1. ภาพยนตร์ ขุนพันธ์ 3 หนึ่งในโลเคชันหลักคือ โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ซึ่งมีอายุกว่า 84 ปี สถาปัตยกรรมออกแบบโดยวิศวกรเยอรมัน สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 บนพื้นที่ขนาด 70ไร่ ที่ถูกยกย่องให้เป็นมิวเซียมอุตสาหกรรมแห่งแรกของเมืองไทย ซึ่งถูกเนรมิตทั้งพื้นที่ และตัวอาคารร้างให้เป็นชุมเสือขนาดใหญ่ของเหล่าบรรดาเสือร้าย ที่ยังไม่เคยมีผู้คนของทางการหรือฝ่ายรักษากฎหมายใดๆเข้าถึงมาก่อน ซึ่งประกอบไปด้วย ถ้ำเสือชุมโจร, โรงพยาบาล, ร้านตัดผม, ร้านเหล้า, ตลาด, ลานประลอง, ศาลเตี้ย, เตาเผาศพ, หอคอยสังเกตการณ์ ฯลฯ

2. ภายในชุมโจรแห่งนี้เป็นที่กบดานของเหล่าเสือร้ายรวมตัวกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสือรุ่นใหญ่ประสบการณ์สูงที่ได้รับการขนานนามว่าแก๊งเสือเฒ่า ที่จะทำหน้าที่หัวหน้าศาลเตี้ยในชุมโจรแก๊งโจรเชิ้ตขาวของเสือมเหศวรแก๊งโจรเชิ้ตดำของเสือดำ รวมทั้งชาวบ้านทั่วไปที่ประสบกับความลำบากยากแค้นจนพากันอพยพมาอาศัยอยู่ที่นี่

3. โลเคชันโรงงานกระดาษแห่งนี้ยังถูกเรียกว่าเป็นสถานที่ ที่เดือดที่สุด คือนอกจะเดือดด้วยฉากแอ็กชันแล้ว ยังเดือดด้วยอุณหภูมิที่ร้อนระอุของ จ.กาญจนุรีในช่วงเดือนเมษายน โดยทั้งทีมงาน และทีมนักแสดงที่มีมากกว่า 300 ชีวิตต้องทำงาน ท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงสุดถึง 42 องศา

4. ในขุนพันธ์ เลือกเปิดกล้องถ่ายทำในที่ที่สวยที่สุด และโหดที่สุด นั่นคือแกรนด์แคนยอนมืองไทย อุทยานแห่งชาติ แม่จริม และ วังศิลาแลง จังหวัดน่าน ในช่วงหน้าหนาวที่ยังน้ำหลากท่ามกลางอากาศเย็นสุดขั้ว โดยเหล่านักแสดงและทีมงานนับร้อยชีวิตต้องทำงานกันในน้ำตลอดเวลา ต้องใช้พละกำลังในการเดินป่ากว่า กิโลเมตร ลุยน้ำ พายเรือ ถ่อแพ และที่สำคัญก็คือ ทุกคนต้องร่วมกันล่องแก่งที่มีความเชี่ยวกราก และอันตรายอยู่ในระดับที่ 3 (จากทั้งหมด ระดับ)

 5. นอกเหนือจาก อนันดาเอม ภูมิภัทร ยังมี เม้ง ชัยวัฒน์ (มือกลองของวงดนตรีร็อคอย่าง เดสท็อปเออร์เร่อร์) ที่ว่ายน้ำไม่เป็นจึงต้องใส่ชูชีพไว้ข้างใน มาร่วมฝ่าความทรหดของสถานที่แห่งนี้ และยังได้ผู้เชี่ยวชาญในการล่องแก่ง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของทางอุทยานมาทำหน้าที่คนคัดเรือ และคนพายเรือประกบอยู่บนแพ และเรือยางทุกลำ ร่วมเป็นตัวละครเอ็กซ์ตร้าในฉากดังกล่าวไปด้วย การถ่ายทำจึงผ่านผ้านไปได้ด้วยดี

6. การถ่ายทำฉากล่องแก่ง ที่เต็มไปด้วยเกาะแก่ง และกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากนี้ การถ่ายทำต้องเดินหน้าไปเรื่อยๆ ไม่สามารถย้อนหลังกลับไปถ่ายทำ ณ จุดเดิมได้ เนื่องจากขบวนเรือ และแพที่ใช้จะต้องล่องไปตามสายน้ำจริงๆ ซึ่งในระหว่างถ่ายทำเรือกลับหมุนไม่สามารถบังคับไปตามทิศทางที่ต้องการ เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ นักแสดงและทีมงานทุกคนตัดสินใจที่จะแบกเรือ รมถึงอุปกรณ์ทั้งหมดเดินสวนทางน้ำเพื่อกลับไปถ่ายยังจุดเริ่มต้น จนกลายเป็นซีนที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจในภาพยนตร์

7. โลเคชันวังศิลาแลงแห่งนี้ ถือว่ามีความเสี่ยงอันตรายสูงในการทำงาน เพราะมีลักษณะเป็นหน้าผา และตรอกหินที่สูงชัน โดยที่ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำ และชะง่อนหิน ทำให้ทีมงาน และนักแสดงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก พลาดนิดเดียวอาจจะลื่นตกลงไปจนได้รับอันตรายได้

8. นอกจาก เสือมเหศวร และเสือดำแล้ว ภาคนี้ยังได้เพิ่มศัตรูอาคมตัวฉกาจของขุนพันธ์อย่าง อสูรกาย และ ภูตผี ปีศาจ ที่ผ่านการดีไซน์เป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้ชมได้ร่วมสัมผัสความตื่นเต้นของอาวุธสำคัญ กับอิทธิฤทธิ์ดาบแดงในตำนาน ผ่านการต่อสู้ห้ำหั่นด้วยอาคม อย่างที่ไม่เคยปรากฏในภาคไหนมาก่อน  รวมถึงสารพัดคาถาไม่ว่าจะเป็น คาถาล่องหนหายตัว วิชาคงกระพัน ยิงแทงฟันไม่เข้า วิชาตาทิพย์ การมองเห็นได้ในที่มืด หรือการสนทนากับคนตาย

4 ไฮไลต์จัดเต็ม ปิดไตรภาค ใน ขุนพันธ์ 3: https://youtu.be/D-vb7OfH4N4

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ