Synopsis & Information 

ข้อมูลรายการ 

ชื่อเรื่อง: LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า (LOL Thailand)
จำนวนตอน: 6 ตอน  ความยาวตอนละประมาณ 30 นาที
กำหนดสตรีม: วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 / สตรีมสัปดาห์ละ 2 ตอน
ตารางการสตรีม:   

  • ตอน 1 และ ตอน 2 วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม 2567 
  • ตอน 3 และ ตอน 4 วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม 2567 
  • ตอน 5 และ ตอน 6 วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2567 

นักแสดง: 

  • ปราโมทย์ ปาทาน (โอ๊ต) พิธีกร 
  • ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ (ซี) พิธีกร 
  • ดรุณี สุทธิพิทักษ์ (เป็กกี้) ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 
  • พงศธร จงวิลาส (เผือก) ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 
  • ซิม คิวเท (คิวเทโอปป้า) ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 
  • กันติชา ชุมมะ (ติช่า) ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 
  • ธงชัย ทองกันทม (ปิงปอง) ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 
  • บริบูรณ์ จันทร์เรือง (ตั๊ก) ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 
  • วราวุธ โพธิ์ยิ้ม (ตั้ม) ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 
  • นิภาภรณ์ ฐิติธนการ (ซานิ) ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 
  • ชัชชัย จำเนียรกุล (บอล เชิญยิ้ม) ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 
  • ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ (ต้นหอม) ผู้เข้าร่วมแข่งขัน 

ผู้กำกับรายการ: รณรงค์ ประดิษฐ์ทัศนีย์
ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร: นภัสริญญ์ พรหมพิลา, หม่อมหลวง ปิยะจันทร์ ประวิตร, อนันดา เอเวอริงแฮม และ จิตติมา วิชัยดิษฐ
ผู้ร่วมอำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร: ศักดิ์สันต์ ศิริตัน
ดำเนินการผลิตโดย: Amazon MGM Studios และ Halo Productions 

 

รูปแบบรายการ 

LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า คือรายการเรียลลิตี้แนวคอเมดี้ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ประเทศไทยมาก่อน รายการจะเชิญผู้แข่งขัน 10 คน ที่มีความสามารถและเป็นที่รู้จักในด้านความตลก อารมณ์ดี มีไหวพริบ ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดง ยูทูบเบอร์ ให้มาอยู่รวมกันเป็นเวลา 6 ชั่วโมง  

โดยรายการมีกฎเพียงข้อเดียวเท่านั้นคือทำให้คนอื่นหัวเราะ ยกเว้นตัวเอง รวมถึงห้ามยิ้มด้วย ถ้าใครทำผิดกฎจะโดนใบเหลืองเป็นการตักเตือน หากทำผิดเป็นครั้งที่สอง จะโดนใบแดงและออกจากการแข่งขัน แต่ผู้ที่ถูกเชิญให้ออกจากการแข่งขันจะยังไม่ได้ไปไหน ต้องอยู่ร่วมสร้างสีสันในรายการและป่วนผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ให้หลุดหัวเราะหรือยิ้มออกมาให้ได้ 

ในรายการจะมีทั้งโชว์จากผู้เข้าแข่งขัน และโจทย์เกมต่างๆ รวมถึงคำสั่งจากพิธีกร ที่จะมาปลุกเร้าให้เกิดเสียงหัวเราะและสร้างรอยยิ้ม เมื่อครบ 6 ชั่วโมง คนสุดท้ายที่กลั้นหัวเราะและรอยยิ้มได้จะเป็นผู้ชนะของรายการ และได้รับเข็มขัดแชมเปี้ยนในฐานะ… Last One Laughing หัวเราะทีหลังปังกว่า 

 

คุณดาริน ดารกานนท์ Head of Central Scripted Series & Movies, International Originals ของ Amazon MGM Studios ได้กล่าวเสริมว่า “LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นรายการเรียลลิตี้คอเมดี้ออริจินัลของ Prime Video ที่ดัดแปลงมาจากรายการคอเมดี้ยอดนิยมระดับโลก โดย LOL: Last One Laughing เป็นรูปแบบรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดตลอดกาลบน Prime Video ในอิตาลี ฝรั่งเศส และเยอรมนี และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในเวอร์ชั่นท้องถิ่นในเม็กซิโก ออสเตรเลีย อินเดีย สเปน แคนาดา เนเธอร์แลนด์ โคลอมเบีย อาร์เจนตินา บราซิล และสวีเดน โดยผู้รับหน้าที่พิธีกรในรายการเวอร์ชั่นท้องถิ่นในแต่ละประเทศ ได้แก่ Jay Baruchel (แคนาดา), Eugenio Derbez (เม็กซิโก), Fedez (อิตาลี), Michael “Bully” Herbig (เยอรมนี), Rebel Wilson (ออสเตรเลีย), Graham Norton (ไอร์แลนด์) และ Trevor Noah (แอฟริกาใต้)” 

 

Conceptual Mall Design “บริการทุกระดับ ประทับฮา ” 

รายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า ได้เนรมิตฉากและงานสร้างต่างๆ เป็น conceptCommunity Mallสถานที่พักผ่อนที่คนไทยนิยมใช้ชีวิตวันหยุดอยู่ร่วมกัน เพราะที่นี่เป็นที่รวมของผู้คนหลากหลายไลฟ์สไตล์ เป็นที่ที่มีทุกสิ่งที่คุณอยากจะทำ มีกิจกรรมมากมาย ที่คุณสามารถใช้ชีวิตทั้งวันได้อย่างสนุกสนานและมีความสุข  

 

ตึ่ง ตึง ตึ๊ง…ขอเรียนเชิญผู้ชมผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน ก้าวเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ความฮารูปแบบใหม่ พร้อมเอาใจช่วยผู้เข้าแข่งขันในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์กลั้นหัวเราะสุดหฤหรรษ์..ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครจะยืนหยัดได้เป็นคนสุดท้าย…พบคำตอบได้ในรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า ที่ Prime Video เท่านั้น 

 

ใครจะกลั้นหัวเราะได้นานที่สุด! 

…ศึกสังเวียนเดือดแห่งการกลั้น… 

 

 

 

 

การคัดเลือกพิธีกรและผู้เข้าแข่งขัน 

อย่างแรกที่ทีมงานมองหาสำหรับผู้ที่จะก้าวเข้ามาเป็นพิธีกร คือจะต้อง “เอาอยู่” คือสามารถควบคุมรายการได้ มีไหวพริบ มีความสนุกสนาน และจะต้องมีกึ๋น หัวไว ไม่แพ้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบ…จากคุณสมบัติที่กล่าวมา ผู้ที่ตอบโจทย์ที่สุดสองคนได้แก่ โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน และ ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ สองพิธีกรระดับต้นๆของประเทศไทยในนาทีนี้ อีกความน่าสนใจคือ นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันในฐานะพิธีกร จึงเพิ่มความสดใหม่และสีสันให้กับรายการ  

 

ส่วนผู้กล้าท้าชนความฮาทั้งสิบ ทีมงานเฟ้นหาผู้เข้าแข่งขันที่มีความหลากหลาย ทั้งในแง่ของแนวทางความตลกที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นตลกรุ่นเก๋า ตลกสายครีเอทีฟ ตลกอินเตอร์ ตลกรุ่นใหม่สายยูทูบเบอร์ รวมไปถึงความหลากหลายในด้านของเพศและวัย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเปิดกว้าง รวมถึงเพื่อถ่ายทอดความสนุกครบรส ให้ผู้ชมทุกกลุ่มได้สนุกสนานและเชื่อมโยงไปกับมุกตลกของรายการ โดยที่ผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบจะไม่มีใครรู้มาก่อนว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆเป็นใครบ้าง นับเป็นความท้าทายสำหรับผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน ที่จะต้องประลองมุก ดวลความฮา กับเหล่าหัวกะทิแห่งวงการตลกด้วยกันเอง…ที่สำคัญพวกเขาทั้งสิบ ไม่มีใครยอมใคร พร้อมจะฟาดความสนุกใส่กันไม่ยั้ง เพื่อเสียงหัวเราะของผู้ชม 

 

 

 

 

ตลกสไตล์ไทย ฮาไม่แพ้ชาติใดในโลก 

มุกตลกของแต่ละชาติล้วนมีเอกลักษณ์และลูกเล่น แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น สำหรับประเทศไทยเอง เราได้ชื่อว่า “สยามเมืองยิ้ม” ที่นอกจากจะยิ้มเก่งแล้ว คนไทยยังเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะง่าย ชอบความตลก สนุกสนาน สำหรับรายการ LOL: Last One Laughing ของประเทศไทย จุดมุ่งหมายแรกคือให้ผู้ชมชาวไทยได้สนุกกับอรรถรสความบันเทิงและสร้างเสียงหัวเราะได้อย่างเต็มอิ่ม แต่ในขณะเดียวกันทีมผู้สร้างยังมีความมั่นใจว่า ถ้าชาวต่างชาติได้รับชม LOL: Last One Laughing เวอร์ชั่นประเทศไทย ก็จะรู้สึกสนุกและชื่นชอบได้เช่นเดียวกัน ด้วยความตลกที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แม้จะไม่เข้าใจภาษาไทยหรือบริบทแบบไทยๆได้ 100% แต่ด้วยท่าทาง สีหน้า จังหวะ เสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ที่สร้างสรรค์และถ่ายทอดออกมา สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นภาษาสากล เป็นความตลกแบบไร้พรมแดน


พิธีกร 

ปราโมทย์ ปาทาน (โอ๊ต) 

“ได้เวลาสนุกแล้ว” 

   

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: ครั้งแรกที่ได้ยินรู้สึกตกใจว่ามีรายการอย่างนี้ด้วยเหรอ และผมรู้สึกว่าเราจะทำยังไงให้สามารถกลั้นขำได้ เพราะอย่างตัวผมเอง เวลาเจอเรื่องตลก ก็อยากจะหัวเราะ ปล่อยไปให้สุดๆ แต่คอนเซ็ปต์ของรายการนี้มันกลับกันเลย คือเราต้องกลั้นหัวเราะให้ได้กับความสนุกที่อยู่ตรงหน้า ผมว่ามันเป็นความทุกข์ทรมานที่เป็นความสุขของคนดูครับ 

 

A: ช่วยเล่าบรรยากาศช่วงแรกที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนมาเจอกันให้ฟังหน่อย ว่าบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง? 

Q: ในความสนุกสนานของบรรยากาศที่ทุกคนได้มาเจอกัน ผมมีความเป็นห่วงสังคมที่เอาคนเหล่านี้มารวมตัว (หัวเราะ) เพราะมันวายป่วงสุดๆ และการจะดิวคน 10 คนนี้มาอยู่รวมกันได้ มันเป็นเรื่องอภินิหารมากๆ แต่รายการนี้ทำให้เกิดขึ้นได้ แต่ละคนมาคนเดียวก็สนุกอยู่แล้ว พอ 10 คนนี้มารวมตัวกัน มันเลยเกิดเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้อยู่ตลอดเวลา เราเองในฐานะพิธีกรก็ต้องมีสติตลอด ซึ่งมันสนุกมาก บรรยากาศในกองทุกคนก็เอนจอยกันมาก 

แล้วพอเวลาผ่านไปหลังจากที่พวกเขาได้มาเจอกัน ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นมีใครบ้าง บรรยากาศมันสนุกขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันมีการแข่งขันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรายการ มีแพ้ มีชนะ แต่ละคนก็จะเก็บมุกเด็ดเอาไว้เป็นท่าไม้ตาย แล้วรอจังหวะในการปล่อย ดูว่าจะเอาคนนั้นออกคนนี้ออก เป็นเรื่องของการแกล้งกันด้วย ยิ่งรอบลึกขึ้นเรื่อยๆ มีคนออกมากขึ้นเรื่อยๆ รายการก็จะยิ่งเดือดยิ่งสนุก แต่ละคนก็จะยิ่งงัดความสามารถที่มีหรือโชว์ที่เตรียมกันมา มาทำให้คนอื่นแพ้ให้ได้ 

 

A: ในสายตาของคุณในฐานะพิธีกร ใครเป็นผู้เข้าแข่งขันที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด  

Q: น่ากลัวที่สุดคือ ตั๊ก-บริบูรณ์ เพราะพี่ตั๊กเป็นคนที่ควบคุมไม่ได้ และอยู่เหนือการคาดเดา เป็นคนหลุดโลกมาก // ส่วนคนที่คิดว่ามีโอกาสออกคนแรกคือ พี่เผือก เพราะแกเป็นคนเส้นตื้น เห็นอะไรขำก็จะกลั้นไม่ค่อยอยู่ 

 

A: อยากลองเป็นผู้เข้าแข่งขันเองบ้างหรือไม่ และคิดว่าเราจะใช้มุกประเภทไหนเป็นไม้ตายของเรา // ถ้าเป็นตัวเองจะสามารถเหลือรอดเป็นคนสุดท้าย เป็น “Last One Laughing” ได้หรือไม่ 

Q: อุ๊ย ไม่เอา ผมดีใจมากเลยนะที่ติดต่อมาให้ผมเป็นพิธีกร เพราะถ้าให้ผมเป็นผู้เข้าแข่งขัน ผมไม่น่าจะรอด เพราะว่าผมเส้นตื้น แค่ผมเจอ ตั๊ก-บริบูรณ์ ผมก็ตายแล้ว ผมคิดว่าผมน่าจะออกเป็นคนแรกๆเลย 

A: ความน่าสนใจของรายการนี้ ที่จะทำให้แตกต่างจากรายการแนวคอเมดี้ทั่วไปคืออะไร?  และเหตุผลที่ห้ามพลาดรายการ  LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า คืออะไร? 

Q: รายการตลกจุดมุ่งหมายอย่างเดียวคือ เราจะทำยังไงก็ได้ให้คนดูสนุก ขำ แต่ว่ารายการ LOL Thailand ทุกอย่างที่เห็นได้ในรายการตลกทั่วไป มันเปลี่ยนไปหมด กลายเป็นว่ารายการตลกที่ห้ามผู้เข้าแข่งขันหัวเราะ ต้องกล้ำกลืนมันเข้าไป ดังนั้นนอกจากผู้ชมจะตลกกับมุกที่ผู้เข้าแข่งขันแสดงออกมาแล้ว ก็ยังจะขำไปกับความทรมานของผู้เข้าแข่งด้วย เพราะฉะนั้นมันจะกลายเป็นความสนุกทวีคูณ ห้ามพลาดครับ 

ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ (ซี) 

“มาดูกันว่า พวกเขาจะแน่แค่ไหน” 

 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: ผมเป็นแฟนรายการนี้อยู่แล้ว มีโอกาสได้ดูเวอร์ชั่นของประเทศอื่นๆ เป็นรายการเรียลลิตี้แนวคอเมดี้ที่เราทั้งชอบดูและอยากมีส่วนร่วมด้วย สำหรับประเทศไทยถือว่ารูปแบบของรายการค่อนข้างแปลกใหม่ ปกติเราต้องทำให้คนอื่นหัวเราะสนุกสนาน แต่ในรายการนี้เราต้องทำให้คนอื่นหลุดหัวเราะ ในขณะเดียวกันเราก็ถูกคนอื่นยิงมุกใส่เหมือนกัน แล้วเราต้องกลั้นขำ เป็นอะไรที่น่าสนุกทั้งผู้เข้าร่วมรายการ ตัวพิธีกรอย่างผม และผู้ชมด้วย 

 

A: ช่วยเล่าบรรยากาศช่วงแรกที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนมาเจอกันให้ฟังหน่อย ว่าบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง? 

Q: ผมว่ามันมีความระเนระนาดอยู่พอสมควรครับ เหมือนกับที่ผมและคุณโอ๊ต-ปราโมทย์ คิดภาพไว้ คือทุกคนจะรู้ว่าตัวเองต้องมาทำให้คนอื่นหัวเราะ และตัวเองห้ามหัวเราะ แต่เขาจะไม่รู้มาก่อนว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเป็นใครบ้าง มันเลยมีความสนุกกับรีแอ็คของแต่ละคนตั้งแต่ตอนที่มาเจอกัน เรียกว่ายังไม่ทันเริ่มก็สนุกแล้ว  

ส่วนตัวผมกับโอ๊ตเองก็มีเก็งๆกันมาบ้าง ว่าน่าจะมีใครที่เข้ามาร่วมรายการบ้าง ผมกับโอ๊ตมารู้ ณ วันถ่ายทำเลย ก่อนจะเริ่มอัดรายการกันนิดนึง เพื่อที่จะได้เตรียมข้อมูลสำหรับดำเนินรายการ คนที่พวกผมเก็งกันไว้ ก็ถูกอยู่หลายคนนะครับ อย่างเดาว่าน่าจะมีพี่ตั๊ก พี่ต้นหอม ซานิ พี่บอล ก็มากันจริงๆ ผมเก็งจากคนในวงการบันเทิงที่มีความตลกธรรมชาติ คือเป็นคนที่สร้างสีสันให้รายการได้แน่นอน และเราการันตีได้ว่ามีของ หรืออย่างพี่บอล เขามีความตลกมหัศจรรย์ ได้มุกล็อกด้วย แล้วก็ปั่นคนอื่นได้ด้วย 

 

A: ในสายตาของคุณในฐานะพิธีกร ใครเป็นผู้เข้าแข่งขันที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด  

Q: ผมบอกได้แค่ว่าคนที่ผมฟันธงว่าน่าจะไปก่อน ก็ไปก่อนจริงๆ ส่วนคนที่เรามองว่าน่ากลัว ก็จะมีอย่างพี่บอล พี่ต้นหอม ซานิ แล้วก็มีติช่า เพราะว่าน้องโตที่เมืองนอกมา มุกบางมุกที่คนอื่นขำกัน น้องอาจจะยังไม่เก็ทมาก อีกคนที่ประมาทไม่ได้เลยก็คือพี่เป็กกี้ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในรายการครับ 

 

A: อยากลองเป็นผู้เข้าแข่งขันเองบ้างหรือไม่ และคิดว่าเราจะใช้มุกประเภทไหนเป็นไม้ตายของเรา // ถ้าเป็นตัวเองจะสามารถเหลือรอดเป็นคนสุดท้าย เป็น “Last One Laughing” ได้หรือไม่ 

Q: ผมขอทำหน้าที่พิธีกรอย่างเดียวดีกว่าครับ เอาจริงๆแล้วมันมีสภาวะกดดันเหมือนกันนะ สำหรับคนที่เข้าไปแข่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราจะต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ทำให้คนอื่นขำได้ แล้วรูปแบบรายการมันจะมีโชว์ ที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องเตรียมมาแสดง ด้วยสายตาที่จับจ้อง ผมว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะไปอยู่ตรงนั้น แล้วทำให้เพื่อนๆที่กำลังดูอยู่ขำได้ มันเผชิญกับภาวะกดดันเหมือนกัน ผมชอบนั่งดูมากกว่าครับ สนุกดี 

แต่ถ้าผมจำเป็นต้องไปแข่งจริงๆ ผมอาจจะมาทางตลกเรื่องเล่า อาจจะหาเรื่องอินไซด์ของคนในวงการมาเล่า แอบเผาคนโน้นคนนี้ เหมือนมานั่งเม้ากัน แล้วเฮฮากันในวงเพื่อนฝูง อาศัยการเป็นคนคุยสนุก พูดเก่ง แซว ป่วน ไปเรื่อยๆ หรือถ้าจำเป็นต้องหาอุปกรณ์แต่งเป็นอะไรสักอย่าง คิดเร็วๆตอนนี้ อาจจะแต่งเป็นเจ้าหญิงจากเรื่อง Frozen ใส่วิกผม ปล่อยแป้งเด็กแทนปล่อยหิมะอะไรแบบนี้ ชวนเพื่อนขึ้นมาเล่นสนุกด้วย มีความกวน ความปั่นๆ  

และผมคิดว่าผมไม่น่าจะอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายได้ เวลาผมสนุกผมขำ ผมจะไม่กลั้นเลย ไม่อยากทรมาน อยากปลดปล่อย ผมไม่ได้เป็นคนเส้นลึกขนาดนั้น 

 

A: ความน่าสนใจของรายการนี้ ที่จะทำให้แตกต่างจากรายการแนวคอเมดี้ทั่วไปคืออะไร?  และเหตุผลที่ห้ามพลาดรายการ  LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า คืออะไร? 

Q: สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราได้เห็นความเรียลของนักแสดงที่เราเคยติดตามชมผลงานของเขาจากรายการต่างๆ ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่เติบโตมากับการดูผลงานของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนอยู่แล้ว ถ้าวันนี้คุณได้มานั่งดูเขาในอีกมิติหนึ่ง โดยที่เขาต้องมาเป็นผู้เข้าแข่งขัน เห็นรีแอ็คในการพยายามกลั้นขำ ทั้งกัดลิ้นตัวเอง หรือหยิกตัวเอง หลบหน้า ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไม่ให้หัวเราะหรือเห็นรอยยิ้ม ปฏิกิริยาที่พวกเขาพยายามจะไม่หัวเราะ ทำให้คนที่ได้ดูอย่างผมสนุกมากบันเทิงมาก พลาดไม่ได้เลย และเป็นภาพที่หายากในประวัติศาสตร์ ไม่รู้จะได้เห็นที่ไหนอีก ที่จะเห็นศิลปินนักแสดงเหล่านี้มาอยู่รวมตัวกันได้เยอะหลากหลายและทำอะไรแบบนี้ 

 

ผู้เข้าแข่งขัน 

ดรุณี สุทธิพิทักษ์ (เป็กกี้) 

“ถ้าเราคิดจะ kill ใคร ไม่แน่ดาบนั้นอาจคืนสนอง” 

  

 

จุดแข็ง: การันตีด้วยชื่อชั้นตัวแม่แห่งวงการตลกไทย 

จุดอ่อน: แพ้ทางอะไรที่คาดเดาไม่ได้ หรือมาแบบไม่ทันตั้งตัว 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: รู้สึกทรมานดี เป็นความทรมานที่มาพร้อมกับบันเทิง คนดูน่าจะสนุกมาแน่ๆ แต่เราในฐานะผู้เข้าแข่งขันน่าจะทรมานไม่น้อย 

 

Q: ตอนที่ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆคือใครบ้าง เรารู้สึกอย่างไร? 

A: รู้สึกท้อ แต่ละคนเก่งๆทั้งนั้น  

 

Q: ใครเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด
A: เผือกน่ากลัวที่สุด // ส่วนคนที่น่ากลัวน้อยที่สุดคือตัวเอง 

 

Q: ก่อนมาถ่ายทำรายการมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะสามารถเหลือรอดเป็น “Last One Laughing” ได้  

A: ไม่มั่นใจเลย ท้อไปหมด ขนาดยังไม่รู้ว่าจะเจอใครที่มาแข่งกับเราบ้าง พอมาเจอกันในรายการท้อยิ่งกว่าเดิม แต่ก็สู้ค่ะ 

 

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาถ่ายทำ 

A: มีซ้อมกลั้นขำมาบ้าง พยายามหาวิธีว่าเราจะทำยังไงได้บ้าง ไม่ให้หัวเราะออกมา ซ้อมซ่อนรอยยิ้มด้วย  

 

Q: ให้คะแนนความเส้นตื้นของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ (จากเต็ม 10) 

A: 200 ไปเลยค่ะ 

 

Q: เคยคิดมั้ยว่าการหัวเราะจะกลายมาเป็นอุปสรรคของเรา 

A: ไม่เคยคิดเลย เข็มขัดเข็มสั้นเกินคาด ผ่าม! 

 

Q: ความน่าสนใจของรายการนี้ ที่จะทำให้แตกต่างจากรายการแนวคอเมดี้ทั่วไปคืออะไร? และเหตุผลที่ห้ามพลาดรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า คืออะไร? 

A: ความแตกต่างของรายการนี้ คือความซาดิสม์ ในการห้ามหัวเราะ คุณผู้ชมห้ามพลาดที่จะได้ดูพวกเราทรมาน และในความทรมานนั้นมันแสนสนุก คือให้ความทรมานเป็นของเรา ส่วนคุณผู้ชมรับความบันเทิงไปแบบเต็มๆ 

 

พงศธร จงวิลาส (เผือก) 

“มีแต่คนอำมหิต” 

  

จุดแข็ง: ตลกสายครีเอทีฟ 

จุดอ่อน: แพ้ทางปิงปอง 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: รู้สึกว่าน่าจะสู้ได้ เพราะเราเส้นลึก แต่ก็กลัวแพ้แบบง่าย ๆ เพราะถึงจะเส้นลึก แค่ถ้าโดนคือขำแตกเลย 

 

Q: ตอนที่ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆคือใครบ้าง เรารู้สึกอย่างไร? 

A: รู้สึกหนักใจเล็กน้อย เพราะมีคนที่เราแพ้ทางอยู่หลายคน 

 

Q: ใครเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด
A: ที่น่ากลัวคือพี่บอล กับ เป็กกี้ เพราะเป็นสายประสบการณ์ แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะแพ้ทางปิงปอง 

 

Q: ก่อนมาถ่ายทำรายการมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะสามารถเหลือรอดเป็น “Last One Laughing” ได้  

A: คิดว่าถ้าไม่พลาดเร็ว ตายต้นเกม ก็น่าจะอยู่ยาวได้ 

 

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาถ่ายทำ 

A: เตรียมซ้อมมุก ซ้อมอุปกรณ์ เพราะโปรดักชั่นค่อนข้างใหญ่ อยากให้ทุกอย่างออกมาสนุกอย่างที่เราคิดภาพไว้ 

 

Q: ให้คะแนนความเส้นตื้นของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ (จากเต็ม 10) 

A:  5/10 

 

Q: เคยคิดมั้ยว่าการหัวเราะจะกลายมาเป็นอุปสรรคของเรา 

A: ต้องพยายามทำให้คนอื่นหัวเราะ อันนี้เคยบ่อย แต่ห้ามหัวเราะเอง อันนี้ไม่เคยเหมือนกัน 

 

Q: เหตุผลที่ห้ามพลาดรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า คืออะไร? 

A: คนไทยขำง่าย ยิ่งรวมตัวคอมเมเดียนแบบนี้ รับประกันความบันเทิงแน่นอน 

 

ซิม คิวเท (คิวเทโอปป้า) 

“ผมจะหาทุกวิถีทาง ให้พวกพี่ๆออกให้ได้” 

  

จุดแข็ง: พลังงานเหลือล้น ลูกบ้าไม่เป็นรองใคร 

จุดอ่อน: หัวเราะง่าย 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: ตอนได้ยินคอนเซ็ปต์ครั้งแรกแล้วทีมงานบอกว่ารายการนี้จริงๆ มีมาก่อนแล้วในประเทศอื่น ผมก็เลยไปสมัคร Prime Video ก่อนเลย แล้วก็ไปดูรายการ LOL ของออสเตรเลีย ก็รู้สึกว่า เฮ้ยมันมีรายการแบบนี้ด้วยเหรอ มันเรียลมาก คือทุกคนที่เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์มาอยู่ด้วยกันในห้อง แล้วก็ต้องห้ามขำ รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้น แล้วก็ไม่เคยเห็นมาก่อนในไทย รู้สึกว้าวมาก 

 

Q: ตอนที่ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ คือใครบ้าง เรารู้สึกอย่างไร? 

A: ตอนที่เปิดรายการ ก็จะมีผู้เข้าแข่งขันเดินเข้ามาทีละคน ผมเข้าไปก็เจอพี่ติช่าก่อน แล้วก็มีอีกหลายคนตามเข้ามา เอาตามตรงเลยคือค่อนข้างกดดันครับ เพราะว่าผมไม่คิดว่าพี่ๆ เบอร์ใหญ่ๆ ขนาดนั้นจะมาด้วย เป็นพี่ๆ ที่ผมเองก็ไม่ค่อยมีโอกาสเจอ ก็ค่อนข้างตกใจแล้วก็กดดันมากเลยครับผม 

 

Q: ใครเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด
A: จริงๆ ตอนแรกผมกลัวทุกคนเลยนะ เพราะว่าติช่าก็ไม่เบาเลย คนที่เดินเข้ามา ผมก็เคยเห็นเขาผ่านทีวีทั้งนั้น แต่คนที่น่ากลัวที่สุดเลยสำหรับผม ตอนนั้นผมสัมภาษณ์ในรายการด้วยว่า ถ้าสมมติว่ามีพี่ตั๊ก-บริบูรณ์ มาด้วยเนี่ย ผมไม่ไหวแน่เลย แล้วซักพักพี่ตั๊กก็เดินเข้ามาจริงๆ // ส่วนคนที่น่ากลัวน้อยที่สุด ผมว่าไม่มีเลย เพราะบางคนที่เราไม่ได้ระวัง จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ธรรมดา เช่น พี่ติช่า แล้วก็พี่ตั้ม รายการนี้คือเราเผลอไม่ได้ ไว่ใจใครไม่ได้เลยจริงๆ 

 

Q: ก่อนมาถ่ายทำรายการมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะสามารถเหลือรอดเป็น “Last One Laughing” ได้  

A: ผมคิดว่าตัวเองไม่น่าจะรอดได้อยู่แล้วครับ พอมาเจอกับผู้เข้าแข่งขันครบทุกคน ผมก็คิดเลยว่าไม่เป็นไร เราเล่นให้สนุกก็พอ 

 

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาถ่ายทำ 

A: ผมมีการฝึกซ้อมโชว์ที่จะมาโชว์ในรายการ แล้วตอนเช้าวันถ่ายทำผมก็พยายามทำจิตใจให้สงบ เพราะว่าวันนั้นผมตื่นเต้นมากๆ แล้วก็รู้สึกว่าการกลั้นขำมันยากกว่าที่คิดไว้เยอะมาก เพราะมีแต่คนเทพๆ อยู่ในนั้น กล้องที่คอยจับผิดก็เยอะ  

Q: ให้คะแนนความเส้นตื้นของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ (จากเต็ม 10) 

A:  ผมให้ตัวเอง 5 คะแนนก็แล้วกันครับ อยู่กลางๆ เพราะผมว่ามีคนเส้นตื้นกว่าผมหลายคนเลย (หัวเราะ) 

 

Q: เคยคิดมั้ยว่าการหัวเราะจะกลายมาเป็นอุปสรรคของเรา 

A: ไม่เคยเลยครับ ผมว่าทุกคนก็น่าจะคิดคล้ายๆ กันว่าการกลั้นขำมันยากมากเลยนะ เพราะว่าอาชีพตลกมันต้องตลกใส่คนอื่นใช่มั้ย แต่ถ้าสิ่งที่ได้กลับมามันคือความเงียบ มันก็จะค่อยๆ เสียเซลฟ์ทีละนิดเนอะ รายการนี้มันไม่ง่ายเลยครับ ต้องฝึกมาเยอะมาก ต้องเล่นตลกเก่ง ต้องกลั้นขำเก่ง หัวก็ต้องไวด้วย คือต้องมีครบทุกอย่างถึงจะรอดจากรายการนี้ได้ 

 

Q: เหตุผลที่ห้ามพลาดรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า คืออะไร? 

A: อย่างแรกเลยก็คือไลน์อัพนักแสดงครับ อันนี้คือที่สุดแล้ว เพราะจริงๆ ผมไม่ค่อยรู้จักนักแสดงไทยมากนัก แต่ว่าทุกคนที่มารายการนี้ผมรู้จักทั้งหมดเลย แสดงว่าทุกคนดังมาก หลายคนเป็นตลกเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยด้วย อย่างที่สองก็คือมันเป็นรายการที่เรียลจริงๆ เขาไม่มีให้โอกาสเราเลย คือแค่ยิ้มมุมปากก็ต้องออก รู้สึกว่าเป็นรายการที่ซื่อสัตย์มากๆ และอย่างสุดท้ายก็คือไม่มีที่ไหนแน่นอนสำหรับโปรดักชั่นที่ใหญ่ขนาดนี้ ก็อยากให้ทุกคนมารับชมกันครับ เป็นรายการที่ดูได้แบบสบายๆ ไม่ต้องเตรียมพร้อมอะไรเลย กินข้าวไปดูไปก็ได้ ดูได้แบบไม่เครียด อยากให้มาติดตามกันจบจนทุกตอนเลยครับว่าใครจะเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่ง  

 

กันติชา ชุมมะ (ติช่า) 

“ติช่าไม่ใช่แค่สวย แต่ตลกด้วย” 

 

จุดแข็ง: หัวไว ไหวพริบดี 

จุดอ่อน: หัวเราะง่าย 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: เอาจริงๆ นะ ดูแล้วชอบมาก รู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ในไทยมาก่อน  

 

Q: ตอนที่ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ คือใครบ้าง เรารู้สึกอย่างไร? 

A: รู้สึกว่า ว้าว! เราคือคนที่ถูกเลือก แล้วแต่ละคนที่ได้รับเลือกคือเป็นตำนานและเป็นคนตลกมาก เป็นคนที่เราชื่นชอบอยู่แล้ว เป็นคนที่เราเห็นแล้วขำ เราเคยดูหนัง ดูรายการของเขา รู้สึกโชคดีมากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของรายการ รู้สึกว่า ห๊ะ! เราอยู่ในเลเวลที่มีโอกาสที่จะแข่งกันพวกเขาเหรอเนี่ย มันอเมซิ่งมากๆ เลยค่ะ 

 

Q: ใครเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด
A: คนที่คิดว่าน่ากลัวมากที่สุด น่าจะเป็นพี่บอลกับพี่ตั๊ก เพราะว่าเขาเป็นตลกมืออาชีพเลย คือถ้าต้องอธิบายชื่อเขา เขาคือตลกแห่งชาติ // ส่วนคนที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด อาจจะเป็นปิงปอง เพราะว่าเคยทำงานกับพี่ปิงปอง เขาเป็นคนอารมณ์ดี แล้วหลุดขำเยอะมากๆ คือเป็นคนขำง่ายเหมือนเรา ก็เลยคิดว่านอกจากปิงปอง ตัวเราเองน่าจะเป็นคนที่น่ากลัวน้อยที่สุดด้วย เพราะว่ารายการนี้เขาไม่ให้แม้แต่ยิ้ม แค่ยิ้มก็ถือว่าหลุดแล้ว 

 

Q: ก่อนมาถ่ายทำรายการมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะสามารถเหลือรอดเป็น “Last One Laughing” ได้  

A: เอาจริงๆ เราเป็นคนที่มั่นใจมาก เป็นคนที่ไปรายการไหนก็คิดว่าเรามีสิทธิ์ชนะแน่ๆ เพราะว่าเคยชนะบ่อยมาก เป็นคนที่ไปออกเกมโชว์ไหน ไปทำอะไร เราตั้งใจ แล้วเรารู้ว่าเราจะชนะ แต่รายการนี้ ถามว่าเราพยายามไหม เราพยายามทำให้คนอื่นขำอยู่แล้ว แต่ที่มันยากคือเราเป็นคนขำง่ายมากๆ ต่อให้คนเล่นมุกแย่แค่ไหนเราก็ขำได้ ถามว่ามั่นใจแค่ไหน ก็คงต้องบอกว่า LOL เป็นหนึ่งในรายการที่เรามั่นใจน้อยที่สุดแล้ว  

 

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาถ่ายทำ 

A: คือถ้าให้ซ้อมกลั้นขำเนี่ย เราทำไม่ได้ เราไม่รู้ว่าจะฝึกยังไง แค่รู้สึกว่าถ้ามีสมาธิอาจจะมีโอกาสขำน้อยลง แต่ที่ฝึกมาก่อนคือไปดูรายการ LOL ของประเทศอื่นๆ ที่เขามี เพราะว่าความตลกของแต่ละประเทศมันไม่เหมือนกัน แล้วเราเป็นคนที่โตในต่างประเทศและในไทย เราเก็ทมุกทั้งสองประเทศ มุกไทยอาจจะเก็ทน้อยกว่า แต่มุกฝรั่งถ้าใครยิงมาสไตล์แบบนั้นเราจะขำง่ายมาก เอาจริงๆ เราคิดว่ามันยากสำหรับเราเพราะว่าเราไม่ได้เก่งเรื่องมุกแบบไทยๆ เก็ทบ้างไม่เก็ทบ้าง ก็พยายามไปดูตลกไทยมากขึ้นด้วย แต่ก็รู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน  

 

Q: ให้คะแนนความเส้นตื้นของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ (จากเต็ม 10) 

A:  ให้ 9 จาก 10 คะแนนเลย เพราะว่าเส้นตื้นมาก เป็นคนที่พร้อมขำกับทุกอย่างจริงๆ เห็นอะไรเล็กๆ น้อยที่คนอื่นบอกว่าไม่ตลกเราก็ตลก ใครเล่นมุกแป้กเราก็ตลก 

 

Q: เคยคิดมั้ยว่าการหัวเราะจะกลายมาเป็นอุปสรรคของเรา 

A: ไม่เคย เอาจริงๆ คิดว่ามันคือการทรมานกันชัดๆ เราเคยคิดว่าโชคดีจังที่เราเป็นคนหัวเราะง่าย มีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่คิดว่าวันนึงการกลั้นขำมันจะกลายเป็นการแข่งขัน รู้สึกว่าครีเอทีฟมาก ชอบไอเดียมาก แต่ก็รู้สึกว่าโอ้โห ถ้าต้องทำแบบนี้ทุกวันมันไม่ไหวอ่ะ มันทำไม่ได้ 

 

Q: เหตุผลที่ห้ามพลาดรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า คืออะไร? 

A: รายการนี้นอกจากคุณจะต้องเก่งในการทำให้คนอื่นหัวเราะแล้ว คุณต้องควบคุมตัวเองให้ไม่ขำคนอื่นด้วย คุณต้องไม่หัวเราะเอง คุณต้องอย่าเผลอ…รายการมีความแปลกใหม่ มันมีความเซอร์ไพรส์ในรายการ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าต้องมาเจออะไรเหมือนกัน มันมี element ของการแข่งขัน ความตลก แล้วก็ความเครียดด้วย เพราะว่าเราต้องคอยระแวง มีคนถูกคัดออกได้ทุกวินาที เป็นอะไรที่ใหม่มากและอยากให้ทุกคนมาดูกัน เพราะว่าต่อให้คุณไม่ขำมุกของใครบางคน คุณก็จะขำรีแอคชั่นของคนที่พยายามไม่ขำ ซึ่งมันทรมานเหลือเกิน ต้องไปดูค่ะ แปลกใหม่และสนุกแน่นอน!  

ธงชัย ทองกันทม (ปิงปอง) 

“นี่มันสถานที่อะไร..เฮือก..” 

  

จุดแข็ง: ทุกอย่างเหนือการคาดเดา 

จุดอ่อน: ถ้าเจอมุกที่จี้ถูกจุด ก็หลุดขำได้ง่าย 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: สิ่งที่คิดคือ LOL มันคืออะไรนะ โลว์คือให้เราลดความอ้วนเหรอ โปรแกรมเปลี่ยนคนอ้วนให้เป็นคนผอมเหรอ ไม่เอาจ้าชั้นชอบกิน  

 

Q: ตอนที่ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ คือใครบ้าง เรารู้สึกอย่างไร? 

A: ก็รู้สึกว่าเละเทะแน่นอน เพราะแต่ละคนเหมือนมาจากนรกกันหมด แต่นรกคนละขุม 

 

Q: ใครเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด
A: คนที่น่ากลัวน้อยสุด เช่นอาจจะเป็นคนที่ขำง่ายสุด อันนี้เราคิดไว้ตั้งแต่แรกเลยว่ามันต้องมีซักคนที่อาจจะเละไปเลย คือตั๊ก-บริบูรณ์  ส่วนคนที่น่ากลัวที่สุดคิดว่าเป็นคิวเท เพราะว่าหนึ่ง เขาฟังเราไม่รู้เรื่อง คัลเจอร์อะไรของเราเขาก็อาจจะไม่รู้เรื่อง แล้วเป็นคนพลังเยอะอีก คิดว่าคนนี้ต้องจับตามอง 

 

Q: ก่อนมาถ่ายทำรายการมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะสามารถเหลือรอดเป็น “Last One Laughing” ได้  

A: ไม่แน่ใจเลย แต่ก็ทำเต็มที่แหละ เพราะว่ามันเป็นเป้าหมาย เราไม่อยากเด๋อ เราไม่อยากเสียหน้า เราจะต้องทำให้ได้  

 

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาถ่ายทำ 

A: ไม่ได้ฝึกอะไรเลย สิ่งเดียวที่เตรียมมาคือเตรียมตัดชุดตัดอะไรไว้ ก็ไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะเป็นยังไง แต่ก็คิดว่าชั้นจะต้องทำให้เต็มที่ เพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง เพื่อทุกอย่าง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะได้เอาสังขารมาร่วมชมร่วมจอยกับรายการจ้า 

 

Q: ให้คะแนนความเส้นตื้นของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ (จากเต็ม 10) 

A: ชั้นไม่เส้นตื้นหรอกนะ ใครจะงัดออกมาได้มันไม่ง่าย เส้นตื้นของชั้นมันก็เหมือนเส้นของคางคกนี่แหละ มันไม่ตื้น มันหลบอยู่…นี่ชั้นพูดเรื่องอะไรอยู่นะ? 

 

Q: เคยคิดมั้ยว่าการหัวเราะจะกลายมาเป็นอุปสรรคของเรา 

A: ไม่คิดเลย! เพราะว่าปกติเราจะต้องเอนจอยกับการหยอกล้อพูดคุยอะไรกับคนอื่นอะไรแบบนี้ คือไม่ได้เป็นคนตลก แต่ว่าเป็นคนชอบคุยชอบฟังเวลาเรื่องคนอื่นอยู่แล้วอะไรแบบนี้ แล้วเราก็เป็นคนหัวเราะง่าย คุยกับใครก็ต้องมีหัวเราะออกมาบ้างอะไรบ้าง แต่ไม่คิดว่ามันจะกลับมาทำร้ายตัวเองแบบนี้อ่ะ เมืองไทยสยามเมืองยิ้ม ไม่ให้ชั้นยิ้มแล้วชั้นจะอยู่ยังไงคะ 

 

Q: ความน่าสนใจของรายการนี้ ที่จะทำให้แตกต่างจากรายการแนวคอเมดี้ทั่วไปคืออะไร?  

A: มันเป็นรายการที่เธอต้องมาดู เพราะว่าทุกคนเค้ามาแข่งกันทำในสิ่งที่มันสนุกสนาน แต่ต้องหน้านิ่ง ใครยิ้มหรือหัวเราะตาย มันแปลกใหม่ปะล่ะ เค้ามีแต่ให้สนุกสนานปล่อยใจจอยๆ ไปเลย แต่นี่ให้กลั้นเอาไว้ มันทรมานเข้าใจมั้ย…แล้วคนมาดูอ่ะ ไม่รู้ว่ามาดูอะไร มาดูความสนุกสนานหรือความทรมานของชั้น ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน เออ คือคนดูก็แปลกๆ ฝากมาดูกันด้วยนะจ๊ะ แปลกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว 

 

บริบูรณ์ จันทร์เรือง (ตั๊ก) 

“ผมมีท่าไม้ตาย” 

 

จุดแข็ง: เล่นใหญ่และคาดเดาไม่ได้ 

จุดอ่อน: แพ้ทางสาวๆ 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: ผมชอบตรงที่ว่า เราไม่สามารถรู้ได้ก่อนเลยว่าใครจะมาร่วมรายการบ้าง ก็คือต้องรอไปเซอร์ไพรส์กันที่หน้างานเลยนั่นแหละ  

 

Q: ตอนที่ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆคือใครบ้าง เรารู้สึกอย่างไร? 

A: คือผมค่อนข้างมั่นใจว่า หนึ่งในนั้นต้องมีเพื่อนผมหนึ่งคนแน่ๆ คือคุณบอล-เชิญยิ้ม แล้วผมก็เดาถูกด้วย ผมบอกเลยว่าผมกลัวมันมากๆ 

 

Q: ใครเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด
A: เอาจริงๆ ผมว่าทุกคนน่ากลัวหมดเลยนะ ไม่มีใครน่ากลัวน้อยกว่าใครเลย แต่คนที่ผมกลัวมากนอกจากบอล-เชิญยิ้ม ก็จะมีพี่ต้นหอมกับซานิ สิ่งหนึ่งที่ทำผมช็อคคือเขาแต่งหน้าได้แบบมหัศจรรย์มาก แล้วก็วิธีการเล่นมุกของเขานี่แหละที่เผลอไม่ได้ 

 

Q: ก่อนมาถ่ายทำรายการมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะสามารถเหลือรอดเป็น “Last One Laughing” ได้  

A: มั่นใจมาก คิดว่าเราน่าจะเป็นคนที่ 9 คือเป็นหนึ่งในสองคนสุดท้ายที่ต้องมาแข่งกันรอบสุดท้ายอะไรแบบนั้น แต่ของจริงจะเป็นยังไงก็ลองมาดูกันเองนะ ไม่สปอยล์ 

 

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาถ่ายทำ 

A: โอ๊ย เตรียมเยอะเลยฮะ กะว่าคงต้องด้นสดด้วยแน่ แต่เราก็เตรียมอะไรของเราไว้ก่อนด้วย 

 

Q: ให้คะแนนความเส้นตื้นของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ (จากเต็ม 10) 

A: ผมเป็นคนขำง่ายนะถ้าอยู่กับเพื่อนๆ ยิ่งเพื่อนเยอะ ผมนี่ยิ่งขำหนัก ก็ไปคิดกันเอาเองว่าเส้นตื้นแค่ไหน 

 

Q: เคยคิดมั้ยว่าการหัวเราะจะกลายมาเป็นอุปสรรคของเรา 

A: ไม่เคยคิดเหมือนกัน แต่พอครั้งนี้มันต้องมากลั้นขำ แล้วต้องมาเจอกับเพื่อนๆ ตัวป่วนแบบนี้มันก็…ยากนิดนึง 

 

Q: ความน่าสนใจของรายการนี้ ที่จะทำให้แตกต่างจากรายการแนวคอเมดี้ทั่วไปคืออะไร?  

A: ดารารับเชิญมากันเยอะมากๆ แล้วก็มีแต่ตัวเป้งๆ ทั้งนั้นเลย แล้วก็สิ่งที่มันจะเซอร์ไพรส์คือ แต่ละคนเขาจะมีการละเล่นที่หมกเม็ดไว้อยู่ แต่พอได้มาเห็นนี่โอ้โหอย่างฮา  

 

วราวุธ โพธิ์ยิ้ม (ตั้ม) 

“เหมือนเอาผมมาทรมาน” 

  

จุดแข็ง: มีความสามารถด้านการแสดง 

จุดอ่อน: หัวเราะง่าย ยิ้มเก่ง 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: รู้สึกว่ามันเป็นคอนเซ็ปต์ที่ท้าทายมาก ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คือผมคิดไปต่างๆ นานาอยู่เป็นวันว่าเราจะเส้นตื้นไหม จะทำให้คนอื่นหัวเราะได้ไหม  มันเป็นอะไรที่ใหม่มากเพราะว่าปกติเราเอนเตอร์เทนคนก็ยากแล้ว แต่อันนี้เราต้องเอนเตอร์เทนคนที่เขาไม่ยอมขำกับเราง่ายๆ แล้วการที่เราชอบดูตลก เป็นคนอารมณ์ดี แต่ต้องมานั่งอั้นขำกับมุกตลกเนี่ย อันนี้คือความใหม่ที่ท้าทายมากๆ  

 

Q: ตอนที่ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ คือใครบ้าง เรารู้สึกอย่างไร? 

A: ผมคิดอย่างเดียวเลยว่ากูตายแน่ เพราะว่าพี่ๆ ที่เดินเข้ามาในฉากตอนนั้นนี่ผมติดตามผลงานทุกคน ผมเสพงานเขา เอาเขาเป็นตัวอย่างในการเอนเตอร์เทนในงานของเราตลอด แล้วเราก็แพ้ทางหลายคนมากๆ นึกในใจว่าไปคนแรกแน่ๆ ต้านทานพวกพี่เขาไม่ไหวแน่ๆ เพราะว่าเขามีคลังกระสุนมากกว่าเราทุกคนเลย…ก็รู้สึกว่าเซอร์ไพรส์มาก แล้วก็คิดว่างานนี้ต้องมันแน่ๆ อย่างน้อยถ้าเราตกรอบคนแรก เราก็คงได้วิชากลับบ้านไปเยอะพอสมควร 

 

Q: ใครเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด
A: คนที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผมคือพี่บอลกับพี่ตั๊ก ผมชอบดูรายการที่พี่เขาทำด้วยกันมาก แล้วก็แพ้ทางเขามาก แค่ผมเห็นหน้าเขา เห็นเขามองตากันผมก็ขำแล้วอ่ะ เพราะฉะนั้นผมจะพยายามไม่มองเขาเด็ดขาด ไม่คุย ไม่เล่น แล้วก็จะไม่เข้าไปคิลเขาด้วย กลัวเราจะตายเอง // ส่วนคนที่น่ากลัวน้อยที่สุด คือตัวผมเองเลยครับ คือเราไม่ใช่ตลกอาชีพ เราเป็นแค่คนอารมณ์ดี ผมบอกเลยนะว่าคนอารมณ์ดีไม่เหมาะกับรายการนี้ เพราะหนึ่งคือคุณไม่ได้เป็นคนตลกมาก สองคือคุณขำง่าย คนที่น่ากลัวน้อยสุดก็คือผมเองนี่แหละ 

 

Q: ก่อนมาถ่ายทำรายการมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะสามารถเหลือรอดเป็น “Last One Laughing” ได้  

A: ไม่มั่นใจเลย เพราะว่ามันคาดเดาอะไรไม่ได้ ก่อนที่จะมาถ่ายเรายังไม่รู้เลยว่ามีใครบ้าง เรียกว่าไม่เห็นภาพอะไรเลย เพราะฉะนั้นเราก็เตรียมตัวเท่าที่เรามี เตรียมสิ่งที่เราคิดว่ามันน่าจะโอเคที่สุดเข้าไปอะไรแบบนี้ 

 

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาถ่ายทำ 

A: จดมุกครับ ผมจดมุกไปเยอะเลยเพราะว่ากลัวตัน คุยกับเพื่อน แล้วก็เราปรึกษากับพี่ทีมงานที่ดูแลเราอยู่ว่าเล่นแบบนี้ผ่านไหม ลองเล่นให้เขาดู แล้วก็พยายามดูตลกเยอะๆ ส่วนเรื่องกลั้นหัวเราะอ่ะไม่ได้เตรียมตัวเลย เตรียมไปฆ่าคนอื่นอย่างเดียว แต่ไม่ได้เตรียมว่าเราจะกลั้นหัวเราะยังไง 

 

Q: ให้คะแนนความเส้นตื้นของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ (จากเต็ม 10) 

A: ให้ 11 เลย คือถ้าเจอมุกที่มันโดนมันยากมากอ่ะ ยิ่งกลั้นมันยิ่งมา แล้วยิ่งถ้าคนอื่นมองมาที่เราที่กลั้นขำอยู่ ผมว่าผมก็ยิ่งจะตายเข้าไปอีก  

 

Q: เคยคิดมั้ยว่าการหัวเราะจะกลายมาเป็นอุปสรรคของเรา 

A: ไม่เคยคิดเลยครับ การหัวเราะมันเป็นเรื่องดี มันคือสิ่งที่เราควรจะปลดปล่อยออกมา แต่นี่มันดันกลายเป็นโจทย์ที่เราต้องมาแข่งกัน ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าเสียงหัวเราะจะต้องมาเป็นอุปสรรคสำหรับเรา  

 

Q: ความน่าสนใจของรายการนี้ ที่จะทำให้แตกต่างจากรายการแนวคอเมดี้ทั่วไปคืออะไร?  

A: ผมบอกเลยว่าทุกคนไม่ควรพลาด คือปกติเวลาเราดูตลกเราก็ขำไปด้วยกันทั้งประเทศถูกไหม แต่อันนั้นคุณจะได้ขำทั้งมุกที่ตลก และมุกที่ฝืดแต่คุณขำจังหวะสอง แล้วคุณจะมีความสุขไปกับความทรมานของคนที่กลั้นขำ ผมก็ฝากคนดูทุกคนหัวเราะแทนผมด้วยนะครับ เพราะตอนนั้นที่ผมแข่งมันอึดอัดมาก เพราะฉะนั้นผมหวังว่าคนดูจะหัวเราะดังขึ้นกว่าเดิม เพราะนอกจากคุณจะได้ปลดปล่อยเต็มที่แล้ว คุณยังได้หัวเราะแทนคนอื่นด้วย  

 

นิภาภรณ์ ฐิติธนการ (ซานิ) 

“ความฮาของเราอยู่ที่มุกลั่นๆ มุกเหวอๆ” 

  

จุดแข็ง: หัวเราะยาก รู้มุกตลกเยอะ 

จุดอ่อน: แพ้ทางตลกสายคาดเดาไม่ได้ 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: ตื่นเต้นสุดๆ ค่ะ เพราะได้ไปดูรูปแบบรายการมา มันมีความยากพอสมควรเลย ก็เตรียมตัวมาสู้เต็มที่ค่ะ 

 

Q: ตอนที่ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆคือใครบ้าง เรารู้สึกอย่างไร? 

A: จากที่ตอนแรกไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้ดีแค่ไหน เห็นคู่แข่งปุ๊บก็รู้สึกว่าตายแน่ ไม่รอดชัวร์ ฮ่าๆๆ 

 

Q: ใครเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด
A: คนที่คิดว่าน่ากลัวสุดคือ พี่บอล ตั้ม พี่ตั๊ก // ส่วนน่ากลัวน้อยสุดน่าจะเป็นคิวเทกับติช่า อันนี้ในมุมมองเรานะ เพราะแต่ละคนก็จะแพ้ทางตลกคนละแบบ 

 

Q: ก่อนมาถ่ายทำรายการมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะสามารถเหลือรอดเป็น “Last One Laughing” ได้  

A: ก็คิดว่าเราก็แน่อยู่เหมือนกันนะ มันต้องลองให้รู้กันซักตั้ง 

 

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาถ่ายทำ 

A: มีเตรียมมุกมาก่อนล่วงหน้าประมาณนึง แล้วก็บอกตัวเองว่าเวลาจะหลุดขำให้พยายามคิดถึงเรื่องอื่นไว้ จะย่นหน้า เหลือกตาอะไรก็ทำไป แต่จะมาตายง่ายๆ ไม่ได้ มันเสียศักดิ์ศรี! 

 

Q: ให้คะแนนความเส้นตื้นของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ (จากเต็ม 10) 

A: 7 คะแนนค่ะ 

 

Q: เคยคิดมั้ยว่าการหัวเราะจะกลายมาเป็นอุปสรรคของเรา 

A: ไม่เคยเลย เพราะทุกรายการที่ไปออกก็มีแต่บอกว่า ‘เอาฮาๆ เลยนะพี่ สนุกเต็มที่ได้เลย’ แต่พอมาเจอรายการนี้มันเหมือนเราต้องเล่นให้สุดเพื่อให้คนอื่นขำ แต่ก็ห้ามขำเอง คือเป็นโจทย์ที่ท้าทายสุดๆ 

 

Q: ความน่าสนใจของรายการนี้ ที่จะทำให้แตกต่างจากรายการแนวคอเมดี้ทั่วไปคืออะไร?  

A: ก็คือการที่เขาห้ามไม่ให้ขำนี่แหละค่ะ จะยิ้ม จะเห็นฟันไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่มุกที่ยิงกันตลกมาก เป็นอะไรที่น่าติดตามว่าเกมมันจะเดินไปทางไหน มันอยู่เหนือการคาดเดาไปหมด 

ชัชชัย จำเนียรกุล (บอล เชิญยิ้ม) 

“ช่วยเอาผมออกไปได้มั้ย” 

 

 

จุดแข็ง: ตลกรุ่นเก๋า ประสบการณ์เหลือล้น เทคนิคแพรวพราว 

จุดอ่อน: แพ้ทางตลกไร้สาระ 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: ครั้งแรกนึกว่าโดนอำ ไม่คิดว่ารายการแบบนี้จะมีด้วย เลยรู้สึกว่าแปลกใหม่ ปกติเราสร้างเสียงหัวเราะให้คนอื่นอยู่แล้ว แต่เราต้องมาห้ามหัวเราะเอง สร้างสรรค์ดี 

 

Q: ตอนที่ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆคือใครบ้าง เรารู้สึกอย่างไร? 

A: รู้สึกแต่ละคนเดาทางยากมาก 

 

Q: ใครเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด
A: น่ากลัวที่สุดคือคิวเท เพราะเขาอาจจะไม่เข้าใจภาษาไทย 100% พอไม่เข้าใจเลยอาจจะไม่ขำ // น่ากลัวน้อยที่สุด คือ ตั๊ก-บริบูรณ์ เพราะเรารู้จุดเขา 

 

Q: ก่อนมาถ่ายทำรายการมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะสามารถเหลือรอดเป็น “Last One Laughing” ได้  

A: ไม่เลย เพราะถึงเราเตรียมตัวมาดี แต่ความตลกมันควบคุมไม่ได้ 

 

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาถ่ายทำ 

A: มีเตรียมวางแผนโชว์มาบ้าง 

 

Q: ให้คะแนนความเส้นตื้นของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ (จากเต็ม 10) 

A: แล้วแต่โอกาสและจังหวะ  

 

Q: เคยคิดมั้ยว่าการหัวเราะจะกลายมาเป็นอุปสรรคของเรา 

A: ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเจออะไรแบบนี้ รายการนี้สุดจริงๆ 

 

Q: ความน่าสนใจของรายการนี้ ที่จะทำให้แตกต่างจากรายการแนวคอเมดี้ทั่วไปคืออะไร?  

A: รายการนี้มีความแปลกใหม่ นำคนอารมณ์ดีมารวมตัวกัน แล้วต้องทำให้คนอื่นขำ แต่เราห้ามขำเอง นี่เป็นความแตกต่างจากรายการตลกทั่วไป ที่เราเองก็เพิ่งเคยเจอ แต่สนุกมาก 

ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ (ต้นหอม) 

“ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ทุกคนแว้งกัดได้หมด” 

 

จุดแข็ง: ไม่ชอบแพ้ใคร ความบ้าไม่มีที่สิ้นสุด 

จุดอ่อน: แพ้ทางบอล เชิญยิ้ม 

 

Q: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคอนเซ็ปต์ของรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า เป็นครั้งแรก? 

A: ตอนแรกยังนึกภาพไม่ออก เพราะเป็นรายการที่ใหม่มากในเมืองไทย ยังไม่เคยเห็นรายการรูปแบบนี้มาก่อน แล้วก็ตามมาด้วยความกังวลใจว่าเราต้องทำอะไรหรือเล่นอะไรให้คนหัวเราะ รวมถึงเราจะกลั้นหัวเราะยังไง แต่โดยรวมรู้สึกเป็นความแปลกใหม่ที่น่าสนใจ อีกอย่างรายการนี้มีในเวอร์ชั่นประเทศอื่นๆและโด่งดังในหลายประเทศทั่วโลก หอมเลยรู้สึกว่าเป็นความท้าทายที่ได้มาร่วมรายการ 

 

Q: ตอนที่ได้รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆคือใครบ้าง เรารู้สึกอย่างไร? 

A: แค่เห็นหน้าก็ตลกแล้วค่ะ มีหลายคนที่เราสนิทอยู่แล้ว แค่เห็นหน้าก็อยากจะหัวเราะเลย เพราะเป็นโลโก้ของความตลกและเราก็รู้ว่าแต่ละคนที่เราสนิท แสบขนาดไหน 

 

Q: ใครเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด // และใครที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุด
A: น่ากลัวที่สุดจะเป็นติช่ากับคิวเทค่ะ เพราะว่าหอมสนิทกับทั้งคู่น้อยที่สุด เลยไม่ค่อยรู้จุดอ่อนเขา แล้วก็เป็นสายต่างชาติ กลัวเขาจะไม่เข้าใจมุกของเรา // ส่วนคนที่คิดว่าน่ากลัวน้อยที่สุดสำหรับหอมคือ ตั้ม-วราวุธ ค่ะ เพราะว่าตั้มเป็นคนเส้นตื้น นิดหน่อยก็หัวเราะแล้ว เป็นคนขี้ขำ 

 

Q: ก่อนมาถ่ายทำรายการมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะสามารถเหลือรอดเป็น “Last One Laughing” ได้  

A: มั่นใจมาก เพราะคิดว่ารู้จักทุกคนดี คิดว่าเราหัวเราะยาก เราน่าจะรู้ทันพวกนั้นด้วย พวกนั้นต่างหากที่ต้องกลัวเรา ไม่มีใครทำอะไรเราได้แน่ แต่พอถ่ายทำรายการจริงๆ เราต้องอยู่ในนั้นหลายชั่วโมง มีความกดดันด้วยอะไรด้วย มีการแข่งขัน จนเราเริ่มรู้สึกเพี้ยน สติแตก ไม่เป็นตัวของตัวเอง หลุดๆบ้าง 

 

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาถ่ายทำ 

A: ฝึกงานโชว์ ที่เราต้องขึ้นโชว์ เราอยากให้โชว์ของเราเป๊ะ เนี้ยบ  

 

Q: ให้คะแนนความเส้นตื้นของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ (จากเต็ม 10) 

A: สำหรับหอมแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ ถ้ากับบางคนที่หอมแพ้ แค่หอมเจอหน้าก็ไม่ได้แล้ว อย่างพี่บอล พี่ตั๊ก-บริบูรณ์ ตั้ม-วราวุธ พวกนี้แค่เห็นหน้าหอมก็อยากหัวเราะแล้ว อย่างในรายการจะมีตอนที่ตั้มกลั้นขำ หอมหันไปเห็น ก็แทบจะไม่รอดเหมือนกัน คือถ้าเป็นคนที่แพ้ทางจริงๆหอมกลั้นไม่ได้เลย ถ้าเป็นคนที่สนิท แค่มองตากัน เราก็รู้แล้วว่าเขาจะทำอะไร ก็คือขำนำไปแล้ว เรารู้ทางกัน แต่ถ้าไม่ใช่ทางของเรา ก็ยากมากที่จะทำให้เราหัวเราะ 

 

Q: เคยคิดมั้ยว่าการหัวเราะจะกลายมาเป็นอุปสรรคของเรา 

A: ไม่เคยคิดเลยค่ะ แต่ชอบนะ ชอบการพยายามที่จะต้องกลั้นหัวเราะ มันเหมือนเราเป็นคนอารมณ์ดี แต่เราต้องเก็บกดมันไว้ แปลว่าเรามีความอารมณ์ดีเหลือเฟือมาก แล้วตอนถ่ายทำรายการก็สนุกมากค่ะ 

 

Q: ความน่าสนใจของรายการนี้ ที่จะทำให้แตกต่างจากรายการแนวคอเมดี้ทั่วไปคืออะไร? และเหตุผลที่ห้ามพลาดรายการ LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า คืออะไร? 

A: ปกติเวลาเราออกรายการแนวเอ็นเตอร์เทน เราก็อยากให้คนหัวเราะเนอะ แต่รายการนี้แตกต่างจากรายการอื่นคือ เราอยากให้คนหัวเราะด้วยอีกจุดประสงค์ มีความมุ่งร้าย มีความอยากเอาชนะ เลยยิ่งต้องถาโถมความตลกใส่กัน และเหตุผลที่ห้ามพลาดรายการ LOL Thailand ก็คือ เวลาที่เราดูรายการเราจะรู้จักเนเจอร์ดาราทุกคนที่มาออกอยู่แล้ว เห็นปุ๊บก็จะรู้ถึงความปั่นป่วนวุ่นวายแต่สนุกจัดๆที่จะเกิดขึ้น พวกนี้คือสายตลกหมดเลย แล้วจะต้องมาอยู่รวมกัน เป็นรายการที่มีกลุ่มคนที่ตลกโดยธรรมชาติมาอยู่รวมกันเยอะๆ แล้วต้องกลั้นขำ ความสนุกที่คนดูจะได้รับมันเลยยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก นอกจากพวกเรารู้ทางกันเอง คนดูก็น่าจะรู้ทางพวกเรา ว่าแต่ละคนเป็นยังไง ถึงบางทีเราไม่ได้พูด คนดูก็อาจจะรู้ทันว่าเราคิดอะไรอยู่ กำลังก่นด่าหรือบ่นอะไรในใจ มันเป็นอะไรที่น่าลุ้นและน่าติดตามมากสำหรับหอม 

 

4 กรกฎาคม นี้ เตรียมพบกับสมรภูมิกลั้นขำแห่งชาติครั้งแรกของประเทศไทย ใน 

LOL: Last One Laughing Thailand หัวเราะทีหลังปังกว่า ที่ Prime Video เท่านั้น!!