รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้มากำกับ Bad Boy ภาค 4
“จริงๆแล้วพวกเราเริ่มจากโปรเจคภาพยนตร์เล็กๆ จนได้มีโอกาสมากำกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ถือว่าเป็นอะไรที่เกินจริง เกินที่เราฝันไว้ สำหรับพวกเรามากๆ ตอนนั้นพวกเรามีความกังวล แต่แน่นอนว่าหลังจากที่เรามีประสบการณ์ในการกำกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์มาบ้าง อย่าง Bad Boy ภาค 3 หรือ Marvel มาแล้ว เราก็เริ่มคุ้นชิน เริ่มปรับ เริ่มเกร็งน้อยลง แถมเรายังสนิทกับ Martin Lawrence และ Will Smith ด้วย ทำให้เรา 2 คน รู้สึกเป็นกันเองมากๆในการกำกับ Bad Boy ภาคที่ 4 นี้ พวกเราพยายามทำให้มันออกมาเจ๋งที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”
การได้ร่วมทำงานกับ นักแสดงทั้ง 2 Will Smith และ Martin Lawrence เป็นยังไงบ้างครับ
“การทำงานกับ Will Smith และ Martin Lawrence ถือว่าเราสองคนโชคดีมากๆ เพราะช่วงระหว่างเตรียมงาน ซ้อมบท พวกเขาจะ improvise คำพูดหรือมุกต่างๆออกมาได้อย่างง่ายดาย ทำให้เราได้หัวเราะกันอยู่ตลอด ซึ่งพวกเขามีมุกเยอะมาก เราสนุกกับการถ่ายทำกับพวกเขาสองคน และบางครั้งมันก็ยากลำบากสำหรับพวกผมที่จะต้องกลั้นขำเวลาที่พวกเขาแสดง เวลาที่เขาเล่นมุกใส่กัน เพราะถ้าเกิดว่ามีใครเผลอขำออกมา เทคนั้นก็จะกลายเป็นใช้ไม่ได้เลย จุดนี้คือท้าทายพวกผมมากที่สุด ซึ่งเคมีของพวกเขาทั้งสองคน เรียกว่าเข้ากันดีมากๆ ทั้งหน้ากล้องและหลังกล้องครับ”
ฉากถ่ายทำที่ท้าทายที่สุด ฉากไหนที่หิน ที่โหด ที่สุด คือฉากไหนครับ
“พวกเราคุยกับทาง Sony เพื่อถ่ายทำฉากบนเฮลิคอปเตอร์ เราเลือกที่จะใช้เฮลิคอปเตอร์ทหารชีนุก เพราะถือว่าไม่ค่อยเห็นในภาพยนตร์แอ็คชั่นทั่วไป เราก็เลยดีไซน์มันขึ้นมา พวกเรายอมรับเลยว่าเป็นซีนที่ถ่ายทำยากที่สุดใช้เวลานานที่สุดในการถ่ายทำเลยครับ เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาซีนอื่นๆ แต่ว่ามันเจ๋งมาก เราต้องเรียนรู้วิธีการขับไปด้วย เพื่อการกำกับภาพรวมที่เหมือนจริง ถือว่าเป็นซีนที่ท้าทายที่สุดตั้งแต่พวกเราทำงาน หรือกำกับมาเลยครับ”
อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ BOD BOYS บ้างครับ
“อยากให้ทุกท่านไปชม Bad Boys : Ride or Die กันครับเพราะว่าพวกคุณจะได้หัวเราะ ขำ ยิ้ม กับความฮาของสองคู่หูนี้ ความสุข ความสนุก ความบันเทิง เพลงมันๆเพราะๆ สัมผัสถึงกลิ่นอายของเมือง Miami ที่เหมาะสำหรับรับชมในช่วงฤดูร้อนเลยครับ นอกจากนี้หนังยังมีหลากหลายอารมณ์ ทั้งมิตรภาพ ความเป็นเพื่อน ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว และความสุข ความทรงจำ ความประทับใจ”
2ผู้กำกับ Adil El Arbi และ Bilall Fallah
เขาคือใคร ?
El Arbi and Fallah were the only two Moroccan-born students in their Belgian film school. While their white peers aspired to fine art, they dreamed of Hollywood.
Inspired by gritty crime dramas with a fondness for spectacle, the pair took to the streets with cameras. They made a feature, a short, some TV and in 2015, they won the Toronto film festival’s Discovery Award for their second feature, “Black,” a streetwise spin on Romeo and Juliet, set in Brussels.
Adil El Arbi และ Bilall Fallah
คือนักเรียนสองคนที่เติบโตมาจากประเทศโมร็อกโกและได้เลือกที่จะมาเรียนโรงเรียนภาพยนตร์ในเบลเยี่ยม ในขณะที่เพื่อนๆคนผิวขาวของพวกเขาปรารถนาที่จะทำงานด้านวิจิตรศิลป์ แต่พวกเขากลับฝันถึงก้าวเข้าสู่วงการฮอลลีวูด โดยทั้งคู่ชื่นชอบละครแนวอาชญากรรมและงานเบื้องหลังกล้อง จึงได้พากันหยิบกล้องออกไปถ่ายตามท้องถนน จนสามารถสร้างผลงานภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องสั้น รายการทีวี
ในปี 2015 พวกเขาได้รับรางวัล Discovery Award จากเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตสำหรับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของพวกเขาที่มีชื่อเรื่องว่า “Black” ซึ่งเป็นเรื่องราวของโรมิโอและจูเลียตที่ถูกถ่ายทอดออกมาในแบบฉบับ “streetwise” ณ กรุงบรัสเซลส์
The duo are determined to expand Belgian cinema: “As Moroccans, we have a negative image that we have to prove wrong. It’s a fight that every immigrant faces,” El Arbi says. “Our movies are for a generation who doesn’t have dreams. We want to give them a voice.”
ทั้งคู่มุ่งมั่นที่จะให้ภาพยนตร์ของพวกเขาได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ของเบลเยี่ยมมากขึ้น ในฐานะที่พวกเขาเป็นชาวโมร็อกโกที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเบลเยี่ยม พวกเขาอยากให้หนังของพวกเขาจุดประกายคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีความฝัน เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงให้กับพวกเขา
But working in Belgium is just the beginning: They hope to make their first American movie in 2018. They also developed projects with Jerry Bruckheimer with Bad Boys 3 and Bad Boy : Ride or Die 4.
ซึ่งเบลเยี่ยมเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ร่วมพัฒนาสร้างภาพยนตร์อเมริกันเรื่องแรก
ในปี 2018 พวกเขาพัฒนาโปรเจ็กต์ร่วมกับ Jerry Bruckheimer ซึ่งเป็นภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ระดับตำนาน อย่าง Bad Boy For Life ภาคที่ 3 และ Bad boy : Ride or Die ภาคที่ 4
BAD BOYS: RIDE OR DIE”
วันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
สองหนุ่มคู่หูที่โลกจดจำในฐานะ “แบดบอยส์” กลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์แอ็คชั่นมันส์แบบนันสต็อปและพล็อตภาคใหม่ที่หักมุมสุดจึ้ง เมื่อเจ้านายเก่าของสองตำรวจไมอามี่ ไมค์ (วิลล์ สมิธ) และมาร์คัส (มาร์ติน ลอว์เรนซ์) ถูกป้ายสีว่าทำงานรับใช้ขบวนการค้ายาเสพติด ทั้งสองจึงต้องออกแอ็คชั่นเพื่อล้างมลทินให้กับอดีตเจ้านาย
แต่ระหว่างสืบคดี ไมค์และมาร์คัสกลับไปเหยียบตาปลาเจ้าพ่อมาเฟีย ที่วางแผนชั่วทำให้ทั้งคู่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์ใหญ่ที่ทางการต้องการตัวเสียเอง ตำรวจสายบู๊อย่างไมค์และสายซ่าอย่างมาร์คัสกลับกลายเป็นผู้ร้ายที่ต้องหนีและดิ้นรนคลี่คลายคดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
BAD BOYS: RIDE OR DIE :. คู่หูขวางนรก : ลุยต่อให้โลกจำ
Action/Comedy เป็นมหากาพย์ภาพยนตร์แอ็คชั่นภาคล่าสุดของแฟรนไชส์สุดฮิตที่สามภาคแรกรวมกัน ทำเงินทั่วโลกกว่า 8 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 2 หมื่น 9 พันล้านบาท) โดยภาคนี้ วิลล์ สมิธและมาร์ติน ลอว์เรนซ์กลับมาอีกครั้ง พร้อมด้วยตัวละครจากภาคเดิมที่กลับมาสร้างความมันส์ขั้นสุด แถมด้วยดาราเจ้าบทบาท เอริค เดน ที่มารับบทเจ้าพ่อวายร้ายคนใหม่ในภาคนี้
นี่คือภาพยนตร์แอ็คชั่น ที่บู๊ระห่ำ กระหน่ำความมันส์ กว่าหนังทุกภาคที่ผ่านมา
หนังที่ดีที่สุด สมบูรณ์แบบในอารมณ์จัดหนัก และความมันส์จัดเต็ม
ของแฟรนไชน์ BAD BOYS สมการอคอยอย่างแน่นอน
วันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์