ผลงานจากวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส สู่ภาพยนตร์เรื่อง “Blue Beetle” ที่จะนำซูปอร์ฮีโร่ยุคแรกของดีซีซูเปอร์ฮีโร่สู่จอยักษ์ ภาพยนตร์กำกับฯ โดยแองเจล มานูเอล โซโต นำแสดงโดย โซโล มาริดูเอญา ผู้รับบท ไฮเม่ เรเยส ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ไฮเม่ เรเยสเพิ่งเรียนจบและกลับบ้านด้วยความมุ่งมั่นในอนาคตของเขาอย่างเต็มเปี่ยม แต่เขาพบว่าบ้านกลับไม่มีความสงบสุขในช่วงที่เขาหายไป จนเขาพบเป้าหมายชีวิตบนโลกใบนี้ ชะตาชีวิตที่พลิกผันเมื่อเจมี่บังเอิญพบว่าตัวเองครอบครองวัตถุโบราณซึ่งเป็นเทคโนโลยีชีวภาพประหลาดอย่างสกาแรบ เมื่อสกาแรบเลือกเจมี่เป็นโฮสต์ทางชีวภาพ เขาต้องอยู่ในร่างที่มีชุดเกราะหนา พร้อมด้วยพลังที่คาดไม่ถึง และชะตาชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลเมื่อต้องกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ บลู บีเทิล
ผู้ร่วมแสดงกับมาริดูเอญา (“Cobra Kai”) มีทั้งอาเดรียน่า บาร์ราซา (“Rambo: Last Blood,” “Thor”) ผู้รับบท นาน่า คุณยายของไฮเม่, ดาเมียน อัลคาซาร์ (“Narcos,” “Narcos: Mexico”) ผู้รับบทคุณพ่อของเขา (“Mayans M.C.,” ภาพยนตร์ “Predator”) เอลพิเดีย คาร์ริลโดล ผู้รับบทคุณแม่ของเขา, บรูน่า มาร์คิวไซน์ (“Maldivas,” “God Save the King”) ผู้รับบบทเจนนี่ คอร์ด, ราอูล แม็กซ์ ทรูฮิลโล (ภาพยนตร์ “Sicario”, “Mayans M.C.”) ผู้รับบทคาราแพกซ์ พร้อมด้วยซูซาน ซารานดอน เจ้าของรางวัล Oscar (“Monarch,” “Dead Man Walking”) ผู้รับบทวิคตอเรีย คอร์ด และจอร์จ โลเปซ (ภาพยนตร์แฟรนไชส์ “Rio and “Smurf”) ผู้รับบท คุณลุงรูดี้ของไฮเม่ ภาพยนตร์ยังร่วมแสดงโดยเบลิซซ่า เอสโคบีโด (“American Horror Stories,” “Hocus Pocus 2”) ผู้รับบทมิลาโกร น้องสาวไฮเม่ และฮาร์วีย์ กิลเลน (“What We Do in the Shadows”) ผู้รับบทดร.ซานเชซ
โซโต (“Charm City Kings,” “The Farm”) กำกับฯ จากบทของแกเรธ ดันเน็ต-อัลโคเซอร์ (“Miss Bala”) สร้างอิงจากตัวละครของดีซี อำนวยการสร้างฯ โดยจอห์น ริกคาร์ด และ เซฟ ฟอร์แมน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยวัลเตอร์ ฮามาดะ, กาเล็น เวสแมน และ แกร์เร็ตต์ แกรนท์
ทีมงานเบื้องหลังของผู้กำกับฯ ได้แก่ ผู้กำกับภาพ พาเวล โปกอร์เซลสกี้ (“Midsommar,” “Hereditary”) ผู้ออกแบบฉากฯ จอห์น บิลลิงตัน (“Bad Boys for Life”) ผู้ลำดับภาพ เครก อัลเพิร์ท (“Deadpool 2,” “The Lost City”) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเข้าชิงรางวัล Oscar มาเยส ซี. รูบีโอ (“Jojo Rabbit,” ภาพยนตร์เรื่อง “Thor”) ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เคลวิน แมคอัลวิน (“The Suicide Squad,” “Aquaman”) และผู้ประพันธ์ดนตรี บ็อบบี้ เคอร์ลิค (“Midsommar,” ซีรีส์ “Snowpiercer”)
วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส นำเสนภาพยนตร์จาก a Safran Company Production เรื่อง “Blue Beetle” เริ่มฉายในโรงภาพยนตร์ต่างประเทศเดือนสิงหาคม 2023 และอเมริกาเหนือวันที่ 18 สิงหาคม 2023 จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
บลู บีเทิล: อดีต และ ปัจจุบัน
บลู บีเทิลปรากฏให้เห็นครั้งแรกใน Mystery Men Comics #1 เมื่อปี 1939 แดน การ์เร็ตต์ นักโบราณคดีพบกับสกาแรบวิเศษในซากความล่มสลายของชาวอียิปต์ ต่อมาบลู บีเทิลกลายเป็นตัวละครใหม่อย่างนักประดิษฐ์อัจฉริยะ เทด คอร์ด สร้างขึ้นโดยสตีฟ ดิตโค และปรากฏตัวครั้งแรกในเรื่อง Captain Atom #83 (1966) เมื่อเวลาผ่านไปบลู บีเทิลเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ครั้งนี้อยู่ในร่าง ไฮเม่ เรเยส ฮีโร่ของเรา ครั้งแรกปรากฎตัวในเรื่อง Infinite Crisis #3 ปี 2006 ไฮเม่สร้างขึ้นมาโดยคีธ กฟเฟน, จอห์น โรเจอร์ส และ คัลลี่ แฮมเนอร์ เขาเรียนจบวิทยาลัยและมีสายสัมพันธ์กับครอบครัวเม็กซิกันอเมริกันที่อาศัยอยู่ในเอล พาโซ่ รัฐเท็กซัสอย่างใกล้ชิด
ในภาพยนตร์นี่เป็นครั้งแรกของภาพยนตร์ไลฟ์แอคชันเกี่ยวกับบลู บีเทิล ผู้สร้างภาพยนตร์คว้าโอกาสนี้สร้างบ้านหลังใหม่ให้ไฮเม่และครอบครัวของเขา พัลเมร่า ซิตี้เป็นเมืองที่มีความสดใสและความวุ่นวายในแบบฉบับของตัวเอง เหมือนกับเมืองใหญ่และใจกลางเมืองที่สำคัญ (แต่ส่วนใหญ่จะยอมรับเอล พาโซ่และเต็มไปด้วยอีสเตอร์เอ้กสำหรับแฟนๆ รวมถึงผู้ที่อยู่ที่นั่น) ไฮเม่เป็นคนแรกในครอบครัวเรเยสที่เรียนจบ และเขาได้เดินทางไปยังเมืองกอตแธม เขาตื่นเต้นที่ได้กลับบ้าน พบหน้าครอบครัว เตรียมเรียนด้านกฎหมายในอนาคตอันใกล้ เมื่อเดินทางมาถึงบ้านไฮเม่ได้พบกับความลับที่ซ่อนเขาเอาไว้ เขารู้ว่าธุรกิจที่บ้านล้มละลายและคุณพ่อของเขามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ไฮเม่สัมผัสได้ถึงภาระที่เขาต้องแบกรับเอาไว้และพยายามหาทางช่วยเหลือโดยการหางานทำ แต่โชคชะตากลับมีอีกทางเลือกสำหรับไฮเม่เมื่อเขาได้รับการติดต่อจาก เจนนี่ ลูกสาวของเทด คอร์ด เธอมอบความรับผิดชอบให้ไฮเม่ด้วยของที่ระลึกที่จะเปลี่ยนชีวิตและครอบครัวเรเยสไปตลอดกาล
สำหรับการดัดแปลงตัวละครต่างๆ จากหนังสือการ์ตูน ผู้เขียนบทฯ กาเรธ ดันเนต-อัลโคเซอร์หาทางเล่าเรื่องราวที่มาของฮีโร่คลาสสิคในหนังอเมริกัน พร้อมด้วยวัฒนธรรมละตินที่แฟนๆ เคารพ มีการผสมกับภาพที่มีความมหัศจรรย์และอารมณ์มนุษย์ที่ดูจริงใจของครอบครัวเรเยส มีฉากแอคชันและการต่อสู้ที่เข้มข้นตลอดทั้งเรื่อง ผู้กำกับฯ แองเจิล มานูเอล โซโตและทีมงานของเขาได้แรงบันดาลใจจากอีกสิ่งที่แฟนๆ ชื่นชอบ คือวีดีโอเกมสุดตื่นเต้นของบลู บีเทิล Injustice 2
พูดคุยกับนักแสดง
ความเห็นจากผู้กำกับฯ
แองเจิล มานูเอล โซโต ผู้กำกับฯ
การแสดงของไฮเม่ เรเยส…
“ไฮเม่มีอะไรมากกว่าตัวละครที่เข้าถึงได้ง่าย ผมคิดว่าไฮเม่สะท้อนถึงหลายสถานการณ์ที่เราพบในชีวิตจริง เขาเป็นเด็กคนหนึ่งที่เชื่อในไอเดียการทำตามขั้นตอน เคารพกฎกติกา และไม่ออกนอกลู่นอกทาง ครอบครัวของเขามาก่อน [ที่พัลเมร่า ซิตี้] ก่อนเขาจะเดินทางมาและทุกคนทำงานอย่างหนัก และทุกอย่างได้ย้อนกลับมาหาเขาที่ตั้งใจทำตามความฝันของชาวอเมริกัน เมื่อเขาทำตามกฎด้วยการเดินทางกลับมา เขาพบว่าหลายอย่างไม่เหมือนอย่างที่ทุกคนพูดเอาไว้ ชีวิตหลายครั้งได้มอบความเซอร์ไพรส์ให้ ซึ่งสำหรับคนอยางเขานั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าวิทยาลัย เดินทางกลับมา และหางานทำ”
มิตรภาพระหว่างไฮเมและสกาแรบ…
“มิตรภาพระหว่างไฮเม่และสกาแรบมีความน่าสนใจ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขารู้สึก แต่เป็นสิ่งที่เขาได้ยินอยู่ในหัว เขาพูดคุยได้เป็นเรื่องเป็นราว ดูเหมือนไฮเม่พูดคุยคนเดียว… แต่จริงๆ แล้วเขากำลังคุยกับเสียงที่อยู่ในหัวของเขา ซึ่งนั่นหมายถึงสกาแรบ ตอนสภาแรบมีภารกิจลงมือฆ่า ซึ่งไฮเม่ไม่ใช่เด็กแบบนั้น ฉะนั้นทุกครั้งที่สกาแรบอยากทำอะไรตามธรรมชาติ ปฏิกิริยาของไฮเม่และจิตใจที่งดงามของเขามักจะขวางทางสกาแรบ และการหยอกล้อกันในบางครั้งระหว่างพวกเขาก็เป็นเรื่องสนุก ขณะเดียวกันก็เป็นการสอนไปในตัวด้วย เพราะบางสิ่งกระทบกับชีวิตของไฮเม่ สกาแรบได้เรียนรู้จากไฮเม่และเริ่มเกิดความเห็นใจมากขึ้น จนเป็นเหตุผลที่ช่วยไฮเม่เดินทางไปถึงจุดหมาย ตรงกันข้ามกับจุดเริ่มต้นที่ไฮเม่เป็นเหตุผลให้กับสกาแรบ”
การรับบทเป็นครอบครัวของเรเยส…
“สิ่งหนึ่งที่มีความพิเศษมากไม่พันกันเลย คือการถ่ายทอดความอบอุ่นในครอบครัวให้เห็น ในเรื่องราวต้นกำเนิดครอบครัวเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ เพราะฮีโร่ต้องเก็บไว้เป็นความลับจากทุกคนที่อยู่รอบตัว และความลับมักจะเปิดเผยต่อหน้าครบครัว กาเรธ [ดันเน็ต-อัลโคเซอร์] มักพูดเสมอว่า ‘โชคดีที่การพยายามมีความลับกับแม่ในบ้านของชาวลาติน พวกเขามักจะรู้ความลับนั้นเสมอ!’ และพวกเราก็ยอมรับสิ่งนั้น ซึ่งนี่ทำให้เกิดการเดินทางสุดพิเศษ เมื่อครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัย ไม่ใช่กลุ่มคนหรือสิ่งของที่ต้องให้ความช่วยเหลือ แต่ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นส่วนนประกอบสำคัญในการสร้างซูเปอร์ฮีโร่คนนี้ขึ้นมา”
ความหวังที่มีต่อตัวละครบนจอยักษ์ครั้งแรก…
“ผมหวังว่าผู้ชมจะดู Blue Beetle อย่างเปิดใจ และมีความรักมอบให้แบบเดียวกับที่ผมมีต่อบลู บีเทิล”
กาเรธ ดันเนต–อัลโคเซอร์ ผู้เขียนบทฯ
ความหมายของ ánimo…
“Ánimo เป็นคำวิเศษที่หมายถึง… ไม่รู้จะแปลมันออกมาอย่างไรดี นั่นคือเหตุผลที่ผมคิดว่ามันเป็นคำที่ดีมาก มันหมายถึง… การมีความหวังต่อสิ่งนั้น มองสิ่งนั้นในแง่ดีแต่มีความแข็งแกรง ในหนังตลอดทั้งเรื่องของเราคำนั้นได้กลายเป็นตัวตนของบลู บีเทิลไปเลย”
มุกตลก วัฒนธรรม และโทนภาพยนตร์ต้นฉบับ…
“โทนของภาพยนตร์… ต้องมีความสนุกสนาน ผมไม่เคยพบชาวเม็กซิกันคนไหนไม่สนุกสนานเลย ไม่มีทางที่ภาพยนตร์จะขาดความสนุก แต่จะสนุกแบบไหนนั่นล่ะคือความวิเศษ ผมคิดว่าได้แรงบันดาลใจโทนเรื่องมาหนังสือการ์ตูน Blue Beetle ช่วงแรกที่ฮีโร่ของเราทำเรื่องผิดพลาดกันได้”
วัฒนธรรมสำคัญของบลู บีเทิล…
“การเป็นนักเขียนของ DC Universe คือสิ่งที่ตัวผมตอน 11 ขวบที่เกเรตาโรไม่มีทางเชื่อได้เลย ซึ่งที่นั่นการจะเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ในฮอลลีวูดครอบครัวของผมจะคิดว่า ‘ฝันไปเถอะ เธอไม่รู้จักใครหรือที่ไหนเกี่ยวข้องกับการสร้างภาพยนตร์เลย!’ จังหวะชีวิตมันเหลือเชื่อจนถึงตอนนี้ ไม่งั้นคงต้องรอความโชคร้ายเกิดขึ้นกับผม ล้อเล่นน่ะครับ ผมเจอเรื่องเลวร้ายอะไรเลย! แต่ผมต้องหยิกตัวเองเพราะผมไม่อยากเชื่อเลย… ตอนที่ผมเริมคุยกับแองเจล [มานูเอล โซโต] ตอนที่เขามาร่วมงานด้วย ผมคอยบอกกับตัวเองในวัย 11 ขวบนั้นว่าเขาต้องไม่เชื่อแน่ๆ!”
จอห์น ริคคาร์ด ผู้อำนวยการสร้างฯ
ความเป็นบลู บีเทิลที่แท้จริง…
“เรื่องราวที่แท้จริงและสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเรื่องนี้ในแนวซูเปอร์ฮีโร่ คือเป็นการผจญภัยของฮีโร่ที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก ไฮเม่ เรเยสเป็นเพียงเด็กธรรมดาที่พบว่าตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เขาไม่อยากเป็นซูเปอร์ฮีโร่เลย เขาและทุกคนในครอบครัวจึงคิดอย่างแรกว่า “เราต้องเอาเจ้าสิ่งนี้ออกไปจากตัวเขา เพราะตอนนี้เขามีเป้าอยู่ด้านหลัง’ และเป็นเป้าอยู่ที่หลังของเขาจริงๆ ในสกาแรบ แม้ว่าในหนังเขาจะดูสนุกสนาน แต่ก็อบอุ่นด้วยการเดินทางค้นหาตัวเอง ค้นพบตัวตน ความผูกพันในครอบครัวและยอมรับในโชคชะตาที่แท้จริง และสิ่งที่ไฮเม่ได้พบตลอดเรื่องราวของเรา คือพลังวิเศษที่แท้จริงของเขาคือครอบครัวของเขาเอง นั่นคือสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์มีความพิเศษสุด”
ความสำคัญของไฮเม่ เรเยส…
“ความวเศษของเรื่องราวและไฮเม่ เรเยส คือเขาต่างจากปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ในเรื่องสไปเดอร์แมน เขาไม่ได้รับพลังนี้อย่างไม่ทันตั้งตัว เหวี่ยงตัวไปตามตึกอาคารอย่างสนุกสนาน เขาพยายามเอาสกาแรบออกมา แต่ชุดนั้นกลับห่อตัวและพาเขาไปผจญภัย มันทำให้เขาเป็นฮีโร่อย่างไม่ตั้งใจตลอดทั้งเรื่อง จนกระทั่งเขาเห็นภาพชัดเจนว่าควรยอมรับมันมากกว่าผลักไสมันไป เขารู้ว่าตัวเองต้องรับบทซูเปอร์ฮีโร่ปกป้องครอบครัวและสังคม การแปลงร่างตั้งแต่ช่วงที่ไม่มั่นใจไปจนถึงการยอมรับในตัวเองและเกิดความรับผิดชอบ คือสิ่งที่สร้างพลังและสะท้อนถึงผู้คนอีกมากมายทั่วโลก ผมคิดว่าเราต้องฟันฝ่าไมต่างกันเพื่อค้นหาตัวตนของเรา และนันคือสิ่งที่ไฮเม่ เรเยสเข้าใจได้ง่ายและมีความพิเศษ เขาเป็นเพียงเด็กธรรมดาจากครอบครัวคนทำงานที่เติบโตมาอย่างดี ไม่ใช่เพราะเขาต้องการแบบนั้น แต่เพราะเขาไร้ความเห็นแก่ตัวที่จะปกป้องสังคมของเขา ยอรับในชะตาชีวิตตัวเอง และกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่พัลเมอร์ซิตี้ต้องการตัวมากอย่างบลู บีเทิล”
ประสบการ์ของบลู บีเทิล…
“โทนเรื่องและความสนุกสนานในหนังคือสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้มีความพิเศษและต่างจากซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่น มีฉากแอคชันที่มีเอกลักษณ์ในแบบของเรา เขาบินได้ไหม? แน่นอนเลย เขาแข็งแรงไหม? แหงอยู่แล้ว จะมีฉากแอคชันอลังการไหม? ขาดไม่ได้เลย แต่ชุดนั้นมีความพิเศษที่ต่างจากเรื่องอื่นใน DCU มันทำให้ดูเท่เพราะทำให้บลู บีเทิลมีพลังวิเศษอย่างไร้ขีดจำกัดด้วย เขาเป็นผู้ชายวัย 20 ปีที่สามารถสร้างอะไรขึ้นมาก็ได้ตามที่คิดภาพไว้ และเด็กคนนี้จะจัดการกับพลังอย่างไร? เขาอาศัยจากสิ่งที่เขารู้จักคือกระแสความนิยม ซึ่งเป็นสิ่งที่เขารู้จักในชีวิตประจำวัน ฉากแอคชันของเราในเรื่อง Blue Beetle ได้แรงบันดาลใจจากเกมเมอร์ทั้งหลาย ซึ่งทำให้วีดีโอเกมกลับมามีชีวิตชีวา ใครจะไปรู้ได้ แต่มันช่วยสร้างความอบอุ่นขึ้นมาได้เยอะเลย ประเด็นสำคัญคือหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับครอบครัวที่พยายามประคองกันไว้ มีหลายช่วงเวลาที่ทำให้เราหัวเราะและร้องไห้ ส่งที่ผมรู้คือเราจะมีความสุขในโรงหนัง คุณจะรักตัวละครเหล่านี้ ทั้งครอบครัวเรเยสและทุกความสนุกในครอบครัว แน่นอนว่าความน่ารักของไฮเม่ เรเยสคือสิ่งสำคัญ เขาอยู่ในการผจญภัยสู่การเป็น บลู บีเทิล ซูเปอร์ฮีโร่หนุ่ม”
เหตุผลที่แองเจล มานูเอล โซโตเหมาะจะเป็นผู้กำกับฯ Blue Beetle…
“มีหลายองค์ประกอบเกี่ยวกับแองเจลที่ทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับฯ ที่เหมาะสำหรับหนังเรื่องนี้ ความทุมเทที่ทำให้ภาพใน Blue Beetle ออกมาสมจริงอย่างที่เขาต้องการนำเสนอ และวัฒนธรรมของชาวละตินที่มีความเข้มข้น โดยเฉพาะพลังที่มีในครอบครัวของชาวเม็กซิกันอเมริกัน และสายสัมพันธ์ที่จริงใจของพวกเขา ซึ่งดูมีชีวิตชีวาและมีความน่าตลกมาก ในมุมครอบครัวของเรเยสแองเจลถ่ายทอดความอบอุ่นออกมาในเรื่องได้อย่างมีเอกลักษณ์ ผมคิดว่ามันคือเอกลักษณ์ความเป็นตัวเขา และเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดตามกระแสนิยมและมุมของศิลปะ เขาเป็นตัวแทนของผู้ที่ถ่ายทอดทุกอย่างออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งทำให้ภาพยนตร์ออกมามีชีวิตชีวาอย่างมีพลัง และเป็นรูปแบบที่มีเพียงแองเจลเท่านั้นที่สร้างขึ้นมาได้ คุณจะเห็นโลกของการสร้างพัลเมร่าซิตี้ขึ้นมา ซึ่งนั่นคือการผสมผสานของวัฒนธรรมชาวละตินที่มีทั่วโลก ทุกอย่างที่อยู่ในเรื่องมีการสะท้อนถึงหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมชาวลาติน เขาถ่ายทอดโลกที่โดดเด่นและมีเสน่ห์ให้ DC Universe มากขึ้น ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าใครจะมากำกับฯ Blue Beetle ได้อีก และคุณจะเห็นตัวตนความเป็นแองเจลตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งมีความเป็นตัวเขาอย่างโดดเด่น และเห็นทั้งมุมความเป็นมนุษย์และผู้สร้างภาพยนตร์อย่างชัดเจน”
หัวใจสำคัญของบลู บีเทิล…
“เหตุผลที่ผมอยากมีส่วนร่วมในภาพยนตร์ของ DC และถ่ายทอดความตื่นเต้นของตัวละครออกมาอย่างมีชีวิตชีวา มันรู้สึกเหมือนกับฝันที่เป็นจริง สำหรับเด็กวัย 12 ปีในตัวผมที่ก้าวเข้าไปในฉากทุกวัน แต่ผมไม่เคยลืมประเด็นสำคัญของเรื่องราวที่เกี่ยวกับสังคมชาวละตินและโอกาสในอนาคต ความสำเร็จของเรื่องนี้อาจเป็นสิ่งที่สูงเกินคาดของผู้สร้างภาพยนตร์ชาวลาตินไปอีกหลายปีก็ได้ ทุกคนที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้สัมผัสได้ถึงภาระความรับผิดชอบ ทั้งทีมงาน นักแสดง ผู้เขียนบทฯ และผู้กำกับฯ เราพยายามถ่ายทอดเรื่องราวให้มีความน่าสนใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นใส่ความสนุกสนานเข้าไปในโลกใบนี้ เรามั่นใจว่าได้สร้างสัญลักษณ์ของเราเอาไว้แล้วในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ด้วยเรื่อง Blue Beetle”
เซฟ ฟอร์แมน ผู้อำนวยการสร้างฯ
เสน่ห์ของบลู บีเทิล…
“ผมเป็นแฟนหนังสือการ์ตูน DC มาอย่างยาวนาน และเคยผ่านหลายตัวละครที่มองหาความสดใสและแปลกใหม่ เป็นอะไรที่ต่างจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หลายเรื่องที่ผมเคยดูมา เรื่องนี้มีความโดดเด่นเพราะตัวละครของไฮเม่ เรเยส โดดเด่นด้วยครอบครัวของเขา โดดเด่นด้วยความสนุก มุกตลก ต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่นของ DC และรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้ว นี่เป็นความตื่นเต้นสำหรับสตูดิโอและภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่ ผมแค่อยากทำอะไรที่รู้สึกว่ามีความแตกต่างออกไปบ้าง
ธีมต่างๆ ในภาพยนตร์…
“หนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอะไรหลายอย่าง มีทั้งเด็กหนุมคนหนึ่งที่พยายามค้นหาตัวเอง และการหาจุดยืนบนโลกใบนี้ เกี่ยวกับครอบครัวที่พยายามรับมือกับทุกสิ่งที่ต้องเผชิญ ซึ่งผมคิดว่าทุกคนจะเข้าใจได้เป็นอย่างดี และเห็นตัวเองในครอบครัวนั้นด้วย”
สไตล์วิชวลของภาพยนตร์…
“สไตล์วิชวลคือสิ่งที่เราคุยกันตั้งแต่ช่วงแรกของหนังเรื่องนี้ มันรู้สึกเหมือนเรามีจังหวะของความเป็นพัลเมร่าซิตี้ คลื่นของไมอามี ขับเคลื่อนด้วยเสียงดนตรีและสีสัน มีการออกแบบที่ทำให้นึกถึงยุค 80 ในแง่ของเสียงและแสง ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมีความเป็นเอกลักษณ์และสัมผัสได้ในภาพยนตร์ หนังเรื่องนี้ชื่อว่า Blue Beetle เพราะอยากให้มีความสดใสและสนุกสนาน ผมคิดว่าเราประสบความสำเร็จในการสร้างผลงานนั้นครับ”
อารมณ์สำคัญของเรื่อง Blue Beetle…
“ตอนที่เราผลิตบลู บีเทิลขึ้นมา ผมคิดว่าความลับสำหรับหนังที่สนุกทุกเรื่อง โดยเฉพาะหนังซูเปอร์ฮีโร่คือสิ่งที่ผมเรียกว่าความรู้สึกอ่อนโยนและมีความคลุมเครือ การเล่นกับมุกตลก ความรู้สึก อารมณ์ ครอบครัว มิตรภาพ และการพูดคุยกัน แต่มันรวมทุกอย่างในฉากแอคชันและภาพที่ชวนตื่นเต้น หัวใจสำคัญของเรื่องเกี่ยวกับผู้คน และผมคิดว่าเวลาเดินออกจากภาพยนตร์แบบนั้น คุณจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง คุณจะรู้สึกทึ่งกับฉากแอคชัน ภาพที่น่าตื่นเต้น การต่อสู้ อุปกรณ์ที่น่าเหลือเชื่อ สถานที่ต่างๆ ที่ไม่ธรรมดา แต่คุณจะรู้สึกบางอย่างต่อตัวละครและตกหลุมรักพวกเขา”
การผลิตชุดบลู บีเทิล…
“ตอนเราเตรียมการผลิตชุดบลู บีเทิล เรามีการคุยกันหลายเรื่องมาก เพราะเรามีชุดหลายเวอร์ชันในการ์ตูนตลอดหลายปีที่ผ่านมา และนับเป็นความท้าทายอย่างมากในหนังซูเปอร์ฮีโร่ทุกเรื่อง สำหรับการพยายามตีความจินตนาการของศิลปินจากหนังสือการ์ตูนสู่ชุดล์แอคชัน สิ่งสำคัญของเราคือการพยายามสร้างความสมจริง การใช้งานได้จริง ความชัดเจนและสิ่งที่โซโลจะใส่เข้าไปได้ เราใช้เวลานานกับหัวเหล็กพร้อมกับจินตนาการของผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย จนมาถึงจุดที่ต้องสร้างชุดมีผ้าคลุม 6 ชิ้นและมีการระบายสีตามจุดต่างๆ แต่สุดท้ายความเป็นธรรมชาติของมันได้สะท้อนออกมาให้เห็นในหนังตลอดทั้งเรื่อง”
ประสบการณ์ด้านภาพยนตร์ของบลู บีเทิล…
“ภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์คือสิ่งที่เราอยากลุกขึ้นยืนเชียร์ เราอยากหัวเราะไปกับผู้คนที่อยู่รอบตัว เราอยากตั้งคำถามว่า ‘ทำไมทุกคนหัวเราะแต่เราไม่หัวเราะเลยล่ะ?’ ผมคิดว่าหนังของเราถ่ายทอดทุกอย่างออกมาอย่างเต็มที่ มีความสนุกสนาน ทำให้เราต้องกระทืบเท้า ทำให้เราอยากกระโดดออกจากเก้าอี้ อาจทำให้เราต้องปาดน้ำตาด้วยซ้ำ นั่นคือเหตุผลของความสนุกในหนังทุกเรื่องที่ควรดูในโรงภาพยนตร์ ผมคิดว่า Blue Beetle เป็นอย่างที่บอกเอาไว้ เหมาะสำหรับประสบการณ์ในโรงภาพยนตร์มาก”
การสร้างพัลเมราซิตี้สำหรับภาพยนตร์…
“มีบางช่วงที่เราคุยกับสตูดิโอ และพวกเขาคิดว่ามันคงจะดีไม่น้อยหากเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากหนังสือการ์ตูน พวกเขาคิดว่ามันคงจะดูเหมาะหากจะให้ไฮเม่และบลู บีเทิลมีเมืองของตัวเอง เหมือนกับที่ซูเปอร์แมนมีเมโทรโพลิส เดอะ แฟลชมีเซนทรัล ซิตี้ เรารักไอเดียนี้เพราะมันช่วยสร้างความสดใสขึ้นมาทันที มีสีสันมากขึ้นด้วย และมีไอเดียเกี่ยวกับเรื่องน้ำและการนำมาผสมผสมกับสถานที่แห่งนี้ ไอเดียแต่ละมุมของสถานที่ต่างๆ อย่างไมอามี่ ชีวิตของผู้คนที่นั่น ความร่ำรวยและเรื่องราวอื่นๆ ช่วยสร้างบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ในแบบซูเปอร์ฮีโร่ และเป็นอีกครั้งที่เริ่มจากการรวมเสียง ดนตรี ความรู้สึก แสงไฟ ทุกอย่างที่ช่วยสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นมา”
ข้อความจากทีมนักแสดง และ รายละเอียดตัวละคร
ครอบครัวของเรเยส เริ่มด้วยอัลเบอร์โตและโรซิโอ เรเยส รับบทโดดาเมียน อัลคาซาร์ และ เอลพิเดีย คาร์ริลโล อัลเบอร์โตเป็นผู้อาวุโสของครอบครัวเม็กซิกันอเมริกัน เขาเป็นทั้งสามีและคุณพ่อผู้มองโลกในแง่ดี ไม่ได้มอหาแค่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว แต่มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของ ไฮเม่ ลูกชายของเขากว่าที่คาดคิดเอาไว้ โรซิโอ ภรรยาของอัลเบอร์โตและคุณแม่ของไจเม่ รวมถึงน้องสาวของเขาไมลาโกรเป็นครอบครัวนักปฏิบัตินิยมที่อยากปกป้องคนที่เธอรัก และสนับสนุนความฝันของลูกๆ แม้ว่าจะต้องปกปิดความจริงจาก ไฮเม่ ลูกชายขอเธอก็ตาม
ไฮเม่ เรเยส เป็นสมาชิกคนแรกในครอบครัวที่เรียนจบวิทยาลัย และเขามีความฝันจะเรียนด้านกฎหมาย แต่เขากลับต้องต่อสู้กับอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับบ้านของเขาและความเลวร้ายของครอบครัว เมื่อเขาต้องติดอยู่กับสัตว์ประหลาดโบราณที่เป็นเทคโนโลยีชีวภาพ ไฮเม่กลับมีพลังอย่างคาดไม่ถึง ทำให้เขามีความหวังและกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่รุ่นใหม่อย่างบลู บีเทิล
โซโล มาริดูเอญา รับบท ไฮเม่ เรเยส / บลู บีเทิล
การรับบทบาทนี้…
“เหมือนกับความฝันเลยครับผมบอกได้แค่นี้ แต่เท่าที่จำความได้ ไฮเม่ เรเยสคือซูเปอร์ฮีโร่ชาวลาตินที่โด่งดังใน DC Universe โตขึ้นมาคุณแม่ของผมเป็นแฟนตัวยงหนังสือการ์ตูน และผมคิดว่าแม่ส่งต่อความชอบนั้นให้ผมไปด้วย เลยเป็นความใฝ่ฝันมาตลอดว่าจะได้เล่นบทนี้ครับ”
สิ่งที่ชอบมากที่สุดจากการรับบท ไฮเม่/บลู บีเทิล…
“ผมคิดว่าสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดเกี่ยวกับไฮเม่และบลู บีเทิลคือเรื่องของครอบครัว ผมคิดว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องแบบนั้น เราจะเห็นซูเปอร์ฮีโร่เป็นมนุษย์สุดวิเศษ แต่นี่ไม่ใช่ว่าเขาจะทำอะไรผิดพลาดไม่ได้เลย หรือมักจะรู้ว่าต้องทำอะไร คล้ายกับตัวผมที่บาครั้งผมต้องตัดสินใจบางเรื่องในชีวิต และไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจผิดหรือถูกกันแน่ สิ่งที่สนับสนุนไฮเม่คือครอบครัวและเพื่อน ซึ่งผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้ไฮเม่เป็นตัวเขา ผมเข้าใจเป็นอย่างดี ครอบครัวของผมก็มีส่วนร่วมในการเติบโตขึ้นและทุกเรื่อง พวกเขาเหมือนเป็นเงาในบางครั้ง และไฮเม่ก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ครอบครัวของเรเยสทั้งในและนอกจอ…
“เรื่องราวของครอบครัวในหนังเรื่องนี้คือสิ่งหนึ่งที่สำคัญสุดของเรื่อง การร่วมงานกับนักแสดงที่มีฝีมือผู้มารับบทสมาชิกในครอบครัวอย่างเอลพาเดีย ดาเมียน อาเดียนา เบลิสซา ผู้มีส่วนสำคัญในครอบครัว ผมมองพวกเขาและพูดคุยกับพวกเขาได้อย่างสนิทใจ เรารู้สึกผูกพันกันจนมาถึงตอนนี้ ผมไม่เคยเห็นแบบนั้นในหนังซูเปอร์ฮีโร่มาก่อน และคิดว่าผู้ชมจะสัมผัสได้”
แรงสนับสนุนของไฮเม่…
“ครอบครัวนี้คือแรงผลักดันสำหรับไฮเม่ทุกเรื่องครับ คุณจะเห็นว่าเขาแคร์ครอบครัวขนาดไหน และนั่นคือสิ่งที่ผมเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ครอบครัวผมเองก็มีส่วนร่วมกับทุกสิ่งที่ทำ และบางครั้งรู้สึกว่าพวกเขาสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดด้วยซ้ำ นั่นคือสายสัมพันธ์ที่ดีมากเลยครอบ ผมคิดว่านั่นเป็นแรงสนับสนุนของไฮเม่ในสิ่งที่เขาอยากทำ และตอนนี้เขามีสกาแรบ แผนการหลายเรื่องคงต่างจากเดิมไปบ้าง แต่พวกเขาก็อยู่เคียงข้างกัน เขามองเห็นตามสิ่งที่เป็นและคอยให้การสนับสนุน นั่นคือสิ่งที่สำคัญมากของเรื่องนี้”
การก้าวขึ้นเป็นฮีโร่ของไฮเม่…
“ตัวละครบลู บีเทิลเป็นเรื่องราวของคนที่คว้าโอกาสนี้ไว้ ช่วงแรกเขาอาจจะต่อต้าน แต่มันก็มีบางครั้งที่เราต้องคว้าโอกาสไว้ ไม่งั้นเราจะอยู่ในจุดที่รู้สึกว่าไม่พร้อมไปตลอดกาล และตอนนี้คุณจะจัดการกับมันอย่างไร ผมคิดว่าเรื่องนี้จะมีคำตอบ”
รูดี้ เรเยส คุณลุงของไฮเม่และเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาของครอบครัวเรเยส เขามีพรสวรรค์ด้านเทคโนโลยีที่ไม่เคยได้ใช้ความสามารถนั้นอย่างเต็มที่ เขาปกป้องครอบครัวอย่างเต็มกำลัง มีความภาคภูมิใจและความสุขกับรถบรรทุกทาโคมาหรือฉายา “เดอะ ทาโก้” รูดี้แสดงความกล้าหาญมากขึ้นและช่วยหลานของเขาบนเส้นทางสู่การเป็นฮีโร่บลู บีเทิล
จอร์จ โลเปซ รับบท รูดี้ เรเยส (หรือคุณลุงรูดี้)
ความสำคัญของกำลังใจในเรื่องราว…
“ม็นเรื่องง่ายมากที่จะยอมแพ้สิ่งที่ดูยากลำบาก เราอาจได้เจอใครที่กำลังทำสิ่งที่เราอยากจะทำ ความแตกต่างมีเพียงเขาเลือกที่จะลงมือทำส่วนเราเลือกที่จะไม่ทำ หลายคนมาจากครอบครัวที่ไม่ให้การสนับสนุนกัน กำลังใจนั้นอาจหมายถึงมีบางอย่างที่เราต้องทำเพื่อตัวเอง มีการต่อสู้ที่ต้องสู้เพื่อตัวเอง มีช่วงเวลาที่เราต้องยืนหยัดเพื่อตัวเอง เราจำเป็นต้องมีผู้คนที่ยืนเคียงข้างเรา มีกำลังใจเวลาที่ไม่มีใครอยู่รอบตัวเรา และเมื่อถึงเวลาที่เราต้องทำเพื่อตัวเอง”
ครอบครัวเรเยสในฐานะของฮีโร่…
“ครอบครัวที่เป็นฮีโณ่ แองเจลบอกกับผมตั้งแต่ช่วงที่คุยกันตอนแรกเลย เขาบอกว่า “ในหนังส่วนใหญ่เรามักจะเห็นองค์กรที่มีความร่วมมือกันเป็นฝ่ายชนะ หรือบริษัทเป็นฝ่ายชนะ แต่ในเรื่องนี้ครอบครัวคือฮีโร่ ครอบครัวจะเป็นผู้ชนะ’ ผมก็คิดว่า ‘เราจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?’ และมันก็สำเร็จอย่างงดงามได้เพราะครอบครัวผนึกกำลังกันเป็นฮีโร่”
ความตื่นเต้นของภาพยนตร์…
“ผมคิดว่าในแง่ของโลกภาพยนตร์ เรื่องนี้จะเล่นกับคนดูไม่เหมือนเรื่องอื่น และผมคิดว่านี่เป็นหนังที่ดีมากด้วย เราคุยภาษาสเปนกัน บางช่วงก็มีโปรตุเกสด้วย ในเรื่องใช้ภาษาอังกฤษเยอะมาก มีเพลงเพราะๆ มีทั้งความสนุกสนาน ตื่นเต้น และการระเบิด ในเรื่องมีทุกอย่างที่ทำให้กลายเป็นหนังสนุก มีความตื่นตา มีพลัง และมีอะไรเหนือกว่าความตื่นเต้น ซึ่งจะเป็นสีสันต่างออกไปและทั้งโลกต่างเฝ้ารอ”
ตัวละครรูดี้ เรเยสของเขา…
“เรามักจะตัดสินผู้อื่นจากภายนอกอย่างรวดเร็ว ส่วนรูดี้ค่อนข้างจะต่างจากภาพลักษณ์สักหน่อย เพราะเขาเป็นคนฉลาดมาก เขาดูไม่ค่อยสนใจเรื่องเวลาแต่เขาสนใจ เขาอยู่กับแม่ นอนหลับที่ห้องนั่งเล่น… นั่นคือทุกอย่างที่ผมเห็น พร้อมกับพวกเพื่อนๆ ที่ผมมี มันคือการชวนให้นึกถึงพี่น้องทุกคนครับ”
เหตุผลที่สกาแรบเลือกไฮเม่…
“ผมคิดว่าเลือกไฮเม่เพราะเขาเป็นคนดี ยังหนุ่ม เข้าใจจุดยืนของตัวเองในครอบครัว เขาเรียนที่วิทยาลัยและกลับมาโดยที่มีทางเลือกไม่มากนัก มีครอบครัวที่รายได้ไม่สูงมาก ต่อสู้ดิ้นรนเหมือนกับครอบครัวส่วนใหญ่ คิดว่าสกาแรบคงอยากเลือกใครสักคนที่ดูมีศักยภาพในทางที่ดีครับ”
ผู้กำกับฯ แองเจล มานูเอล โซโต…
“การที่เขาปรับตัวให้พวกเรามาทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แค่การร่วมเขียนบทฯ ในช่วงแรก แต่คอยอยู่เคียงข้างกันคือเรื่องที่ดีสำหรับพวกเรามาก ไม่มีอะไรมาแทนที่เคมีที่เกิดขึ้นระหว่างผู้คนได้เลย และนั่นคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเขามากไม่ว่าเราจะรู้จักคำนั้นหรือไม่ก็ตาม เขาเป็นคนที่มีความพิเศษสุดๆ และเป็นแบบนั้นเสมอมาตั้งแต่เราได้พูดคุยกัน”
ชุดเดอะ บลู บีเทิล…
“คุณจะไม่เห็นอะไรเลจนกระทั่งชุดบลู บีเทิลมีการขยับ ซึ่งจะได้เห็นเขาบินและต่อสู้ เขาอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มและดำเหมือนถ่าน น่าจะเป็นสีที่ดูเท่ที่สุดเลย แต่ดูเหมือนเป็นผิวหนังมากกว่าชุดจริง”
พัลเมรา ซิตี้…
“ผมขอบอกว่ามันดูเป็นสถานที่งดงามแห่งหนึ่ง แต่มีเรื่องความทุจริตและความเลวร้ายซ่อนอยู่ มองผิวเผินจะเหมือนดินแดนแห่งสวรวงสวรรค์ แต่ในฉากต่างๆ จะเห็นความเลวร้ายซ่อนอยู่ ซึ่งมีคนตั้งใจสร้างความเสียหายนั้น”
มิลาโกร เรเยส น้องสาวของไฮเม่ผู้รักษากฎระเบียบ มีไหวพริบ ฉลาดเกนวัย 17 ปีของเธอ มีความเป็นศิลปิน เธอเป็นคนเรียบง่าย และมักจะเป็นคนแรกที่อยากรู้ความจริงเมื่อครอบครัวพยายามปกปิดสถานการณ์
เบลิสซา เอสโคเบโด รับบทมิลาโกร เรเยส
ตัวตนของมิลาโกร เรเยส…
“มิลาโกรเป็นคนตลกค่ะ ฉันรักมิลาโกร เธอมีความรักอิสระสูง ตรงไปตรงมา จริงใจจนผู้คนมักจะพูดว่า ‘เธอหยาบคายจัง!’ แต่เธอก็แค่พูดความจริงนี่? เธอไม่ชอบการกลบเกลื่อนอะไร เป็นคนอยู่กับความจริงตรงข้ามกับไฮเม่ผู้มองโลกแง่ดี เต็มไปด้วยความหวัง มิลาโกรมักพูดว่า ‘ไม่เอาน่าพี่ชาย มันไม่เกิดขึ้นหรอก’ ซึ่งฉันรักในสายสัมพันธ์ของพวกเขานะคะ”
ความเป็นพี่น้อง…
“ในมุมของไฮเม่เธอเข้าใจได้ดี เพราะพวกเขาเป็นเด็กรุ่นแรก และนั่นคือประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาเลย พวกเขาต้องพูดคุยแชร์กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ารักมาก แน่นอนว่าจะต้องมีทะเลาะกันประสาพี่น้อง แต่ฉันคิดว่าในมุมมิลาโกร ไฮเม่เป็นคนที่มองโลกแง่ดีมากในชีวิตเธอ และคิดว่าพวกเขามีความรักให้กันในครอบครัว คิดว่าครอบครัวมีความสำคัมาก และทั้งคู่เข้าใจเรื่องนั้นเป็นอย่างดี”
วิชวลสไตล์ของเรื่อง…
“ฉันคิดว่าพวกวิชวลสไตล์โดยเฉพาะที่ซ่อนแมลงและยานของแมลง ฉันว่ามันมีความเรโทรสูงมาก มีพวกแสงไฟนีออนแบบยุค 80 แม้แต่พวกอุปกรณ์ต่างๆ ที่หลบซ่อนของเทด คอร์ดคือหลงยุคมานานมาก มันเหมือนเครื่องย้อนเวลาให้เราได้เข้าไปอยู่ในถ้ำและยานของแมลง มันไม่มีการใช้งานมานาน 15 ปีแล้ว ทุกอย่างจะพาเราย้อนกลับไปและนั่นคือสิ่งที่ฉันรักค่ะ มันทำให้คิดถึงอดีต”
ความผูกพันของครอบครัวเรเยส…
“ครอบครัวมีความสนิทสนมกันมากค่ะ ไม่มีความลับกันในครอบครัวนี้เลย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก พวกเขาให้การสนับสุนนกัน ทำทุกอย่างร่วมกัน และบางครั้งก็ทำให้เกิดเรื่องยุ่งๆ แต่ก็นั่นล่ะค่ะ พวกเขาสนิทกันมาก ผ่านหลายอย่างมาร่วมกัน และมีสายสัมพันธ์ที่สนิทแน่นแฟ้นมาก
ความอบอุ่นและมุกตลกในเรื่อง…
“ในเรื่องมีมุกตลกเยอะมากครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ารัก แต่ก็มีความอบอุ่นอยู่ในเรื่องด้วย มีแง่มุมของครอบครัวที่เหมือนอยู่ต่างกันคนละโลก และ 2 ครอบครัวนี้ก็ต่างกันสุดขั้ว คุณจะเห็นความแตกต่าง ความคล้ายคลึง ที่อยู่ในเมืองนี้ มีความปรับใจหลายเรื่องและสอดแทรกหลายแง่มุมเข้าไป ขณะเดียวกันยังมีความสนุกสนาน ความสดใส ฉากแอคชันและภาพที่น่าประทับใจ ในเรื่องมีหลายอย่างจริงๆ ครับ”
ประเด็นสำคัญของบลู บีเทิล…
“ผมคิดว่าหัวใจของบลู บีเทิลอยู่ที่ความกล้าหาญ ทุกตัวละครมีช่วงที่แสดงความกล้าในหนัง และผมคิดว่านั่นคือกำลังใจอย่างยิ่งใหญ่ด้วย และหลายถ้อยคำที่ได้ยนในหนังคือสิ่งที่เราบอกเล่าถึงกัน เพราะนั่นคือประเด็นสำคัญครับ จงมีความกล้า ความเข้มแข็ง และไม่หวาดกลัว”
ความอบอุ่นของนานาที่เห็นภายนอกต่างจากอดีตที่ผ่านมา เธอมีความเข้มแข็งจากภายในที่น่าประทับใจ แม้ว่าจะอายุ 80 แล้ว นานาไม่กลัวที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องครอบครัวเลย
อาเดรียนา บาร์ราซา รับบทนานา เรเยส
ความเป็นบลู บีเทิล…
“บลู บีเทิลเป็นเรื่องของเด็กธรรมดาที่มีชีวิตธรรมดา มีครอบครัวที่น่ารักและวิเศษมาก เขากลายเป็นฮีโร่และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับแฟนๆ และผู้ชมที่จะได้สัมผัสกับซูเปอร์ฮีโร่แบบนี้ ได้คิดว่า ‘โอ้พระเจ้า มันอาจเกิดขึ้นกับเราก็ได้นะ!’ นี่เป็นหนังที่น่าทึ่งมากค่ะ!
การสร้างหนังตลก…
“ฉันเคยผ่านช่วงเวลาสุดวิเศษในการเล่นหนังแบบนี้มาแล้ว เพราะพวกเขามอบโอกาสให้ฉันได้รับบทที่มีความสนุกสนาน มีช่วงเวลาที่ตลกดี และฉันก็ชอบมันมากเลยค่ะ เรพาะส่วนใหญ่ในการทำงานฐานะนักแสดงหญิง ฉันเจอแต่เรื่องแรงๆ มาหลายครั้ง ซึ่งฉันก็รักมันนะ แต่การมีโอกาสแสดงหนังตลก? พระเจ้า มันเหมือนกับของขวัญเลยค่ะ นานาเป็นคนสนุกสนานมาก ตลกมากเลยล่ะ แต่เมื่อเธอต้องปรับเปลี่ยนมุมมอง เธอคือซูเปอร์ฮีโร่คนหนึ่งเลยล่ะ!”
สาระสำคัญในเรื่องราวของบลู บีเทิล…
“สาระสำคัญ: เราต้องเปิดใจค่ะ เพราะทุกคนอยากได้ความยุติธรรม ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตลอดเวลาทุกคนเจอแต่เรื่องเลวร้ายรอบตัว แต่หากเราเปิดตาและยอมรับมัน มันจะเปลี่ยนชีวิตเราไปในทางที่ดีมากเลยล่ะ”
การผสมผสานความหลากหลายในเรื่อง…
“ฉันคิดว่าสิ่งที่มีค่ามากในหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้คือความสนุกที่จะได้รับค่ะ มันไม่ได้มีแค่ความโหดร้าย ฉากแอคชัน การต่อสู้รุนแรง แต่เราได้หัวเราะ สนุกกับฉากแอคชัน และมีโอกาสเปิดใจได้ร้องไห้ไปกับเรา”
ความหวังของเธอที่มีต่อประสบการณ์ของผู้ชม…
“ฉันคิดว่าทุกคนจะได้รับความสุข พบกับช่วงสนุกสนานอย่างสุดวิเศษแลยล่ะ! ฉันคิดว่าผู้ชมจะได้หัวเราะบ่อยมาก มีโอกาสได้ตื่นเต้นกับฉากแอคชัน ได้คิดว่าครอบครัวมีความสำคัญขนาดไหน คนรักของเราสำคัญขนาดไหน ความใส่ใจครอบครัวมีความสำคัญขนาดไหน เพราะครอบครัวมอบสิ่งสำคัญทำให้ชีวิตมีความงดงาม แต่เราไม่ลืมความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ด้วย! เราจะได้สัมผัสหลายอย่าง มีโอกาสได้สัมผัสความรู้สึกพิเศษต่างๆ ในเรื่อง Blue Beetle!”
คอร์ด อินดัสทรีส์ ครั้งหนึ่งเคยบริหารโดย เทด คอร์ด นักธุรกิจใจบุญและนักประดิษฐ์ที่มีความแปลก เทคโนโลยีล้ำสมัยของพัลเมราซิตี้ตกไปอยู่ในมือ วิคตอเรีย (วิคกี้) คอร์ด น้าของเทดหลังจากที่เขาหายตัวไปอย่างลึกลับ ตอนนี้หลานของเธออย่างเจนนี่หวาดกลัวยิ่งกว่า วิคตอเรียพาบริษัทไปอยู่บนเส้นทางที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง พัฒนาเทคโนโลยีระดับกองกำลังทหาร เพิ่มขยายช่องว่างทางสังคมและความขัดแย้งระดับโลก
เจนนี่ คอร์ด ลูกสาวของเทด คอร์ด ผู้มีความแหวกแนวจนทำให้เกิดการหายตัวไปอย่างลึกลับ ครอบครัวของเขาต้องดูแลกันเอง ตอนนี้เจนนี่คือผู้อยู่เบื้องหลังอุดมการณ์ของครอบครัว และท้าทาย วิคตอเรีย คอร์ด เพื่อทำให้โลกดูน่าอยู่ขึ้น เมื่อเธอพบกับไฮเม่ เรเยสและปลดล็อคพลังของบลู บีเทิลโดยไม่ตั้งใจ เจนนี่ได้พบกับความลับของครอบครัวคอร์ดที่ซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี จนกล้าที่จะท้าทายบริษัท Kord Industries ให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง
บรูน่า มาร์เกซีน รับบทเจนนี่ คอร์ด
เรื่องราวของบลู บีเทิล…
“บลู บีเทิลเป็นเรื่องราวของเด็กเม็กซิกันอเมริกันชือไฮเม่ เรเยส เขาเพิ่งเรียนจบวิทยาลัย และพบว่าครอบครัวอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก โดยเฉพาะด้านการเงิน ตอนนี้เขากำลังมองหางาน นั่นคือช่วงที่เขาได้พบกับเจนนี่ คอร์ด ซึ่งฉันคิดว่าเธอ… ไม่ได้ช่วยอะไรเขาหรอกค่ะ [หัวเราะ] เพราะเธออยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่งกว่า แต่เท่าที่ฉันมองดูเขาก็น่าจะซึ้งใจเธออยู่ เพราะเธอรับผิดชอบในการที่ทำให้เขาเป็นบลู บีเทิล แต่นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับไฮเม่ ครอบครัวของเขา และสกาแรบ รวมถึงการถูกสกาแรบเลือกให้เป็นบลู บีเทิลรายต่อไป”
ส่วนผสมลับของภาพยนตร์: ครอบครัว…
“ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าครอบครัวสำคัญขนาดไหน… ฉันรู้สึกว่าเป็นสิ่งสำคัญในหนังเลยค่ะ มีความสำคัญมาก และสำคัญต่อไฮเม่รวมถึงเจนนี่มากด้วย ฉันคิดไม่ออกว่าเคยเห็นหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องไหนที่นำเสนอครอบครัวคือทุกอย่างในการตัดสินใจของเขา บางครั้งก็เป็นฝ่ายช่วยเขาด้วย!”
เสื้อผ้าของบลู บีเทิล…
“ชุดดูสวยมากเลยค่ะ! แทบจะเหมือนกับชุดจากหนังสือการ์ตูนเลย สวยมากจริงๆ ดูน่าทึ่งมาก ฉันรักที่มันไม่ได้พึ่งแต่ซีจีไอ แต่เราเห็นได้กับตาตัวเอง ซึ่งมันช่วยได้หลายอย่างมากค่ะ”
เรื่องราวในอดีตของเจนนี่…
“เจนนี่เป็นหญิงสาวที่มีความมั่นใจสูง แต่เธอกลับโดดเดี่ยว เธอต้องเสียแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนคุณพ่อของเธอ เทด คอร์ด ก็หายตัวไปตอนเธอยังเด็ก เธอโตมาอย่างโดดเดี่ยว เธอไขว่คว้าหาสิ่งนี้และอยากเป็นส่วนหนึ่งของบางอย่างอีกครั้ง อยากมีครอบครัว อยากรู้สึกว่าเธอมีส่วนร่วมในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง”
อุปกรณ์สุดล้ำในเรื่อง…
“อุปกรณ์ต่างๆ ดูเท่สุดยอดและเหลือเชื่อมาก ทุกอย่างดูดีสุดๆ ฉันรักทุกอย่างที่เจนนี่สวมใส่ และใช้งานสิ่งประดิษฐ์หลุดโลกของทอด คอร์ด แม้แต่จีพีเอสธรรมดาทั่วไป ฉันคุยกับแองเจล [มานูเอล โซโต] และเรารู้สึกว่า “ไม่มีทางที่พวกเขาจะผลิตจีพีเอสที่ซับซ้อนแต่มีความสนุกและแปลกไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว และนั่นล่ะค่ะ” อุปกรณ์ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ฉันคิดว่ามันเทสุดๆ และไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นเลย”
ผู้กำกับฯแองเจล มานูเอล โซโต…
“การร่วมงานกับแองเจล [มานูเอล โซโต] เป็นเรื่องวิเศษมากค่ะ เหมือนกับความฝันเลย ฉันคิดว่าตัวเองบอกเขาเกือบทุกวันว่าฉันรักเขา ฉันคิดว่าช่วงวันแรกๆ รู้สึกกังวลมาก แต่เขาน่ารักสุดๆ รู้สึกอุ่นใจมากเลยค่ะ นั่นคือสิ่งที่รู้สึกเวลาอยู่ใกล้เขา ฉันรู้สึกปลอดภัย ไว้ใจเขา ฉันรักที่เขาปล่อยให้ฉันคิดบางอย่างขึ้นมาร่วมกับเขาได้”
วิคตอเรีย คอร์ด เธอสร้างตัวเองเป็นเจ้าของยักษ์ใหญ่ด้านอาวุธและเทคโนโลยี Kord Industries และยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจ ไม่มีอะไรจะขวางไอเดียการคิดค้นของเธอได้ เพื่อบริษัทของเธอ ประเทศของเธอและโลก เพื่อทำให้จินตนาการของเธอเป็นจริง เธอใช้เทคโนโลยีชีวภาพโบราณที่จะสร้างกองทัพขึ้นมาด้วยชายคนเดียว โดยควบคุมพลังของบลู บีเทิล
ซูซาน ซารานดอน รับบทวิคตอเรีย คอร์ด
ตัวละครวิคตอเรีย คอร์ดของเธอ…
“โอ้ วิคตอเรีย วิคตอเรีย คอร์ดผู้น่าสงสาร! เธอเป็นคนฉลาดมากค่ะ มีความใส่ใจ อยู่ในสถานการณ์ที่เธอสร้างบริษัทนี้ขึ้นมา แต่สุดท้ายพ่อกลับมอบให้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกชายแทนที่จะเป็นเธอ เธอจึงทำลายทุกอย่างที่สร้างขึ้นมา เธอไม่เคยได้รับความดีความชอบจากสิ่งที่ทำ เขาพยายามกอบกู้ธุรกิจและประคองทุกอย่าง ฉันคิดว่าเธอเริ่มต้นได้ดีเลยล่ะในช่วงแรก [หัวเราะ] เป็นเรื่องที่สนุกมากค่ะ และเธอไม่กลัวความผิดบาปด้วย เพราะฉันคิดว่าเธอไม่เชื่อเรื่องความยุติธรรมแล้วโดยส่วนตัว”
การรับบทตัวร้าย…
“การรับบทร้ายคือสิ่งที่สนุกเสมอคะ จริงๆ นะคะ เราจะพูดอะไร ทำอะไรก็ได้อย่างที่ไม่เคยกล้ามาก่อน และนันเป็นสิ่งที่ดูสมจริงเสมอฉันบอกได้เลย ตัวร้ายจะโน้มน้าวเรื่องภารกิจ ไม่มีทางยืดหยุ่น ไม่นึกถึงเรื่องความดีงามหรืออะไรเลยการรับบทร้ายคือสิ่งที่สนุกมากค่ะ”
การผจญภัยของไฮเม่…
“สิ่งที่ฉันรักในบทของเรื่องนี้คือการผลักดันผู้คนค่ะ ท้ายที่สุดพลังอันยิงใหญ่คือความรักและครอบครัว การผจญภัยทั้งหมดที่ไม่ต้องมีความรับผิดชอบอะไรคือสิ่งที่น่าสนใจ ฉันมีลูก 2 คนและต้องออกไปเผชิญโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ชม หวังว่าพวกเขาจะเคารพกฎของโลก และกลับมาสู่โลกแห่งความจริงว่าต้องทำอะไรเพื่อความอยู่รอด คิดได้ว่าต้องเผชิญความท้าทาย ยอมรับสิ่งที่เป็น เข้าใจว่าไม่มีอะไรหล่นลงมาจากฟากฟ้า พวกเขาต้องเป็นฮีโร่ในแบบของตัวเอง ฉันคิดว่านั่นคือการผจญภัยที่เขาต้องเผชิญ”
ความสำคัญของครอบครัว…
“เรื่องครอบครัวมีความสนุกมากค่ะ แต่ก็มีความน่ารักในความผูกพัน ฉันคิดว่าทุกวันนี้พวกเราต้องการสิ่งนั้น เราเห็นหลายครอบครัวที่ต่อสู้กันเพื่อความอยู่รอด ทุกคนหยอกล้อและอยู่เคียงข้างกัน สร้างความสนุกกัน พี่น้องเล่นกัน สุดท้ายพวกเขามีกันจนวันตาย ฉันคิดว่านั่นคือสิ่งที่ดีมากอย่างหนึ่งในเรื่องค่ะ”
ผู้กำกับฯ แองเจล มานูเอล โซโต และบรรยากาศในฉากที่เขาสร้างขึ้นมา…
“ฉันรักแองเจลและทุกคนที่เขามีส่วนร่วมด้วย ไม่ใช่แค่นักแสดงแต่รวมถึงทีมงาน ผู้ออกแบบเสื้อผ้าและอีกหลายคนในฉาก เรามีความรู้สึกที่ดีส่งต่อถึงกัน เขามีความกระตือรือร้นและขณะเดียวกันก็ร่าเริง ซึ่งเราไม่ค่อยพบอะไรแบบนั้นเลย”
คาราแพกซ์ ร้อยโทผู้มีประสบกาณณ์และเคยผ่านสงครามจนเย็นชาในวัย 50 ปีของเขา มีท่าทางเหมือนทหาร ตอนนี้กลายเป็นมือขวาของวิคตอเรีย คอร์ด เคียงคู่การทดลองของ Kord Industries คาราแพกซ์สามารถปล่อยอาวุธทำลายล้างได้ตามต้องการ ภายใต้เกราะที่แข็งแกร่งคือความพยายามปกปิดบาดแผลจากการต่อสู้ในอดีตที่ผ่านมาเอาไว้
ราอูล แมกซ์ ตรูฮิลโล รับบทคาราแพกซ์
ความหมายอย่างลึกซึ้งในการผจญภัยของตัวละคร…
“ไอเดียอยู่ที่ความมุ่งมั่นคือสิ่งที่ประคองเราและพาเราสู่การผจญภัยได้ด้วย ไม่ใช่แค่คนที่เรารักที่จะสนับสนุนเรา แต่ยังรวมถึงคนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในชีวิตเรา และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ช่วยทำให้เราเป็นอย่างที่ตัวตนเราเป็น”
มุกตลกในเรื่อง…
“พวกเขาจะได้สัมผัสกับบรรยากาศความเป็นครอบครัวอย่างเต็มที่ และมุกตลกมาจากจอร์จ โลเปซผู้เป็นตำนานที่มีชื่อเสียงแห่งโลกนี้ สำหรับเขาแล้วการปล่อยมุกตลกกลายเป็นสิ่งที่สร้างความสนุกสนานในหนัง มีหลายช่วงที่เต็มไปด้วยความสนุกและมุกตลกบนหน้าจอ ผมคิดว่าแฟนๆ จะต้องทึ่งที่ได้เห็นอะไรอย่างที่ไม่เคยเห็นในจักรวาลดีซี แค่นั้นก็นับเป็นความยิ่งใหญ่แล้วครับ”
ความสมดุลระหว่างความหมายที่ซ่อนอยู่กับมุกตลก…
“นั่นคือสิ่งที่ผมรักเกี่ยวกับจักรวาลดีซีครับ เข้าถึงเรื่องราวอย่างลึกซึ้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร … บลู บีเทิล? นี่คือเรื่องราวของบลู บีเทิล อย่างแรกเลยคือมันจะไม่ดูหดหู่อะไรขนาดนั้น มีความร่าเริงสนุกสนานมากกว่า และมีความสดใสเหมือนกับชุด แน่นอนว่าในเรื่องเต็มไปด้วยความสนุก แต่ก็แอบมีความโหดเหี้ยมที่ไม่หนักมากจนเกินไป ยังอยู่บนความจริงและได้อินกับอีกหลายความรู้สึก ไม่หนักหน่วงจนเกินไป เป็นหนังที่มีความสนุกเมื่อได้ดูครับ”
ดร.ซานเชซ อยู่ภายใต้การจ้างงานและหัวกำลังหลักของ Kord Industries มีส่วนสำคัญในแผนการใหญ่ของวิคตอเรีย คอร์ด เขาใช้เทคโนโลยีกับกำลังทหารที่สามารถสร้างกองทัพขึ้นมาได้เพียงคนเดียว แต่ระหว่างที่นักวิทยาศาสตร์จะยอมทำตามคำสั่งของเธอ เขาก็ไม่ลืมข้อจำกัดที่เคร่งครัดมาก
ฮาร์วีย์ กิลเลน รับบทดร. ซานเชซ
ความเกี่ยวข้องกับบลู บีเทิล…
“ผมรักครอบครัวครับ [หัวเราะ] หวังว่าจะป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวจริงๆ นะ! แต่มันแสดงให้เห็นถึงคุณค่าเวลาเราให้ความหมายกับอะไรบางอย่าง อาจเป็นสิ่งที่จับต้องได้หรือเรื่องทางความรู้สึก บางครั้งเราก็ลืมว่าสิ่งสำคัญในชีวิตคือครอบครัวและความรัก ไม่ใช่ความรวย รางวัล และวัตถุใดๆ ผมคิดว่าบลู บีเทิลต่อสู้กับสิ่งนั้น เขาอยากทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น แต่เขาก็มีสิ่งวิเศษอยู่แล้วในชีวิต มันเป็นการเทียบให้เห็นระหว่างซูเปอร์ฮีโร่กับชีวิตคนธรรมดาทั่ววไปอย่างเรา สิ่งที่เราต้องต่อสู้ทุกวัน เขาสะท้อนทุกอย่างให้เราเห็นเลยครับ”
การเป็นฮีโร่ในเรื่องราวของตัวเอง…
“ผมคิดว่าความสำคัญของเรื่องนี้ ซึ่งเป็นความหมายของตอนท้ายที่สุด คือเราสามารถเป็นฮีโร่ในแบบของตัวเองได้ ไม่ว่าเราจะโชคดี ยากจน ร่ำรวย เราก็เป็นฮีโร่ในแบบของเราได้ หากเราเลือกสิ่งสำคัญที่อยู่ตรงหน้าในการทำความดี สร้างสิ่งดีๆ และส่งต่อความดีไปรอบตัว หรือเราจะสร้างทางเลือกของตัวเองเพื่อทำสิ่งที่ถูกหรือผิดก็ได้ ทุกอย่างอยู่ที่เราจะเป็นฮีโร่หรือตัวร้ายในเรื่องราวของเราเอง”
ฉากแอคชันในเรื่องบลู บีเทิล…
“ผมคิดว่าเป็นฉากแอคชันในแบบที่คุณเฝ้ารอได้เลย และเป็นฉากแอคชันที่เรามีโอกาสได้เห็นจากการถ่ายทำที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจอย่างเต็มขั้น มีเสียงดังและการเคลื่อนไหวอย่างฉากรถชน ประกายไฟในห้องแล็บและการระเบิด… จะทำให้หัวใจเต้นแรงและตื่นเต้นมากครับ”
ความเห็นของเรื่องบลู บีเทิล…
“ผมคิดว่าบลู บีเทิลเคียงบ่าเคียงไหล่กับซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นได้เลยครับ เพราะเขาอยู่ลำดับนั้นได้ไม่ต่าง เขามีศักยภาพที่จะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้ มีใจมุ่งมั่น เจตนาดี มีความกล้า… มีสิ่งที่เราต้องการในตัวซูเปอร์ฮีโร่ เติมเต็มความฝันของฮีโร่หากเราจะได้เป็น นั่นคือสิ่งที่เราต้องการในตัวฮีโร่ของเรา”
เดอะ สกาแรบ หรือ คาจิ–ดา เป็นวัตถุโบราณไบโอเทคโนโลยีจากต่างดาวที่งดงาม มีขนาดเท่าผ่ามือ สกาแรบเหมือนหินสีดำและเป็นวัตถุที่ทรงพลังมากที่สุดในจักรวาล มีการเหลือบสีของน้ำเงนและม่วง เมื่อมันเลือกโฮสต์แล้วจะมอบชุดที่เป็นเหมือนอวัยวะและอุปกรณ์เทคโนโลยี เชื่อมโยงผู้ถือครอบครองให้เป็นซูเปอร์ฮีโร่บลู บีเทิลที่ทรงพลัง
เบคกี้ จี ให้เสียงพากย์คาจิ–ดา
ใครคือคาจิ–ดา…
“ฉันคิดว่ามันวิเศษมากค่ะที่เราได้เห็นพลังจากสมัยโบราณมาอยู่ในร่างหนุ่มคนนี้ หมายถึงไฮเม่ที่มีความสดใส กำลังหาเส้นทางชีวิตตัวเอง และมีครอบครัวของเขา… โดยทั่วไปก็เหมือนกับเราที่ใช้ชีวิตกับความฝันแบบชาวอเมริกัน ได้มีครอบครัวที่ดี มีความก้าวหน้า ไม่ว่าจะอะไรก็ตามค่ะ นั่นคือพลังระหว่างคาจิ-ดา การเลือกให้เขาเป็นบลู บีเทิลคือเรื่องมหัศจรรย์มาก วิเศษสุดเลยค่ะ”
วิวัฒนาการของคาจิ–ดา…
“ฉันคิดว่ามีอิงถึงหลายเทคโนโลยีปัจจุบันสำหรับคาจิ-ดา อย่างแรกเริ่มจากความไร้วิญญาณคล้ายเอไอ เสียงแบบสิริ แต่เมื่อเธอเริ่มรวมร่างกับไฮเม่ เธอเก็บข้อมูลได้อีกเยอะเลยค่ะ”
ความสัมพันธ์ช่วงแรกระหว่างไฮเม่และคาจิ–ดา…
“‘เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?’ คือสิ่งที่ไฮเม่คิด และฉันคิดว่าคาจิ-ดาคงคิด ‘เดี๋ยวจะแสดงให้ดูว่าฉันทำอะไรได้บ้าง โอ้ อันที่จริงเดี๋ยวจะแสดงให้ดูว่าเธอทำอะไรได้บ้างต่างหาก’ มันทั้งตื่นเต้นและน่ากลัวค่ะ แต่ก็สนุกมากด้วยเพราะเธอคิดว่าตัวเองทำได้ดีแล้ว ส่วนเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องเลวร้ายมาก เราแบ่งรถบัสเป็นครึ่งทอนและเธอรู้สึกว่า ‘เราทำได้ดีเยี่ยม!’ แบบ ‘เราทำได้แล้ว!’ ส่วนเขารู้สึก ‘ไม่!’ เหมือนเป็นการเต้นรอบกองไฟเลยค่ะ
สิ่งที่ทำให้สกาแรบน่าทึ่งมาก…
“ฉันคิดว่าความน่าทึ่งของสกาแรบ คือการเป็นวัตถุโบราณที่อยู่มายาวนาน แต่กลับไม่มีการใช้งานมานานด้วยเช่นกัน มีตำนานเล่าขานว่ามันทำอะไรได้บ้าง พอได้เห็นของจริงขึ้นมาก็รู้สึกว่า ‘ว้าว มันทำแบบนี้ได้จริงๆ ด้วย!’ มีบางช่วงที่เธอพูดว่า “ทุกอย่างที่เธอนึกภาพได้”
พัฒนาการระหว่างไฮเม่และคาจิ–ดา…
“เรามาจากจุดที่ต่างกัน ทุกคนต้องเปลี่ยนความเจ็บปวดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ นั่นคือเป้าหมายของการใช้พลัง จริงมั้ย? ฉันคิดว่านั่นคือช่วงที่เคดีทำให้ไฮเม่เห็นว่าเขาก็รักครอบครัวเหมือนกัน”
การเปรียบเทียบระหว่างมิตรภาพของไฮเม่กับคาจิ–ดา และ บลูบีเทิลกับผู้ชม…
“ความหวังที่มีต่อคนดูหนังเรื่องนี้คือเดินออกไปพร้อมแรงบันดาลใจ ยังมีความรู้สึกดีๆ กลับไป รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในความยิ่งใหญ่ ฉันคิดว่าจะได้เห็นภาพสังคมขนาดใหญ่ในหนังเรื่องนี้ เวลาที่พูดถึงสังคมฉันหมายถึงครอบครัวเป็นพิเศษค่ะ และวิถีในวัฒนธรรมชาวลาตินของเรา เพื่อนบ้านคือครอบครัวของเรา พี่น้อง ญาติๆ เรารวมตัวกันเป็นวงกว้าง และความงดงามของไฮเม่กับคาจิ-ดา”
เดอะ บั๊ก ชิป ถูกหลงลืมเป็นเวลานาน แต่ยังมีความแข็งแกร่งจากการเป็นบลู บีเทิลรุ่นก่อน เดอะ บั๊ก ชิปมาจากโลหะสีน้ำเงิน มีหน้าต่าง 2 บานเหมือนตาสีเหลืองกลม และมีขาที่ยื่นออกมาด้านข้าง ตามชื่อสะท้อนถึงหน้าที่ขนส่งผู้โดยสารระหว่างการบินและการคลาน
เดอะ ทาโก้ ความภูมิใจและความสนุกของรูดี้ เรเยส คุณลุงของไฮเม่ที่แต่ง Toyota Tacoma ขึ้นมา ภายนอกดูเหมือนรถบรรทุกทั่วไป แต่ใต้ฝากระโปรงรถมีอะไรมากกว่านั้น เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่น่าทึ่งอย่างเดอะ บั๊ก ชิป ที่ช่วยให้เครื่องเร็วขึ้นและพร้อมจะออกไปช่วยเหลือ
รายละเอียดการถ่ายทำ
ผู้ออกแบบฉาก: จอห์น บิลลิงตัน
บลู บีเทิลถ่ายทำทั้งในและรอบแอตแลนตา รวมถึง Atlanta Metro Studios ทีมงานและนักแสดงเดินทางไปยัง San Juan, Puerto Rico เพื่อสร้างความสมจริงให้ภาพยนตร์ มีภาพทิวทัศน์และสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ให้เห็นในเรื่อง
พัลเมรา ซิตี้ เมืองแห่งใหม่ในจักรวาลดีซี และสร้างขึ้นมาเพื่อบลู บีเทิล พัลเมรา ซตี้เต็มไปด้วยสีสันและเทคโนดลยีแบบนีโอ-ไมอามี มีความล้ำสมัยและสวยงามด้วยการใช้สีสันของนีออนและโฮโลแกรม
เอดจ์ คีย์ส คือสถานที่ที่ไฮเม่และครอบครัวเรเยสอาศัยอยู่ เป็นพื้นที่ของรอบพัลเมราซิตี้ มีสีสันและเต็มไปด้วยผู้พักอาศัยรวมถึงเสียงดนตรี โฮโลแกรมของ Virgin of Guadalupe เห็นได้จากในบ้าน การเติบโตอย่างไม่หยุดของพัลเมราซิตี้ ทำให้เอดจ์ คีย์สมีการปรับปรุงพื้นที่ ประชาชนอยู่ในความอันตรายและถูกไล่ออกจากพื้นที่ที่พวกเขารู้จักมาทั้งชีวิต
คอร์ด ทาวเวอร์ ตึกที่มีความโดดเด่นที่สุดในพัลเมรา ซิตี้ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ครั้งหนึ่งเคยบริหารโดยเทด คอร์ด นักประดิษฐ์แนวแปลกและนักธุรกิจจิตเมตตา คอร์ด อินดัสทรีส์ปรับรูปโฉมหลังจากที่เทดหายตัวไปอย่างลึกลับ ตอนนี้บริษัทดำเนินการโดยวิคตอเรีย คอร์ด น้องสาวของเขาและตอนนี้มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีระดับกองทัพ สร้างปัญหาระดับโลกมากขึ้น เพื่อสร้างความแน่ใจวาโลกจะต้องการสินค้าของพวกเขา
สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นในฉาก
บ้านของเรเยส มีขนาดไม่ใหญ่แต่สะดวกสบาย ไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยแต่เต็มไปด้วยความรัก การตกแต่งฉากสะท้อนสิ่งนี้โดยใช้ไม้และสีโทนอุ่น ในฉากมีรูปครอบครัวที่มีความสุขให้เห็นทั้งบ้าน
ที่ซ่อนตัวของแมลง ไม่ปรากฎใหเห็นตั้งแต่การหายตัวไปของเทด คอร์ดช่วงกลางปี 2000 และเทคโนโลยีถูกทิ้งร้างไว้ตั้งแต่ยุค 1970 และ 80 ทุกมุมในฉากและการตกแต่งดูน่าประทับใจและดูมีอายุ มีภาพวาดและของสะสมอยู่รอบห้อง มีชั้นหนังสือขนาดใหญ่ สะท้อนความเป็นยุค 80 ด้วยสีเทอร์ควอยส์และชมพู เพราะเทดเคยเป็นนักมวยในหนังสือการ์ตูน พื้นที่ออกกำลังกายคืออีสเตอร์เอ้กสำหรับแฟนๆ เรื่องนี้ ที่ซ่อนตัวของแมลงคือที่จอดเดอะ บั๊ก ชิป มีพื้นที่สำหรับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ เพื่อให้เขาสร้างโมเดลต่างๆ และมีโต๊ะออกแบบ นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์อิเลคทรอนิคและทีวีที่เขาจะนำไปใช้ในเดอะ บั๊ก ชิปและบนคอนโซล
เดอะ บั๊ก ชิป ผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกลืมมายาวนานแต่แข็งแกร่งของเทด คอร์ด หรือเรียกว่าเป็นร่างก่อนซูเปอร์ฮีโร่บลู บีเทิลก็ได้ ผลิตขึ้นจากเหล็กสีน้ำเงิน มีกระจก 2 บานที่เหมือนตาสีเหลือง และ “ขา” ที่ยืดออกมาจากด้านข้าง ทำหน้าที่ขนส่งผู้โดยสารระหว่างการบินและคลาน
รายละเอียดด้านเสื้อผ้าของบลู บีเทิล
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย: มาเยส ซี. รูบีโอ
ข้อมูลจริงเรื่องชุด:
- ใช้เวลาพัฒนาชุด 9 เดือน เดอะ สกาแรบและไฮเม่คือ 2 ร่างที่ต้องรวมเป็น 1 เดียว ซึ่งชุดตอนสุดท้ายจะสะท้อนสิ่งนั้นออกมา
- มีการออกแบบกว่า 500 แบบก่อนที่จะได้การออกแบบไฟนอล
- ชุดมาจากการร่วมงานกันอย่างน่าทึ่งกับ Ironhead Studios ในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย
- ทุกส่วนของชุดบลู บีเทิลตัดออกมาโดยเฉพาะ ทั้งคอนเซปต์ การออกแบบดิจิตอล ภาพปรินท์ 3 มิติ วัสดุเนื้อผ้า และชิ้นส่วนเกราะป้องกันร่างกาย ทุกอย่างถูกผลิตขึ้นเพื่อให้เหมาะกับนักแสดง โซโล มาริดูเอญา ถ่ายทอดตัวละครบลู บีเทิลออกมาอย่างสมจริง
- ชุดผลิตขึ้นจากยาง รวมถึงลวดลายบนมือ และมีการใช้ผ้าสแปนเดกซ์ทั้ง 4 ทิศทาง น้ำหนักเบาและเคลื่อนไหวได้สะดวก
- มีการออกแบบลวดลายทีสะท้อนถึงการเดินทางมาจากนอกโลก ทุกรายละเอียดสะท้อนถึงธรรมชาติจากนอกโลกด้วยเทคโนโลยีชีวภาพของสกาแรบ
ข้อมูลของชุดในเรื่องราว:
- ชุดผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีชีวภาพจากนอกโลก รวมถึงเกราะและผิวหนังบางส่วน
- ชุดมีกำเนิดมาจากสกาแรบ หรือคาจิ-ดาที่จะผนึกร่างรวมกับโฮสต์ ซึ่งในเรื่องนี้คือไฮเม่ เรเยส
- ชุดออกแบบมาให้ปกป้องโฮสต์ แม้ว่าจะดูคาดเดาอะไรไม่ได้ก็ตาม
- ชุดสามารถผลิตอาวุธชนิดใดขึ้นมาก็ได้ตามที่โฮสต์จินตนาการ
รายละเอียดเพิ่มเติมของภาพยนตร์บางส่วน
- คุณลุงรูดี้และเจนนี คอร์ดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไม่มีตัวตนในหนังสือการ์ตูน
- วิคตอเรีย คอร์ดมาจากจาร์วิส คอร์ดในหนังสือการ์ตูน
- เพลงโปรดของรูดี้คือ “Walk Like an Egyptian” ของเดอะ แบงเกิลส์
- ผู้สร้างภาพยนตร์ใช้คำว่า Ánimo เพื่ออธิบายถึงความกล้าของไฮเม่ เรเยส/บลู บีเทิล
- สัญลักษณ์บนท้องถนนในเอดจ์ คีย์ส สะท้อนถึงเอล พาโซ บ้านเกิดของไฮเม่ เรเสในจักรวาลดีซี
- นวมและหนังสือชกมวยจะพบได้ในถ้ำของแมลง เพื่อสื่อถึงการชกมวยของเทด คอร์ด