ตอนคุณอายุ 30 ต้น ๆ การแสดงภาพผู้มีอำนาจอย่างคุณครูอาจไม่ชัดเจนมากนัก ตอนที่ได้ยินเรื่องโปรเจกต์นี้เนี่ยความคิดแรกเลยคืออะไร? คุณเห็นตัวเองอยู่ในนั้นอย่างไรบ้าง? คุณรู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโปรเจกต์นี้ไหม?
ฉันได้รับบทพร้อมกับคำขอให้ทำเทปฉากนึง ตอนที่อ่านเนี่ย ฉันสังเกตได้ทันทีเลยว่าอิลเกอร์ใช้ภาษาได้ดีขนาดไหน แถมยังสังเกตได้ดีอีกต่างหาก การที่ฉันยังเด็กเกินไปสำหรับบทนี้หรือการคิดว่าคนมีอายุเท่านั้นที่ควรจะเล่นบทครูเท่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันเลย ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับบทที่ถูกเขียนอย่างชาญฉลาด ของแบบนี้ไม่ได้เห็นกันได้บ่อย ๆ นะ ในทางกลับกันแล้วเนี่ย มีครูรุ่นเยาว์จำนวนมากในวัย 20 ปลาย ๆ หรือ 30 ต้น ๆ ที่กำลังสำเร็จการศึกษาหรือเพิ่งเริ่มต้นอาชีพของตน ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับคาร์ล่า โนวัคที่เริ่มต้นอาชีพด้วยอุดมคติและไม่เหน็ดเหนื่อยด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ให้ต่างจากเดิม
คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับคาร์ล่า โนวัค ตัวละครที่รับบทบ้างไหม?
ฉันซีเรียสกับการแคสต์ออนไลน์และการอัดเทปมาก ถ้าฉันสนใจบทไหน ฉันก็อยากทำมันออกมาให้ดีที่สุด แต่โดยปกติแล้ว ฉันเริ่มอัดและส่งไปแล้วก็ลืมอีกครั้ง ข้อเสนอเรื่อง THE TEACHERS’ LOUNGE ถูกส่งมาที่ฉันระหว่างการถ่ายทำใหญ่สองเรื่องในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 ฉันเพิ่งกลับมาจากกองถ่ายเรื่อง “Around the World in 80 Days” ที่แอฟริกาใต้และมีเวลาอีกหนึ่งด้วยครึ่งในเบอร์ลินก่อนจะเดินหน้าถ่ายเรื่อง “The Swarm” ที่อิตาลี พอได้เห็นบทแล้วก็พบว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจมากเลย แต่ก็ไม่ได้เห็นว่าคาร์ล่า โนวัคนั้นอยู่ในตัวฉันหรือตัวละครนั้นพูดกับฉันแต่อย่างใด ความคิดของฉันอยู่ระหว่างถ้าได้ร่วมงานกันก็คงจะดี และโปรเจกต์นี้ถูกสร้างมาด้วยความชาญฉลาดและอยากจะรู้ให้ได้ว่าในใจเขามีอะไรอยู่กันแน่
คุณไม่รู้เกี่ยวกับภูมิหลังและชีวิตส่วนตัวของคาร์ล่า โนวัคมากนัก แต่คุณสงสัยจากคำบอกใบ้ต่าง ๆ มากมายว่าตัวละครตัวนี้มีชีวิตที่มากกว่าที่คุณได้เห็นเธอบนหน้าจอเสียอีก มันสำคัญสำหรับคุณไหมในการที่ต้องเรียนรู้เรื่องเธอมากกว่านี้?
ฉันรู้จักเธอมากพอ ๆ กับคนอื่น ๆ ที่รู้บทเรื่องนี้ จากบทแล้วเนี่ย เรารู้ได้ว่าคาร์ล่า โนวัค อยู่ในวัย 20 ปลาย ๆ หรือ 30 ต้น ๆ และเริ่มทำงานที่โรงเรียนแห่งนี้ในฐานะครูเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และต้นตระกูลของเธอมาจากโปแลนด์ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่รู้อะไรแล้ว ฉันไม่ได้ถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้นเช่นกัน สำหรับฉันนะ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันต้องการสำหรับบทบาทนี้อยู่ในบทแล้ว ฉันเป็นคนที่สนับสนุนงานข้อความและเนื้อหาเป็นอย่างมาก ฉันมักจะไม่เข้าถึงบทบาทต่าง ๆ โดยการเรียนรู้ถึงภูมิหลัง โดยต้องรู้ว่าคนคนนั้นกินอะไรเป็นอาหารเช้า หรือเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาในวัยเด็ก สำหรับฉันแล้วเนี่ย มันไม่ได้ต่างอะไรมากนะว่าคาร์ล่า โนวัคชอบหมาหรือแมว ชอบกินซีเรียลกับขนมปังในตอนเช้าไหม บางทีแล้วนั่นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละโปรเจกต์ ใน THE TEACHERS’ LOUNGE นั้น มันมีเคสที่มีการกำหนดงานที่ชัดเจนอยู่แล้วในทุกฉาก มีตัวละคร มีอุปสรรค และเราก็จะได้รู้ว่าตัวละครต้องการอะไร นั่นมันบอกชัดอยู่แล้วในแต่ละซีน ฉันไม่ต้องสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อที่จะอธิบายตัวเองว่าทำไมฉันถึงอยู่ในนี้หรือในสถานการณ์นี้ ซึ่งมันก็ทำให้บทออกมาดีมาก ๆ เช่นกัน
คุณชอบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้? สำหรับคุณแล้วเนี่ย มันเกี่ยวกับอะไร?
คำถามยากนะเนี่ย ฉันคิดว่า THE TEACHERS’ LOUNGE คือการวิพากษ์วัฒนธรรมการดีเบตของพวกเรา เราเห็นไปพร้อมกับคาร์ล่า โนวัค ผู้ซึ่งต้องการทำทุกอย่างที่ถูกต้อง แต่ก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยเหตุผลนานาประการ มันเกิดจากทั้งความตั้งใจและไม่ตั้งใจที่โดนเข้าใจผิด อิลเกอร์จับภาพบางอย่างที่สำคัญในยุคปัจจุบันของพวกเรามาไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้จริง ๆ
มันมีความเชื่อโบราณว่าในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ คุณควรเลี่ยงการทำงานกับเด็ก ๆ และสุนัข คุณต้องเล่นจัดการกับชั้นเรียนทั้งชั้น ประสบการณ์นั่นเป็นยังไงบ้าง? คุณเข้าหาเด็ก ๆ ยังไง?
เพื่อน ๆ ฉันขำจะตายเลยตอนฉันบอกว่าจะได้เล่นบทเป็นครูคณิตและครูพละที่ต้องอยู่กับเด็ก 6 สัปดาห์ ฉันต้องให้เครดิตกับอิลเกอร์เหมือนกันนะ เขารวบรวมห้องเรียนให้เป็นหนึ่งและเลือกได้ดีมากเลย พวกเด็ก ๆ น่าสนใจแถมยังเป็นเด็กดีอีกด้วย แน่นอนล่ะว่าพวกเขาก็เสียงดังและก็ไม่ง่ายที่จะพูดด้วยเสมอไป แต่จูดิธ คอฟมันน์ DP ของพวกเรา อิลเกอร์ และฉันได้ยืนยันอีกครั้งตอนไปกินข้าวเย็นกันว่าไม่อยากทำงานด้วยวิธีอื่น สิ่งที่อิลเกอร์ลงทุนตรงนี้เพื่อเวลาและวิธีการทำงานที่พิเศษเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทุกวันก่อนจะเริ่มถ่ายทำ พวกเราจะมารวมกันที่ฉากห้องเรียน พวกเด็ก ๆ อิลเกอร์และฉันมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความแตกต่างในแต่ละวัน มันช่างกินใจ สวยงาม และน่าหงุดหงิดบางครั้ง อิลเกอร์สร้างบรรยากาศแห่งการรับฟังและความสามัคคีขึ้นมา มันจริงที่หลังจากถ่ายทำไปห้าชั่วโมงกับเด็ก ๆ แล้วคุณจะล้าเพราะมันเหนื่อยและเสียงดัง แต่นั่นมันโอเคเพราะอิลเกอร์ใส่ความรักและเวลาลงไปมากมายและมักจะสร้างบรรยากาศที่ดีเสมอ ในทางกลับกันแล้ว จูดิธ มักจะถ่ายทำแนวสารคดีด้วยกล้องมือถือของเธอระหว่างการพูดคุยในช่วงเช้า เธอจับภาพรีแอคชั่นอันเป็นธรรมชาติมากมายจากพวกเด็ก ๆ ไว้ได้ บางอันก็เอามาใช้ในภาพยนตร์ด้วยนะ ฉันคิดว่านั่นมันสวยงามมากเลย
อะไรคือสิ่งที่ทำให้อิลเคอร์ แชตัค แตกต่างในฐานะผู้กำกับ?
อิลเกอร์เป็นคนฉลาด เขาตั้งใจรับฟัง และในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร เขาเปิดรับคำแนะนำนะ แต่ถ้าไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เขาคิดหรือไม่เป็นไปในทิศทางที่เขาต้องการ เขาก็ดื้อรั้นด้วยเช่นกัน มันเป็นการผสมผสานที่ลงตัวอย่างเหลือเชื่อเลย อีกทั้งเขายังยอมอ่อนให้นักแสดงของเขาด้วย มันเป็นการพบกันคนละครึ่งทางเสมอ
ในฐานะคนกลางแล้วเนี่ย คาร์ล่า โนวัคมักจะลังเล ยากที่จะตัดสินใจเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตลอด มันเป็นงานที่ต้องใช้แรงใจหรือเปล่า? อะไรที่ยากที่สุดสำหรับคุณในระหว่างการถ่ายทำ?
ปกติแล้วฉันจะไม่เอาของจากกองถ่ายกลับบ้าน เพื่อนร่วมงานมีความแตกต่างกันมากในแง่นั้น ฉันพบว่าการทำงานใน THE TEACHERS’ LOUNGE เนี่ยมีอิสระอย่างไม่น่าเชื่อเลย เพราะฉันสามารถเรียนรู้ได้เยอะเลย อีกทั้งยังได้นำสิ่งที่ถูกสอนมาจากโรงเรียนละครไปใช้อีกด้วย มันเกี่ยวกับการทำงานในขณะนั้น ตอนอยู่ที่บ้าน ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่ากำจัดความเครียดออกไปไม่ได้ จิตใจฉันปกติดี แต่แค่เหนื่อยนิดหน่อยจากการถ่ายทำก่อนหน้านี้เรื่อง “Around the World in 80 Days” และ “The Swarm” นั่นคือสิ่งที่ท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย
THE TEACHERS’ LOUNGE เป็นภาพยนตร์ที่ยิงคำถามเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในสังคมยุคใหม่ แต่ปฏิเสธที่จะให้คำตอบง่าย ๆ ในฉากสุดท้ายของหนังเรื่องนี้นับว่าเป็นลักษณะเฉพาะของแนวทางนี้เลย คุณตีความมันว่ายังไง?
มันเป็นตอนจบที่ฉลาดมาก ฉันพูดได้แค่นี้แหละ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเลขาโรงเรียนเป็นขโมยหรือเปล่า ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายถูก สุดท้ายแล้วมันสำคัญจริง ๆ ไหม? ฉันสงสัยว่าในการอภิปรายว่าใครถูก เราไม่ละสายตาจากสิ่งที่เรากำลังทำกับการอภิปรายเลย
คุณภูมิใจกับงานนี้ไหม? มันมีความสำคัญอะไรกับการทำงานของคุณจนถึงปัจจุบันบ้าง?
ฉันภูมิใจและมีความสุขมากจริง ๆ กับผลงานชิ้นนี้ ถ้าทำได้นะ ฉันจะถ่ายกับอิลเกอร์ จูดิธ แล้วก็อินโกอีกรอบเลย ตามหลักการแล้วเนี่ย ฉันจะถ่ายภาพยนตร์อาร์ตเฮาส์เล็ก ๆ ปีละหนึ่งเรื่อง และโปรเจกต์ที่ใหญ่กว่าอีกหนึ่งเรื่องเพื่อหาเงินและรักษาจุดยืนของตัวเองเอาไว้ เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานะ สองเรื่องที่ดีที่สุดก็คือ “Around the World in 80 Days” และ THE TEACHERS’ LOUNGE ทั้งสองเรื่องนี้เอามาเทียบกันไม่ได้เลย แต่ก็เป็นสองโปรเจกต์ที่ฉันอยากทำให้สำเร็จมาโดยตลอด มันเกี่ยวกับการร่วมมือกัน ทัศนคติของผู้คน วิธีการเล่าเรื่องร่วมกัน ยิ่งฉันทำสิ่งนี้นานมากเท่าไหร่ ประเด็นเหล่านั้นก็ยิ่งสำคัญมากขึ้นเท่านั้น มันเกี่ยวกับว่าคุณจะควบคุมเวลาถ่ายทำด้วยกันยังไง THE TEACHERS’ LOUNGE เป็นหนึ่งในประสบการณ์การถ่ายทำที่สวยงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยสัมผัสมาเลย
THE TEACHERS’ LOUNGE ห้องเรียนเดือด
วันนี้ ในโรงภาพยนตร์
สกู๊ปภาพยนตร์
กระแสคำชม
https://youtu.be/UWjgapM_oIA?si=qMt3xaCDb7bCdIRh
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ