หากเอ่ยชื่อ นีล เบอร์เกอร์” รับรองได้ว่า คอหนังต้องคุ้นชื่อในฐานะผู้กำกับไอเดียสุดบรรเจิด ที่แจ้งเกิดจากหนัง เขย่าขวัญไฮคอนเซปต์ อย่าง Limitless รวมไปถึงภาพยนตร์ชื่อดังอีกมากมายอย่าง Divergent และ Voyagers พร้อมกระแสการตอบรับอย่างอบอุ่นในทุกๆครั้งที่เขามีผลงานออกมา

และครั้งนี้ นีล เบอร์เกอร์ กลับมาพร้อมแล้วกับโปรเจกต์ใหม่ ที่จะกระตุ้นทุกอะดรีนาลีน กับความตื่นเต้นสุดขีด คลั่งใน The Marsh King’s Daughter ล่าแค้นสันดานดิบ ภาพยนตร์ทริลเลอร์เอาตัวรอดที่บอกเล่าเรื่องราวของ เฮเลนา (รับบทโดย เดซี ริดลีย์ ) หญิงสาวที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอยู่กับสามีและลูก แต่กลับซ่อนความลับอันดำมืดไว้ภายในว่าแท้จริงแล้วพ่อของเธอคือ มาร์ชคิง (รับบทโดย เบน เมนเดลโซห์น) โคตรอาชญากรที่จับและขังแม่ของเธอไว้กลางป่าลึกนานหลายปี เฮเลนาต้องรับมือกับฝันร้ายจากอดีตที่ตามหลอกหลอนมาตลอดชีวิต ทั้งยังถูกบีบให้เผชิญกับความมืดในจิตใจอีกครั้ง เมื่อได้ข่าวว่าพ่ออำมหิตของเธอหนีออกจากคุกมาได้ แน่นอนว่าเป้าหมายถัดไปของมาร์ชคิงคือตัวเธอและครอบครัว เฮเลนาต้องยืนหยัดปกป้องครอบครัวของตน จากชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเรียกว่าพ่อ การล่าแค้นสุดเดือดระหว่าง ‘พ่อ’ – ‘ลูก’ จึงเริ่มต้นขึ้น

 ซึ่ง “นีล เบอร์เกอร์” ผู้กำกับภาพยนตร์ The Marsh King’s Daughter ได้พูดถึงการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า

คุณเข้ามามีส่วนร่วมกับโปรเจต์นี้ได้ยังไง?

ผมมองหาหนังที่มีฉากหลังเป็นธรรมชาติ มีป่าไม้เป็นเหมือนตัวละครอีกตัว ผมยังสนใจประเด็นที่ว่าอะไรที่หล่อหลอม เราขึ้นมา จะพ่อแม่, ประสบการณ์ในวัยเด็ก, แม้กระทั่งบาดแผลในใจ เราจะเป็นคนแบบนั้นตลอดไป หรือสามารถเปลี่ยน แปลงได้ เลือกจะเป็นตัวของตัวเอง ปมนี้คือสิ่งที่เฮเลนา คาแร็กเตอร์นำของเรื่องกำลังเผชิญ เธอต้องเอาตัวเองออกมาจาก พ่อบังเกิดเกล้า เขาเป็นตัวอันตราย 

ผมกับ เท็ดดี้ ชวาร์ซแมน (ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้) หาโอกาสทำงานด้วยกันสักพักแล้ว ผมบอกไอเดีย คร่าวๆ บังเอิญเขามีบทที่เหมาะอยู่ในมือพอดี เขาเลยส่งมาให้ผม

สถานที่ถ่ายทำมีอิทธิพลต่อการเล่าเรื่องอย่างไร? ช่วยบรรยายถึงการถ่ายทำในป่าให้ฟังหน่อย

สำหรับเฮเลนา เธอมองป่าที่เธอเคยใช้ชีวิตเหมือนเป็นสวนอีเดน เมื่อไหร่ที่เธออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เธอรู้สึกเป็น ตัวของตัวเอง ทุกครั้งที่เธอได้ยินเสียงนกร้อง เสียงใบไม้ไหว ลมเบาๆ กระทบหน้า เธอถูกบีบให้ลาจากที่ที่เธอควรจะอยู่ ทำให้เธอยังถวิลหามันตลอดมา ดังนั้นการหาสถานที่ในธรรมชาติที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องการให้มันมีความเป็นป่าจริงๆ แบบที่ไม่เคยผ่านมือมนุษย์ มันแตกต่างจริงๆ นะ เราต้องควานหากันไกลเพื่อให้ได้ภาพ ป่าที่สมบูรณ์ อย่างเช่นเราเลือกสถานที่นึงไว้ถ่ายทำหนึ่งสัปดาห์ เราต้องนั่งรถบนถนนลูกรังเป็นชั่วโมงเพื่อไปถึงแม่น้ำ จากนั่นล่องเรืออีก 45 นาที จากนั้นเดินเท้าต่ออีกครึ่งชั่วโมงจึงจะถึงจุดที่เราเลือกไว้ การที่เราถ่ายกันไกลปืนเที่ยง ขนาดนี้ทำให้ เรามีเวลาถ่ายไม่มาก ขนของก็ลำบาก สิ่งอำนวยความสะดวกแทบไม่มี แต่สิ่งที่เราได้มามันคุ้มค่ามาก 

แล้วการทำงานที่หน้ากองเป็นยังไงบ้าง เดซี, เบน, และ บรู้กลิน (รับบทเฮเลน่าวัยเด็ก) มอบอะไรให้กับบทของพวเขาบ้าง?

เพราะสถานที่ถ่ายทำเลยลำบากพอสมควร แต่แม้ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคขนาดไหน เดซีก็เอาชนะมันได้หมด เธอมอบการแสดงอันทรงพลังให้บทเฮเลนา  เธอถ่ายทอดปมในใจทั้งหมดออกทางสีหน้าและท่าทาง ในฐานะผู้กำกับ ผมโล่งใจที่ได้เห็นนักแสดงที่คุณเลือกมาพร้อมทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่คุณต้องการออกมา

                เบนเป็นนักแสดงที่คนทั้งวงการให้ความเคารพ เขาเข้ามายกระดับการทำงานของทุกคนในกอง เขาใจเย็น พร้อมให้ คำแนะนำเสมอ เขาเป็นคนน่ารัก ทำงานด้วยง่าย และแน่นอนออร่าความน่าเกรงขามของเขาแผ่ออกมาในทุกๆ ซีนที่เขาแสดง

บรู้กลิน พรินซ์ เก่งเกินอายุ เธอเพิ่งสิบเอ็ดขวบ แต่เธอมีเทคนิคการแสดงที่เฉียบไม่แพ้ผู้ใหญ่ นักแสดงทุกคนประทับใจ การทำงานของเธอ อีกอย่างเธอเป็นคนที่ผมชอบคุยด้วยที่สุดระหว่างพักกอง เธอมีหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจไม่เว้นแต่ละวัน ไม่น่าเชื่อใช่ไหม แต่นี่มันเรื่องจริง

คุณมีวิธีสร้างบรรยากาศในกองให้เหมาะการทำงาน เพราะประเด็นใน The Marsh King’s Daughter นั้นเข้มข้นและ ลึกซึ้งมาก

ในฐานะผู้กำกับ คุณต้องสร้างบรรยากาศที่เหมาะกับการทำงานให้นักแสดง เพื่อให้เขาทำงานออกมาได้ดีที่สุด บรรยากาศที่เหมาะให้พวกเขาอุ่นใจพร้อมปลดปล่อยอารมณ์ออกมา สำหรับเรื่องนี้มันเป็นเรื่องยากมาก เพราะนักแสดง ต้องเดินริมผา, ล่องไปตามกระแสน้ำเชี่ยว, หรือเดินฝ่าโคลนสูงครึ่งแข้ง ขณะที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร พวกเขาซึ่ง เป็นหัวใจของเรื่องออกมา มันกดดันทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผมพยายามทำให้นักแสดงรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจที่สุดเท่าที่จะ ทำได้ ให้พวกเขาลืมความลำบากไปก่อน ให้โฟกัสที่ตัวละคร ซึ่งมันไม่ง่ายเลย

ความสัมพันธ์ระหว่างเฮเลนาและพ่อของเธอนั้นซับซ้อน คุณช่วยอธิบายความขัดแย้งในตัวเธอได้ไหม การที่เธอ ยังคงรักและเทิดทูนพ่อตัวเอง แม้เธอจะรู้ว่าเขาเคยทำอะไรกับเธอและแม่ไว้บ้าง?

เฮเลนามีวัยเด็กที่งดงาม เธออยู่กับธรรมชาติ เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดจากพ่อของเธอ เจค็อบ (พ่อของเฮเลนา) ทำให้บ้านของเธอเหมือนเป็นแดนสวรรค์ ต่อมาเธอรู้ความจริงเกี่ยวกับเขา แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าเธอมีความสุขแค่ไหนเมื่อได้ อยู่กับพ่อ เธอโหยหาความรู้สึกนั้นอีกครั้งแม้จะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริงได้ พ่อของเธอคือศัตรูตัวฉกาจ แต่เขาก็เป็นคนสอน เธอทุกอย่าง อารมณ์ที่ขัดแย้งกันนี้คือหัวใจของเรื่อง อดีตที่กับมาหลอกหลอน เราจะจัดการกับความรู้สึกที่สับสนนี้อย่างไร เราจะปล่อยวางอดีตพ้นหรือจมอยู่กับมัน

 

อะไรที่ทำให้หนังเรื่องนี้พิเศษ ผู้ชมควรจะคาดหวังอะไรจากหนังเรื่องนี้?

ผมว่ามันมีความระทึกและตัวละครที่มีมิติ หนังเขย่าขวัญจะทำงานได้ดีเมื่อผู้ชมอินกับตัวละคร ถ้าผู้ชมเอาใจช่วย ตัวละคร มันจะเหมือนพวกเขาได้สัมผัสทุกอย่างผ่านสายตาตัวละครไปด้วย เรื่องราวของมันไม่เหมือนเรื่องไหน ตัวละครที่ อยู่ระหว่างสองโลก เฮเลนามีปมในใจที่เกิดขึ้นระหว่างอยู่ในป่าและตอนที่เธอต้องปรับตัวเข้ากับสังคม แต่เธอเลือกที่จะลูกขึ้น สู้และเผชิญหน้ากับปมเหล่านั้น

ติดตามความสนุกตื่นเต้นในแบบลืมหายใจ กับหนัง Survival Thriller ที่สร้างจากนิยายเรื่องเยี่ยมระดับ Best Seller ใน The Marsh King’s Daughter ล่าแค้นสันดานดิบ 30 พฤศจิกายนนี้ ลุ้นระทึกในโรงภาพยนตร์

ตัวอย่างhttps://youtu.be/u0umLwuxbRQ

สกู๊ปเปิดแฟ้มเดนนรก มาร์ชคิง: https://youtu.be/K7e2xPwv42M