได้มีเสน่ห์ ก็อยากให้หลาน ๆ ลูก ๆ เปิดใจจูงพ่อแม่มาดูหนังที่เคยสร้างความสุขให้กับพวกเขาด้วย

 

จิ๋มลลนา สุลาวัลย์ : รับบทเป็น “โอ๋”

 

ถึงแม้เวลาจะผ่านไป 45 ปี “โอ๋” ของตั้ม สาวน้อยแก่นแก้วยังคงรักษาความเป็นตัวเองเหมือนเดิม ใจร้อน ขี้โมโห แข็งแกร่งไม่กลัวใคร ที่สำคัญคือขี้หึงเหมือนเดิม

ทำไมถึงตัดสินใจรับเล่น “วัยอลวนฮ่า” อีกครั้ง

-ปกติจิ๋มไม่รับเล่นหนังแล้ว อายุมากและทิ้งการแสดงมานาน ก็ไม่มั่นใจตัวเองว่าจะเล่นได้เหมือนเดิมไหม แต่เรื่องนี้ต้องเล่น เพราะตัวโอ๋ต้องเป็นจิ๋ม และพี่เอ๋-ไพโรจน์ ก็กำกับและแสดงด้วย เรานับถือพี่เอ๋เหมือนพี่ชาย ยังไงก็ต้องรับ และอีกอย่างคือเราเล่นกับพี่เอ๋แล้วสบายใจ คุยกันได้ ถ้าเป็นคนอื่นเราก็กลัวไปสร้างความลำบากใจให้เขา

กลับมารับงานแสดงอีกครั้งเป็นอย่างไรบ้าง

-ดีนะ ได้เจอเพื่อน ๆ พี่เอ๋ และ พี่อ้อย-จิระวดี ก็เฮฮาเหมือนกลับมาเจอครอบครัวอีกครั้ง เรื่องการแสดงก็มีตื่นเต้น สั่น ๆ บ้าง แต่พอถ่ายไปได้ไม่กี่คิวก็เข้าที่ เล่นได้เหมือนกัน กับน้องนักแสดงใหม่ พอเรารู้จักและสนิทก็ทำงานง่าย อย่างน้องแน็ก-ชาลี เก่ง เขาเล่นเป็นธรรมชาติมาก

คราวนี้กลับมาเจออาเอ๋ในฐานะผู้กำกับด้วย

-กับพี่เอ๋ แค่บอกว่าต้องการอะไร จิ๋มเข้าใจเลย เราร่วมงานกันมาหลายเรื่อง อย่างเรื่องการแสดงพี่เอ๋จะรู้สไตล์ว่าเราเล่นยังไง เขาชอบที่เราเป็นเรา โอ๋-ตั้ม ก็เป็นแบบนี้

 

คิดว่า “วัยอลวนฮ่า” น่าสนใจอย่างไรบ้าง

-เป็นสไตล์ “วัยอลวน” อยู่แล้ว เป็นหนังไม่มีพิษมีภัย ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แย่งผัวแย่งเมีย ดูแล้วมีความสุข และหนังมีจุดที่เชื่อมกับเรื่องราวในยุคปัจจุบันด้วย สะท้อนการเปลี่ยนไปของสังคม เป็นหนังรักที่เหมาะกับครอบครัว ความสำคัญของคู่สามีภรรยา ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ความรักของคนในครอบครัว อย่างเด็ก ๆ รุ่นใหม่ที่เพิ่งได้ดูเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เข้าใจ เพราะพี่เอ๋จะมีภาพอดีตย้อนให้ดูด้วย

ฝากถึงแฟน “ตั้มโอ๋”

-จากที่เคยดู “ตั้ม-โอ๋” ในวัย 16 ปี ก็อยากให้มาดู “โอ๋” ในวันที่อายุ 60 ปีกัน มาดูว่าจิ๋มยังเล่นได้ไหม หนังเรื่องนี้ดีจริง ๆ มองโลกในมุมที่ดี ให้ข้อคิดดี ๆ ก็อยากให้น้อง ๆ พาคุณพ่อคุณแม่มาชมกันในวันครอบครัว จิ๋มเชื่อว่าพ่อแม่จะต้องมีความสุขที่ได้ย้อนอดีตไปกับตัวละครที่เขาคุ้นเคยแน่นอน

 

อ้อยจิระวดี อิสรางกูร ณ อยุธยา : รับบทเป็น “ป้าอ้อ” หรือ “ดีเจออดี้”

45 ปีผ่านไป จาก “ป้าอ้อ”ที่น่ารัก ใจดี และทะเล้นเล็กน้อย แต่ในภาคนี้แปลงโฉมเป็น “ป้าอ้อ” หรือ “ดีเจออดี้” สุดห้าว

ห่างหายกับ “วัยอลวน” ไปนาน คิดถึงบ้างไหม

-คิดถึงนะ สมัยก่อนคนรักตัวละคร “ตั้ม-โอ๋” มาก ส่วนตัวละคร “ป้าอ้อ” ก็ยังเป็น “ป้าอ้อ” เหมือนเดิม แต่ใน “วัยอลวนฮ่า” ป้าอ้อมีลูกด้วย แต่ไม่บอกว่ามีลูกได้ยังไง คือเนื้อหาของหนังทันสมัยและมีความเป็นสากล ในแง่ของความเท่าเทียมและหลากหลาย “ป้าอ้อ” เป็นสาวห้าวที่ไปตกหลุมรัก “ต้องใจ” ซึ่งแสดงโดย “จิ๊บ-ปกฉัตร เทียมชัย”

การทำงานกับ “จิ๊บ” เป็นอย่างไรบ้าง

-จิ๊บเป็นคนน่ารัก ทำงานกับคนง่าย ไม่เรื่องมาก  ตรงเวลา ซึ่งดาราสมัยนี้ถ้าได้อย่างจิ๊บจะเป็นอะไรที่ดีมาก ถามว่ามีฉากกุ๊กกิ๊กบ้างไหม ตอนแรกที่รับงานคิดว่าจะมีฉากเลิฟซีน มีกอดหรือหอมบ้าง แต่มาเล่นจริง ๆ ไม่มีเลย พี่เสียดุลการค้ามาก

ที่พี่อ้อยบอกว่าเนื้อหาของ “วัยอลวนฮ่า” ทันสมัย เพราะมีการพูดถึงความรักของกลุ่ม LGBTQ ด้วยหรือเปล่า

-ใช่ คืออย่างสมัยนี้ เราอยู่กับใครคนนึง รู้สึกดีกับเขา ก็เรียกเป็นความรักได้แล้ว ไม่ต้องเก็บกด  แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนจะยังไม่เปิดรับ อย่างในเรื่องนี้ “ป้าอ้อ” เป็น LGBTQ ที่มีลูกด้วย ซึ่งก็เหมือนกับตัวพี่เองที่มีลูกชาย เป็นความท้าทายของผู้กำกับรุ่นเก๋า พี่เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร ที่ใส่เรื่องนี้ลงไป การเขียนเนื้อเรื่องของเขาก้าวตามโลก มีการพูดถึงความรักคลาสสิกของคนรุ่นเก่า แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับเรื่องความหลากหลายของความรักด้วย

การทำงานกับพี่เอ๋ไพโรจน์ เป็นอย่างไรบ้าง

-เมื่อ 45 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร ก็ยังเป็นอย่างนั้น มีความสุขได้เจอเพื่อนเก่า จิ๋ม-ลลนา  สุลาวัลย์ กับ พี่เอ๋-ไพโรจน์ และยังมี แต๋ม-ชรัส เฟื่องอารมย์ มาแจมด้วย บรรยากาศการทำงานสนุกสนาน

“วัยอลวนฮ่า” มีความพิเศษอย่างไร

-เป็นอะไรที่มีความเป็นรุ่นใหม่มากขึ้น การได้นักแสดงรุ่นใหม่อย่าง แน็ค-ชาลี ปอทเจส และ พิม-พิมประภา มาแสดงมีความกุ๊กกิ๊กน่ารัก แตกต่างจากสมัยก่อนพอสมควร มีความกลมกลืนระหว่างคนวัยคลาสสิกอย่างรุ่นพี่และรุ่นลูกรุ่นหลานมาร่วมงานกัน อย่างตอนแรกที่เจอแน็กก็แอบคิดว่า ไอ้นี่มันบ้าป่าววะ แต่จริง ๆ เขาเป็นคนน่ารัก สนุกสนาน มีอะไรที่แปลกใหม่

เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เคยดู “วัยอลวน” มาก่อนจะดู “วัยอลวนฮ่า” รู้เรื่องไหม

-อยากให้ไปดูเรื่องนี้นะ จะได้เห็นว่าความรักของรุ่นคลาสสิกเป็นอย่างไร มีความสุภาพ สดชื่น กุ๊กกิ๊กกว่าสมัยนี้ ถ้าไปดูเรื่องนี้เด็กรุ่นใหม่อาจจะได้เห็นการแสดงความรักในอีกรูปแบบหนึ่งที่อ่อนโยนครับ ลองพาคุณแม่คุณพ่อไปดู เรื่องนี้จะได้เห็นความรักของครอบครัวด้วย มีความสุขที่สุด

  

แน็คชาลี ปอทเจส :รับบท “โต๋”

“โต๋” หนุ่มนักเรียนนอก ลูกชายของ “ป้าอ้อ” หรือ “ดีเจออดี้” ชายหนุ่มผู้มองโลกแง่ดี อารมณ์ดี ไม่เคยคิดร้ายใครและตกหลุมรัก “อั้ม” ตั้งแต่แรกเห็น

ตอนที่ อาเอ๋ไพโรจน์  ติดต่อให้มาเล่นเรื่องนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง

-ครั้งแรกอาเอ๋นัดเจอผมก่อน เพราะอยากทราบว่าผมเป็นคนอย่างไร ผมรู้สึกดีใจตั้งแต่อาเอ๋เกริ่นว่าอยากให้มาเล่น “วัยอลวน” ผมไม่รู้ว่าอาเอ๋คิดผิดคิดถูกที่เอาผมมาเล่น คนอื่นอาจมองว่าไม่ได้เว่อร์วังอะไร แต่สำหรับผมเป็นโอกาสที่ดีมาก ชื่อหนังเขาแต่ก่อนดีมาก ได้ยินมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ หนังเรื่องนี้ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร ระยะหลังมานี้จะเห็นหนังที่ดูได้ทั้งครอบครัวยากมาก แต่ผมไม่ได้ถามอาเอ๋นะว่าทำไมเลือกผมมาแสดง เพราะกลัวอาเอ๋เปลี่ยนใจ (หัวเราะ)

บท “โต๋” ในเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง

-อาเอ๋ไม่ต้องการให้ผมเปลี่ยนอะไร เขาไม่ต้องการให้แสดงเยอะ แทบให้เล่นเป็นตัวเองเหมือนในไอจีในคลิปต่าง ๆ เลยครับ อาเอ๋ชอบที่เราตลก อาไม่อยากให้ผมเปลี่ยนตัวเองครับ โต๋จะเป็นคนสนุกสนาน กวน ๆ ครับ

มีสัตว์เลี้ยงที่เราชอบเข้าฉากกับเราด้วย

-ไม่ยากเลยครับ น้องตัวเงินตัวทองที่มาถ่ายหนังด้วยกัน เชื่องมาก ทำงานง่ายมาก ถ้าไปเอาจากข้างทางมาคงโดนกัดครับ

 

 

ร่วมงานกับ พิมพิมประภา เป็นครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง

-ผมรู้จักกับพิมมานานแล้ว เป็นเพื่อนของเพื่อนครับ เป็นครั้งแรกที่ร่วมงานกัน เขาเป็นคนเก่ง ผมสบายใจที่ได้ทำงานกับเขา ได้ดูการทำงานของเขา เขาตั้งใจทำงานมากครับ การที่รู้จักกันแล้วมาร่วมงานกันทำให้เราทำงานง่ายขึ้น เขาเป็นคนนิสัยดีด้วยครับ

ด้วยความที่อาเอ๋เป็นรุ่นใหญ่ หลายคนอาจกลัวว่าหนังที่ออกมาจะไม่ทันสมัยสักเท่าไหร่ สำหรับแน็กมองว่าการทำงานของอาเอ๋เป็นอย่างไรบ้าง

          -อาเอ๋ยังวัยรุ่นอยู่เลย อย่ามองกันแค่ภายนอก อาตัดงานออกมาดีมาก

ด้วยวัยของแน็กได้ทันดู “วัยอลวน” ไหม และคิดว่าคนรุ่นที่ไม่ทันได้ชมจะเก็ทกับ “วัยอลวนฮ่า” หรือเปล่า

-ดูได้ทุกวัยเลยนะ ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นพ่อรุ่นแม่ ไม่ต้องเคยดูมาก่อนก็ดูภาคนี้รู้เรื่อง บทมีความน่ารัก เข้ากับยุคสมัย เอาเรื่องราวในยุคนี้มาใส่ด้วย นักแสดงก็มีรุ่นใหม่มาร่วมแจมด้วย

เห็นว่าในเรื่องนี้มีฉากบู๊ แต่แน็กบอกว่าเหนื่อยมาก อายุเพิ่งจะ 30 เองนะ

-คือผมแค่ตอนนี้เดินก็เหนื่อยแล้วอ่ะ ผมบู๊กับพี่ ๆ สตั้นท์ไม่ถึง 1 ช.ม. ผมเล่นแค่ 3-4 เทค ก็เหนื่อยแล้วครับ

ฝาก “วัยอลวนฮ่า” ด้วย

-อยากให้ไปชมกัน ทีมงานและนักแสดงตั้งใจทำงานกัน อยากให้อุดหนุนหนังไทย ผู้ใหญ่ที่เคยดูเรื่องนี้ ผูกพันกับตัวละครเดิม ๆ จะได้เห็นพัฒนาการตัวละครที่เปลี่ยนไปและโตขึ้น ผมรับรองว่าสนุก ดูได้ทั้งครอบครัว มาดูแล้วได้รอยยิ้มกลับไปแน่ ๆ ครับ

 

พิมพิมประภา ตั้งประภาพร : รับบทเป็น “อั้ม”

“อั้ม” ลูกคุณหนูที่มีความขัดแย้งกับพ่อ และใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาโดยตลอด ภายนอกดูเป็นคนมีความมั่นใจสูง  แต่ลึก ๆ แล้วก็ยังต้องการความรักจากพ่อ

บท “อั้ม” ใกล้หรือไกลตัว “พิม” อย่างไรบ้าง

-เรื่องใกล้ตัวน่าจะเป็นความสดใส และชอบเต้น เพราะพิมก็ชอบร้องเต้นอยู่แล้ว ซึ่งบท “อั้ม” เป็นครูสอนเต้น ซึ่งเราสามารถทำตรงนี้ได้อยู่แล้ว แต่ทีมงานก็อยากให้เราดูมืออาชีพกว่านี้ก็ส่งพิมไปเรียนเพิ่ม ทั้งๆ  ที่ฉากเต้นเป็นแค่ฉากเล็ก ๆ เท่านั้น ส่วนที่ค่อนข้างไกลตัวระหว่าง “พิม” และ “อั้ม” ก็คือเรื่องความขัดแย้งในครอบครัว ซึ่งในเรื่อง “อั้ม” จะไม่ลงรอยกับพ่อ ตรงนี้พิมต้องไปทำการบ้านว่าจะทำยังไงให้เราเป็นคนที่ยังสดใสอยู่ แต่ลึก ๆ เราต้องมีความน้อยใจและอยากได้รับความรักจากคุณพ่อเหมือนกัน

พิมทำการบ้านกับ “อั้ม” ยังไงบ้าง

-สำหรับพิม พาร์ทครอบครัวค่อนข้างง่ายสำหรับพิม ไม่จำเป็นต้องสร้างอารมณ์ เพราะครอบครัวเป็นสิ่งที่เซ็นซิทีฟสำหรับความรู้สึกของพิมมาก แต่พิมแค่ต้องเพิ่ม background story ให้กับตัวละครไปว่าเขาเจออะไรในชีวิตมาบ้าง อั้มต้องเสียคุณแม่ไป แล้วพฤติกรรมของพ่อส่อไปในทางว่านอกใจแม่ ลูกก็ต้องมีความรู้สึกที่ไม่ดีอยู่แล้ว พิมไม่จำเป็นต้องสร้างภาพอะไรในหัว ภาพมันชัดเจนอยู่แล้วว่าลูกสะเทือนใจแน่นอน พิมก็แค่ใส่ความรู้สึกของพิมเข้าไปในตัวละคร ความต้องการความรักจากพ่อ แค่นี้ก็น่าจะสื่อสารให้คนดูเข้าใจได้อยู่แล้ว

พูดถึง “วัยอลวน” นึกถึงอะไร

-นึกถึงคุณพ่อคุณแม่เลย เป็นภาพยนตร์ที่ดังมากและคุณแม่ดูสมัยสาว ๆ และท่านก็ประทับใจ และนึกถึงอาเอ๋-ไพโรจน์ ด้วย พิมเคยร่วมงานกับอาเอ๋มาก่อน และครั้งนี้ได้กลับมาแสดงหนังที่เคยเป็นตำนานของคุณอา และอาเอ๋ก็กำกับเองด้วย รู้สึกดีใจมาก

มาเล่นเรื่องนี้ได้อย่างไร

-พออาเอ๋ติดต่อให้มาเล่นเรื่องนี้ ไม่คิดอะไรมากเลยค่ะ ดีใจที่ได้เล่นภาพยนตร์ที่เป็นความทรงจำของคุณพ่อคุณแม่ แม่ตื่นเต้นกว่าพิมอีกค่ะ แล้วพออาเอ๋บอกว่าต้องร่วมงานกับแน็ก-ชาลี พิมก็ดีใจได้ร่วมงานกับเขา เพราะเราก็รู้จักกันอยู่แล้วค่ะ ถามว่าร่วมงานกับเขาเป็นไงบ้าง แน็กก็คือแน็กอ่ะค่ะ คุยด้วยแล้วเบาสมองมาก คุยเรื่องสัพเพเหระได้หมด คาแร็คเตอร์ในเรื่องคือตัวเขาเลย เวลาเข้าฉากก็เหมือนอยู่นอกฉาก เล่นธรรมชาติ ทำงานกับเขาสนุกและตลกมาก

“วัยอลวนฮ่า” ต้องร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่ด้วย

-จริง ๆ พิมได้เข้าฉากกับนักแสดงรุ่นใหญ่ค่อนข้างน้อย แต่ก็มีบ้าง ผู้ใหญ่ทุกคนค่อนข้างชิลล์ เหมือนเขาได้กลับมาร่วมงานกัน เขาได้ reunion เราเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ ผู้ใหญ่ก็ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น

พิมเคยร่วมงานกับอาเอ๋ในฐานะนักแสดง แต่พอมาเห็นอาเอ๋ในฐานะผู้กำกับ อาเอ๋เป็นอย่างไรบ้าง

-อาเอ๋มีความน่ารักเวลาสอน เหมือนคุณพ่อมากำกับ ด้วยความที่อาเอ๋มี passion กับเรื่องนี้อยู่แล้ว ผูกพันกับตัวละคร “ตั้ม-โอ๋” มานาน เราจะสัมผัสได้ถึงความรักของอาเอ๋ที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกอย่างที่อาพยายามสอนเราก็เป็นสิ่งที่เขาแชร์ประสบการณ์ที่คุณอาได้รับเมื่อครั้งเป็นหนุ่ม ๆ เหมือนอาคายตะขาบมาให้เรา อาอยากให้ตัว “อั้ม-โต๋” เป็นตัวละครที่คนรักเหมือนกัน

ต้องทำงานกับ อาแต๋มชรัส ซึ่งแสดงเป็น “ภาคิน” พ่อของอั้ม เป็นอย่างไรบ้าง

-นักแสดงรุ่นใหญ่ของวัยอลวนน่ารักมาก ไม่มีความเกร็งเลย เราแค่ต้องโฟกัสกับบทให้ดี อาแต๋มน่ารักอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าเราแสดงออกมาได้ดีหรือเปล่า

นิยามความรักของพิมเป็นรูปแบบไหน

-พิมคิดว่าเป็นความเข้าใจเป็นแก่นของทุกอย่าง ความรักมีแล้วหมดไปได้ แต่ความเข้าใจเป็นสิ่งที่ทำให้คนรักกันหรือคนในครอบครัวยึดให้ไปต่อกันได้ ถ้าเราเข้าใจและไว้ใจทำให้คนรักกันได้ระยะยาว

ในเรื่องต้องเล่นกับ “น้องอเล็กซ์” ตัวเงินตัวทอง เป็นอย่างไรบ้าง

-พิมเป็นคนกลัวสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิด แต่โชคดีที่น้องอเล็กซ์ที่พิมเข้าฉากด้วยไม่มีลิ้นและนิ่งด้วย พิมเลยสามารถเรียกสติให้ทำงานได้ค่ะ (หัวเราะ) แต่ตอนที่เข้าฉากกับน้องก็ไม่ยากนะคะ เพราะเป็นฉากี่เราต้องตกใจตอนที่เห็นน้องอยู่แล้วค่ะ

พิมเป็นตัวแทนเด็กวัยรุ่นที่อาจไม่เคยดู “วัยอลวน” มาก่อน พิมคิดว่าหนังเรื่องนี้ทำไมวัยรุ่นต้องไปดู

-อยากให้ทุกคนไปชม “วัยอลวนฮ่า” พิมเชื่อว่า Generation ของพิมอาจไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน หรือเคยได้ยินแต่เรื่องเล่าจากคุณพ่อคุณแม่ วัยรุ่นอาจสงสัยว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร จะ enjoy ไปกับมันได้ไหม เหมาะกับคนยุคเก่าอย่างเดียวหรือเปล่า คือแน่นอนว่าเนื้อหาของเรื่องยังไงก็ตามสมัยอยู่แล้ว แต่พิมคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้คนในครอบครัวจูงมือกันไปดูหนังด้วยกัน และการได้ยินเสียงคนในครอบครัวหัวเราะข้าง ๆ เราในโรงหนังเป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดแล้วค่ะ

 

แต๋มชรัส เฟื่องอารมย์ : รับบทเป็น “ภาคิน”

“ภาคิน” นักธุรกิจมาดสุขุม เก็บความรู้สึกเก่ง ถึงขั้นทำให้ “อั้ม” ลูกสาวน้อยใจคิดว่าพ่อไม่รัก แต่ลึก ๆ แล้วรักลูกสาวมาก

ทราบมาว่า “วัยอลวนฮ่า” เป็นภาพยนตร์ในรอบ 30 ปีของอาแต๋ม

-เรื่องสุดท้ายที่เล่นคือ “แฝดแบบว่า” ประมาณปี 2533

ทำไมถึงตัดสินใจเล่นเรื่องนี้

-คือ เอ๋-ไพโรจน์ กับผมสนิทกัน เขาเป็นคนที่เปิดโอกาสให้ผมเข้าวงการบันเทิง เป็นนักร้อง แต่งเพลง และนักแสดง เขาให้ผมแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ “ไฟในทรวง” และคุณระย้า รถไฟดนตรี ถามว่าใครแต่งเพลงนี้ ก็เลยแนะนำให้รู้จักกันจนทำให้ผมเป็นนักร้องมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วพอเจอคุณเล็ก-ภัทราวดี ก็ชวนให้ผมมาเล่นละครเวที จากนั้นก็เล่นละครและหนัง แต่ก็ไม่ค่อยรับมากเท่าไหร่ จนก่อนโควิดรอบแรก เอ๋ก็บอกผมว่าแต๋มมาเล่นหนังให้หน่อย ผมก็ตกลงทันที ไม่รู้ว่าเล่นเป็นอะไร เรื่องอะไร จนได้อ่านบทก็รู้สึกว่าหนังน่าสนใจตรงที่เป็นเรื่องราวของคนหลายคน เอ๋ก็คอยให้คำแนะนำ ปัดฝุ่นการแสดงครับ

ในเรื่องรับบทเป็น “ภาคิน” พ่อของนางเอก

-คาแร็คเตอร์เป็น “ภาคิน” นักธุรกิจใหญ่ มีสตางค์ และมีลูกสาวชื่อ “อั้ม” ซึ่งแสดงโดย พิม-พิมประภา เรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นเพราะอั้มเข้าใจว่าพ่อไม่รักแม่ ทำให้แม่ตรอมใจจนตาย จนลูกมีปม ก็มีฉากดราม่าด้วย ยากนะ ต้องเข้าใจว่าการเล่นหนังไม่เหมือนละคร อารมณ์เล่นหนังไม่ต่อเนื่อง พอตรงนี้ได้ภาพถูกใจก็คัท แล้วเปลี่ยนมุม ผมโชคดีที่น้องพิม ส่งอารมณ์ให้เราได้ เราก็ส่งอารมณ์ให้เขาเต็ม ๆ ไม่กี่เทคก็ผ่าน เพราะเรารุ่นนี้เรา ผ่านเรื่องราวชีวิตมาเยอะ เศร้า เสียใจ ผิดหวัง เราคุ้นชินอยู่แล้ว

นอกจากจะมีเรื่องความรักระหว่างพ่อลูกแล้ว ยังมีความรักต่างวัยกับ “เฟิร์นพัสกร” ด้วย

-เฟิร์น เล่นเป็น “นับดาว” เลขาที่คอยดูแลเราเหมือนคนที่เขารักและเคารพ ซึ่งในเรื่องเฟิร์นก็เอ็นดูเราด้วย สรุปก็คือไม่แก่เกินไปที่จะรัก เรื่องฉากกุ๊กกิ๊กก็มี แต่เล่นง่ายกว่าดราม่า อาก็เขิน เฟิร์นก็เขิน คงคิดว่าไอ้แก่นี่มาทำกรุ่มกริ่ม(หัวเราะ)  การทำงานถามว่าสนุกไหม สนุกนะ

ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหม่และเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันเป็นอย่างไรบ้าง

-แน็ก-ชาลี,น้องพิม หรือ เฟิร์น รู้จักเราอยู่แล้ว มีความเกรงใจ จะเล่นกับอาแต๋มก็ต้องมีเส้นบาง ๆ กั้น ไม่ค่อยกล้าเล่นเท่าไหร่ ด้วยนิสัยคนไทยที่ปลูกฝังมาว่าต้องเกรงใจผู้ใหญ่ เราก็ต้องเปิดใจกับเขาเพื่อให้เขากล้าทำงานกับเรา ส่วนการทำงานกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน สนุกเลย มีความสุขเวลาได้ทำงานด้วยกัน

คิดว่า “วัยอลวนฮ่า” มีเสน่ห์ตรงไหน แฟนรุ่นเก่า ๆ ถึงต้องกลับมาดูอีก

-หนังมันไม่เชย มีเส้นเรื่องของ “ตั้ม-โอ๋” และคนอีกหลาย ๆ คน มีความรักหลายแบบ เขามีการตัดต่อดี ไม่เบื่อ เส้นเรื่องแข็งแรงนะ ผมคิดว่าหนังไทยซบเซามานาน นาน ๆ จะมีหนังที่ทำให้เราตื่นเต้นกับมัน ผมคิดว่า “วัยอลวนฮ่า” เป็นเรื่องที่น่ายินดีกับ คุณเอ๋-ไพโรจน์ ที่เขาจะกลับมาเป็นผู้กำกับเต็มตัวในรอบ 30 กว่าปี  น่าจะเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด

 

จิ๊บปกฉัตร เทียมชัย      : รับบทเป็น “ต้องใจ”

“ต้องใจ” แม่ม่ายลูกติดที่ถูกหวย 30 ล้าน บุญมีแต่กรรมบัง เพราะดันเจอ 18 มงกุฎแอบอ้างว่าเป็นของตัวเอง งานนี้ “ป้าอ้อ” หรือ “ดีเจออดี้” ยื่นมือช่วยเหลือคนรักทุกวิถีทาง

บท “ต้องใจ” เป็นสาวเรียบร้อย

          -เป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ ปีที่รับบทเรียบร้อย ก็ต้องขอบคุณ อาเอ๋-ไพโรจน์ ที่เลือกให้จิ๊บมาเล่นเรื่องนี้  ถือเป็นเกียรติของจิ๊บมาก ๆ เลย เพราะ “วัยอลวน” เป็นภาพยนตร์ที่ดังมากในยุคที่พ่อแม่ของจิ๊บยังหนุ่มสาว  พอได้มาแสดงเรื่องนี้พ่อแม่ของจิ๊บดีใจและตื่นเต้นมาก เหมือนเติมเต็มความฝันของท่านเลย จิ๊บได้เข้ามาอยู่ในจุดที่ลิงค์กับท่านได้แล้ว หนังเรื่องนี้เป็นความทรงจำของใครหลายคน เป็นหนังรักเชิงบวก จิ๊บชอบหนังแนวนี้ค่ะ

ชีวิตจริงจิ๊บดูเป็นสาวเปรี้ยว ๆ เก๋ ๆ เซ็กซี่ด้วย พอต้องมารับบทเรียบร้อยต้องเปลี่ยนตัวเองเยอะไหม

-ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองทั้งภายในภายนอกเลย เพราะจิ๊บคิดว่าตัวเองก็เรียบร้อยอยู่ มีความสุขที่ได้เล่นเรื่องนี้ เพราะตัวเองก็เป็นสายวินเทจอยู่แล้ว พอได้มาแต่งตัวแบบนี้ก็ดูเป็นเฟมินีน หวาน ๆ ดีค่ะ แต่ต้องถามคุณผู้ชมกลับว่าแฮปปี้ไหมที่เห็นจิ๊บในสไตล์นี้

ในเรื่องต้องร่วมงานกับ อาเอ๋ไพโรจน์ และ พี่อ้อยจิระวดี เป็นอย่างไรบ้าง

-สำหรับจิ๊บไม่มีช่องว่างระหว่างวัยเลย ผู้ใหญ่ทุกท่านน่ารักมาก โดยเฉพาะพี่อ้อยสร้างสีสันในกองตลอด มีเรื่องเล่า มีความสนุก และวัยรุ่นมาก ส่วนอาเอ๋ใจดีมาก เป็นทั้งผู้กำกับและนักแสดง ดูแลทุกอย่างในกอง ถือว่าโชคดีที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ค่ะ

ในเรื่องนี้ต้องเป็นคู่รักกับพี่อ้อยจิระวดี เหมือนเป็นตัวแทนคู่รัก LGBTQ ด้วย รู้สึกอย่างไรบ้าง

-ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้เลย จิ๊บเองรู้สึกว่าเราอยู่ในยุคที่ความรักไม่จำเป็นต้องแบ่งเพศแล้ว เราเคารพในความเป็นมนุษย์ของแต่ละคน และความรักก็มีหลายรูปแบบ ตัวเราเองก็มีความรักทุกรูปแบบเหมือนกัน เป็นมนุษย์ในปัจจุบันนี้ เป็นเรื่องธรรมชาติค่ะ

ในเรื่องต้องเล่นเป็นคู่รักกับพี่อ้อยจิระวดี มีฉากกุ๊กกิ๊กกันบ้างไหม

-อาอ้อยตลก น่ารักดีค่ะ ทุกวันที่มากองเป็นวันที่มีความสุขมาก ส่วนเรื่องฉากกุ๊กกิ๊ก หอม จูบ ไม่มีเลยค่ะ มีแค่ส่งสายตาห่วงใยเท่านั้น ไม่มีเลิฟซีนดุเดือดค่ะ

คิดว่า “วัยอลวนฮ่า” มีจุดไหนที่เชื่อมคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าบ้าง

-จิ๊บรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นหนังเชิงบวก ดูแล้วมีความสุข คิดว่าตรงนี้แหละเป็นหนังรักที่ไม่ต้องเครียดหรือเหนื่อยอะไรมาก เป็นอะไรที่ธรรมดา แต่ทำให้เรายิ้มได้ คิดว่าเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ