Twisters – ทวิสเตอร์ส
เปิดรอบพิเศษ วันพุธที่ 10 กรกฎาคม ตั้งแต่ 19.00 น. เป็นต้นไป
เปิดซื้อตั๋วล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ในระบบ IMAX, Screen X, 4DX, MX4D และ Zigma CineStadium
ฉายจริง 11 กรกฏาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
รายละเอียดเพิ่มเติม | https://www.twisters-thai.com/
#ทวิสเตอร์ส #TwistersMovie
ซัมเมอร์นี้ภาพยนตร์แนวภัยพิบัติธรรมชาติจากสตูดิโอฟอร์มยักษ์จะกลับมาสร้างความตื่นเต้น อะดรีนาลีนพุ่งพล่านจนต้องเกาะขอบเบาะไว้ให้แน่น เรื่องราวที่จะพาคุณไปสัมผัสกับพลังจากธรรมชาติสุดมหัศจรรย์และเกิดทำลายล้างอย่างยิ่งใหญ่ชนิดหนึ่ง
ผลงานจากผู้อำนวยการสร้างฯ เรื่อง Jurassic, Bourne และภาพยนตร์ซีรีส์ Indiana Jones สู่เรื่อง Twisters ยุคปัจจุบันที่อิงจากภาพยนตร์เรื่องดังปี 1996 เรื่อง Twister กำกับฯ โดย อี ไอแซค จอง ผู้เขียนบทฯ ผู้กำกับฯ ที่เคยชิงรางวัล Oscar จากเรื่อง Minari ภาพยนตร์เรื่อง Twisters นำแสดงโดย ไดซี่ เอ็ดการ์-โจนส์ ผู้ชิงรางวัล Golden Globe (Where the Crawdads Sing, Normal People) และเกล็น พาวเวลล์ (Anyone But You, Top Gun: Maverick) ที่ต้องร่วมมือกันต่อสู้กับพลัง โดยพยายามคาดการณ์และควบคุมพลังจากพายุทอร์นาโดอันรุนแรง
เอ็ดการ์-โจนส์ รับบท เคท คูเปอร์ อดีตนักล่าพายุที่ยังคงฝังใจกับความเสียหายอย่างรุนแรงจากพายุทอร์นาโด เมื่อช่วงเธอเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้เธอศึกษาเรื่องรูปแบบของพายุบนหน้าจออย่างระมัดระวังในเมืองนิวยอร์ค เธอถูก จาวี เพื่อนของเธอหลอกให้กลับไปเปิดใจ เพื่อทดสอบระบบการติดตามตัวใหม่ที่ล้ำสมัย ทำให้เธอได้พบกับไทเลอร์ โอเวนส์ (พาวเวลล์) คนดังบนโซเชียลมีเดียที่มีเสน่ห์แต่ขาดความรอบคอบ เขามีชื่อเสียงด้านการโพสต์เรื่องราวการผจญภัยล่าพายุกับทีมเพื่อนสุดห้าว โดยคิดว่ายิ่งเสี่ยงตายเท่าไหร่ยิ่งดี
เมื่อถึงฤดูพายุที่มีความรุนแรงและเกิดปรากฎการณ์น่ากลัวอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เคท ไทเลอร์ และทีมที่แข่งขันของพวกเขาพบว่าต่างถูกล้อมอยู่ในพายุหลากรูปแบบ พายุพัดทั่วใจกลางโอคลาโฮมาและพวกเขาต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
ภาพยนตร์เรื่อง Twisters ยังนำแสดงโดยแอนโทนี่ ราโมส ผู้ชิงรางวัล Golden Globe (In the Heights) ในบทจาวี เจ้าของรางวัล Golden Globe มอว์ร่า เทียร์นีย์ (Beautiful Boy) และซาช่า เลน (American Honey) พร้อมด้วยเดวิด โคเรนสเว็ต (ผลงานที่กำลังจะฉาย Superman: Legacy), แดริล แมคคอร์แมค (Peaky Blinders) เคียร์แนน ชิปก้า (Chilling Adventures of Sabrina) และนิค โดดานี (Atypical)
จองกำกับจากบทภาพยนตร์ของมาร์ค แอล. สมิธ ผู้เขียนบทภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัล Best Picture เรื่อง The Revenant จากเนื้อเรื่องของโจเซฟ โคซินสกี (Oblivion) สร้างอิงจากตัวละครที่สร้างโดยไมเคิล คริชตัน และ แอนน์-มารี มาร์ติน ภาพยนตร์เรื่อง Twisters อำนวยการสร้างฯ โดย แฟรงค์ มาร์แชล ผู้ชิงรางวัล Oscar (Jurassic และภาพยนตร์แฟรนไชส์ Indiana Jones) และแพทริค โครว์ลีย์ (Jurassic และภาพยนตร์แฟรนไชส์ Bourne) และผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ สตีฟ สปีลเบิร์ก, โธมัส เฮย์สลิป และ แอชลีย์ เจย์ แซนด์เบิร์ก
ทีมงานฝ่ายสร้างสรรค์ ได้แก่ ผู้กำกับภาพ แดน มินเดล (Mission Impossible III, Star Trek, Star Wars: The Force Awakens) ผู้ออกแบบฉากฯ แพทริค ซัลลิแวน (Brightburn, ผู้กำกับศิลป์ฯ Twister) ผู้ลำดับภาพ เทริลิน เอ. ชรอปไชร์ (The Woman King) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ยูไนซ์ เจรา ลี (Bottoms, How to Blow Up a Pipeline) และผู้ประพันธ์ดนตรี เบ็นจามิน วอลฟิช (Blade Runner 2049, The Flash)
Universal Pictures, Warner Bros. Pictures และ Amblin Entertainment นำเสนอภาพยนตร์จาก Lee Isaac Chung Film เรื่อง Twisters จัดจำหน่ายต่างประเทศโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
PRODUCTION INFORMATION
TABLE OF CONTENTS
THE SYNOPSIS 3
THE DIRECTOR’S STATEMENT………………………………………………………………..4
THE BACKSTORY 4
THE CHARACTERS 11
kate carter– daisy edgar-jones 11
tyler owens– glen powell 13
javi – anthony ramos 15
boone – brandon perea ………………………………………………………………………………………………17
cathy – maura tierney………………………………………………………………………………………………. 17
lily – sasha lane …………………………………………………………………………………………………………18
scott – david corenswet 19
tyler’s tornado wranglers 19
kate’s tornado tamers 20
THE PRODUCTION DESIGN AND LOCATIONS 22
THE CINEMATOGRAPHY ……………………………………………………………………..29
THE COSTUME DESIGN ……………………………………………………………………….31
THE TORNADO DESIGN ……………………………………………………………………….33
THE TORNADO SCENES………………………………………………………………………..36
เนื้อเรื่องย่อ
ซัมเมอร์นี้ภาพยนตร์แนวภัยพิบัติธรรมชาติจากสตูดิโอฟอร์มยักษ์จะกลับมาสร้างความตื่นเต้น เรื่องราวที่จะพาคุณไปสัมผัสกับพลังจากธรรมชาติสุดมหัศจรรย์และเกิดทำลายล้างอย่างยิ่งใหญ่ชนิดหนึ่ง
ผลงานจากผู้สร้างฯ Jurassic, Bourne และซีรีส์ Indiana Jones สู่เรื่อง Twisters
เรื่องราวปัจจุบันจากผลงานฟอร์มยักษ์ปี 1996 เรื่อง Twister กำกับฯ โดย อี ไอแซค จอง ผู้เขียนบทฯ – ผู้กำกับฯ ที่เคยชิงรางวัล Oscar® จากเรื่อง Minari ภาพยนตร์เรื่อง Twisters ยังนำแสดงโดย เดซี เอ็ดการ์-โจนส์ (Where the Crawdads Sing), เกล็น พาวเวลล์ (Top Gun: Maverick) และแอนโทนี่ ราโมส (Transformers: Rise of the Beasts) พวกเขาจะมาร่วมมือกันลองคาดเดาและควบคุมพลังอันยิ่งใหญ่ของพายุทอร์นาโด
เอ็ดการ์-โจนส์ รับบท เคท คาร์เตอร์ อดีตนักล่าพายุที่เคยเห็นอำนาจการทำลายล้างของทอร์นาโดช่วงที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้เธอกำลังศึกษารูปแบบของพายุบนหน้าจออย่างระมัดระวังในนิวยอร์ค เธอถูก จาวี (รามอส) เพื่อนของเธอหลอกให้กลับไปเปิดใจ เพื่อทดสอบระบบการติดตามตัวใหม่ที่ล้ำสมัย ทำให้เธอได้พบกับไทเลอร์ โอเวนส์ (พาวเวลล์) คนดังบนโซเชียลมีเดียที่มีชื่อเสียงด้านการโพสต์เรื่องราวการผจญภัยล่าพายุกับทีมเพื่อนสุดห้าว โดยคิดว่ายิ่งเสี่ยงตายเท่าไหร่ยิ่งดี
เมื่อถึงฤดูพายุที่มีความรุนแรงและเกิดปรากฎการณ์น่ากลัวอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เคท ไทเลอร์ และทีมที่แข่งขันของพวกเขาพบว่าต่างถูกล้อมอยู่ในพายุหลากรูปแบบ พายุพัดทั่วใจกลางโอคลาโฮมาและพวกเขาต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
ภาพยนตร์เรื่อง Twisters ยังมีนักแสดงหน้าใหม่ที่สร้างความตื่นเต้น เช่น แบรนดอน เพเรีย จาก Nope เจ้าของรางวัล Golden Globe มอว์ร่า เทียร์นีย์ (Beautiful Boy), ซาช่า เลน (American Honey), แฮร์รี่ แฮดเดน-พาตัน (The Crown), เดวิด โคเรนสเว็ต (We Own This City), แดริล แมคคอร์มิค (Peaky Blinders), ทันเด อเดบิมเป (Leave the World Behind), เคที่ โอ’ไบรอัน (Ant-Man และ the Wasp: Quantumania), นิค โดดานี (Atypical), เคียร์แนน ชิปกา (Chilling Adventures of Sabrina) และ พอล เชียร์ (Black Monday)
ผลงานจาก Amblin Entertainment ภาพยนตร์เรื่อง Twisters กำกับฯ โดย อี ไอแซค จอง อำนวยการสร้างฯ โดย แฟรงค์ มาร์แชล ผู้ชิงรางวัล Oscar® (Jurassic และ Indiana Jones franchises) และแพทริค โครว์ลีย์ (Jurassic และแฟรนไชส์ Bourne) บทภาพยนตร์โดย มาร์ค แอล. สมิธ ผู้เขียนบทภาพยนตร์ที่ชิงรางวัล Best Picture เรื่อง The Revenant จากเนื้อเรื่องโดยโจเซฟ โคซินสกี (Oblivion) สร้างจากตัวละครของไมเคิล คริชตัน และ แอนน์-มารี มาร์ติน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย สตีเวน สปีลเบิร์ก เจ้าของรางวัล Academy Award® โธมัส เฮย์สลิป และ แอชลลีย์ เจย์ แซนด์เบิร์ก
ผู้กำกับภาพ แดน มินเดล asc, bsc (Star Wars: Episode VII- The Force Awakens, Star Trek Into Darkness) และผู้ออกแบบฉาก แพทริค ซัลลิแวน (ผู้กำกับศิลป์น Beautiful Boy, Mary Poppins Returns) ลำดับภาพโดย เทริลิน เอ. ชโรไชร์ ผู้ชิงรางวัล Emmy (The Woman King, The Old Guard) ประพันธ์ดนตรีโดย เบ็นจามิน วอลฟิช ผู้ชิงรางวัล Grammy และ Emmy (Blade Runner 2049, Hidden Figures) ออกแบบเครื่องแต่งกายโดย ยูไนซ์ เจรา ลี (Bottoms, Laugh Out Loud by Kevin Hart)
ภาพยนตร์เรื่อง Twisters จะจัดจำหน่ายโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์สในต่างประเทศ และโดยยูนิเวอร์แซล พิกเจอร์สในอเมริกาเหนือ
คำแถลงจากผู้กำกับฯ
การกำกับฯ เรื่อง Twisters นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่สำหรับผม เพราะส่วนใหญ่ผมจะทำหนังต้นทุนน้อยและหนังอินดี้ ผมโตขึ้นที่ NW Arkansas ชายแดนโอกลาโฮม่า พายุทอร์นาโดคือความยิ่งใหญ่มากสำหรับผม ตอนเด็กผมจำได้ว่าภาพยนตร์ต้นฉบับฉายเมื่อปี 1996 มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้าไปในพายุขณะที่คนอื่นๆ กำลังวิ่งหนีออกมา เมื่อผู้อำนวยการสร้างฯ ชวนผมมากำกับฯ ผลงานตอนใหม่นี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติและประหม่ากับการเปลี่ยนแปลงสู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งช่วงซัมเมอร์ แต่ภาพยนตร์มีสิ่งที่ผลักดันให้ผมกล้ารับความท้าทายนี้ เพราะผมอยากวิ่งไปเผชิญความกลัวและไม่หนีมันอีกต่อไป
มีหลายองค์ประกอบที่สำคัญต่อการสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ผมอยากเล่าเรื่องราวนี้โดยที่มีตัวละครนำหญิงผู้เข้มแข็งมานานแล้ว ซึ่งเดซี เอ็ดการ์-โจนส์ถ่ายทอดออกมาได้ในทุกรายละเอียดเลย เราร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดกับทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศผู้เสียสละ ผมหวังว่าเราจะสร้างประสบการณ์ได้สมจริง พาผู้ชมไปสัมผัสสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเราได้อย่างใกล้ชิด สิ่งที่สร้างความหวาดกลัวและพาเราไปอยู่ในใจกลางคลื่นพายุได้
การร่วมงานเคียงข้างผู้ทรงพลังแห่งวงการอย่างสตีเวน สปีลเบิร์กและแฟรงค์ มาร์แชลล์นับเป็นเกียรติสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิตการทำงานของผมเลย ความเชื่อมั่นของพวกเขาที่มีต่อจินตนาการของผมในหนังเรื่องนี้มันมีพลังมหาศาล หนังเรื่องนี้ตั้งใจมอบความสุขที่อยู่เหนือขอบเขตจอภาพยนตร์ และผมหวังว่าจะจุดประกายความสงสัยและความกลัวอย่างที่ผมรู้สึกตอนเด็กได้ เมื่อได้เห็นพลังของธรรมชาติเป็นครั้งแรก — อี ไอแซค จอง
เรื่องราวในอดีต
ปี 1996 Amblin Entertainment และ The Kennedy/Marshall Company ได้พัฒนาภาพยนตร์เกี่ยวกับภัยธรรมชาติขึ้นมาเรื่อง Twister เป็นการร่วมงานกันครั้งใหญ่ของผู้สร้างฯ สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้แต่งหนังสือขายดี ไมเคิล คริชตัน และผู้กำกับฯ แจน เดอ บอนต์ ที่จะมาสร้างความประทับใจให้ผู้ชม พายุทอร์นาโดกลายเป็นผลงานภาพยนตร์ที่สร้างความหวาดกลัวด้านดิจิตอลเอ็ฟเฟ็กต์ในช่วงแรก และนักอุตุนิยมวิทยาผู้ชาญฉลาดกลายเป็นฮีโร่คนสำคัญของเรื่อง ตอนนี้ผลงานภาคต่อเกิดขึ้นแล้วในเรื่อง Twisters ซึ่งเป็นผลงานอมตะตอนใหม่ที่จะมาสร้างความตื่นเต้นให้แฟรนไชส์
ความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ และ ความบันเทิงขั้นสูงสุด
การพัฒนาบทภาพยนตร์เรื่อง Twisters
ภาพยนตร์เรื่อง Twisters เริ่มหมุนเวียนกลับมาอีกครั้งเมื่อปี 2020 เมื่อผู้สร้างภาพยนตร์ โจเซฟ โคซินสกี (Top Gun: Maverick; Oblivion) เลือกแอมบลินและเคนเนดี้/มาร์แชลล์มาร่วมงานในฉากใหม่ของภาพยนตร์ ที่ยิ่งใหญ่กว่าโลกภาพยนตร์ปี 1996 เป็นการติดตามเรื่องราวการผจญภัยของนักล่าพายุรุ่นใหม่ นั่นคือการร่วมงานกับผู้เขียนบทฯ มาร์ค แอล. สมิธ (The Revenant; The Boys in the Boat) โดยโคซินสกีได้พัฒนาเรื่องราวของเคท คาร์เตอร์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยึดมั่นอุดมการณ์ที่เกิดและโตในโอกลาโฮมา จุดที่มีพายุรุนแรงในอเมริกาจนเรียกว่า “ตรอกพายุทอร์นาโด” เธออุทิศชีวิตเพื่อการศึกษารูปร่างพายุและการพัฒนาวิธีที่ทำให้อ่อนกำลัง รวมถึงการจัดการพวกมัน รอบตัวเคทยังมีกลุ่มตัวละครสมทบที่ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์ได้พาไปสำรวจการล่าพายุแบบต่างๆ มีทั้งนักอุตุนิยมวิทยามืออาชีพ ผู้หลงใหลด้านสภาพอากาศที่รุนแรงจัด และเหล่านักผจญภัยที่กระหายความตื่นเต้น
สิ่งสำคัญในช่วงพัฒนาบทภาพยนตร์ คือการสร้างความมั่นใจว่าบทภาพยนตร์อยู่บนพื้นฐานความถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ “เหตุผลหนึ่งที่ Twister เรียกความสนใจได้มาก คือไมเคิล คริชตันมีการเขียนอิงตามหหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องที่แต่งขึ้นมาเอง” แฟรงค์ มาร์แชลล์กล่าว เขาอยู่ในวงการบันเทิง 56 ปีแล้วในฐานะผู้สร้างฯ (The Sixth Sense; The Curious Case of Benjamin Button) ผู้กำกับฯ (Arachnophobia; Eight Below) และผลงานแฟรนไชส์ฟอร์มยักษ์อีกมากมาย (Back to the Future, Indiana Jones, Jurassic Park) เขาได้รางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน เขาคือ 1 ใน 25 คนที่ได้รับรางวัล EGOT (Emmy, Grammy, Oscar และ Tony award) สำหรับเรื่อง Twisters มาร์แชลล์ตั้งใจบริหารผลงานจากแฟรนไชส์ของเคธลีน เคนเนดี้ ภรรยาของเขา ผู้สร้างฯ Twister และตอนนี้เป็นประธานแห่ง Lucasfilm
“ผู้คนจะรู้สึกหลงใหลในสิ่งที่พวกเขาสัมผัสได้” มาร์แชลล์กล่าว “และน่าเสียดายสิ่งที่ไมเคิลเขียนเอาไว้เมื่อปี 1990 กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยและมีความรุนแรงมาก” คริชตันเป็นผู้เขียนนิยาย Jurassic Park, The Andromeda Strain และ Congo และนิยายที่นำมาสร้างภาพยนตร์มีการค้นหาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง เขาเสียชีวิตลงเมื่อปี 2008 “ขณะที่เราอยากให้วิทยาศาสตร์ช่วยลดความรุนแรงของพายุทอร์นาโดในเรื่อง Twisters เราก็อยากแน่ใจด้วยว่าภาพยนตร์ยังคงตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง” มาร์แชลล์กล่าว “นั่นคือเหตุผลที่เราไม่เคยพูดในหนังว่าเราจะกำจัดพายุทอร์นาโดได้ เราแค่ลดระดับความรุนแรงของมันได้ แต่เราขัดขวางมันไม่ได้เลย ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่พวกเราไม่เข้าใจเกี่ยวกับมัน”
เป้าหมายของการเขียนบทภาพยนตร์ขึ้นมาสักเรื่องหนึ่ง คือการสร้างเรื่องราวบนความน่าเชื่อถือและความสมจริง ทำให้สมิธค้นหาข้อมูล สัมภาษณ์นักอุตุนิยมวิทยา และร่วมทางไปกับเหล่านักล่าพายุเพื่อเข้าใจการทำงานของพวกเขามากยิ่งขึ้น ทีมงานฝ่ายผลิตเองก็อยากทำแบบนั้นเช่นกัน จึงตัดสินใจติดต่อเพื่อนจากแฟรนไชส์เรื่องเก่าอย่างเควิน เคลเลเฮอร์ อดีตนักวิเคราะห์แห่ง National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ผู้เคยเป็นที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิคในเรื่อง Twisters “มันสำคัญต่อเรามากในการมีผู้ให้คำปรึกษา เพื่อความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์และอิงถึงทฤษฎีต่างๆ ที่เรากำลังเข้าไปสำรวจ” ผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ แอชลีย์ เจย์ แซนด์เบิร์กกล่าว ผู้นำด้านบริหารภาพยนตร์แห่ง Kennedy/Marshall คือผู้ช่วยควบคุมการพัฒนาบทเรื่องนี้ขึ้นมา “ซึ่งนี่นำเราไปหาเควิน ผู้กลายเป็นคณะกรรมการที่เราไว้วางใจและให้ความเห็นที่มีความสำคัญมาก”
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1996 เคลเลเฮอร์ให้คำปรึกษาในภาพยนตร์เรื่อง Twister ภาคแรก ช่วยตรวจสอบไอเดียต่างๆ ช่วยสอนทีมงานและนักแสดงเรื่องพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของพายุทอร์นาโด เช่น พายุฝนฟ้าคะนองทำให้เกิดพายุหมุนได้อย่างไร และมีการวัดระดับฟูจิตะกันอย่างไร (ตั้งชื่อตามเท็ด ฟูจิตะ นักวิจัยพายุชาวญี่ปุ่นอเมริกันผู้ล่วงลับไปแล้ว) พวกมันมีรูปร่างแบบใดบ้าง (เชือก; ทรงสูง; ทรงแฉก; ลมหมุนหลายลูก) และอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับพายุ “ผมรู้สึกประทับใจและทำงานด้วยความเคารพผู้สร้างฯ ที่มีข้อมูลจริงทางวิทยาศาสตร์ และตั้งใจจะสะท้อนเรื่องราวนั้นออกมาในภาพยนตร์” เคลเลเฮอร์กล่าว
ภาพยนตร์เรื่อง Twister ภาคแรกสร้างผลกระทบให้แวดวงอุตุนิยมวิทยาอย่างมาก ทั้งกระตุ้นความสนใจและสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยพายุทอร์นาโด รวมถึงกระตุ้นให้ตระหนักถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ด้วยเหตุผลทั้งหลายเหล่านั้นทำให้เคลเลเฮอร์มีความสุขมากที่ได้กลับมาเยือน นับเป็นเวลาเกือบ 30 ปีของตอนใหม่ในผลงานแฟรนไชส์นี้ “รู้สึกมั่นใจว่าผู้สร้างภาพยนตร์อยากสร้างผลงานแบบเดียวกับเรื่อง Twisters เพราะมีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากตลอดช่วง 28 ปีที่ผ่านมา และหลายประเด็นในเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการวิจัยข้อมูลปัจจุบันที่กำลังดำเนินการอยู่” เคลเลเฮอร์กล่าว “เรารู้จักพายุทอร์นาโดมากขึ้นกว่าที่เคย แต่ยังคงมีคำถามเดิมๆ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและเพราะอะไร รวมถึงจะตรวจจับพวกมันเร็วที่สุดได้อย่างไร ผมเองก็ต้องชะงักกับผู้สร้างภาพยนตร์เหมือนกัน’ ความสะเทือนใจของผู้คนที่เคยได้รับผลกระทบจากความรุนแรงของพายุทอร์นาโด พวกเขาจะต่อสู้และเยียวยาตัวเองจากโศกนาฎกรรมนั้นอย่างไร ผมอยากให้เกียรติในมุมนั้นด้วย ขณะเดียวกันต้องช่วยสร้างสมดุลระหว่างมุมของวิทยาศาสตร์ ความสนุก และความใส่ใจผู้อื่น”
อีกสิ่งหนึ่งที่ทีมงาน Twisters เน้นย้ำ คือการตระหนักถึงเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงส่งผลถึงอากาศอย่างรุนแรง “ภาพยนตร์ของเราเน้นย้ำเรื่องความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น เพื่อช่วยเตือนและตั้งคำถามว่านวัตกรรมเทคโนโลยีอาจช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างไร” แพทริค โครว์ลีย์ ผู้สร้างฯ ที่มากประสบการณ์กล่าว (The Other Guys; Assassin’s Creed) เขาร่วมงานประจำกับแฟรงค์ มาร์แชลล์ เคยร่วมมือกันสร้าง Jason Bourne และ Jurassic World สู่จอภาพยนตร์มาแล้ว
แม้นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศจะไม่แน่ใจว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อความถี่และความรุนแรงของพายุทอร์นาโดหรือไม่ แต่การศึกษาที่ผ่านมาพบว่าโดยปกติแล้ว ‘ฤดูพายุทอร์นาโด’ จะอยู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ/ช่วงต้นซัมเมอร์ในสหรัฐฯ และตอนนี้พายุทอร์นาโดเกิดความถี่มากขึ้นกว่าปีก่อน จึงเป็นหลักฐานชี้ชัดได้ว่า ‘ร่องพายุทอร์นาโด’ แผ่ขยายวงกว้างไปทางตะวันออก สู่พื้นที่อาศัยในใจกลางทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ “เราทำทุกอย่างเพื่อสร้างความสมจริงให้หนังเรื่องนี้” โครว์ลีย์กล่าว “เราจะดูไร้ความผิดชอบหากไม่ใส่ใจในเรื่องนั้นเลย และหากเราไม่ใช้หนังเรื่องนี้เป็นโอกาสสร้างเสียงเตือนภัย”
มุ่งหน้าสู่บ้าน
อี ไอแซค จอง ทำหน้าที่ควบคุม
เมื่อบทภาพยนตร์เรื่อง Twisters เสร็จเรียบร้อยเมื่อปี 2022 โจเซฟ โคซินสกีมีโปรเจ็กต์อื่นให้กำกับฯ อี ไอแซค จอง เจ้าของผลงานดราม่าในครอบครัวปี 2020 ที่ได้รับคำชมเรื่อง Minari ทำให้เขาได้ชิงรางวัล Oscar® มากมาย และเป็นการเพิ่มพลังการทำงานของเขาหลังจากสร้างภาพยนตร์อินดี้มานาน 13 ปี ระหว่างที่พิจารณาว่าจะสร้างผลงานต่อจาก Minari จองได้ควบคุมผลงานตอนหนึ่งของ Lucasfilm เรื่อง The Mandalorian ได้ร่วมงานกับผู้สร้างฯ เคธลีน เคนเนดี้ ภรรยาของแฟรงค์ มาร์แชลล์ นั่นคือการทดสอบครั้งสำคัญในภารกิจของมาร์แชล สำหรับการตามหาผู้กำกับฯ ในฝันของเรื่อง Twisters “ผมรักสิ่งที่ไอแซคสร้างไว้ในเรื่อง Minari ทุกคนก็เช่นกัน” มาร์แชลล์กล่าว “ผมรู้ว่าเขาลงตัวมากกับตัวละคร เนื้อเรื่อง ดราม่า มุกตลก และโทนเรื่อง สิ่งที่ผมไม่รู้คือเขาจะรับมือกับแนวแอ็คชั่นและสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ขนาดใหญ่ได้หรือไม่ และนี่คือจุดที่เคธลีนภรรยาของผมมีส่วนร่วมด้วย ผมรู้ว่าเขาเคยร่วมงานในเรื่อง The Mandalorian ผมเลยถามความเห็นจากเธอ เธอไม่ได้มอบแค่ความมั่นใจแต่ยังเอาผลงานบางส่วนของเขาให้ผมดูด้วย สิ่งที่เห็นคือผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีพรสวรรค์ เขารู้ดีว่าต้องวางกล้องไว้มุมไหน และจะถ่ายทอดเรื่องราวแนวแอ็คชั่นผจญภัยอย่างไร เมื่อผมได้คุยกับเขาก็สัมผัสได้ว่าเขาเป็นคนฉลาดเรื่องบทภาพยนตร์มาก มีจินตนาการชัดเจนว่าจะถ่ายทอดเรื่องราวนี้อย่างไร เขาคือคนที่ใช่ตัวจริงเลย”
สำหรับจองเรื่อง Twisters นับเป็นโอกาสอีกรูปแบบหนึ่งในการสร้างภาพยนตร์ที่เขาเฝ้าฝันมานาน และเกือบจะหมดหวังการล่าฝันไปแล้ว “ก่อนผลงานเรื่อง Minari ผมคิดจะออกจากวงการหนัง เพราะการจะทำแต่ละอย่างให้สำเร็จได้มีความยากมาก” จองกล่าว “ผมคิดว่าเรื่อง Minari จะเป็นผลงานสุดท้ายที่ใช้ความทุ่มเทสุดตัวแล้ว หากนี่จะเป็นจุดจบของผมในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ ผมก็อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวที่มีความหมายต่อผมมาก โชคดีที่เสียงตอบรับออกมาดีมากทำให้ผมไม่ได้โบกมือลา และยิ่งไปกว่านั้นคือมันเปิดประตูบานใหม่ให้กับผมด้วย” ประตูที่ทำให้เขาได้ก้าวสู่การสร้างภาพยนตร์อีกรูปแบบหนึ่งที่เขาใฝ่ฝันมานาน “ผมเข้าใจว่าทุกคนคิดว่ามันเป็นการก้าวสู่ขั้นต่อไป ผมแค่อยากเล่าเรื่องราวเหมือน Minari แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก” จองกล่าว “ในทางกลับกันผมอยากลองทำแนวอื่นที่ผมมีความสนใจมาโดยตลอด เรื่อง Twisters เป็นหนังอีกแนวที่ผมใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้สัมผัสในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ ผมอยากทำหนังแอ็คชั่นมาตลอด ผมอยากทำหนังฟอร์มยักษ์มาตลอด และผมรักการถ่ายทอดเรื่องราวที่มีหลายตัวละคร โดยที่มิตรภาพและโชคชะตาของพวกเขาต้องมาบรรจบกัน เรื่องน่าตลกคือในหลายมุมของเรื่อง Minari ขณะที่เป็นเรื่องราวเล็กๆ และมีความเป็นส่วนตัว แต่กลับเป็นผลงานก่อนเรื่อง Twisters ที่มีความสำคัญ มีการเล่าถึงรายละเอียดบางส่วนที่คล้ายกัน นับจากจุดจบของภาพยนตร์เกี่ยวกับภัยพิบัติในระดับที่คุ้นเคย สู่ฉากของเรื่องราวในพื้นที่ของอเมริกาที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี”
จองเกิดที่เดนเวอร์ พ่อแม่ของเขาย้ายมาจากเกาหลีเหนือ จองย้ายมาอยู่กับครอบครัวที่อาร์คันซัสแถบชนบทตอนอายุ 2 ขวบ ใช้เวลาอยู่ตามที่ต่างๆ จนลงเอยที่ลินคอล์น รัฐอาร์คันซัส (มีประชากรราว 2,000 คน) เริ่มต้นทำฟาร์ม ซึ่งเป็นเรื่องราวที่จองถ่ายทอดเอาไว้ในเรื่อง Minari แต่ไม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดว่าหลังจากย้ายไปที่ลินคอล์น 3 อาทิตย์ได้เกิด “พายุทอร์นาโดพัดเข้าพื้นที่” จองกล่าว “นี่คือสิ่งที่คุณพ่อของผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้ เขาพาพวกเราเข้าไปอยู่ในรถเทรลเลอร์บนพื้นที่ที่เขาอยากสร้างฟาร์ม มันไม่มีจุดบังพายุ พวกเราเลยขึ้นไปบนรถปิคอัพมีหลังคาสูงของพ่อและขับไปถึงบริเวณที่เราคิดว่าปลอดภัย ผมจำได้ว่าตอนนั้นฟังรายการวิทยุที่ติดตามเส้นทางพายุ ผมจำทั้งกระแสลมและฝนที่อยู่รอบตัวเราได้ และผมจำตอนที่แม่กอดผมไว้เพราะสภาพอากาศเลวร้ายสุดขีดได้… จากนั้นผมก็หลับไป! ตื่นขึ้นมาวันรุ่งขึ้นและถามพี่สาวว่า: ‘เฮ้ พายุทอร์นาโดนั่นคือความฝันหรือ?’ จากจุดนั้นเราก็คอยจับตาดูและฟังคำเตือนเกี่ยวกับทอร์นาโดทุกฤดูใบไม้ผลิ โชคดีที่คุณพ่อผมสร้างบ้านและห้องใต้ดินที่เราสามารถหลบภัยได้หากมันเกิดขึ้นอีก เรารู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะเลยหลังจากวันนั้น”
บทเสริมจากการเผชิญพายุทอร์นาโดครั้งแรกของจองปรากฎขึ้นเมื่อปี 1996 พร้อมการฉายเรื่อง “ผมเรียนรไฮสคูลและทั้งครอบครัวไปดูหนังเรื่องนั้นกัน” จองกล่าว “ผมจำฉากเปิดตัวได้แม่นยำ ครอบครัวนี้วิ่งหนีพายุทอร์นาโดช่วงกลางคืน และผมหันไปหาครอบครัวพร้อมพูดว่า: ‘เฮ้! นั่นพวกเรานี่!’ เราทุกคนรักหนังเรื่องนั้น เรื่อง Twisters จึงกลายเป็นความทรงจำที่สมบูรณ์แบบสำหรับผม ผมรู้สึกโชคดีที่ได้สานต่อ Minari ด้วยภาพยนตร์ที่ผมรู้สึกว่ามีความผูกพันส่วนตัว แม้ว่าจะมีความแตกต่างและยิ่งใหญ่กว่ามากก็ตาม”
จองประทับใจบทภาพยนตร์ที่มาร์ค แอล. สมิธเขียนขึ้นมาสำหรับ Twisters และเล่าว่ามี 2 สิ่งที่สะกดจินตนาการของเขาเป็นพิเศษ “สิ่งที่มาร์คสร้างเอาไว้ได้ดีมาก คือการศึกษาเรื่องสภาพอากาศที่ให้ความรู้สึกถึงการผจญภัยของจริง การอยู่ท่ามกลางความสงสัยและความกังวลในธรรมชาติของโลก ต่างจากเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อความสนุกบางเรื่อง” จองกล่าว “แต่สิ่งอื่นที่กุมใจผมไว้ได้คือเรื่องความสนุก เรามีตัวละครไทเลอร์ที่รับบทโดยเกล็น พาวเวลล์ เขาเป็นคาวบอยนักล่าพายุที่ใฝ่ฝันวาจะได้จุดพลุเข้าไปในพายุทอร์นาโด มันทำให้ผมหัวเราะกลิ้งเลย ทำให้ผมนึกถึงเรื่องงี่เง่าที่ผมกับเพื่อนเคยฝันอยากจะทำตอนอยู่ที่อาร์คันซัส ผมไม่รู้ว่าเพราะผมเหมือนคนต่างถิ่นหรือเพราะความเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีอยู่ในตัวของผม แต่สิ่งเดียวที่รู้หลังจากอ่านฉากนั้นคือผมอยากถ่ายฉากนั้นเลย เพราะผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ในหนังมาก่อน และทุกคนที่อยู่เบื้องหลังคงหัวเราะเวลาที่ได้เห็นมัน”
ภาพยนตร์ลายเรื่องที่เป็นมาตรฐานสำหรับจองระหว่างการถ่ายทำเรื่อง Twisters แน่นอนว่าเริ่มจากภาพยนตร์ของแจน เดอ บอนต์ปี 1996 “ตั้งแต่เริ่มจนจบ ผมกลับไปดูเรื่อง Twister และถามตัวเองว่า: ‘แจนทำได้อย่างไร?’ เพราะเขาทำออกมาดีมาก และผมรู้สึกยกย่องในภาพยนตร์เรื่องแรกมาก” จองกล่าว “แต่ผมก็รักสตีเวน สปีลเบิร์กเสมอมา ขั้นตอนการทำงานร่วมกับเขาเป็นสิ่งที่วิเศษมาก ผมย้อนกลับไปดูเรื่อง Jaws หลายรอบ รวมถึงเรื่อง War of the Worlds ภาพยนตร์เกี่ยวกับพลังของธรรมชาติหรือความน่ากลัวที่มุ่งมาหาเราหรือปรากฏอยู่ตรงหน้าเรา ทุกเรื่องถ่ายทอดบรรยากาศอย่างที่เราต้องการในพายุทอร์นาโดของเรา ภาพยนตร์ที่ผมดูส่วนใหญ่เพื่อเตรียมตัวสำหรับเรื่อง Twisters มักมีความตื่นเต้นตั้งแต่เรื่อง The French Connection (1971) ไปจนถึง Gone in 60 Seconds (2000) เพราะในหนังของเราจะมีกลุ่มนักล่าพายุอยู่ในรถ” ราว 70% ของการสร้างหนัง 60 วันจะถ่ายทำฉากขับรถ มีตัวละครไล่ล่าพายุทอร์นาโด “เหมือนพวกเราอยู่ในโรดโชว์และพร้อมเดินทางตลอดเวลา” แอชลีย์ เจย์ แซนด์เบิร์ก ผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ ผู้อยู่ร่วมตลอดการถ่ายทำกล่าว
เมื่อเดินทางมาถึงช่วงเตรียมตัวก่อนถ่ายทำ จองหมกมุ่นอยู่กับการหาข้อมูลและแก้ไขบทภาพยนตร์ มีการปรับปรุงเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร ปูพื้นฐานเรื่องราวในอดีตเพื่อสนับสนุนตัวละคร (เขาพัฒนาร่วมกับนักแสดงที่มารับบท) และเพิ่มรายละเอียดความตื่นเต้นในฉากพายุทอร์นาโด แต่การตัดสินใจสำคัญของจองคือการสร้างโทนเรื่องและภาพรวมเพื่อตัดสินใจว่าจะถ่ายทำเรื่อง Twisters กันที่ไหน ผู้กำกับฯ มุ่งมั่นว่าจะต้องถ่ายทำที่โอกลาโฮม่า รัฐที่เขารู้จักเป็นอย่างดี มีการถ่ายทำเรื่อง Minari กันที่นั่น
แต่พาร์ทเนอร์ผู้สร้างภาพยนตร์อยากให้เขาพิจารณาจอร์เจียด้วยเรื่องงบประมาณ เพราะที่นั่นเป็นศูนย์กลางของการสร้างภาพยนตร์ เต็มไปด้วยทรัพยากรและทีมงานที่มีความสามารถ “เราเดินทางเกือบ 1,600 ไมล์ในช่วง 6 วันไปทั่วจอร์เจีย เพื่อหาสถานที่และวิวทิวทัศน์ต่างๆ แต่มันยากมากที่จะหาพื้นที่คล้ายโอกลาโฮม่าได้” โธมัส เฮย์สลิป ผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ กล่าว (Oppenheimer; Tenet) “เห็นได้ชัดว่าไอแซคไม่แฮปปี้สักเท่าไหร่ แต่ยังเดินหน้าต่อ เขาอยากหาที่ถ่ายทำให้ได้เพราะเขารู้ว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในแง่การเงิน จากนั้นเราเดินทางไปที่โอกลาโฮม่า ในช่วงเวลา 4 วันเราพบทุกอย่างที่ต้องการ 90% ต่างจากที่จอร์เจีย ต้องอาศัยวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ช่วยเพียงเล็กน้อยในพื้นที่ว่างเปล่าบางส่วน เราย้ายเงินลงทุนและสร้างผลงานที่นี่ ทุกอย่างลงตัวและสร้างสรรค์มาก”
จองตั้งใจว่าจะถ่ายหนังบนพื้นที่สนามหญ้า “ตอนที่เราเดินทางไปยังจอร์เจีย เราไม่เห็นที่ไหนมีบริเวณเหมือนพื้นที่ที่ผมเติบโตมาในอาร์คันซัสเลย บนดินแดนโอคลาโฮม่า และจากการถ่ายทำ Minari ในทัลซ่าด้วย” จองกล่าว “เมืองต่างๆ มีแต่พื้นที่ราบเรียบ ถนนเป็นดินสีแดง พื้นมีสีเหลืองและเขียว ฟ้าเปิดกว้าง สถานที่แรกที่เราไปเยือนในโอคลาโฮม่าเป็นบ้านไร่ที่ถ่ายทำบรรยากาศบ้านของเคทตอนเด็กได้ เจ้าของบ้านเดินออกมากอดผมและพูดว่า ‘ฉันเคยเป็นนักแสดงสมทบในเรื่อง Minari ด้วยนะ!’ มันเหมือนสัญญาณของการยืนยันอย่างหนึ่ง พอมองออกไปยังฟาร์มนั้น ผมรู้เลยว่าเราต้องสร้างหนังกันที่นี่ล่ะ และผมโชคดีมากที่ทีมงานจัดการมันได้สำเร็จ”
หน้าที่ของจองในการหาผู้ถ่ายทอดเรื่องราว Twisters ได้อย่างเหมาะสมขยายไปสู่การคัดเลือกนักแสดง “ตอนผมหาข้อมูลเกี่ยวกับการล่าพายุ ผมเห็นกลุ่มคนที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวนี้มีความหลากหลายมาก ทั้งเรื่องเพศ เชื้อชาติ และบุคลิกลักษณะ” จองกล่าว “ผมอยากให้ในเรื่องเห็นคนที่ดูเหมือนนักล่าพายุตัวจริง รวมถึงคนที่ผมอยากจะไปออกล่าพายุด้วย โดยปกติแล้วผมอยากให้หนังเรื่องนี้มีแต่ความสนุก นักแสดงทุกคนต้องเป็นคนที่ผมอยากพูดคุยหรือออกไปข้างนอกด้วย แน่นอนว่าทุกคนสนิทแบบตัวติดกัน หัวเราะกันตลอดเวลาที่ไม่มีการถ่ายทำ… แม้ว่าอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่มีอะไรจะทำก็ตาม นี่แหละคือบรรยากาศของโอกลาโฮมา”
ความปลอดภัยมาก่อน เรื่องจู่โจมเป็นรอง
กองถ่ายเตรียมความพร้อมสำหรับแรงปะทะ
การถ่ายทำเรื่อง Twisters เริ่มต้นที่โอกลาโฮม่าช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2023 แต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิคือฤดูกาลของพายุบนที่ราบ และตามพื้นที่ทั่วไปจะเห็นสายฟ้าฟาดจนไปถึงการมาเยือนของกระแสลม เพื่อสร้างความแน่ใจว่าทีมงานและนักแสดงจะปลอดภัยดี กองถ่ายต้องอาศัยความช่วยเหลือจากอดีตนักอุตุนิยมวิทยาของกองทัพ โจเอล มาร์ติน เพื่อเป็นผู้นำทีมเฝ้าระวังเรดาร์ที่ทำงาน 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน คอยเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ นอกจากนั้นยังมีทีมผู้ชำนาญด้านความปลอดภัยสำหรับการถ่ายทำ นำทีมโดนเลซี่ แม็คคีย์ (Oppenheimer) ผู้คิดออกแบบและบังคับใช้กฎระเบียบสำหรับการยกเลิกกองถ่ายและที่หลบซ่อนหากมีเหตุจำเป็น
“อาจมีคนคิดว่านี่เป็นเรื่องสิ้นคิดที่จะถ่ายทำภาพยนตร์เกี่ยวกับพายุทอร์นาโดในช่วงฤดูพายุเกิดขึ้นรุนแรง แต่มันเป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้เห็นภาพและได้สัมผัสความรู้สึกของทุ่งข้าวสาลีสีเขียวและท้องฟ้าอันงามสง่า” แพทริค โครว์ลีย์ ผู้อำนวยการสร้างฯ “แต่เมื่อเราต้องรับผิดชอบทีมงานขนาด 300-400 คนในการถ่ายทำบนพื้นที่ราบ โดยไม่มีที่หลบภัยหากพายุทอร์นาโดหรือพายุฝนฟ้าคะนองมาเยือน เราต้องวางระบบที่จะปกป้องทุกคนได้ วันที่สองของการถ่ายทำทีมรักษาความปลอดภัยพูดว่า ‘โอเค หลบภัยกันตรงนี้ พายุฝนกำลังจะมา’ ทีมงานเข้าไปในรถบัสและรถที่มีล้อยางห่อหุ้มเราจากฟ้าผ่าได้ และทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดตามที่ควรจะเป็น”
แต่มักจะมีพายุรูปแบบต่างๆ ที่ทำให้ต้องพักกองยาวนานหลายเดือน ช่วงที่ Screen Actors Guild จัดขึ้นเดือนกรกฎาคม 2023 ช่วงนั้นกองถ่ายเรื่อง Twisters เหลือเวลาไม่กี่สัปดาห์จะสิ้นสุดการถ่ายทำ ทุกอย่างกลับต้องหยุดชะงักและกลับมาถ่ายทำต่อในภายหลัง “ช่วงเวลานั้นคือความท้าทายครั้งใหญ่” แฟรงค์ มาร์แชลล์ ผู้อำนวยการสร้างฯ กล่าว “เราต้องยืนยันวันกำหนดฉายและตารางการสร้างวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ก็อัดแน่นมาก เราพยายามสร้างฉากวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ที่ยากหลายฉาให้เสร็จก่อนจะถึงงาน แต่เราก็ทำไม่ได้และต้องเลื่อนไปอีก 3 สัปดาห์ ตอนนั้นเกิดความเครียดสูงมาก เพราะเมื่อเราเริ่มทำงานต่อ มันไม่ใช่ว่าเราจะกลับมาทำงานกันได้ทันทีเลย เราต้องมีการเตรียมงานกัน 6 สัปดาห์ก่อนจะถ่ายทำจริงได้ เราตัดสินใจเริ่มเตรียมฉากกันก่อนจะหมดช่วงเวลานั้นไป พวกเราหัวหมุนกันมากเพื่อให้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยภายในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม และทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และเราปิดงานได้ก่อนคริสต์มาสซะอีก”
ตัวละครต่างๆ
เคท คาร์เตอร์
เดซี เอ็ดการ์-โจนส์
เคทเกิดและโตที่โอกลาโฮม่า ช่วงวัยเด็กเธอสนใจเรื่องสัมผัสที่ 6 ในการคาดเดาพายุทอร์นาโดและหลงใหลกับการศึกษาพวกมัน ชีวิตของเธอพลิกผันช่วงจบการศึกษาที่ Muskogee State University (อดีตฮีโร่ในเรื่อง Twister รับบทโดยเฮเลน ฮันท์ และ บิลล์ แพกซ์ตัน) เธอพยายามเอาชนะพายุทอร์นาโดด้วยการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ทางเคมี ที่สุดท้ายลงเอยด้วยความสูญเสียและล้มเหลวอย่างน่าอาย เคทย้ายมาที่นิวยอร์คและทำงานที่ United States Weather Service ในตำแหน่งนักติดตามพายุ เธอทำงานอยู่เบื้องหลังระบบความปลอดภัยบนแผงคอนโซลคอมพิวเตอร์ แต่เธอหาเหตุผลเพื่อให้ได้กลับไปลงพื้นที่และกลับไปยังโอกลาโฮม่า เมื่อเพื่อนเก่าของเธออย่างจาวี (แอนโธนี่ รามอส) เสนอโอกาสทดสอบระบบเรดาร์พกพาแบบใหม่ สามารถศึกษารูปแบบพายุทอร์นาโดได้ดีกว่าเดิม มีความแม่นยำและคาดคะเนได้รวดเร็วว่าจะเกิดาพายุที่ไหนและเมื่อไหร่ หลังจากนั้นไม่นานเคทพบว่าตัวเองได้ร่วมการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง ความลึกลับ ความรักครั้งใหม่ และได้แก้ไขความเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นกับเธอในอดีต
สำหรับการรับบทเคท ผู้กำกับฯ อี ไอแซค จองคัดเลือกเดซี เอ็ดการ์-โจนส์ที่ได้รับความชื่นชมทั่วโลกจากบทที่แหวกแนวของเธอในเรื่อง Where the Crawdads Sings ผลงานคอมเมดี้ที่ได้รับคำชมทาง BBC เรื่อง Normal People และผลงานแนวดราม่าอาชญากรรมทาง FX เรื่อง Under the Banner of Heaven “ผมเป็นแฟนของเดซี่คนหนึ่งหลังจากได้ดูเรื่อง Normal People และเริ่มติดตามผลงานของเธอ” จองกล่าว “ผมมักจะเขียนชื่อเธอเอาไว้ทุกครั้งเวลามีคนถามว่าอยากร่วมงานกับนักแสดงคนไหหน โชคดีที่เดซี่สนใจจะร่วมงานกับผมเช่นกัน เราเข้ากันได้ดีเพราะเราต้องการสร้างความท้าทายในการทำหนังที่มีความแตกต่าง หลังจากผ่านโปรเจ็กต์ที่ชอบส่วนตัวและผลงานอินดี้มาแล้ว หลังจากที่ได้พบเธอผมรู้สึกว่าได้พบกับเพื่อนร่วมงานในฝัน และเธอรู้ว่าจะสวมบทบาทนี้ได้อย่างสบาย”
เอ็ดการ์-โจนส์ร่วมงานในเรื่อง Twisters ด้วยความเป็นแฟนของผลงานเรื่องก่อน “ฉันโตที่อังกฤษซึ่งไม่ค่อยพบสภาพอากาศรุนแรงนอกจากมีหมอกหนาเกิดขึ้นในบางครั้ง เรื่อง Twister เลยสร้างความตื่นเต้นและน่ากลัวที่อยู่ในจินตนาการของฉัน” เอ็ดการ์-โจนส์กล่าว “ตอนที่ได้ยินว่าพวกเขาจะสร้างตอนใหม่ขึ้นมา และไอแซคเป็นผู้สร้างฯ ฉันตื่นเต้นกับไอเดียที่คนอย่างเขาผู้มีสัมผัสพิเศษด้านการสร้างภาพยนตร์จะมาสร้างหนังแนวนี้ และจะได้เห็นว่าเขาจะเล่นอะไรกับมันบ้าง ฉันขอให้ตัวแทนของฉันไปขอบทมา ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าฉันตกหลุมรักมัน เนื้อเรื่องมีความให้เกียรติผลงานภาคแรกในหลายมุม ตั้งแต่นักแสดงนำหญิงผู้แข็งแกร่งไปจนถึงตัวละครอื่นที่ชวนหลงใหล เป็นการสร้างนักล่าพายุรุ่นใหม่ที่ดูน่าทึ่งมาก สะท้อนความประทับใจ ความสนุก และความตลกออกมาได้ ฉันรู้เลยว่าตัวเองต้องมีส่วนร่วมให้ได้”
นอกจากจะได้รับบทฮีโร่ในหนังแอคชั่นของภาพยนตร์แฟรนไชส์ฟอร์มยักษ์แล้ว เอ็ดการ์-โจนส์ยังประทับใจในมุมเรื่องราวสะเทือนใจของเคทด้วย “ครั้งแรกที่เราได้พบเธอ เธอคือนักล่าพายุผู้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ มีความหลงใหลในการหาวิธีสยบพายุทอร์นาโด ร่วมงานกับเพื่อนสนิทได้เป็นอย่างดี” เอ็ดการ์-โจนส์กล่าว “แต่หลังจากนั้นเธอได้พบกับโศกนาฎกรรมที่สร้างความเจ็บปวดให้เธอจมอยู่กับความเศร้า และหันหลังให้กับทุกคน ในเนื้อเรื่องจะได้เห็นเส้นทางการกลับไปเยือนบ้านและเปิดใจรับคนใหม่ๆ เป็นเรื่องราวของคนหนึ่งที่ได้กลับมาใช้ชีวิต ได้กลับมาเป็นตัวเอง และฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องราวที่มีพลังและมีความหมายมากค่ะ”
เอ็ดการ์-โจนส์เตรียมรับบทนี้โดยเข้าร่วม “ค่ายด้านสภาพอากาศ” พร้อมกับเพื่อนนักแสดงของเธอ ค่ายนี้จัดขึ้นโดยที่ปรึกษาด้านพายุของภาพยนตร์ เควิน เคลเลเฮอร์ ที่ The National Weather Service Center ใน University of Oklahoma ทีมนักแสดงได้เรียนรู้วิชา Tornado 101 จากนักอุตุนิยมวิทยาผู้ชำนาญและได้สนทนาร่วมกับนักล่าพายุ เอ็ดการ์-โจนส์เพิ่มความรู้ของเธอโดยการค้นหาวีดีโอเกี่ยวกับพายุทอร์นาโดบน YouTube อ่านเรื่องราวในอดีตของโอกลาโฮม่า และฝึกสำเนียงเฉพาะถิ่น “การค้นหาข้อมูลสำหรับเรื่องนี้มีแต่สิ่งน่าสนใจไม่สิ้นสุดและช่วยเหลือได้มาก” เอ็ดการ์-โจนส์กล่าว “และเควิน เคลเลเฮอร์ก็มีความหมายมาก เขาช่วยให้เราเข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์ เขาอยู่ในฉากระหว่างการถ่ายทำฉากล่าพายุของเรา เพื่ออธิบายว่านักล่าพายุตัวจริงจะคิดอะไรอยู่หรือจะปฏิบัติตัวในสถานการณ์นั้นอย่างไร เขาช่วยทำให้เราเข้าใจภาษาในวงการ ไม่ว่าจะอธิบายแนวคิดต่างๆ หรือสร้างความแน่ใจเรื่องการออกเสียงที่ถูกต้อง เขาช่วยสร้างความมั่นใจและรักษาความถูกต้องให้เราตลอด”
สำหรับการถ่ายทำเรื่อง Twisters เอ็ดการ์-โจนส์เล่าว่าเหมืนการดูภาพยนตร์ครั้งแรกของเธอเลย “มันมีความตื่นเต้นมหาศาลอย่างที่เราจะนึกภาพเอาไว้ แต่ครั้งนี้มันเกิดขึ้นจริงและฉันได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น” เอ็ดการ์-โจนส์กล่าว “มีฉากหนึ่งที่พายุทอร์นาโดพัดคอกสัตว์และทำลายมันจนพังยับ ตอนนั้นเราพยายามหลบเศษซากความเสียหายและหาที่หลบภัย พวกเขาใช้เครนหย่อนรถขนม้าลงมาจากฟ้าอย่างปลอดภัย แต่มันดูเหลือเชื่อมากเลย อีกวันหนึ่งพวกเขารัดฉันอยู่ในรถและเหวี่ยงขึ้นลง ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในเครื่องซักผ้าเลยค่ะ เพราะนั่นคือฉากแอ็คชั่นที่ต้องอยู่ในรถเป็นส่วนใหญ่ ฉันมักจะอยู่หลังพวงมาลัยตลอด คอยขับรถด้วยความเร็วสูง ฉันพร้อมจะแสดงในเรื่อง Fast & Furious ภาคต่อไปแล้วเพราะการแสดงในเรื่อง Twisters”
ไทเลอร์ โอเวนส์
เกล็น พาวเวลล์
ในบทของคาวบอยผู้สร้างวีดีโอไวรัลและมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ไทเลอร์ในอดีตเป็นนักแสดงขี่ม้าผู้หันมา “ต่อสู้กับพายุทอร์นาโด” เขาเลือกที่จะขี่ดอดจ์ แรมแทนม้า ไทเลอร์ทำหน้าที่นำทีม “นักอุตุนิยมวิทยายอดฝีมือ” ผู้มีความทะเยอทะยานจะเข้าใกล้พายุ เพื่อจะจุดดอกไม้ไฟให้สว่างและบันทึกภาพนั้นไว้ การผจญภัยของพวกเขาที่ตามล่าสภาพอากาศอันแปลกประหลาดนี้ทำให้เขาโด่งดับบนโลกอินเตอร์เน็ต แม้ว่าช่วงแรกไทเลอร์จะดูเหมือนผู้แสวงหาความตื่นเต้นและชอบโปรโมตตัวเอง ดูรบกวนการทำงานของเคทในโอกลาโฮม่า แต่เขามีความฉลาดและความรู้สึกเหนือกว่าที่แสดงออกมาให้เห็น เขาแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาให้เห็นเมื่อเขาและเคท (เดซี เอ็ดการ์-โจนส์) ได้พัฒนาความสัมพันธ์กันจากคู่แข่งสู่เพื่อนและรู้สึกตกหลุมรัก
สำหรับบท ไทเลอร์ ผู้กำกับฯ อี ไอแซค จอง คัดเลือกเกล็น พาวเวลล์ นักแสดงผู้มากประสบการณ์ที่เคยรับบทนักบินรบนายร้อยเจค “แฮงค์แมน” เซเรซิน ในเรื่อง Top Gun: Maverick และรับบทแสดงนำในผลงานโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องดังที่สร้างความเซอร์ไพส์ Anyone But You และผลงานแอ็คชั่นคอมเมดี้ Hit Man ที่พาวเวลล์อำนวยการสร้างฯ และร่วมเขียนบทฯ
“เกล็นเป็นคนที่มีเสน่ห์ มีความน่าสนใจ และตลก สุดท้ายเราจะตกหลุมรักเขาแม้เขาจะรับบทตัวละครอย่างไทเลอร์ที่ดูมั่นใจตัวเองเกินไปและชอบแสดงออก” จองกล่าว “แต่เขาก็เป็นนักแสดงที่มีฝีมือเกินคาด เขาแสดงอย่างเป็นธรรมชาติจนดูแทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย” ด้วยลักษณะทั้งหมด สิ่งที่เห็นในตัวพาวเวลล์จากการแสดงช่วงเช้า Today ทำให้เห็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเกี่ยวกับพาวเวลล์ ทำให้จองสนใจคัดเลือกเขามารับบทไทเลอร์ “เกล็นมีผลงาน Today ร่วมกับพ่อแม่ของเขา มีการคุยกันเรื่องพ่อแม่และสิ่งที่กระทบต่อชีวิตของเขา ผมเห็นรายละเอียดความเป็นตัวเขาอย่างที่อยากให้ตัวละครนี้เป็น เขามีคนที่จริงใจนะ” จองกล่าว “ผมรู้ทันทีเลยว่าอยากได้เขามาร่วมงานด้วย”
พาวเวลล์สนใจร่วมงานในเรื่อง Twisters ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม เขาเหมือนนักล่าพายุที่ได้ดูพายุทอร์นาโดจากบรรยากาศที่เงียบสงบ เขาติดตามการพัฒนาโปรเจ็กต์ภายใต้ฝีมือโจเซฟ โคซินสกี ผู้กำกับฯ เรื่อง Top Gun: Maverick ของเขา “โจบอกว่าหนังเรื่องนี้ต้องสร้างความตื่นเต้นได้แน่ๆ ในเรื่องมีตัวละครที่มีสีสัน รวมถึงคาวบอยนักลาพายุด้วย มีฉากแอ็คชั่นน่าทึ่งพร้อมกับพายุทอร์นาโดแบบต่างๆ” พาวเวลล์กล่าว “ฟังแล้วดูน่าสนุกในหนังที่มีความตื่นเต้น แต่เมื่อโจเลือกจะโฟกัสโปรเจ็กต์อื่น เหมือนโอกาสที่ผมจะได้ร่วมงานในเรื่อง Twisters ก็หายไปด้วย ตอนนั้นผมถ่ายทำเรื่อง Anyone But You ที่ออสเตรเลียตอนที่ได้รับโทรศัพท์ถามว่าสนใจร่วมงานในเรื่อง Twisters หรือไม่ ผมลองอ่านบทเพื่อเช็คเคมีที่เข้ากับเดซี่ ตอนนั้นเธอได้รับเลือกให้แสดงแล้ว มันเห็นได้ชัดเจนเลยว่าไม่ต้องพยายามสร้างเคมีอะไรขึ้นกับกับเดซี่เลย เธอเป็นนักแสดงที่มีน้ำใจมากตั้งแต่ผมเคยพบเจอมา และเป็นคนที่มีความรอบคอบ โดยเฉพาะในการออดิชั่นที่เราพยายามข่มใจ สร้างความผ่อนคลาย และสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ระหว่างที่ต้องคิดถึงอีกหลายล้านเรื่องและทำงานให้สำเร็จ ผมรู้สึกชื่นชมเธอในเรื่องนั้นมากเลยครับ”
เช่นเดียวกับเอ็ดการ์-โจนส์ พาวเวลล์มีความสนิทกับเรื่อง Twister ต้นฉบับเป็นพิเศษ แม้จะต่างกับเธอเพราะความเป็นแฟนหนังเรื่องนี้ของเขามีความใกล้ชิดด้วยเหตุผลอื่น
พาวเวลล์โตที่ออสติน เขาจำช่วงที่เดินทางไปยังตะวันออกของเท็กซัสพร้อมครอบครัวช่วงเดือนพฤษภาคมปี 1997 ได้ ตอนนั้นเขาอายุ 9 ขวบเดินทางไปเยี่ยมคุณป้า ครอบครัวต้องอยู่กันในเมืองเล็กๆ ของจาร์เรลล์ (ประชากรราว 3,400 คน) ช่วงที่พายุทอร์นาโดมาเยือน (พายุทอร์นาโดรุนแรงขนาด F5 ขยายวงกว้างพื้นที่ 3 เท่าใน 1 ไมล์ กวาดล้างบ้าน 30 หลังและมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 27 ราย) ครอบครัวของพาวเวลล์ซ่อนตัวที่ร้านขายพรม หลังจากวันที่เกิดพายุเขาและครอบครัวได้ช่วยผู้คนในท้องถิ่นทำความสะอาดซากปรักหักพังจากความเสียหาย
ประสบการณ์ที่ได้เห็นว่าพายุทอร์นาโดมีผลกระทบต่อทุกคนขนาดไหนมีส่วนช่วยในการแสดงของเขา “ผมอยากเริ่มต้นตัวละครด้วยการคิดว่าเขาเป็นพวกชอบโปรโมทตัวเองว่ากระหายความตื่นเต้นเร้าใจ” พาวเวลล์กล่าว “แต่หลังจากนั้นจะสัมผัสถึงความรู้สึกลึกๆ ในตัวเขาได้ ทีมนักล่าพายุของเขาดูเหมือนคนเสาะหาความตื่นเต้นที่ออกเดินทางไปทั่ว แต่พวกเขาได้ร่วมแชร์ปรากฎการณ์ที่ยากจะอธิบายได้ของพายุทอร์นาโดให้รับรู้ พวกเขาดูเหมือนคนไม่สนใจอะไรแต่ไม่ใช่คนทำอะไรโง่ๆ เลย พวกเขาเคารพพลังอันน่าทึ่งของพายุทอร์นาโดที่สร้างความเสียหายให้ผูกคนด้วยซ้ำ พวกเขาดูเหมือนคนแปลกที่โตมาในครอบครัวที่ทำงานร่วมกันและคอยดูแลกัน… พวกเขาจึงมีทิศทางเป็นของตัวเอง พวกเขามีบางอย่างไปนำเสนอเคทเพราะพวกเขาคือตัวแทนสิ่งที่เธอตามหาจริงๆ ในหนังเรื่องนี้คือครอบครัว”
พาวเวลล์พบกับแรงบันดาลใจในการแสดงเรื่อง Twisters ของเขาจากความผูกพันกับแฟรนไชส์เป็นการส่วนตัวเพราะบิลล์ แพกซ์ตัน ผู้ล่วงลับไปแล้วเมื่อปี 2017 พาวเวลล์สนิทกับนักแสดงจากเรื่อง Twister ระหว่างที่พวกเขาร่วมงานกันในหนังแนวตะวันตกปี 2013 เรื่อง Red Wing “ครั้งแรกที่ผมได้รู้จักกับบิลล์มีภาพยนตร์ 2 เรื่องที่ผมคุยกับเขาบ่อยที่สุดคือ Apollo 13 และ Twister ทั้ง 2 เรื่องเป็นการท้าทายลิมิตด้านเอ็ฟเฟ็กต์ที่ใช้จริงและวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ ซึ่งนักแสดงในเรื่องต้องศึกษาข้อมูลกันเยอะมาก” พาวเวลล์กล่าว “บิลล์ช่วยทำให้ผมเข้าใจว่าอะไรทำให้ไทเลอร์ดูสมจริงได้บ้าง แต่ยังคงความสนุกและน่าสนใจเอาไว้ได้ด้วยในเวลาเดียวกัน ผมคิดถึงบิลล์ แพกซ์ตันบ่อยๆ ระหว่างการถ่ายทำ Twisters เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามรอยเท้าเขาได้ แต่ผมหวังว่าทุกคนจะเห็นแสงแห่งความเป็นเขาผ่านผลงานในเรื่อง”
จาวี
แอนโธนี่ รามอส
บทบาทเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของเคทผู้ชอบต่อสู้กับพายุทอร์นาโด จาวีดูจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเกิดเรื่องเศร้ากับเพื่อนของพวกเขา ครั้งหนึ่งเขาชอบปาร์ตี้อย่างสุดเหวี่ยง จาวีกลับเข้ามาในชีวิตของเคทอีกครั้งในฐานะนายทุนผู้มีความพยายามและตรงไปตรงมา เขาร่วมก่อตั้งบริษัท StormPar ที่พัฒนาอุปกรณ์จับเรดาร์ศึกษาพายุทอร์นาโด (PAR) ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ได้รับการพัฒนาแล้วของเครื่อง “Dorothy” ที่เป็นหัวใจสำคัญในผลงานปี 1996 เรื่อง Twister โดย PAR จะเห็นภาพ 3 มิติเรียลไทม์ของพายุที่อาจสร้างความรุนแรงและการเปลี่ยนแปลงของสภาพธรรมชาติได้ มันกลายเป็นระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับสังคมที่อยู่ในโซนพายุทอร์นาโด จาวีจูงใจเคท (เดซี เอ็ดการ์-โจนส์) ด้วยข้อเสนอที่เธอปรารถนาจนไม่กล้าปฏิเสธได้ คือการช่วยสร้างความสมบูรณ์ให้ PAR โดยการทดสอบในพื้นที่จริง โดยเฉพาะพื้นที่ดั้งเดิมของเคทในโอกลาโฮม่าในช่วงฤดูที่เกิดพายุทอร์นาโดรุนแรง แต่มิตรภาพระหว่างจาวีและเคท จนไปถึงความรักที่กำลังก่อตัวขึ้น ทุกอย่างถูกทดสอบเมื่อเคทเริ่มสงสัยว่าจุดมุ่งหมายของจาวีจะไม่บริสุทธิ์ใจอย่างที่เห็น
แอนโธนี่ รามอส รับบทจาวี ผู้เคยรับบทของจอห์น ลอว์เรนส์ และ ฟิลลิป ฮามิลตัน ในผลงานสร้างปรากฎการณ์ของลิน-มานูเอล มิแรนด้า เรื่อง Hamilton และได้ชิงรางวัล Golden Globe สาขา Best Actor จากการแสดงในผลงานของจอน เอ็ม. ชู ปี 2021 ที่ดัดแปลงจากบรอดเวย์มิวสิเคิลยอดนิยมของมิแรนด้าในเรื่อง In The Heights “เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมดูผลงานที่มีแอนโธนี่ในนั้น ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นมนุษย์และความจริงใจต่อตัวละครของเขา ผมอยากให้จาวีมีคุณสมบัตินั้น” อี ไอแซค จอง ผู้กำกับฯ กล่าว “ตัวละครนี้อาจจะดูมีศีลธรรม แต่ผมรู้ว่าหากแอนโธนี่มารับบทนี้ ผู้ชมจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงสร้างทางเลือกนั้นและตอกย้ำความเป็นตัวเขาแบบนั้น แอนโธนี่ถ่ายทอดทุกอย่างได้ครบถ้วน”
สำหรับมารอส การรับภารกิจนั้นต้องอาศัยการร่วมงานกับจอง เพื่อทำความเข้าใจเรื่องราวในอดีตของจาวีและสร้างแรงจูงใจให้ตัวละคร แสดงให้เห็นรายละเอียดความสัมพันธ์ระหวางเขากับเคทและความอิจฉาที่มีต่อไทเลอร์ (เกล็น พาวเวลล์) “ผมชอบบทสรุปของจาวีที่เราได้มากเลยครับ” รามอสกล่าว “ผมคิดภาพเอาไว้ว่าเขาเป็นคนที่รักเคทมาโดยตลอด แต่ไม่รู้จะบอกเธออย่างไร ความรู้สึกเหล่านั้นยังคงอยู่และพัฒนาสู่ความเป็นห่วงเธอ มันเป็นเรื่องดีที่จาวีพาเคทกลับไปยังโอกลาโฮม่า ที่นั่นเคยเป็นบ้านของเธอ แต่นั่นก็เพื่อความหวังหรือความคาดหวังของเขาเองด้วย ทำให้พาเธอกลับไปยังโอกลาโฮม่า อาจมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ารอพวกเขาอยู่ ส่วนจาวีและไทเลอร์เต็มไปด้วยความตึงเครียด และสำหรับผมมันไม่ใช่แค่เรื่องความรักที่เกิดขึ้นกับเคท แต่ยังมีเรื่องในอดีตเมื่อจาวีเคยเสนองานให้ไทเลอร์ในบริษัทใหม่ของเขา แต่ไทเลอร์ปฏิเสธด้วย ทำให้จาวีรู้สึกกล้ำกลืน ในมุมของจาวีไทเลอร์คือตัวแทนของชีวิตอีกด้านที่เขาปรารถนาเพื่อตัวเองแต่ทำไม่ได้ ไทเลอร์เป็นคนทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่ใช่พนักงานบริษัทที่ต้องสวมเครื่องแบบทำงาน ส่วนจาวีเป็นคนมุ่งมั่นที่ฝากความหวังทั้งมดไว้ที่อนาคตของธุรกิจใหม่ ความอิจฉาที่เกิดขึ้นเพราะเหตุนั้น จุดพลิกผันของจาวีคือเขาต้องเลือกว่าจริงๆ แล้วเขาอยากเป็นคนแบบไหนกันแน่”
การถ่ายทำในสถานที่จริงเริ่มในฤดูใบไม้ผลิปี 2023 ช่วงพายุทอร์นาโดของโอกลาโฮม่า นับเป็นการช่วยรามอสทำความเข้าใจตัวละครที่หลงใหลเรื่องพายุได้ด้วย และเห็นภาพสถานที่ที่เคทต้องมาเยือนในอีกไม่นาน ในความจริงแล้วรามอสไม่ใช่แฟนเรื่องสภาพอากาศสักเท่าไหร่นัก “คืนแรกขของผมในโอกลาโฮม่า ผมต้องรวมงานกับไอแซค จอง” รามอสกล่าว “หลังจากนั้นเราออกไปหาอะไรกินกัน หน้าต่างเริ่มส่งเสียงดังรัวๆ เพราะโดนลมพัด ไอแซคไม่รู้สึกอะไรกับมันเลยสักนิดเพราะเขาเคยถ่ายทำที่โอกลาโฮม่ามาก่อนและเติบโตในย่านนี้ แต่สำหรับผมรู้สึกว่า ‘เฮ้! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?’ ส่วนพนักงานเขาก็คุยกับเราเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ‘รับน้ำธรรมดาหรือสปาร์คลิงดี?’ ผมตอบไปว่า ‘นี่คุณ หน้าต่างพัดดังมากเลย! ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ?!’ เขาตอบว่า ‘ไม่เลย เราเจอแบบนี้ตลอด’ มันเป็นแบบนั้นนาน 3 เดือน ช่วงเวลาที่ทุกอย่างถูกพัดสะเทือนหมด”
รามอสไม่ได้แสดงออกเกินจริงไปเลย คืนแรกหลังทานอาหารกับจองเรียบร้อย พวกเขากลับที่พักในออฟฟิศระหว่างการทำงาน เพราะพายุทอร์นาโด EF3 บุกโจมตีโคล โอกลาโฮม่า ห่างจากพวกเขาทางตอนใต้ 30 ไมล์
ทุกอย่างดูจะไม่ง่ายขึ้นสำหรับรามอสและทีมงานที่เหลือเลย กองถ่ายต้องหยุดชะงักช่วงซัมเมอร์ปี 2023 เพราะหยุดงาน Screen Actors Guild ช่วงที่กลับมาถ่ายทำอีกครั้งคือฤดูหนาว “ฤดูพายุได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้มีแต่ความหนาว” รามอสกล่าว “มีคืนหนึ่งที่เข้าฉากกับเดซี่และรู้สึกหนาวจนแข็ง ริมฝีปากของผมแทบจะขยับไม่ได้ ผมต้องตั้งคิดว่าจะต้องอ่านบทตัวเองผ่านโทรศัพท์และเปิดในฉากของเดซี่แล้ว เพราะไม่สามารถพูดคุยกันได้เลย”
และเมื่อสภาพอากาศจริงไม่ได้รบกวนรามอสอีกต่อไป ทีมเอ็ฟเฟ็กต์จริงของภาพยนตร์ต้องสร้างสภาพอากาศจำลองขึ้นมาเพื่อเขา “มีฉากหนึ่งที่จาวีและไทเลอร์หลบพักในตึกนี้แล้วมันถูกพายุทอร์นาโดพัดเปิดขึ้น” รามอสกล่าว “พวกเขาติดตั้งเครื่องผลิตน้ำและพัดลมขนาดยักษ์ที่มีไอพ่น มันระเบิดเกล็นกับผมได้เลย ฉากนั้นเราต้องคอยระวังอาคาร มองหาเคท แต่เรากลับเปิดตาไม่ได้เลย มันมีความรุนแรงมาก คงใช้เวลาอีกพักหนึ่งกว่าผมจะพร้อมเผชิญเครื่องผลิตลมอีกครั้ง แต่โดยรวมแล้วสิ่งที่ทีมงานของไอแซคสร้างขึ้นมามีความน่าทึ่งมาก ความยิ่งใหญ่ของฉากนี้ ความใส่ใจเรื่องรายละเอียด ความสมจริงของสภาพพายุ พวกเขาสร้างโลกที่สมจริงขึ้นมาเพื่อนักแสดงทุกคนได้สัมผัสกับความตื่นเต้นในฉากนั้น”
บูน
แบรนดอน เปเรีย
ทีม “นักอุตุนิยมวิทยาระดับหัวกะทิ” ของไทเลอร์ โอเวนเดินทางมาจากอาร์คันซัส และบูนรับหน้าที่ช่างภาพวีดีโอของกลุ่ม บทนี้แสดงโดยแบรนดัน เปเรีย ผู้เคยแสดงในผลงานไซไฟ The OA และมีผลงานในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของจอร์แดน พีล เรื่อง Nope
เปเรียเล่าถึงบูนว่าเป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้กระหายความตื่นเต้นที่ตัวตนจริงก็เป็นแบบนั้น “พวกเขาเป็นกลุ่มของคนที่มีความสนุกและซาที่ต้องมาทำงานร่วมกัน แต่มีเป้าหมายในสิ่งที่ทำสูงมาก” เปเรียกล่าว “มันวิเศษมากเพราะทุกคนมีความจริงใจและไม่ต้องสร้างภาพอะไร เป้าหมายของพวกเขาคือการช่วยเหลือผู้คนและสนุกในระหว่างที่ได้ทำสิ่งนั้น เมื่อพวกเขาเปิดเผยตัวตนให้ผู้ชมเห็น พวกเขาจะได้รับความเคารพจากทุกคนแน่นอน”
เปเรียและเพื่อนนักแสดงของเขาพบแรงบันใจในตัวละครจาก Twister ด้วยความร่าเริงและบรรยากาศที่สนุกสนานคล้ายกัน ดัสตี้เคยรับบทโดยฟิลิป ซีย์มัวร์ ฮอฟฟ์แมนผู้ล่วงลับไปแล้ว “ผมรู้ว่ากำลังพูดถึงนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล” เปเรียกล่าว “หวังว่าผมจะถ่ายทอดพลังแห่งความสนุกสุดเหวี่ยงออกมาได้แบบเขาสักนิด”
เคธี่
มอว์ร่า เทียร์นีย์
เคธี่เป็นคุณแม่ของเคท เธอเป็นชาวไร่ผู้เข้มแข็งและสอนให้ลูกสาวเคารพโลก ทำให้เธอเกิดความหลงใหลในการศึกษาเรื่องพายุและการพัฒนาสิ่งที่จะสยบมันได้ เคทไม่ค่อยพูดกับเคธี่นับตั้งแตที่เคทออกจากโอกลาโฮม่าเพื่อเยียวยาตัวเองจากเหตุสูญเสียเพื่อนร่วมวิทยาลัยด้วยพายุ การกลับไปยังโอกลาโฮม่าของเธอนับเป็นการสร้างโอกาสกลับไปสานสัมพันธ์และช่วยเยียวยาบาดแผลในอดีตของเธอ
มอว์ร่า เทียร์นีย์ รับบทเคธี่ เธออยู่ในวงการฮอลลีวูดมานาน 30 ปี มีผลงานภาพยนตร์ Liar Liar และ Insomnia รวมถึงทีวีโชว์ที่มีการฉายยาวนาน NewsRadio, E.R. และ The Affair ที่เธอได้ชิงรางวัล Emmy และได้รับรางวัล Golden Globe เทียร์นีย์ได้รับเลือกให้มารับบทเคธี่โดยธรรมชาติ ผู้กำกับฯ อี ไอแซค จอง เล่าว่า “บทเคธี่มีความสำคัญต่อผมมากเพราะเธอเป็นชาวไร่ วิถีชีวิตที่ผมคุ้นเคยดี และเธอต้องถ่ายทอดคาแรคเตอร์ของโอกลาโฮม่าออกมา” จองกล่าว “หลายผลงานหล่อหลอมตัวละครนี้ขึ้นมา การรับบทนี้ผมต้องการใครสักคนที่ดูแกร่งและฉลาดติดดิน มอว์ร่าเป็นคนเดียวที่มีคุณสมบัตินั้น ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเธอ เมื่อเธอเข้าฉากผมสัมผัสได้ว่าเธอรู้จักตัวละครนี้ดีและสวมบทนั้นได้ทันที เราสนุกสนานกันมากเลยทั้งเธอและผม”
คำชื่นชมนั้นเกิดขึ้นพร้อมกัน “ฉันอยากร่วมงานในเรื่องนี้เพราะอยากทำงานร่วมกับไอแซค” มอว์ร่า เทียร์นีย์ กล่าว “มันเหมือนของขวัญที่ได้ร่วมงานกับผู้ชำนาญที่มีความรอบคอบ เชื่อมั่นในจินตนาการและความสามารถตัวเอง เขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เขาปล่อยให้นักแสดงสวมบทบาทไป เขาทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาก คุณจะบอกได้เลยว่าเขาออกแบบอย่างพิถีพิถัน จะรู้สึกอุ่นใจเวลาที่ได้ร่วมงานกับคนแบบนี้”
เทียร์นีย์รับหน้าที่แสดงบทบาทตัวละครที่ช่วงแรกอยากสร้างความโดดเด่นและความสุขในแบบฮีโร่ของเรื่อง “เคธี่มีความกลัวและเคารพในพื้นดิน พลังของธรรมชาติที่ช่วยหล่อเลี้ยงและทำลายได้ในเวลาเดียวกัน” เทียร์นีย์กล่าว “เธอส่งต่อสิ่งนั้นสู่ลูกสาว สอนให้เคธเคารพและไม่หวาดกลัวโลก เคธี่ต้องพบกับความท้าทายในการดูแลลูกสาวที่ดูจะมีความพิเศษและไม่เหมือนใครชัดเจน เธอรู้ว่าทางที่ดีที่สุดอาจจะเป็นการปล่อยเคทเป็นอิสระและเดินตามเส้นทางตัวเอง จนทำให้เธอได้เติบโตแต่ก็ต้องพบกับเรื่องเศร้าด้วย ตอนนี้เคทเดินทางกลับบ้านและต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำเธอเจ็บปวด เคธี่ไม่รู้สึกสงสารลูกแต่คอยเตือนเคทว่าตัวเองเป็นใคร มาจากที่ไหน อะไรสร้างแรงบันดาลใจให้เธอ และเธอต้องการสิ่งใดเพื่อเยียวยาใจและก้าวหน้าไปได้อีกครั้ง”
ลิลลี่
ซาช่า เลน
สมาชิกอีกคนในทีมของไทเลอร์ โอเวนที่กระหายความตื่นเต้น ลิลลี่รับบทโดยซาช่า เลนทำหน้าที่บินโดรนเพื่อสำรวจท้องถนนที่ทีมงานจะออกล่าพายุ แม้ว่าเธอจะชอบส่งเสียงร้องดังตลอดทางก็ตาม เธอไม่ต่างจากเพื่อนนักแสดงอย่างเกล็น พาวเวลล์ที่เป็นชาวเท็กซัส และใช้ประสบการณ์จากที่เติบโตในถิ่นพายุทอร์นาโดในการรับบทลิลลี่
“ชีวิตวัยเด็กของฉันมีแต่เรื่องพายุค่ะ” เลนกล่าว เธอเป็นที่รู้จักของผู้ชมจากการรับบทในเรื่อง American Honey และทีวีซีรีส์ของทาง Marvel Studios เรื่อง Loki “ฉันโตมาพร้อมกับความกลัวพวกมัน เพราะความเป็นเจ้าแห่งธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่มาก ต้องมีความกลัวบางอย่างแน่นอนเพราะมันสร้างความเสียหายได้มาก ทุกความรู้สึกและสิ่งที่ได้พบเจอมาจะถ่ายทอดสู่ลิลลี่ค่ะ”
สก็อตต์
เดวิด โคเรนสเวต
สก็อตต์คือหนึ่งในผู้สร้าง StormPar และเป็นผู้นำคนสำคัญเคียงข้างกับจาวีในการพัฒนา PAR ถึงขั้นขีดสุด เขาต่างจากจาวีตรงที่สนใจเรื่องการสร้างความพอใจให้เหล่านักลงทุน มากกว่าการป้องกันความรุนแรงของพายุทอร์นาโด สก็อตต์มีทั้งความเจ้าเล่ห์และมีความเป็นมืออาชีพ สก็อตต์ยอมรับในความเป็นนักล่าพายุสมัครเล่นของไทเลอร์ ไม่รู้สึกอะไรที่จาวีชวนเคทมาร่วมทีม StormPar ด้วยซ้ำ สก็อตต์ไม่สนใจหลักการของเคทหรือสัญชาตญาณที่เธอมีเกี่ยวกับเรื่องทอร์นาโด ทั้งที่เธอดูฉลาดกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับการรับบทสก็อตต์ ผู้กำกับฯ ลี ไอแซคเลือกเดวิด โคเรนสเวตที่แคยแสดงในผลงานดราม่าของไรอัน เมอร์ฟี่ เรื่อง Hollywood และ The Politician และได้รับเลือกให้รับบทบุรุษเหล็กในผลงานรีบูทที่กำลังจะมาถึงเรื่อง Superman “เดวิดทุ่มเทการแสดงหลายอย่างในบทสก็อตต์เกินบท” จองกล่าว “เขาถ่ายทอดการแสดงสีหน้าและท่าทางของสก็อตต์ได้อย่างเหลือเชื่อ และชอบทำตัวเป็นศัตรูในแบบที่เราอยากดูในทุกเทค ผมพบว่าตัวเองมีความสุขมากจากการแสดงของเขา”
โคเร็นสเว็ตมองว่าการทำตัวน่าสงสัยของสก็อตต์คล้ายกับตัวละคร ดร.โจนัส มิลเลอร์ ของแครี่ เอลเวสในภาพยนตร์ปี 1996 เรื่อง “สก็อตต์ดูมีความอวดดีแต่ก็เป็นคนมีฝีมือและพิถีพิถัน” โคเร็นสเว็ตกล่าว “เขาเป็นตัวแทนด้านมืดของเหล่านักล่าพายุ” ขณะเดียวกันก็มีบุคลิกบางอย่างที่ผู้ชมอดที่จะเกลียดไม่ได้ สก็อตต์ไม่ทำให้โคเร็นสเว็ตผิดหวังเลยสักนิด “ผมมั่นใจว่าเขาจะต้องได้ชดใช้จากผลที่ตามมาอย่างน่าอัศจรรย์” เขากล่าวติดตลก
ผู้ฟาดฟันกับพายุของไทเลอร์
แดนี่—เคที่ โอ’ไบรอัน
เด็กซ์เตอร์—ทันเด อาเดบิมเป้
เบ็น—แฮร์รี่ แฮดเดน-พาตัน
ผู้ร่วมทีมไปกับช่างภาพวีดีโอ บูน (แบรนดอน เปเรีย) และผู้ควบคุมโดรน ลิลลี่ (ซาช่า เลน) ในภารกิจล่าพายุของไทเลอร์ โอเวนคือเพื่อนร่วมทีมอีก 3 คนที่มีหน้าที่และบุคลิกเฉพาะตัว เด็กซ์เตอร์ (ทันเด อาเดบิมเป้) ผู้คลั่งไคล้ทอร์นาโดขั้นรุนแรง และแดนี่ (เคที่ โอ’ไบรอัน) เป็นคนอารมณ์ดีและทำตัวสบายๆ ต่างเป็นเพื่อนสนิทที่สนับสนุนทีมในฐานะผู้ลุยสนามจริงและพร้อมพุ่งตัวออกจากด้านหลัง RV เก่าๆ พร้อมด้วยเบ็น (แฮร์รี่ แฮดเด็น-พาตัน) นักเขียนข่าวที่มาทำเรื่องราวของไทเลอร์และทีมงาน
นักแสดงทุกคนต้องร่วมงานกับผู้กำกับฯ อี ไอแซค จองเพื่อสร้างอดีตสำหรับตัวละครของพวกเขา ซึ่งจะมีส่วนชวยทางด้านการแสดง เคที่ โอ’ไบรอัน และ ทันเด อาเดบิมเป้ต้เอช่วยกันพัฒนาความสนิทในบทแดนี่และเด็กซ์เตอร์ “พวกเขามีความแตกต่างกันอย่างน่าสนุก” โอ’ไบรอันกล่าว เขาเพิ่งมีผลงานแสดงคู่กับคริสเทน สจ๊วตในภาพยนตร์อินดี้ที่ได้รับคำชม Love Lies Bleeding และเคยร่วมงานกับจองในผลงานตอน The Mandalorian ของเขา “เด็กซ์เตอร์คิดวิเคราะห์เก่งกว่า แดนี่ดูเป็นคนทำตัวสบายๆ กว่า เด็กซ์เตอร์มักจะพูดจาเชิงวิทยาศาสตร์ ความซับซ้อนของเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น และกล้องจะหันมาหาผมตอนพูดว่า ‘ใช่ มันคือพายุทอร์นาโด’ แต่การรับบทนี้และสร้างเคมีที่ลงตัวเข้ากันขึ้นมา ทันเดกับผมต้องจินตนาการว่าคนที่ต่างสุดขั้วแบบนี้มาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่แรกได้อย่างไร เราคุยกันว่ามีหลายทางที่ตัวละครเราได้พบเจอกัน เช่น การเป็นชาวไร่มือใหม่ในตลาดการค้า ผมมีแต่จดสิ่งที่เป็นไปได้ ทุกสิ่งอิงจากสิ่งที่ได้ยินคนคุยกันตอนเดินใรโอกลาโฮม่า ผมคิดว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันแบบนั้นจนสนิทกัน หรืออาจจะเจอกันที่ AA เป็นเพื่อนกัน และตอนนี้ต้องช่วยกันเพื่อประคองกันให้รอด”
อาเดบิมเป้มีชื่อเสียงจากผลงานเรื่อง Leave The World Behind, Spider-Man: Homecoming, The Girlfriend Experience มีหลักเกี่ยวกับพลังของแดนี่-เด็กซ์เตอร์ว่า “มันรู้สึกเหมือนมิตรภาพที่มีความยาวนานมาก” อาเดบิมเป้กล่าว “สิ่งที่ผมคิดคือพวกเขามีความแปลกประหลาด/พังค์/เนิร์ด วัยรุ่นที่ดูแปลกในสังคมและมาสนิทกันจากความแปลกที่มีร่วมกัน พวกเขากลับมาติดต่อกันอีกคั้ง ได้ล่าพายุและรวมทีมกับไทเลอร์ สุดท้ายเคที่กับผมไม่เคยยืนยันเรื่องราวในอดีตของพวกเขาได้เลย แต่คิดว่าไม่ว่ามันจะเคยเป็นอย่างไร ตอนนี้เห็นชัดแล้ววาแดนี่กับเด็กซ์เตอร์เป็นเพื่อนซี้กัน สนิทกันมากขึ้นเหมือนครอบครัว และคอยสนับสนุนกัน จนกลายเป็นที่มาของความผูกพันระหว่างตัวละครของพวกเรา”
ผู้ช่วยสร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ให้กับกลุ่มไทเลอร์ รวมถึงปัญหาและประเด็นต่างๆ ในนเรื่องคือเบ็น นักข่าวจากประเทศอังกฤษ รับบทโดยแฮร์รี่ แฮดเดน-พาตัน เป็นที่รู้จักจากบทบาทในเรื่อง Downton Abbey และ The Crown “เบ็นเปรียบเสมือนคนนอก” แฮดเดน-พาตันกล่าว “เขาอยู่ที่นั่นเพื่อทำงานในฐานะนักข่าว และเข้าไปอยู่ในโลกที่เขาคุ้นเคยเพียงน้อยนิด หน้าที่ธรรมดากลายเป็นการผจญภัยที่น่ากลัวและต้องเรียนรู้การเอาตัวรอด สุดท้ายในเรื่อง Twisters คือเรื่องราวเกี่ยวกับสังคม คนแปลกหน้าที่ต้องมาอยู่ร่วมกันเพื่อเอาชนะอุปสรรคตรงหน้า เบ็นเชื่อมันในทีมนี้และต้องค้นหาความเข้มแข็ง ความกล้าหาญที่มีอยู่ในตัวเขาเพื่อเผชิญหน้ากับภัยพิบัติขั้นรุนแรง”
คนธรรมดาในทีมทอร์นาโดของเคท
เจ๊บ— แดริล แมคคอร์แมค
แอดดี้—เคียร์แนน ชิปก้า
พราวีน—นิค โดดานี
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เคท (เดซี เอ็ดการ์-โจนส์) เป็นผู้นำทีมนักล่าพายุของเธอสมัยเรียนที่ Muskogee State University เพื่อนทั้ง 3 คน ได้แก่ เจ๊บ แอดดี้ และพราวีน พร้อมด้วยจาวี (แอนโทนี่ ราโมส) และเคทต่างสนิทสนมกลมเกลียวและร่วมแชร์ภารกิจหาทางสยบพายุทอร์นาโด ความพยายามที่ไม่เป็นผลเห็นได้จากช่วงเปิดตัวเรื่อง Twisters และผลลัพธ์อันเลวร้ายนั้นหลอกหลอนเคทตลอดทั้งเรื่อง เช่นเดียวกับตัวละคร เจ๊บ แฟนของเคทรับบทโดยแดริล แมคคอร์แมค เขาเคยแสดงในซีรีส์ Bad Sisters และได้รับรางวัล BAFTA สาขา Best Actor จากผลงานปี 2022 เรื่อง Good Luck to You, Leo Grande “เจ๊บเหมือนร่างกายของกลุ่ม ส่วนเคทเหมือนมันสมอง” แมคคอร์มิคกล่าว “เจ๊บคอยขับรถ ยกของหนัก ทำทุกอย่างที่เคทร้องขอ เขาชื่นชมในความฉลาดของเคท และคอยสนับสนุนพร้อมเคียงข้างเธอเสมอ เรื่องราวระหว่างพวกเขาเกี่ยวข้องกับรักครั้งแรก ซึ่งมันจะอยู่ติดตัวเราตลอดไปไม่ว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร มีความน่าสนใจในบทภาพยนตร์ เช่น เจ๊บยังคงอยู่เคียงข้างเธอในบางสถานะอย่างไร”
แอดดี้รับบทโดยเคียร์แนน ชิปก้า เธอเติบโตบนจอยักษ์ในบทลูกสาวของดอน เดรเปอร์ในเรื่อง Mad Men และแสดงในซีรีส์ยอดนิยม Chilling Adventures of Sabrina “สิ่งที่ฉันชอบมากในฉากเปิดตัวของเรื่องคือทุกคนดูเป็นเพื่อนกัน” ชิปก้ากล่าว “คุณจะบอกได้เลยว่าทุกคนรักกันมาก และตัวละครเหล่านี้มีอดีตร่วมกันมากมาย” สำหรับการสร้างเคมีบนหน้าจอในกลุ่มเคทขึ้นมา เหล่านักแสดงต้องช่วยกันนึกภาพของมิตรภาพระหว่างพวกเขาและเรื่องราวในอดีตที่มีร่วมกัน “แอดดี้เป็นผู้หญิงที่มีความกระตือรือร้น สนุกสนาน และรักการล่าพายุ” ชิปก้ากล่าว “เดซี่กับฉันอยากถ่ายทอดให้เห็นว่าแอดดี้กับเคทรู้จักกันพักใหญ่แล้ว พวกเธอโตมาด้วยกัน แอดดี้รักเคทมาก เธอเหมือนตัวแม่แหงการล่าพายุของพวกเรา”
พราวีนไม่ต่างกับแอดดี้ที่คอยเฝ้ามองเคท รวมถึงจาวีที่อาวุโสในกลุ่มด้วย พราวีนรับบทโดยนิค โดดานี มีผลงานที่สร้างชื่อเสียง เช่น ซีรีส์คอมเมดี้ Atypical และบท Dear Evan Hansen และ Mark, Mary & Some Other People สำหรับบทพราวีน โดดานีเล่าว่าสนุกับความตื่นเต้นในการออกล่าพายุทอร์นาโด แต่เขาได้เรียนรู้ถึงการเคารพธรรมชาติอย่างจริงจังด้วย พราวีนเป็นนักล่าพายุที่ไม่อยากพลาดอะไรไป หากเขาพลาดพายุลูกสำคัญเขาจะเก็บตัวเป็นอาทิตย์ และเขาคือคนที่เผชิญกับสายฟ้าฟาดมาแล้วครั้งหนึ่ง” โดดานีกล่าว “แน่นอนว่าตอนนี้เขาระมัดระวังเรื่องกระแสไฟฟ้ามากขึ้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาพร้อมออกลุยเสมอ เขารักการไล่ล่าแต่ก็เน้นไปในเชิงวิทยาศาสตร์มาก เพื่อสร้างความแน่ใจว่าทุกอย่างจะสำเร็จและปลอดภัยที่สุด เกิดเรื่องเลวร้ายน้อยที่สุด…”
ส่วนนำของเรื่องมีการถ่ายทำตลอดช่วงสัปดาห์แรกของการถ่ายทำ นักแสดงผู้รับบทนักล่าพายุทอร์นาโดของเคทได้พบกับเอ็ฟเฟ็กต์อันดุเดือดของกองถ่ายเป็นกลุ่มแรก “เราได้เนเครื่องผลิตลมขนาดใหญ่ เครื่องผลิตฝนขนาดใหญ่ และเครื่องผลิตพายุขนาดใหญ่ด้วย” ชิปก้ากล่าว “มันมีทั้งความเร็ว พลังมหาศาล และความโหดร้าย เครื่องจักรเหล่านั้นช่วยสร้างความตื่นเต้นและความน่ากลัวของการล่าพายุได้มาก” การมีเอ็ฟเฟ็กต์ที่เกิดขึ้นจริงบนหน้าจอคือหัวใจสำคัญในจินตนาการของอี ไอแซค จอง “ไอแซคและทีมงานสร้างควมทึ่งด้วยเอ็ฟเฟ็กต์จริง เราตัวเปียกไปด้วยน้ำ มีการสาดน้ำแข็งและใช้เครื่องจักรเหล่านั้นทุกครั้งเมื่อมีโอกาส” โดดานีกล่าว “ฉากแรกๆ ในการถ่ายทำของผมวันแรก ผมวิ่งฝ่าพายุเทียม มีการติดลวดสลิงเอาไว้กับตัว ทั้งล้มและถูกกระชากขึ้นไปบนอากาศด้วยเครนขนาดใหญ่สูง 100 ฟีต มันสนุกมากเลยครับ ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเขาจะให้ผมทำอะไรแบบนั้น ทุกสิ่งสร้างความสนุกได้มากเลยครับ”
การออกแบบฉากและสถานที่ต่างๆ
ผู้มีประสบการณ์หลายคนจากเรื่อง Twister กลับมาร่วมงานในแฟรนไชส์ เพื่อสร้างโลกอันยิ่งใหญ่และน่ากลัวให้ Twisters มีทั้งผู้ออกแบบฉาก แพทริค ซัลลิแวน ที่ร่วมงานในวงการบันเทิงด้วยการทำงานแผนกศิลป์ของภาพยนตร์ปี 1996 “มันเหมือนกับความฝันที่ต้องหยิกตัวเองเลยล่ะ ทั้งเรื่อง Twister และ Twisters เหมือนจุดปักหลักเส้นทางการทำงานของผมเลย” ซัลลิแวนกล่าวพร้อมหัวเราะ “ตอนนี้ผมพร้อมรีไทร์แล้ว” ในช่วง 30 ปีระหว่างเรื่อง Twister เขามักจะงานยุ่งเป็นส่วนใหญ่ เขามีผลงานสร้างชื่อเสียงมากมายรวมตำแหน่งผู้กำกับศิลป์ในเรื่อง Mary Poppins Returns, Goosebumps และ A.I.: Artificial Intelligence และเป็นผู้ออกแบบฉากในเรื่อง Brightburn, Gerald’s Game และ Reptile “การทำหน้าที่แรกในฐานะผู้ออกแบบฉากรุ่นน้องในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญและสร้างความตื่นเต้นอย่างยิ่งใหญ่” ซัลลิแวนกล่าว “จากนั้นมาถึงการทำงานเต็มตัวในเรื่อง Twisters ตอนนี้ทำน้าที่เป็นหัวหน้าแผนกศิลป์ และสร้างโลกใบนี้ในเวอร์ชันใหม่อีกครั้ง นับเป็นเรื่องที่วิเศษมากเลย”
การออกแบบและโทนสี
- ภาพยนตร์เรื่อง Twisters ถ่ายทำกันที่โอกลาโฮม่า ส่วนใหญ่ถ่ายทำบริเวณพื้นที่ชนบท ในช่วงที่เรื่อง Twisters ไม่มีการถ่ายทำพื้นที่ด้านนอก กองถ่ายจะถ่ายทำกันที่ Prairie Surf Studios ในเมืองโอกลาโฮม่า ที่นั่นเคยเป็นสถานที่จัดประชุมและเปลี่ยนเป็นสถานที่ให้บริการด้านการถ่ายทำภาพยนตร์
- โทนสีในเรื่อง Twisters เลือกมาจากทิวทัศน์ของโอกลาโฮม่า ภาพโดยรวมของเรื่อง “มีความเรียบง่ายและเหมือนชนบท ห่างจาก Midwest Americana หลายทศวรรษ” ซัลลิแวนเล่าว่า “มีบริเวณทุ่งข้าวสาลีสีทองและต้นทานตะวัน มีถนนดินแดง ท้องฟ้าสีน้ำตาลอ่อนที่สามารถปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกได้ในเสี้ยววินาที จากการเปลี่ยนแปลงความชื้นและอุณหภูมิ”
- “สำหรับตัวละครต่างๆ ฉากและพาหนะที่มีอยู่ตามธรรมชาติหรือมีบางส่วนอยู่ในธรรมชาตินั้น เราต้องนับมาปรับเปลี่ยนให้เป็นโทนสีอบอุ่น ขัดด้วยสีแดง-ส้ม” ซัลลิแวนกล่าว “สำหรับพนักงานของ StormPar ที่ดูไม่เข้ากับบรรยากาศนั้น พวกเขาจะสวมชุดสีเทาเรียบเหมือนเอเลี่ยนที่ถูกส่งมาจากพื้นที่อันไกลโพ้น”
การทำลายของพายุ
- ความท้าทายของทีมออกแบบฉาก คือการออกแบบและสร้างเศษซากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุทอร์นาโดในเรื่อง “มันบ้ามากที่ต้องใช้เวลามากมายไปกับการวางแผน และใช้ทรัพยากรไปสร้างสิ่งที่ธรรมชาติสามารถทำลายได้เพียงไม่กี่วินาที” ซัลลิแวนกล่าว “มันมีความท้าทายน้อยกว่า Twister ภาคแรกเพียงนิดหน่อย เพราะย้อนไปเมื่อปี 1996 เราไม่มีพวกฟุตเทจหรือแหล่งอ้างอิงทางโซเชียลมีเดีย แต่เพราะมี YouTube ทำให้เรามีแหล่งข้อมูล เราต้องสร้างให้สมความคาดหวังของผู้ชมว่าพายุทอร์นาโดควรสร้างความเสียหายได้ขนาดไหน เพราะพวกเขามีความคุ้นเคยกับมันมากกว่า”
- ซัลลิแวนทำให้ทีมงานกลายเป็นผู้ชำนาญด้านการสร้างสิ่งก่อสร้าง ก่อนที่จะกลายเป็นผู้ชำนาญด้านการสร้างซากปรักหักพัง “เวลาที่เราจะแยกชิ้นส่วนบ้านหรืออาคารพาณิชย์ถึงโครงสร้างภายใน เราต้องสร้างมันขึ้นมาและทำความเข้าใจว่าบ้านประกอบกันขึ้นมาได้อย่างไร เพื่อที่เราจะกำหนดทิศทางการชำแหละชิ้นส่วนมันได้” ซัลลิแวนกล่าว “สิ่งที่คิดตอนสร้างบ้านร่วมกับผู้กำกับศิลป์และผู้ออกแบบฉากคือ ‘นึกถึงโครงสร้างเข้าไว้ คิดถึงภาพในแนวตั้ง คิดถึงความว่างเปล่า’ เราอยากเห็นโครงสร้างภายในบ้านและรอดูความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เราอยากเก็บโครงสร้างเหล่านี้ไว้ให้เหมือนการแกะสลัก มีกรอบต่างๆ ที่หักและพวกไม้ชี้ขึ้นท้องฟ้า และสภาพความเสียหายจะเว้นห่างในพื้นที่โล่งกว้าง สื่อให้เห็นว่าโครงสร้างบางส่วนถูกทำลายและลอยหายไป”
- แผนกตกแต่งฉากทำสัญญาร่วมกับบริษัทรื้อถอนในท้องถิ่นหลายแห่ง ล้วนเป็นผู้ชำนาญด้านการรื้อถอนบ้านเก่าและซากปรักหักพัง ทุกอย่างตั้งแต่ต้นไม้หัก กำแพง หลังคา ไปจนถึงพวกเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ต่างๆ ทีมงานของซัลลิแวนต้องคำนวณว่าจะใช้พนักงานเยอะขนาดไหน (และจ้างได้เท่าไหร่) จึงทำการว่าจ้าง “หากเราทำงานบนพื้นที่มีขนาดยาว 450 ฟีตและกว้าง 500 ฟีต เราต้องมีพื้นของซากปรักหักพังลึก 6 นิ้วโดยประมาณ เราต้องหาปริมาณความเสียหายและเปลี่ยนเป็นปริมาณที่รถจะบรรทุกได้ หรือบริษัทกำจัดขยะเสนอให้” ซัลลิแวนกล่าว “สิ่งที่คำนวณได้ค่อนข้างน่ากลัวเลยล่ะ”
คริสตัล สปริงส์
- เมืองของคริสตัล สปริงส์คือ 1 ใน 3 เมืองที่ถูกพายุทอร์นาโดทำลายล้างในเรื่อง Twisters แม้คริสตัล สปริงส์จะมีอยู่จริง ชิคกาชา โอลาโฮม่า มีการใช้เป็นสถานที่หลัก 3 บล็อกเพื่อสร้างความเสียหายที่เกิดจากพายุหมุน “เราร่วมมือกับชาวบ้านในชุมชนนั้นเพื่อปรับปรุงบ้านของพวกเขา ทำให้มันดูผ่านช่วงที่พายุทอร์นาโดสร้างความเสียหาย” ซัลลิแวนกล่าว “เรามีการซื้อบ้าน 3 หลังใหญ่ที่มีความสมบูรณ์จากบริษัทรื้อถอน จากนั้นนำมาทำลายเพื่อให้เราเห็นสภาพภายในและซากปรักหักพัง การทำงานสร้างความสะเทือนใจมาก มันสะท้อนภาพในจินตนาการของเราและทำให้รู้สึกสงสารคนที่ต้องสูญเสียบ้านเพราะพายุทอร์นาโด”
- ละแวกใกล้เคียงคริสตัล สปริงส์เป็นฉากที่สร้างขึ้นยาว 4 บล็อกของเมืองในชิคกาชา ผู้ตกแต่งฉาก มิสซี่ พาร์คเกอร์ ผู้มีชื่อเสียงจากผลงานเรื่อง Hidden Figures อธิบายการทำงานของเธอว่า “บ้านทุก 5 หลังที่ได้รับการตกแต่งและถูกทำลายจะมีรูปแบบและเรื่องราวในอดีตต่างกัน” พาร์คเกอร์กล่าว “เราทำการซื้อที่เซลล์อสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น รวมถึงร้านค้าขนาดเล็กในเมืองอีกหลายแห่ง เพื่อสร้างบ้านแต่ละหลังให้ดูมีเรื่องราว เราร่วมงานกับบริษัทรื้อถอนบ้านในท้องถิ่น เพื่อให้เห็นภาพบ้านที่มีการรื้อถอนและทำลายล้างจริงจากการทำลายที่ผ่านมา มันช่วยให้เรามีเศษซากปรักหักพังตามท้องถนนหลายชั้น และช่วยสร้างบรรยากาศโดยรอบที่สมจริงทั้งสิ่งที่จับต้องได้และทางความรู้สึก เราตั้งใจจะแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและความเสียหายที่พายุทอร์นาโดส่งผลต่อชีวิตมนุษย์ เป้าหมายของเราคือการถ่ายทอดเรื่องราวความเสียหายและความวังในฉากคริสตัล สปริงส์ออกมาได้ด้วยความเคารพ เราตกแต่งสภาพการถูกทำลายตลอด 4 บล็อก และแสดงให้เห็นภาพถ่ายครอบครัว ของตกแต่งในเทศกาลวันหยุด ชามข้าวสัตว์เลี้ยง ไปจนถึงผนังบ้านและสิ่งที่เหลือเชื่อ เช่น รถบนต้นไม้ ก่อนช่วง 6 สัปดาห์ที่เราใช้เวลาไปกับการสร้างและตกแต่งสถานที่ เราใช้เวลาหลายเดือนเพื่อค้นหาข้อมูลและทำการซื้อของ แต่ฉากต่างๆ ไม่ได้ลงเอยในการถ่ายทำอย่างที่วางแผนเอาไว้ รวมถึงมีการหยุดกองก่อนที่จะมีการถ่ายทำ เพื่อรักษาโครงสร้างบ้านต่างๆ เอไว้ ต้องมีการห่อหุ้มพลาสติกขนาดใหญ่และวางแผงกั้น พวกขยะและของตกแต่งจากท้องถนนถูกดันขึ้นมาอยู่บนสนาม ต้องมีการกั้นรั้วรอบพื้นที่นั้น ช่วงที่กองถ่ายกลับมาเปิดกองใหม่ช่วงฤดูหนาวหลังสิ้นสุดช่วงพักงาน เราต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์จัดการเตรียมพื้นที่ 4 บล็อก ประโยชน์ของการใช้สถานที่จริงทำให้เราถายทอดเรื่องราวความเสียหายและความบอบช้ำที่พายุทอร์นาโดสร้างเอาไว้ได้”
สติลวอเทอร์
- เมืองที่ 2 ในเรื่อง Twisters ที่โดนพายุทอร์นาโดถล่มคือสติลวอเทอร์ เมืองที่ใช้ถ่ายทำในเรื่องคือเมืองมิดเวสต์ โอกลาโฮม่า เคทอยู่ที่นั่นช่วงที่กลับไปยัง Sooner State นอนในโรงแรมที่อยู่ตรงข้ามถนนพื้นที่คอกจับปศุสัตว์ แต่ทั้งโรงแรมหรือพื้นที่คอกจับปศุสัตว์ต่างก็ไม่รอด
- สำหรับพื้นที่คอกจับปศุสัตว์ สคริปต์เวอร์ชันแรกไม่มีส่วนนี้ งานอดิเรกของชาวอเมริกันคือการเล่นเบสบอลในมหาวิทยาลัยของเคท ผู้กำกับฯ อี ไอแซค จอง เก็บประสบการณ์จากการโตในถิ่นนั้น ปรับเปลี่ยนฉากให้มีพื้นที่คอกจับปศุสัตว์ เพื่อสานจินตนาการของจอง ทีมงานของซัลลิแวนต้องหาโรงแรมที่อยู่ติดกับพื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อจัดให้เป็นพื้นที่คอกจับปศุสัตว์ สุดท้ายพวกเขาพบสถานที่เหมาะสมโดยใช้ Google Earth ก่อนจะเข้าไปสำรวจพื้นที่จริงเพื่อกำหนดทั้ง 2 ฉากนั้น
- ผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ โธมัส เฮย์สลิป ติดตั้งพื้นที่คอกจับปศุสัตว์แบบเคลื่อนที่ได้ มีการสร้างร้านค้าขึ้นมาในโรงถ่าย แต่จองคิดภาพว่าที่นั่นเป็นแลนด์มาร์คท้องถิ่น พร้อมประวัติความเป็นมาที่เปิดมานานนับปี ทีมงานของซัลลิแวนจึงต้องสร้างและตกแต่งให้ตรงตามนั้น พวกเขาสร้างอัฒจรรย์เหล็ก บูธขายตัว บูธสำหรับผู้ประกาศ บูธให้เช่า และพื้นที่ขายของเล็กๆ ที่มีขายหมวกคาวบอยและอานม้า มีจุดอบรมความปลอดภัย มีทีขี่กระทิง และพื้นที่ของแกะ (หรือที่ขี่แกะสำหรับเด็ก) มีการตกแต่งผนังด้วยโปสเตอร์ Hatch Show ที่ดูไม่ชัด มีแผ่นป้ายนักดนตรีชื่อดังอย่างเอลวิส เพรสลีย์ และ ดอลลี่ พาร์ตัน เพื่อให้เห็นอดีตและบรรยากาศของชาวอเมริกันที่ห่างหายไป
- สถานที่จริงสำหรับฉากพื้นที่คอกจับปศุสัตว์คือฟาร์ม ด้านบนพื้นจึงเป็นเหล็กสีแดงและมีทรายที่จองและซัลลิแวนต้องการ เป็นหน้าที่ของแอนดรูว์ นาวลิง (Euphoria, Traffic) หัวหน้าฝ่ายต้นไม้สีเขียวที่ต้องแก้ปัญหานี้ สีที่พวกเขาต้องการสำหรับพื้นที่คอกจับปศุสัตว์คือโรสโกลด์ ซึ่งไม่มีในร้านจำหน่ายวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเลย สำหรับการสร้างสีนั้นขึ้นมา พวกเขาต้องใช้ทรายสีอ่อนผสมกับสีย้อมแห้งหรือปูนเคลือบสี มีการผสมทรายหลายร้อยตันกับสีที่ต้องการ มีการเช่ารถบรรทุกผสมปูนและวัสดุที่มีความหนักอื่น โดยที่ไม่มีทั้งเงินและเวลามากนัก เมื่อครบเวลานาวลิงต้องออกตามหาทรายแถวแม่น้ำในท้องถิ่นที่จะนำมาผสมกับดินแดง จนสุดท้ายเขาได้สีที่ต้องการ นาวลิงพบบริษัทขนส่งด้วยรถบรรทุกที่ขนทรายให้ทันกำหนดเวลาในวันถัดไปได้ เมื่อทรายมาถึงที่ฉาก นาวลิงได้รับความช่วยเหลือจากคนขับรถและผู้ดูแลเครื่องมือขนาดใหญ่ในพื้นที่โอกลาโฮม่าชื่อ HAMMER (มีแค่ค้อน) พวกเขาช่วยทีมงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อสร้างพื้นที่นั้นให้สมบูรณ์ขึ้นมา
- พื้นที่โรงแรมไม่ต่างกับพื้นที่คอกจับปศุสัตว์ ต้องอาศัยพื้นที่ขนาดใหญ่และดูแข็งแรง ผนกศิลปะต้องสร้างห้องของเคทและส่วนอื่นๆ ในโรงแรมที่จะถูกพายุทอร์นาโดทำลายขึ้นม พวกเขาต้องเพิ่มความน่าสนใจให้โรงแรมมากขึ้น ต้องมีสระว่ายน้ำในโรงแรมที่มีความคลาสสิคมีทั้งพื้นที่ตื้นและลึก ในภาพยนตร์สระว่ายน้ำโล่งคือที่กำบังจากพายุได้อย่างไม่น่าเชื่อในช่วงที่ทอร์นาโดเคลื่อนผ่านเมือง
- ผู้ควบคุมการกำกับศิลป์ โออาน่า บอกแดน มิลเลอร์ (The Mandalorian, The Morning Show) เล่าว่าแม้จะพบสถานที่น่าสนใจสำหรับโรงแรม แต่มันไม่มีสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในบทภาพยนตร์ “พื้นที่นั้นเพอร์เฟ็กต์ในทุกด้าน” บอกแดน มิลเลอร์กล่าว “มันมีมุมโล่งกว้างให้ได้สร้างบรรยากาศการถูกพายุทอร์นาโดทำลายล้างด้วยซ้ำ ทีมงานของเราจึงต้องขุดหลุมสำหรับสร้าสระที่มีขนาดใหญ่และสวยขึ้นมาบนใจกลางพื้นที่โรงแรม ไม่ต้องมีการสร้างระบบท่ออะไรเลย ความตลกของโรงแรมคือมันมีราคาถูกจนทุอย่างไม่สามารถใช้งานได้ สระว่ายน้ำมีแต่ความว่างเปล่า สร้างขึ้นด้วยผนังคอนกรีตที่หนาและมีการโบกปูนสำหรับใช้ในสระ ระหว่างที่พายุทอร์นาโดพัดทำลาย มันสามารถรับกองขยะที่หล่นมาจากเครนได้ หลังการถ่ายทำกองถ่ายต้องรื้อถอนสระออก เหลือแค่รูและสร้างพื้นที่โล่งตามเดิม
เอล รีโน่
- เมืองสุดท้ายของโอกลาโฮม่าที่ถูกพายุทอร์นาโดโจมตี คือเมืองเดียวในเรื่อง Twisters ตั้งชื่อตามสถานที่ที่มีการถ่ายทำ ชุมชน El Reno มีแทบทุกสิ่งที่บทภาพยนตร์ต้องการ เว้นแต่ถังน้ำใกล้กับโรงภาพยนตร์ที่จะเกิดเรื่องราวขึ้น กองถ่ายต้องสแกนถังน้ำของเมืองแบบ 3 มิติ และจับวางในหลายบล็อกห่างออกไป ทำให้สร้างขึ้นมาได้โดยใช้ดิจิตอลเอ็ฟเฟ็กต์
- ตลาดชาวประมง The El Reno ประกอบด้วยผู้ขาย 40 รายและแผงขายของ ร้านค้าและผู้ขายจำนวนมากได้แรงบันดาลใจมาจากตลาดชาวประมงท้องถิ่น ร้านค้ามีความหลากหลายตั้งแต่ของที่ผลิตเอง ไปจนถึงสินค้าอบแห้ง ของพื้นเมือง ทีมตกแต่งฉากต้องทำการผลิต ค้นหาข้อมูล และไปพบเจอชาวประมงและผู้ขายท้องถิ่นจากทั่วโอกลาโฮม่า “เราตื่นเต้นที่จะได้ถ่ายทอดให้เห็นหลายองค์กรท้องถิ่น เช่น First Americans Museum” ผู้ตกแต่งฉาก มิสซี่ พาร์คเกอร์กล่าว “เรายังผลิตสินค้า ผัก พาย เค้กปลอมขึ้นมาด้วย ทุกอย่างจะใช้วัสดุที่มีความนุ่มและปลอดภัย ไม่สร้างอันตรายให้นักแสดงและทีมงานในช่วงที่เครื่องผลิตลมและน้ำพัดข้าวของไป แทบทุกอย่างจะต้องถูกทำลายระหว่างที่โดนลมและความร้อน มีสิ่งเดียวที่รอดคือพายปลอม ทีมตากล้องเล่าว่ามันกลิ้งอยู่ในรถบรรทุกของพวกเขาตลอดการถ่ายทำเลย”
- เรื่องสนุกที่น่ากลัวไปสักหน่อย บนความอิจฉาในการสร้างฉากตลาดประชาวประมงขึ้นมาดันเกิดพายุจริงขึ้นในวันที่มีการถ่ายทำ แรงลม 80 ไมล์ต่อชั่วโมงสร้างความเสียหายให้ฉากก่อนที่ผู้สร้างภาพยนตร์จะเข้าไปจัดการอะไร “มันคือพายุขนาดใหญ่ที่ทุกคนเห็นในฉาก” พาร์คเกอร์กล่าว “แม้ว่าเราจะถ่วงน้ำหนักเตนท์ทุกหลังด้วยปูนขนาด 100 ปอนด์ แต่พายุขนาดใหญ่และแรงลมได้สร้างความเสียหายได้อย่างรวดเร็วมาก พายุหอบเตนท์และแผงร้านขายของ พายของปลอมกลิ้งอยู่บนท้องถนน พวกผักลอยไปทุกทิศทาง พายุมาเยือนเราอย่างรวดเร็วมาก เราต้องหลบกันในร้านค้าท้องถิ่น จับตาดูและเฝ้ารอ เมื่อพายุผ่านพ้นไปเราถามกันว่า ‘คิดว่าจะกู้ฉากคืนมาได้ไหม? และจะพร้อมถ่ายทำอีกครั้ง…ภายในชั่วโมงหนึ่งไหม?’ เราทุ่มเทกันสุดตัว และทุกคนทั้งผู้อำนวยการสร้างฯ ผู้จัดการสถานที่ ทุกคนต่างต้องทำความสะอาด จัดใหม่ทุกอย่าง ตลาดชาวประมงกลับมาอีกครั้งเพื่อให้เราได้พังมันใหม่อีกรอบ…ในแบบที่วางแผนไว้!”
- ระหว่างสำรวจพื้นที่ใน El Reno ผู้กำกับฯ ลี ไอแซค ชุคเห็นว่ามีรถเข็นให้บริการในเมือง เขาจึงรวมสิ่งนั้นไว้ในเรื่องด้วย เขานึกภาพรถคว่ำจากซากปรักหักพังที่ทับและถูกน้ำพัดไป ทีมงานของซัลลิแวนได้สร้างรถเข็นในเมืองขึ้นมา โดยมีสตั๊นท์แมนเป็นคนขับ เมื่อถึงจังหวะล้มค่ำ สตั๊นท์แมนจะเปิดอากาศผ่านรีโมทคอนโทรลที่ทำให้รถหลุดออกจากรางได้
- บรรยากาศภายในของโรงภาพยนตร์สร้างขึ้นในโรงถ่ายที่ Prairie Surf Studios ทำให้ซัลลิแวนกลับไปนึกภาพพื้นที่ด้านในโรงภาพยนตร์ในบ้านสำหรับบริเวณภายนอก ซัลลิแวนสร้างบรรยากาศให้เป็นทำเนียบภาพยนตร์ศิลปะกลางศตวรรษ มีเวทีอยู่ด้านหน้าโรงภาพยนตร์ กำแพงเป็นลอนมีผ้าม่านสีทองประดับ มุมอื่นเต็มไปด้วยสีแดงเลือดนก เชิงเทียนและแชนเดอเลียร์สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ ฉากอันหรูหราที่ถูกสร้างขึ้นมาสามารถพังทลายได้เมื่อโดนลมและฝนจากเครื่องผลิต “ทุกอย่างหายไปหมดเลย” ซัลลิแวนกล่าวพร้อมถอนหายใจ
บ้านวัยเด็กของเคทและภาพ 3 มิติ
- กองถ่ายได้พบกับบ้านวัยเด็กของเคท ซึ่งเป็นบ้านไร่ของเคธี่คุณแม่ของเธอใน Howe โอกลาโฮม่า (pop. 631) บ้านหลังสำคัญมีโครงสร้างสถาปัตยกรรมเคนเทนเนียลสไตล์คลาสสิค เป็นบ้านที่มีความสูง 1 ชั้นครึ่ง บริเวณโรงนาเป็นกระท่อมโลหะเก่า แผนกศิลป์จึงปกคลุมด้านนอกด้วยไม้เพื่อทำให้ดูกลมกลืนกับโรงนาโอกลาโฮม่าอันมีเอกลักษณ์ แม้ว่าไม้นั้นจะพบได้ในมิสซูรี่ก็ตาม บรรยากาศภายในโรงนาที่เป็นห้องทดลองวัยเด็กในบ้านของเคทถูกสร้างขึ้นที่ Prairie Surf Studios
- ภาพยนตร์เรื่อง Twisters แสดงความเคารพในวิชวลของภาพยนตร์ปี 1996 อีกครั้งด้วยทุ่งดอกทานตะวันที่กำลังบานในบ้านของเคทวัยเด็ก สะท้อนถึงภาพที่เห็นในฉากสำคัญของเรื่อง Twister ซึ่งมีความหมายต่อซัลลิแวนเป็นการส่วนตัว เนื่องจากเขาช่วยปลูกทุ่งดอกทานตะวันในเรื่อง Twister ยุคนั้น “ผมรู้ว่าต้องเผชิญกับอะไรเมื่อสร้างทุ่งนั้นขึ้นมา เพื่อให้ได้ภาพดอกไม้ที่มีความสูงตรงตามที่เราต้องการ” ซัลลิแวนกล่าว “แต่มันต้องอาศัยเวลานานหลายเดือนเพื่อให้โตเท่าตอนนั้น และเราไม่มีเวลาเหมือนในเรื่อง Twisters โชคดีที่ผมมีคนจัดสวนที่สามารถสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นมาได้” แอนดรูว์ นาวลิง เข้ามาร่วมงานอีกครั้งเพื่อสร้างต้นทานตะวันเสมือนจริงที่เขาและทีมงานใช้ท่อพีวีซีและใบไม้แต้มสี “ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ” ซัลลิแวนกล่าว “มันสนุกมากที่มีต้นทานตะวันอยู่ในหนัง และได้อาศัยพวกมันช่วยสร้างบรรยากาศสมจริงให้พวกเรา ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ และผู้ชมในโลกของ Twister อีกครั้ง”
- ซัลลิแวนเล่าว่าภารกิจหนึ่งที่สนุกมาก คือการได้รับมอบหมายให้สร้าง “โต๊ะพายุทอร์นาโด” ของเคทขึ้นา ซึ่งเป็นภาพ 3 มิติของเมืองโอกลาโฮม่าที่มีความซับซ้อน เคทเคยสร้างมันไว้สมัยที่เป็นวัยรุ่น บนโต๊ะจะมีพัดลมที่สร้างพายุขนาดเล็กด้านบนขึ้นมาได้ “นั่นคือหนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่ผมรวมไว้ในหนังสือภาพรวมของภาพยนตร์เลยครับ” ซัลลิแวนกล่าว “มันสนุกมาก สร้างแรงบันดาลใจ และถ่ายทอดสปิริตของเหล่านักล่าพายุทุกคน มันมีลวดขึงที่ให้อารมณ์หมือนโปรเจ็กต์วิทยาศาสตร์สมัยมัธยม แต่เห็นภาพชัดเจนและน่าตื่นเต้นประทับใจมาก ฝ่ายฉากตกแต่งฉากได้สร้างบ้านหลังเล็กๆ ขึ้นนมาได้อย่างน่าทึ่ง และฝ่ายสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ได้สร้างพัดลมขนาดเล็กด้านบนที่มีกำลังเหมือนพายุไซโคลนขนาดมินิขึ้นมา ซึ่งสามารถเก็บภาพด้วยกล้องได้ด้วย มันค่อนข้างเจ๋งมากเลย”
สะพานข้าม
- ส่วนนำของเรื่อง Twisters เคทและเพื่อนร่วมล่าพายุของเธอพบที่หลบพายุทอร์นาโดใต้สะพานข้ามถนน “มันทำให้การถ่ายทำเป็นเรื่องยาก” ผู้ควบคุมด้านการกำกับศิลป์ โออานา บอกแดน มิลเลอร์ กล่าว “องค์ประกอบในฉากที่เราสร้างขึ้นต้องอาศัยบลูสกรีน และเราต้องใช้ไม้มาสร้างเป็นสะพานข้าม เราถ่ายทำบางฉากในสถานที่หนึ่ง แต่เนื่องจากเอ็ฟเฟ็กต์ทั้งหมดที่เราใช้ต้องมีทั้งลม ฝน และการแสดงผาดโผน สุดท้ายจึงต้องสร้างสะพานข้ามกันขึ้นมาในพื้นที่ด้านหลังสตูดิโอใกล้ Prairie Surf ที่นั่นเป็นฉากขนาดใหญ่ มีพื้นที่ลาดเอียงขึ้น 12 ฟีตจากพื้นดิน เหมาะสำหรับการแสดงผาดโผนเพื่อให้นักแสดงและทีมงานของเราทำงานได้ เรียกว่าเป็นการสร้างที่ซับซ้อนอย่างหนึ่งในโปรเจ็กต์ของเราเลย”
พาหนะและโดโรธี 5
- พาหนะที่ใช้ในเรื่อง Twisters มีการจัดซื้อโดยกองถ่าย และจัดเรียงโดยทีมออกแบบฉากของแพทริค ซัลลิแวน พวกเขาปรึกษาเรื่องการออกแบบร่วมกับนักล่าพายุหลายคน รวมถึงฌอน คาซีย์ ผู้สร้างภาพยนตร์ (Tornado Alley) และผู้จัดรายการเรียลลิตี้ (Discovery Channel’s Storm Chasers) เขาเก็บภาพฟุตเทจที่มีการใช้ “รถขวางพายุทอร์นาโด” ที่สร้างขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นเกราะกำบังที่มีความหนัก สามารถรับมือกับพายุทอร์นาโดที่มีกำลังระดับอ่อนไปจนถึงระดับกลางได้ ฌอน วอกห์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นคว้าวิจัยที่ NOAA’s National Severe Storms Laboratory และเป็นนักล่าพายุที่สร้างพาหนะขึ้นมาเอง ได้ออกแบบเครื่องวัดสภาพอากาศและจอแสดงเรดาร์สำหรับพาหนะในภาพยนตร์ขึ้นมา
- ภาพโดยรวมของกลุ่มนักล่าพายุที่แข่งกัน 2 กลุ่มในเรื่อง ออกแบบขึ้นมาเพื่อสะท้อนบุคลิกและมุมมองต่อโลกจากการควบคุมของพวกเขา ทีม StormPar ของจาวีกับทีมแรกของเคทต่างมีฐานะการเงินและการร่วมมือกันดี พวกเขาขับรถบรรทุก Ram TRX รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย โทนสีเป็นเมทัลลิคล้วน มีสีดำ ขาว และเทาอ่อน ซัลลิแวนเล่าถึงแรงบันดาลใจเรื่องความงามว่ามาจากเรื่อง Star Wars ตรงกันข้ามกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยสีสันกว่าของไทเลอร์ ต่างจากความเรียบหรูของ StormPar มีทั้ง SUV, RV และรถแวน VW ตกแต่งด้วยลายพายุทอร์นาโด มีหัวพลาสติก Arkansas Razorback และด้านบนมีจานดาวเทียมและจานเรดาร์ รถ SUV ของไทเลอร์เหมือนตัวปล่อยดอกไม้ไฟ มีการตกแต่งรอยหลุมให้เห็นการต่อสู้กับพายุทอร์นาโดเหมือนสัญลักษณ์ และสัญชาตญาณของพวกเขาช่วยทำให้ไทเลอร์และทีมของเขากลายเป็นดาวดังบนโซเชียลมีเดียได้
- ส่วนนำของเรื่อง Twisters ยังให้ความเคารพภาพยนตร์ปี 1996 ด้วย “โดโรธี” ในเวอร์ชันใหม่ เซนเซอร์แบบลอยได้ที่ตัวละครของเฮเลน ฮันท์ และ บิล แพกซ์ตันใช้เพื่อศึกษาเรื่องพายุทอร์นาโด “เวอร์ชันของเราคือโดโรธี 5 เพราะในภาคแรกมีโดโรธี 4 รุ่นไปแล้ว” ซัลลิแวนกล่าว “โดโรธี 5 ดูมีการออกแบบคล้ายกัน แต่เซนเซอร์มีความทันสมัยสู่อีกขั้น และใบพัดอลูมิเนียมไม่ตัดกระป๋องเป๊ปซี่อีกต่อไป ดูมีความเพรียวและกะทัดรัดขึ้น แต่มีลาย Muskogee State University and Dorothy บนเครื่อง นับเป็นการยอมรับผลงานในอดีตแต่ทำให้มีความซับซ้อนมากขึ้น และเป็นอีสเตอร์เอ้กที่สนุก หวังว่าจะมอบความรู้สึกดีๆ ให้แฟนจากภาคแรกได้”
การถ่ายภาพ
ผู้ทำหน้าที่ผู้กำกับภาพในเรื่อง Twisters คือแดน มินเดล มีชื่อเสียงจากผลงานเรื่องดังที่ร่วมงานกับเจ.เจ. อับรัมส์ (Mission Impossible III, Star Trek, Star Wars: The Force Awakens) และโทนี่ สก็อตต์ผู้ล่วงลับไปแล้ว (Spy Game; Domino) ช่วงแรกมินเดลคุยกับผู้กำกับฯ ลี ไอแซค ชุคเพื่อสร้างความมั่นใจว่ามีแนวรสนิยมเดียวกัน “จากครั้งแรกที่ได้รับสาย ไอแซคกับผมคุยกันเรื่องจอขนาดกว้างของอเมริกากที่เราเห็นในหนังฟอร์มยักษ์สมัยก่อน และพวกเราต้องการภาพแบบนั้นในผลงานปัจจุบัน” มินเดลกล่าว “ไอเดียของการสร้างสิ่งนั้นขึ้นมันจับใจผมมาก นอกจากนั้นเรายังถ่ายทอดเรื่องสภาพอากาศรุนแรงเนื่องจากสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงได้ด้วย นั่นคือสิ่งที่ผมคดว่าจำเป็นต้องให้ความสำคัญ ไอแซคถ่ายทอดผลงานที่สมบูรณ์แบบออกมาในทุกวัน นั่นเป็นตัวอย่างความเป็นมนุษย์และความสร้างสรรค์ของเราที่สร้างแรงบันดาลใจในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ นับป็นเวลานานที่ผมได้ร่วมงานกับผู้กำกับฯ ที่รู้จักชื่อทุกคนในฉาก นับเป็นเรื่องสำคัญที่มีการผูกมิตรในการสร้างภาพยนตร์ ผมรู้สึกชื่นชมเขามากเลยครับ”
- ในการเตรียมความพร้อมสำหรับเรื่อง Twisters มินเดลดูจากภาพยนตร์แนวโร้ดมูฟวี่ แนวตะวันตก และแนวอื่นที่สะท้อนภาพช่วงกลางศตวรรษ มีกลิ่นอายของอเมริกาชนบท ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงยุคทองของฮอลลีวูด เรื่องหนึ่งที่ได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษในการสร้างแรงบันดาลใจให้เขา คือผลงานปี 1971 เรื่อง The Last Picture Show กำกับฯ โดยปีเตอร์ บอกดาโนวิช “มันเป็นหนังขาวดำ บรรยากาศของฉากคือใจกลางทางตอนเหนือของเท็กซัส” มินเดลกล่าว “มันดูมีความเป็นอเมริกาน่าที่เรามองหาในเรื่อง Twisters สูงมาก ทำให้คิดถึงบรรยากาศนั้นแต่ยังมีความทันสมัย มีความอบอุ่นแต่ไม่น่าเบื่อเกินไป”
- มินเดลและทีมงานของเขาถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม. มีการใช้กล้อง Panavision XL และกล้องแฮนด์เฮลด์ ARRI 435s และ 235s เขาใช้ T series, C series และเลนส์ Primo Anamorphic เพื่อให้ได้ภาพทิวทัศน์ที่สมบูรณ์แบบและถ่ายภาพยนตร์แบบไวลด์สกรีนได้ รสนิยมด้านศิลปะของมินเดลมีความเป็นเอกลักษณ์มาก
- การถ่ายทำภาพยนตร์มีเรื่องยุ่งยากอย่างหนึ่ง คือจองและมินเดลไม่สามารถถ่ายทำได้ทันทีในแต่ละวัน เนื่องจากโอกลาโฮม่าไม่ค่อยมีแล็บฟิล์มที่พร้อมทำงานได้อย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันต้องผ่านขั้นตอนที่ลอสแองเจลิส ทำให้พวกเขาไม่เห็นผลงานตัวเอง 2-3 วันหลังจากถ่ายทำเสร็จ “การถ่ายทำด้วยฟิล์มต้องแลกกับอะไรสูงมาก” มินเดลกล่าว “ความเป็นธรรมชาติที่สัมผัสได้และสีสันที่ได้จากฟิล์มช่วยถ่ายทอดบรรยากาศความเป็นโอกลาโฮม่า ทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบชวนหลงใหล บวกกับความหยาบที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้ฉากแอ็คชั่น นับเป็นความงดงามที่น่าชื่นใจมาก”
- ด้วยสภาพอาการที่ปรวนแปรของโอกลาโฮม่า จองและมินเดลพยายามถ่ายทำภายใต้ท้องฟ้าที่มีเมฆครึ้ม เพื่อรักษาความต่อเนื่องเอาไว้ จนกว่าในบทภาพยนตร์จะต้องอาศัยช่วงที่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า
- เมื่อสภาพอากาศมีลมพายุ เป็นเรื่องยากที่มินเดลและจองจะยุติการถ่ายทำ แม้ว่านั่นคือสิ่งที่ควรทำที่สุด “ความปลอดภัยที่เราสร้างขึ้นมาคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีใครควรได้รับการบาดเจ็บจากการถ่ายทำ” มินเดลกล่าว “แต่การยุติการถ่ายทำด้วยเหตุผลใด โดยเฉพาะเวลาที่เรากำลังถ่ายหนังเกี่ยวกับสภาพอากาศ แม้เราต้องการพายุที่ดูรุนแรงตรงหน้า! เป็นเรื่องเศร้าสำหรับผมและไอแซค เมื่อเราต้องยุติการถ่ายทำและหลบอยู่ในที่พักในช่วงที่ท้องฟ้าดูน่าตื่นเต้น”
การออกแบบเครื่องแต่งกาย
ผู้ได้รับมอบหมายความรับผิดชอบด้านแฟชั่นด้วยเสื้อผ้าเกือบ 4,000 ชุด และช่วยถ่ายทอดเรื่องราว Twisters ผ่านเสื้อ คือผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ยูไนซ์ เจรา ลี ผู้มีชื่อเสียงจากผลงานอินดี้หลายเรื่อง รวมถึงคอมเมดี้ Bottoms และผลงานดราม่า 2023 เรื่อง How to Blow Up a Pipeline
เสื้อผ้าของเคท
- สำหรับเสื้อผ้าของเคทที่เดซี เอ็ดการ์-โจนส์เป็นผู้สวมใส่ ลีเล่าว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก “สาวแสบในภาพยนตร์” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างฟูริโอซ่าในเรื่อง Mad Max: Fury Road เอลเล็น ริปลีย์ จาก Alien และเธลมาและหลุยส์ “แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ดูสมจริง ผมอยากสะท้อนให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนยอดมนุษย์มากกว่าคนทั่วไป” ลีกล่าว
- ในมุมความเป็นเคทสะท้อนผ่านโทนสีและเงาของเธอ “ในช่วงแรกของเรื่องเธออยู่ที่โอกลาโฮม่า ซึ่งจะเป็นภาพเอิร์ธโทนที่เป็นสีเหลืองมัสตาร์ด สีแดง และสีเขียวเข้ม คุณจะเห็นจากการสะท้อนผ่านเสื้อผ้าของเคท” ลีกล่าว “เมื่อเคทไปนิวยอร์คหลังจากเกิดเรื่องน่าเศร้าในช่วงแรก ทุกสีที่ฉูดฉาดจะถูกลบหายไป เธอสวมชุดสีฟ้า สีเทา สีดำ และเสื้อคอเต่าสีขาวที่ดูมิดชิด สื่อให้เห็นว่ามีหลายสิ่งที่เธออยากปกปิดมันไว้ เธอยังคงอยู่ในความรู้สึกนั้นเมื่อหวนกลับไปยังโอลาโฮม่า แต่เธอค่อยๆ เปลี่ยนกลับไปสู่สีของโอกลาโฮม่า โดยเฉพาะหลังจากที่เธอได้กลับไปยังบ้านที่ฟาร์ม”
- ลีเห็นภาพเคทสวมฮาร์เนสเวลาที่เธอออกล่าพายุทอร์นาโดเสมอ เหมือนฮาร์เนสที่แขวนปืนของฟูริโอซ่าในเรื่อง Mad Max: Fury Road แต่ลียังหาตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเรื่อง Twisters ไม่เจอ จนกระทั่งเดซี เอ็ดการ์-โจนส์แนะนำในช่วงก่อนการถ่ายทำ เคทน่าจะมีความเป็นตากล้องที่ดูกระตือรือร้นและชอบถ่ายรูปพายุ ทำให้ลีเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างฮาร์เนสที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม เพื่อล็อคกล้องของเคทเอาไว้
- ลุคหนึ่งของเคทแสดงถึงความเคารพที่มีต่อตัวละครเฮเล็น ฮันท์ ในผลงานปี 1996 เรื่อง Twister คือภาพเสื้อแทงค์ เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่และกางเกงสีกากี ลียังพบวิธีย้อนกลับไปหาหนังปี 1996 โดยการเคทสวมเสื้อถักเบสบอลขนาดใหญ่ในฉากหนึ่ง สื่อถึงภาพที่น่าประทับใจในฉากสุดท้ายของเรื่อง Twister ที่มีเด็กผู้ชายผมบลอนด์สวมชุดแบบเดียวกัน “เป็นภาพที่ดึงดูดความสนใจได้มาก เด็กผู้ชายผมบลอนด์ในชุดเบสบอลพร้อมโลโก้ ‘Bombers’ บนเสื้อ” ลีกล่าว “และเนื่องจากเคทมีผมสีบลอนด์ ผมคิดว่ามันคงน่าสนใจและเป็นอีสต์เตอร์เอ้กในการผูกตัวละครนี้เข้าด้วยกัน มันคือเสื้อถักสไตล์เดียวกันโดยมีภาพบนนั้น”
ไทเลอร์
- “ไทเลอร์คือผู้สร้างสีสันคนสำคัญ” ลีกล่าวถึงตัวละครที่รับบทโดยเกล็น พาวเวลล์ “ไทเลอร์เป็นตัวแทนของความตื่นเต้นในการล่าพายุ บรรยากาศของโอกลาโฮม่า ขอบเขตที่กว้างใหญ่กว่า และทุกอย่างท่ายในจากชีวิตของเคท เสื้อเชิ้ตของเขาดูเข้ากับดินแดงและพื้นที่หญ้าสีเขียวกับทุ่งข้าวสาลี ส่วนกางเกงของเขาดูเข้ากับท้องฟ้าที่มีสีฟ้าสว่าง เขายังเป็นนักขี่กระทิงเก่าด้วย จึงชอบสวมรองเท้าบูทแบบคาวบอยและหัวเข็มขัดขนาดใหญ่ ทุกอย่างที่อยู่บนตัวเขาดูเก็บมิดชิดทุกอย่าง เว้นแต่แขนเสื้อของเขาที่ม้วนขึ้นมาเพื่ออากาศร้อนในโอกลาโฮม่า แต่ความภูมิใจและความสุขของผมอยู่ที่หัวเข็มขัดขนาดใหญ่ที่มีอักษร ‘TW’ และ ‘Tornado Wrangler’ ด้านบน นั่นคือส่วนที่เด่นชัดสุดบนเสื้อผ้าของเขา เป็นการประกาศให้โซเชียลมีเดียรู้ด้วยคำย่อและความโด่งดัง”
นักล่าพายุของไทเลอร์
- คู่แข่งอย่างเป็นทางการที่แตกต่างใน StormPar ผู้ไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวและเน้นที่ประโยชน์ใช้สอยมากกว่า (ยกเว้นจาวีที่ชอบแต่งแบบนั้นเป็นบางครั้ง ไทเลอร์ชอบแต่งตัวแปลกๆ ผู้กำกับฯ อี ไอแซค จองและผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายลีอยากแน่ใจว่าแต่ละคนในทีมไทเลอร์รู้สึกตัวเองโดดเด่นและมีความเป็นตัวของตัวเอง “ผมอยากแสดงความเคารพถึงฟิลลิป ซีย์มัวร์ ฮอฟฟ์แมน ผู้เป็นที่รักในเรื่อง Twister ที่รับบท ดัสตี้ ตัวละครล่าความตื่นเต้นนี้ด้วย เราจะเห็นสปิริตในความเป็นนักล่าพุยของเขา” ลีกล่าว “และที่แสดงความเคารพให้เห็นชัดเจนสุดน่าจะเป็นบูน มือขวาของไทเลอร์ที่รับบทโดยแบรนดอน เพเรีย และลิลลี่ที่รับบทโดยซาช่า เลน นักบินโดรนผู้รักอิสระของกลุ่มที่สวมกางเกงลายดอกไม้ ทั้งหมดนั้นเป็นที่ยอมรับในลวดลายบนเสื้อผ้าของดัสตี้”
- สไตล์ของแดนีที่เคที่ โอ’ไบรอันเป็นผู้สวมใส่ จะเน้นที่ความคล่องตัวและใช้งานได้จริง เช่น เสื้อเชิ้ตสีซีดที่ตกแต่งด้วยพลอยเทียม เสื้อผ้าของเธอแต่ละวันดูสกปรก ทำให้เธอดูเหมือนคนที่อยู่ในกลุ่มเครื่องยนต์ แต่ตรงข้ามกับคุณพ่อของเธอ บีเอฟเอฟ เด็กซ์เตอร์ ที่รับบทโดยทันเด อาเดบิมเป้ ที่ดูมีความแปลกเพราะลีอยากเขาดูเท่กว่า “ครั้งแรกที่ฉันคุยกับไอแซคเรื่องเด็กซ์เตอร์ ผมยกตัวอย่างให้เขาดูเหมือนร็อคสตาร์อย่างเลนนี่ คราวิตซ์ แต่เขาบอกว่า ‘ถ้าลดความเป็นเลนนี่ คราวิตซ์และทำให้ดูเหมือนเป็นนักส่องนกมากว่าล่ะ?’ ผมคิดว่าเรามาถึงจุดที่เห็นภาพตัวละครของเด็กซ์เตอร์ได้ชัดเจนเลย”
กลุ่มคนในคอกปศุสัตว์
- ความท้าทายที่น่ากลัวสุดของลีคือการตกแต่งนักแสดงฉากหลัง 450 คนในฉากคอกปศุสัตว์ “เราต้องการบรรยากาศที่ทำให้นึกถึงช่วงนั้น อยากสร้างภาพที่งดงามและดูเป็นอมตะ” ลีกล่าว “เราต้องการพวกของวินเทจ แต่น่าเสียดายทีบางอย่างเราหาในโอกลาโฮม่าไม่ได้ เพราะอุปกรณ์คาวบอยทุกอย่างล้วนใหม่และทันสมัยหมดแล้ว เสื้อวินเทจคือสิ่งที่หายาก สุดท้ายต้องกลับไปที่ลอสแองเจลิส เดินตามตลาดและร้านขายของถูกเพื่อตามหา”
ด้วยความเคารพบิล แพกซ์ตัน
- เจมส์ แพกซ์ตัน ลูกชายของบิล แพกซ์ตันผู้ล่วงลับไปแล้วและนักแสดงในผลงานปี 1996 ผู้โดดเด่นในเรื่อง Twisters เพื่อเป็นเกียรติต่อแพกซ์ตัน ลีได้ใส่หัวเข็มขัด Texas Longhorn ไว้บนเสื้อผ้าของเจมส์ด้วย
การออกแบบทอร์นาโด
พายุทอร์นาโดทั้งหมดในเรื่อง Twisters ได้แรงบันดาลใจจากพายุทอร์นาโดจริงอย่างน้อย 1 ลูก และมีการสร้างขึ้นมาสำหรับภาพยนตร์โดยใช้สเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์จริง รวมถึงดิจิตอลวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์
There are six tornado sequences ในเรื่อง Twisters มีฉากพายุทอร์นาโดทั้งหมด 6 ฉาก แต่มีการออกแบบพายุทอร์นาโดมากกว่า 10 ฉากสำหรับภาพยนตร์ เพราะพายุทอร์นาโดลูกหนึ่งจะมีฝาแฝด และอีกลูกหนึ่งจะทำให้เกิดพายุตามมาอีกหลายลูก ผู้สร้างภาพยนตร์มีข้อมูลอ้างอิงทั้งจากฟุตเทจต้นฉบับเกี่ยวกับพายุขนาดเล็กจิ๋วและพายุทอร์นาโดของจริงที่มีการบันทึกภาพไว้สำหรับภาพยนตร์โดยผู้ให้คำปรึกษาด้านภาพยนตร์ นักล่าพายุมืออาชีพผู้มีชื่อเสียง ฌอน คาซีย์ “ผลงานของฌอน คาซีย์ช่วยเพิ่มรายละเอียดความสมจริงให้ภาพยนตร์” ผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ โธมัส เฮย์สลิปกล่าว “ฌอนมีประสบการณ์ว่าจะจัดการกับพายุอย่างไร และจะเก็บภาพความสมจริงของมันอย่างไร เราจึงจ้างเขามาตามล่าพายุ เขาจะออกไปเก็บภาพฟุตเทจของจริงให้ได้มากที่สุด โดยใช้กล้องแฮนด์เฮลด์ กล้องที่ตั้งเอาไว้ และโดรน ผลงานของเขาทำให้เกิดวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ที่ได้ภาพสมจริงในการสร้างพายุทอร์นาโดขึ้นมา มันย่อมดีกว่าเสมอเมื่อได้เริ่มสร้างจากสิ่งที่มีอยู่จริง แทนการสร้างขึ้นมาจากศูนย์”
ผู้กำกับฯ อี ไอแซค จอง ผู้ร่วมเก็บภาพการล่าพายุของเขาในการเดินทางบางครั้งและช่วยกำกับพวกเขาเล่าว่า เขาต้องการให้พายุของเขามีความโดดเด่นแตกต่างออไป ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาเพียงอย่างเดียว เขาอยากให้พายุแต่ละลูกมีความหมายต่อเรื่องราวและตัวละคร มีการสื่อถึงความแปลกใหม่ที่ผู้ชมจะต้องหลงใหลไปกับมัน “แต่ละฉากผู้คนจะเผชิญหน้ากับพายุในรูปแบบที่แตกต่างกันไป” จองกล่าว “ผมอยากนำเสนอพายุทอร์นาโดในด้านที่ต่างออกไป ตั้งแต่จากมุมของวิทยาศาสตร์ไปจนถึงคนทั่วไป และแสดงให้เห็นว่าพวกมันส่งผลระทบต่อชีวิตผู้คนในทางต่างๆ อย่างไร”
พายุทอร์นาโดลูสุดท้ายได้แรงบันดาลใจจากพายุทอร์นาโด 3 ลูก 1) พายุทอร์นาโดทรงรูปลิ่ม จะมีขนาดกว้างกว่าสูง เคลื่อนตัวผ่านแคสซัสเมื่อปี 2023 เก็บภาพได้โดยกลุ่มนักล่าพายุที่กองถ่ายทำการว่าจ้าง 2) พายุทอร์นาโดที่มาเยือน El Reno สถานที่จริงเมื่อปี 2013 และยกระดับความรุนแรงสู่พายุมัลติวอร์เท็กซ์ มีกำลังลม 306 ไมล์ต่อชั่วโมง ฐานพายุมีความกว้าง 2.6 ไมล์ และ 3) พายุทอร์นาโดที่โจมตีเมย์ฟีลด์ เคนตัคกี้ เมื่อเดือนธันวาคม 2021 คร่าชีวิตผู้คน 76 ราย “มีภาพที่น่ากลัวและทำร้ายจิตใจที่เก็บภาพได้ในโรงภาพยนตร์เมย์ฟีลด์ เป็นหลักฐานว่าพายุทอร์นาโดทำลายผนังโรงภาพยนตร์ได้ขนาดไหน แสดงให้เห็นความเสียหายของเมืองด้านนอก” จองกล่าว “รูปนั้นกลายเป็นนัยยะสำคัญของการถ่ายทำ เราต้องการภาพยนตร์ที่ให้เกียรติต่อทุกความรู้สึกและทุกความหมายที่มีในภาพนั้น”
จองเล่าถึงความตลกของภาพยนตร์ในเรื่องพายุทอร์นาโด ช่วงตอนจบที่เหล่าฮีโร่ในเรื่องหาที่หลบซ่อนในโรงภาพยนตร์ และพวกเขาทำได้แค่นั่งมองภาพอันน่าตื่นเต้นและน่ากลัวของพายุทอร์นาโด ขณะที่ผนังโรงภาพยนตร์กำลังแยกชิ้นส่วน นั่นไม่ใช่สิ่งที่หลุดประเด็นแต่อย่างใด อันที่จริงแล้วนั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาอยากสร้างเรื่อง Twisters ขึ้นมา “ก่อนการถ่ายทำภาพยนตร์ ผมคิดหลายรอบว่าเราใช้เวลาและทุ่มเทความสนใจไปกับจอเล็กๆ เหล่านี้ที่ขนไปทุกที่กับเราขนาดไหน และพวกมันทำให้เราโดดเดี่ยวได้เพียงใด” จองกล่าว “มันทำให้ผมคิดถึงความหมายของประสบการณ์ที่ทำให้เราได้มองสิ่งที่ยิ่งใหญ่และเหนือกว่าตัวเราเอง ตอนที่ผมอ่านบทถึงฉากนั้น มันตรงกับสิ่งที่ผมคิดเอาไว้เลย ความปรารถนาที่จะต่อสู้เพื่อความงดงามและความยิ่งใหญ่ของโลกธรรมชาติ และการร่วมมือช่วยกันดูแลโลก”
สเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์
สำหรับการถ่ายทำจริงในเรื่องโดยมีเอ็ฟเฟ็กต์ต่างๆ ของพายุทอร์นาโด ทั้งลม ฝน เสียงพัด เศษขยะลอย เป็นหน้าที่ของผูควบคุมสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์เจ้าของรางวัล Academy Award® สก็อตต์ อาร์. ฟิชเชอร์ เจ้าของผลงานในภาพยนตร์ของคริสโตเฟอร์ โนแลน Interstellar และ Tenet ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล Oscars® ทั้ง 2 เรื่อง และยังได้รับรางวัล Emmy จากการร่วมงานในเรื่อง The Book of Boba Fett
- การผลิตแรงลมที่มีกำลังสูงคือสิ่งแรกและสิ่งที่สำคัญสุดของเขาในเรื่อง Twisters “เราต้องการลมแรงสุดเท่าที่จะทำได้” ฟิชเชอร์กล่าว “เรามีเครื่องผลิตลมในฮอลลีวูดเยอะมากเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เราอยากให้มันพุ่งไปทางเดียวมากหน่อย เลยมีการซื้อเครื่องยนต์ไอพ่นอีก 2 ตัวเพื่อสร้างเอ็ฟเฟ็กต์ที่ดูมีพลังมากขึ้น ทำให้เราทำลายฉากหรือพัดพวกขยะไปได้ทั่วพื้นที่ เราเปิดพัดลมธรรมดาด้วยกำลัง ¾ ส่วน ราว 70 ไมล์ต่อชั่วโมง เมื่อมีเครื่องยนต์ไอพ่น เราสามารถพัดไปได้ไกลจากฉากถึง 170—180 ไมล์ต่อชั่วโมงเลย”
- นอกจากเรื่องถังขยะ (บรรจุของเหลว 10,000 แกลลอนสำหรับฉากหนึ่ง) มีการใช้แรงดันน้ำกำลังสูงเพื่อสร้างเอ็ฟเฟ็กต์ให้น้ำขึ้นมา “เรานำไปใช้กับนักแสดง” ฟิชเชอร์กล่าว “ทำให้เรากำหนดทิศทางได้ระมัดระวังมากขึ้น ทำให้มันพัดผ่านพวกเขาหรือพุ่งไปโดนพวกเขาตรงบริเวณเท้าได้”
- วัสดุที่เหมือนกับกระสุนในเรื่อง Twisters ถูกผลิตขึ้นโดยโพลีอะคริลาไมด์ เป็นโพลิเมอร์ละลายน้ำได้ ดูคล้ายกับน้ำแข็งแต่มีความอ่อนนุ่มกว่า ฉะนั้นจะไม่รู้สึกเจ็บมากเท่าน้ำแข็งเมื่อปะทะกับผิวหนัง นอกจากนั้นยังมีน้ำแข็งจริงอี 15 ตันที่ใช้สำหรับการทำงานนอกรถ “โชคดีสำหรับเราที่นักแสดงกล้าเสี่ยงกับทุกสิ่งที่เราขว้างใส่พวกเขา มันจะถูกปล่อยลงมาจากรถเครนหรือมีใบไม้เคลื่อนที่ 100 ไมล์ต่อชั่วโมง” ฟิชเชอร์กล่าว “เราผลักดันสุดลิมิตเพื่อสร้างพายุทอร์นาโดที่มีความรุนแรงสูงสุด และมีการเรียงตัวมาพร้อมกัน”
วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์
ภารกิจสำคัญในการสร้างพายุทอร์นาโดแฟรนไชส์เรื่อง Twisters ตกเป็นของผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เบ็น สโนว์ เช่นเดียวกับผู้ออกแบบฉาก แพทริค ซัลลิแวน ที่เริ่มต้นในฮอลลีวูดด้วยเรื่อง Twister สโนว์เริ่มทำงานในวัยใกล้ 30 ปีที่ Industrial Light & Magic (ILM) ทำงานในภาพยนตร์ปี 1996 หลังจากนั้นได้ชิงราวงัล Oscar® ถึง 4 รางวัลจากการร่วมงานในเรื่อง Pearl Harbor, Star Wars: Episode II – Attack of the Clones, Iron Man และ Iron Man 2
ปี 1996 ภาพยนตร์เรื่อง Twister “เป็นการแสดงที่น่ากลัว” สโนว์กล่าว “นั่นเป็นช่วงยุคแรกๆ ของดิจิตอลวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง มันเต็มไปด้วยความเครียดแต่ก็ออกมาดี ผมยอมรับเลยว่าตอนที่ได้รับการนำเสนอเรื่อง Twisters ผมสัมผัสได้ถึงความสั่นประสาทเลย! แต่เครื่องมือที่เรามีทุกวันนี้ดีกว่าตอนนั้นมาก ผมไม่อาจปฏิเสธโอกาสที่จะได้สร้างหนังเกี่ยวกับพายุทอร์นาโดโดยที่เรามีพร้อมทุกอย่างไปได้หรอก เราทำงานได้ไวขึ้นและสร้างพลังในแบบที่เราไม่สามารถทำตอนนั้นได้ ต้องขอบคุณอินเตอร์เน็ตและ YouTube เราได้ข้อมูลอ้างอิงหลายอย่างเพื่อสร้างภาพพายุทอร์นาโดของพวกเราให้สมจริงได้มากขึ้น และดูสวยกว่าที่สร้างไว้ในเรื่อง Twister ด้วย”
พายุทอร์นาโดทั้ง 10 ลูกและสภาพอากาศทั้งหมดได้รับการออกแบบโดย ILM ซึ่งล้วนอิงจากเหตุการณ์จริงและการสังเกตการณ์ พายุทอร์นาโดเหล่านี้ไม่ได้มีพลังทำลายล้างเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย สามารถแปลงร่างจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติสู่ความโหดร้ายที่เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวด้วย พวกเขาถ่ายทอดสภาพอากาศจำลองและพายุทอร์นาโดจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิคที่มีความซับซ้อนและสมจริงมาก การผสมผสานระหว่างสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์และวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ได้มอบประสบการณ์อันน่าประทับใจได้อย่างแนบเนียน สามารถนำพลังของธรรมชาติมาสู่จอยักษ์ได้อย่างน่าตื่นเต้น
หัวใจสำคัญของการทำงานคือการวิเคราะห์ธรรมชาติและพัฒนาอุปกรณ์จำลองภาพที่ทัสสมัย เพื่อให้ได้ภาพพายุที่สมจริงเหล่านี้ ทีมงาน ILM ดูแลด้านความงดงามและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์โดยวิเคราะห์ทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับพายุ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าภาพที่ได้จะมีความถูกต้องและดูน่าสนใจ ซึ่งนั่นแปลว่าพายุทอร์นาโดจะไม่ดูสมจริงเพียงอย่างเดียว แต่การเคลื่อนไหวจะดูมีชีวิตด้วย ผลลัพธ์ที่ได้นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้การจำลองสภาพอากาศในภาพยนตร์
ฉากพายุทอร์นาโด
การแนะนำโดยย่อ: ระดับฟูจิตะที่มีการปรับปรุง
ในโลกแห่งความจริง พายุทอร์นาโดถูกจัดประเภทโดยการใช้ Enhanced Fujita Scale หรือ EF Scale โดยย่อ ตามที่ National Weather Service (NWS) แห่ง National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ระบุไว้ Enhanced Fujita Scale มีการใช้เพื่อกำหนดระดับพายุทอร์นาโด โดยมีการกำหนดตามความเร็วลมและความเสียหายที่เกิดขึ้น เมื่อมีการสำรวจความเสียหายจากพายุทอร์นาโด จะมีการนำไปเทียบกับอันดับ Damage Indicators และ Degrees of Damage ที่ช่วยประมาณแรงลมได้และรู้ว่าพายุทอร์นาโดจะก่อตัวแบบใด ซึ่งการกำหนดคะแนน (จาก EF0 ถึง EF5) จะเป็นตัวกำหนด
ระดับ EF เป็นการกำหนดแรงลมโดยคร่าวๆ (ไม่ใช่การวัดที่ชัดเจน) โดยอิงจากความเสียหาย หากมีลมพัดแรง 3 วินาทีในจุดที่เกิดความเสียหายระดับ 8 จะมีความเสียหายเกิดขึ้นได้ 28 รูปแบบต่ออาคารและต้นไม้ การประเมิณเปลี่ยนแปลงไปตามความสูงและระยะเวลา NWS กำหนดเอาไว้ว่าแรงลม 3 วินาทีไม่เหมือนกับลมที่พัดบนพื้นดินทั่วไป มาตรฐานการวัดระดับขึ้นกับสภาพอากาศที่เปิดโล่ง โดยมีระดับความสูงราว 1.5 เมตรเหนือพื้นดิน
NWS คือตัวแทนสหรัฐผู้มีอำนาจประเมิณระดับพายุทอร์นาโด EF อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อกำหนดระดับ EF โดยอิงจากความแรงลมสูงสุดที่เกิดขึ้นระดับสร้างความเสียหายได้
ระดับ ENHANCED FUJITA
ระดับ EF แรงลม 3 วินาที (ไมล์ต่อชั่วโมง)
- 65-85
- 86-110
- 111-135
- 136-165
- 166-200
- Over 200
เรื่อง Twisters มีฉากพายุทอร์นาโด 6 ฉาก และพายุแต่ละลูกจะมีลักษณะและรายละเอียดต่างๆ ของตัวเอง พายุแต่ละลูกมีการอธิบายรายละเอียดด้านล่างตามลำดับ โดยผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เบ็น สโนว์ และผู้ควบคุมสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ สก็อตต์ อาร์. ฟิชเชอร์
พายุทอร์นาโดลูกที่ 1
- พายุที่เปลี่ยนชีวิตของเคทและจาวีในช่วงแรกของเรื่อง นับเป็นพายุทอร์นาโดที่มีการทำลายล้างรุนแรงที่สุดในระดับ Enhanced Fujita กำลังลม EF-5 มีความเร็วเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง สามารถพัดบ้านที่เป็นแผ่นหินหนาได้ (บางช่วงในฉากนี้มีกำลังถึง 296 ไมล์ต่อชั่วโมง) มันซ่อนตัวอยู่ในม่านฝน บุกโจมตีเคทและเพื่อนนักล่าพายุร่วมมหาวิทยาลัยของเธอ โดยทำได้เพียงส่งเสียงกรีดร้องและเห็นแค่ร่างที่น่ากลัวของมัน “เพื่อสร้างความประทับใจมากขึ้น เราจะตอย้ำความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเคทและจาวี” ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เบ็น สโนว์ กล่าว “ระดับ EF-5 เปรียบเหมือนสัตว์ประหลาด เหมือนบูกี้แมนที่ตามหลอกหลอนพวกเขา มันคือสัตว์ประหลาดที่ส่งผลต่อพวกเขามาก”
พายุทอร์นาโดลูกที่ 2
- การกลับไปยังโอกลาโฮม่าหลังใช้เวลา 5 ปีที่นิวยอร์ค เคทได้เผชิญหน้ากับพายุทอร์นาโด EF-1 ระดับธรรมดา เป็นพายุทรงกรวยคลาสสิคที่มีแรงลมราว 86-110 ไมล์ต่อชั่วโมง ฉากนี้จะนำผู้ชมไปพบกับทีมนักล่าพายุทอร์นาโดของไทเลอร์และธรรมเนียมของเหล่านักล่าพายุ “มันดูอ่อนโยนกว่าพายุทอร์นาโดที่ได้พบในตอนแรก” สโนว์กล่าว “แต่เคทรู้สึกกังวลว่าจะรู้สึกอย่างไรหากกลับไปล่าพายุอีกครั้ง เราจึงอยากให้พายุทอร์นาโดลูกนี้ยังคงความน่ากลัวอยู่บ้าง มีความรุนแรงพอที่จะสะกิดบาดแผลที่เธอมี แต่ในความเป็นจริงแล้ว EF-1 ดูเหมือนกีฬาที่ปลอดภัยสำหรับนักล่าพายุของไทเลอร์ที่จะออกล่า แต่เราอยากให้พายุลูกนี้สร้างความหลอนเตือนให้ตัวละครและผู้ชมเราได้รู้ว่า แม้แต่พายุที่เล็กที่สุดก็มีความเสี่ยงสูงไม่ต่างกัน”
พายุทอร์นาโดลูกที่ 3
- เคทเริ่มกลับไปหาความตื่นเต้นจากการล่าพายุ และภารกิจสยบพายุทอร์นาโดเมื่อเธอได้พบกับปรากฎการณ์หายากที่พายุ 1 ลูกสามารถแตกตัวออกเป็น 2 ได้ ลูกหนึ่งมีกำลังลมอ่อน (ระดับ EF-2) อีกลูกหนึ่งมีกำลังลมแรง (ระดับ EF-3) ระหว่างที่ลูกกำลังลมอ่อนสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ลูกที่กำลังลมแรงกว่าเคลื่อนตัวผ่านเมืองคริสตัล สปริงส์ “เคทเริ่มเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง ใช้เวลาร่วมกับไทเลอร์มากขึ้น และสนุกไปกับการผจญภัยล่าพายุ” สโนว์กล่าว “แต่มีพายุลูกหนึ่งสร้างความเสียหายให้ชุมชนอย่างรุนแรง และช่วงนี้เราจะให้ความสำคัญกับผู้คนที่สูญเสียบ้านและชีวิตให้กับพายุทอร์นาโด มันเตือนเคทว่าทำไมเธอจึงต้องทำแบบนี้ เพื่อพยายามหยุดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับทุกคน”
พายุทอร์นาโดลูกที่ 4
- การตั้งเป้าหมายใหม่อีกครั้งของเคทถูกท้าทาย เมื่อบรรยากาศช่วงเย็นที่คอกจับปศุสัตว์ร่วมกับไทเลอร์กลายเป็นฝันร้าย เมื่อพายุ EF-4 มาปรากฏตัวกะทันหันและพัดสติลวอเทอร์กระหน่ำ “พายุทอร์นาโดลูกนี้เตือนให้เรานึกถึงฝันร้ายที่ทำลายชีวิตช่วงมหาวิทยาลัยของเคท” สโนว์กล่าว “มันเหมือนพายุทอร์นาโดลูกนั้นเลย เราเห็นพายุทอร์นาโดเพียงแว๊บเดียวเพราะมันเป็นช่วงกลางคืน เราเห็นมันได้เพราะแสงจากตอนเกิดฟ้าผ่าและมันน่ากลัวมาก” ฉากนี้เป็นฉากหนึ่งที่สร้างขึ้นมายากมาก ต้องใช้เอ็ฟเฟ็กต์จริง ดิจิตอลเอ็ฟเฟ็กต์ การแสดงผาดโผน และการถ่ายติดต่อกันยาวนานที่ซับซ้อน “เรามีทั้งฝนสาด ลมพัดกระหน่ำ ใบไม้และประกายไฟปลิวไปทั่ว ผู้คนลอยไปบนฟ้า มีพวกตู้ขายของและรถม้าพ่วงหล่นมาจากท้องฟ้า และอะไรอีกมากมาย” สก็อตต์ ฟิชเชอร์กล่าว “พูดง่ายๆ คือเราทำให้ทุกอย่างพังยับ”
พายุทอร์นาโดลูกที่ 5
- เพื่อรักษาแผลใจที่เกิดขึ้นจากพายุทอร์นาโดลูกที่ 4 ช่วงกลางดึกในสติลวอเทอร์ เคทกลับไปยังบ้านเกิดวัยเด็กและสานสัมพันธ์กับคุณแม่ของเธอ รวมถึงความเป็นนักวิทยาศาสตร์ในตัวเธอด้วย เธอรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่และกลับไปมุ่งมั่นอีกครั้ง เคทร่วมทีมกับไทเลอร์เพื่อล่าพายุทอร์นาโด EF-1 เพื่อทดสอบเทคโนโลยีใหม่และไอเดียใหม่ๆ ที่อาจจะตัดกำลังพายุได้ “การล่าพายุทอร์นาโดครั้งนี้เหมือนการผจญภัยมากกว่า แต่นับเป็นการร่วมมือกันอย่างลงตัวระหว่างเคทและไทเลอร์” สโนว์กล่าว “มันไม่ใช่พายุทอร์นาโดลูกใหญ่ แต่มันคือลางบอกเหตุของแนวโน้มสิ่งที่มาเยือน หากนี่คือเรื่อง Jaws นี่คงเป็นฉากที่รอย เชเดอร์พูดว่า “เราต้องการเรือลำใหญ่กว่านี้”
พายุทอร์นาโดลูกที่ 6
- พายุทอร์นาโดลูกสุดท้ายในเรื่อง Twisters เป็นการรวมตัวกันของพายุที่น่ากลัวทั้งหมดก่อนหน้านี้ พายุหมุนลูกเล็กได้ก่อตัวขึ้นเป็นพายุระดับ EF-5 อย่างเต็มกำลัง ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองขนาดใหญ่และพายุทอร์นาโดหลายลูกพร้อมกัน หลังจากเกิดเสียงดังสนั่นที่โรงกลั่นน้ำมันและเกิดไฟลุกไหม้ พายุ EF-5 ทำลายล้างเมือง El Reno ถล่มหอคอยเก็บน้ำ กวาดล้างตลาดประมง และโจมตีโรงภาพยนตร์ช่วงที่กำลังฉายเรื่อง Frankenstein “ทุกสิ่งที่เคทเคยทุ่มเทในฐานะนักล่าพายุ พยายามหาทางสยบพายุทอร์นาโด และการต่อสู้กับความรู้สึกทั้งในอดีตและปัจจุบัน ตอนนี้คือที่สุดแล้ว” สโนว์กล่าว “ปีศาจร้ายที่เคยทำลายชีวิตเธอในช่วงแรกของเรื่องได้หวนกลับมา แต่เธอจะเอาชนะมันได้หรือไม่? มีความเป็นไปได้หรือไม่? ความกล้าหาญที่แท้จริงจะมีหน้าตาแบบใดเมื่อความหายนะรูปแบบนี้บุกโจมตี?”
เพลงประกอบภาพยนตร์
ท่ามกลางหลายนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ที่ประสบความสำเร็จนั้น ในเรื่อง Twisters ยังมีเพลงประกอบภาพยนตร์ที่มีความพิเศษชนิดหาได้ยากอีกด้วย นั่นคือเพลงประกอบภาพยนตร์แนวคันทรี่ถึง 19 เพลงต้นฉบับที่มีความโดดเด่น ผลงานจากศิลปินแนวคันทรี่ที่ได้รับความชื่นชอบและโด่งดังในปัจจุบัน
ไอเดียเพลงประกอบภาพยนตร์แนวคันทรี่เกิดขึ้นจากผู้กำกับฯ อี ไอแซค จอง ผู้ได้แรงบันดาลใจจากนักล่าพายุและนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศตัวจริงบนโลก
“ภาพยนตร์เรื่อง Twister ภาคแรกเมื่อปี 1996 มีเพลงประกอบภาพยนตร์ที่น่ทึ่งสะท้อนถึงบรรยากาศของการล่าพายุได้” ผู้กำกับฯ จองกล่าว “เวลาเราใช้เวลาหลายชั่วโมงบนรถล่าพายุทอร์นาโด สิ่งสำคัญคือการสร้างบรรยากาศที่ดี ผมชอบถามนักวิทยาศาสตร์ว่าในเพลย์ลิสต์ของพวกเขามีเพลงอะไรบ้าง มันสร้างรอยยิ้มได้เสมอ ผู้เขียนบทฯ ของเรา มาร์ค แอล. สมิธ สร้างบรรยากศนั้นเอาไว้ในบทร่างแรกและบรรยายถึงเพลงร็อคคลาสสิคในฉากบนท้องถนนเอาไว้ได้ดี พอผมมาร่วมงานในโปรเจ็กต์นี้ ผมได้ฟังเพลงของคริส สตาเพิลตันหลายเพลง เลยนึกภาพตัวละครไทเลอร์ โอเวนส์กำลังฟังเพลง ‘Arkansas’ ระหว่างขับรถไปเผชิญหน้ากับพายุทอร์นาโด แรงบันดาลใจนั้นยังนำไปสู่ศิลปินคันทรี่คนอื่นที่ผมรักอีกด้วย เรากำลังสร้างหนังเกี่ยวกับคนล่าพายุทอร์นาโดบนถนนที่เป็นดินแดง ผมรู้สึกว่าบรรยากาศของดินแดงและเพลงที่แหวกแนวนี่แหละเหมาะกับเรื่องนี้”
จองและผู้อำนวยการผลิตบริหารดนตรี แอชลีย์ เจย์ แซนด์เบิร์ ผู้ทำหน้าที่อำนวยการสร้างบริหารฯ ด้วย เกิดไอเดียนำเสนอซาวด์แทรคให้กับผู้บริหารด้านดนตรีประกอบภาพยนตร์แห่ง Universal Pictures ไมค์ นอบลอช และ ราเชล เลวี่ ผู้รักในไอเดียนี้ “พวกเขามีความกระตือรือร้นมาก” จองกล่าว “พวกเขาเล่าว่ามีเพลงประกอบภาพยนตร์แนวคันทรี่ 2-3 เพลงสำหรับแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ และเราเห็นความเป็นไปได้ว่าเรื่อง Twisters จะมีเพลงคันทรี่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง ราเชลในฐานะของเท็กซันรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้ และส่งเพลงคันทรี่หลายเพลงให้เราเพื่อใช้ในการตัดต่อชั่วคราว ผู้ลำดับภาพของเรา เทริลิน เอ. ชรอปไชร์ ตัดต่อฉากที่มีการใช้เพลงเหล่านี้ และมันเห็นภาพได้ชัดเจนว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว”
นอบลอชผู้ทำหน้าที่ควบคุมดนตรีทุกด้านในภาพยนตร์ของ Universal เป็นผู้นำทีมงานแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ให้กับแต่ละโปรเจ็กต์ “การทำงานของเราคือการรวมเพลงประกอบภาพยนตร์ที่จะบ่งบอกตัวตนของหนังแต่ละเรื่องได้ และสะท้อนออกมาผ่านเสียงดนตรี” นอบลอช ประธานแห่ง NBCU Music & Publishing กล่าว “ในภาพยนตร์แต่ละเรื่องเราจะสร้างบรรยากาศของเสียงดนตรีที่ไม่ช่วยแค่เพิ่มอารมณ์ให้เรื่องราว แต่ยังช่วยให้ผู้ชมเข้าถึงเรื่องราวได้อย่างลึกซึ้งอีกด้วย สำหรับเรื่อง Twisters ไอเดียของเพลงประกอบภาพยนตร์แนวคันทรี่คือสิ่งที่หาได้ยากและดูสดใส ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสมจริงในบรรกยาษสของการเล่าเรื่องราวได้”
เลวี่และนอบลอชเห็นศักยภาพในการผลิตเพลงประกอบภาพยนตร์ต้นฉบับขึ้นมา แทนการขอลิขสิทธิ์เพลงคันทรี่เพื่อภาพยนตร์ “สำหรับผมเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก เราไม่ค่อยมีโอกาสทำหน้าที่ควบคุมดนตรีที่เหมาะกับเพลงคันทรี่สักเท่าไหร่” เลวี่ รองประธานบริหารดนตรีในภาพยนตร์สำหรับ Universal กล่าว “พอเรารู้ว่าไอแซคมารวมงานด้วย เราตอบรับไอเดียการสร้างเพลงประกอบภาพยนตร์ต้นฉบับเลย”
ทุกคนที่มีส่วนร่วมต่างยอมรับว่านี่ป็นไอเดียที่ดูกล้าหาญและน่าตื่นเต้นมาก “ไม่เคยมีอัลบั้มแนวคันทรี่แบบนี้สำหรับภาพยนตร์มาก่อน และเรื่อง Twisters ดูจะเป็นโอกาสที่เหมาะจะทำอะไรแบบนั้น” แซนด์เบิร์กกล่าว
สำหรับขั้นตอนการตามหาและติดต่อนักดนตรีแนวคันทรี่ เพื่อประเมิณความสามารถและความสนใจแต่งเพลงสำหรับภาพยนตร์ เลวี่แลทีมงานได้พบกับพาร์ทเนอร์ในฝันจากเควิน วีเวอร์ ประธานแห่ง Atlantic Records West Coast และโปรดิวเซอร์เจ้าของรางวัล Grammy Award ถึง 2 รางวัล “เราได้พบ 2-3 แห่ง แต่บอกตามตรงว่าไม่มีใครสนใจเพลงประกอบภาพยนตร์ได้เท่าเควิน วีเวอร์และทีมงานของเขาที่ Atlantic Records เลย” เลวี่กล่าว “เพลงคันทรี่จะสร้างความหมายขึ้นมาไม่ได้เลย และ Atlantic ได้ร่วมแชร์มุมมองเดียวกับสิ่งที่เราต้องการ การร่วมงานของเราเริ่มขึ้นทันทีเมื่อเรามีจังหวะคุยกับเหล่าศิลปิน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้โทรคุยกัน มันเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นในการสร้างโปรเจ็กต์ ไม่ใช่แค่เรื่องดนตรีเท่านั้นแต่รวมถึงทุกคนที่เป็นแฟนของหนังภาคก่อนด้วย เราได้พบกับศิลปินแต่ละคนพร้อมกับผู้สร้างภาพยนตร์ คุยรายละเอียดภาพยนตร์ร่วมกับพวกเขาและฉากที่เราขอให้เขาแต่งขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับสังคมนักแต่งเพลงในแนชวิลล์ โปรดิวเซอร์ ศิลปิน และผู้จัดการสร้างผลงานได้อย่างน่าทึ่งและทุกคนทำงานกันอย่างเหลือเชื่อมาก
ทุกอย่างเริ่มในเดือนธันวาคม 2023 จองและผู้ลำดับภาพ เทริลิน ชรอปไชร์เริ่มรวมฉากต่างๆ ในภาพยนตร์ที่จะเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับเพลงใหม่ๆ “เทริลินกับผมส่งฉากตัวอย่างให้ศิลปนแต่งเพลงขึ้นมาพร้อมโน้ตบางส่วน เพื่อดูพลังและอารมณ์ที่เราต้องการ หลังจากนั้นนักดนตรีจะส่งผลงานที่ร่างขึ้นมาให้” จองกล่าว “ผมรู้สึกทึ่งกับดนตรีที่ได้รับมาก”
แซนด์เบิร์กกล่าวเสริม “ไอแซคเป็นแฟนเพลงคันทรี่ (เขาฟังทุกเพลง) เราเลยมีเพลงและรายชื่อศิลปินก่อนการถ่ายทำมาแล้วล่วงหน้า และช่วงหลังการถ่ายทำเราก็ได้เพลงที่เรารักในฉากนั้น เราถามตัวเองว่าจะเอาไปใช้เป็นเพลงต้นฉบับเลยได้ไหม และเราก็ทำได้! สิ่งแรกที่ใช่คือไลนีย์ วิลสันผู้มีพรสวรรค์”
เพลงประกอบภาพยนตร์ฉบับสมบูรณ์ Twisters: The Album ประกอบไปด้วยเพลงทั้งหมด 29 เพลง รวมเพลงต้นฉบับอีก 19 เพลง มีการคัฟเวอร์เพลงคันทรี่คลาสสิคสุดฮิต และมีอีก 8 เพลงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ ศิลปินผู้แต่งและ/หรือถ่ายทอดเพลงต้นฉบับในภาพยนตร์ ได้แก่ เจ้าของผลงานคันทรี่ร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงหลายคน เชน เจ้าของรางวัล CMA Awards หลายรางวัล ลุค คอมบ์ส เจ้าของรางวัล Grammy ไลนีย์ วิลสัน เจ้าของรางวัล Grammy ถึง 5 รางวัล ชาเนีย ทเวน และผู้ชิงรางวัล CMT Awards บรีแลนด์ เจ้าของรางวัล Grammy ถึง 3 รางวัล มิแรนด้า แลมเบิร์ท ผู้ชิงรางวัล Grammy ไทเลอร์ ชิลเดอร์ส เจ้าของรางวัล Grammy ลีออน บริดเจส ศิษย์เก่าจาก American Idol เบ็นสัน บูน เจ้าของรางวัล ACM และ CMT Awards มีแกน โมโรนีย์ ผู้สร้างปรากฎการณ์บน YouTube ลานี่ การ์ดเนอร์ ผู้ชิงรางวัล CMT และ ACM ไบลีย์ ซิมเมอร์แมน แทนเนอร์ อาเดลล์ ผู้ชิงรางวัล Grammy โธมัส เร็ตต์ วอร์เร็น เซเดอร์ส เจ้าของรางวัล ACM, AMA และ CMT Awards เคน บราวน์ คอนเนอร์ สมิธ ทัคกอร์ เว็ทมอร์ ศิษย์เก่าจาก American Idol แซม บาร์เบอร์ และอีก 2 แทรคจากผู้ชิงรางวัล Grammy เจลลี่ โรล หนึ่งเพลงจากอเล็กซานดรา เคย์ คัฟเวอร์ 2 เพลงโดยเจ้าของรางวัล ชาร์ลีย์ คร็อกเค็ตต์ ในเพลง “(Ghost) Riders in the Sky” รูปแบบใหม่ และคัฟเวอร์เวอร์ชันของ “Wall of Death” ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์และในเรื่องโดยผู้โด่งดังในแนวอินดี้โฟลค วิลเดราโด, เค็นโพเมรอย และผู้ชิงรางวัล Grammy เจมส์ แม็คอลิสเตอร์
เพลงประกอบภาพยนตร์มีรวมกันได้อย่างไร้ที่ติ โดยร่วมงานกับผู้ประพันธ์ดนตรีเบ็นจามิน วอลล์ฟิช ที่มาสร้างช่วงเวลาสำคัญให้ดนตรีประกอบภาพยนตร์ “การตอบรับจากแนชวิลล์และศิลปินคันทรี่สร้างความประทับใจมาก คุณจ็นได้จากชื่อศิลปินในเพลงประกอบภาพยนตร์ของเรา” แซนด์เบิร์กกล่าว “มันเป็นการร่วมมือกันระหว่างศิลปิน ไอแซค จอง และตัวผม Atlantic Records ไมค์ นอบลอช, ราเชล เลวี่, ผู้ลำดับภาพ เทรี่ ชอปไชร์ และผู้ตัดต่อเสียงดนตรี ไลซ์ ริชาร์ดสัน ของเราอย่างแท้จริงเพื่อให้ได้เพลงประกอบฉากที่เหมาะสม และช่วยสร้างช่วยเวลาที่น่าจดจำในเรื่อง”
เลวี่และทีมงานที่ Universal รู้สึกตื่นเต้นที่สร้างอัลบั้มเสร็จสิ้น จนอดใจรอให้ผู้ชมได้ฟังเพลงไม่ไหว “ผมภูมิใจมากกับผลลัพธ์ที่ได้” เลวี่กล่าว “ผมคิดว่าส่วนที่ดีที่สุดคือการได้คนดังในเพลงคันทรี่มาร่วมงาน เราพยายามมอบสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้ทุกคน ตั้งแต่ลุค คอบส์ และ ไลนีย์ วิลสัน ไปจนถึงลีออน บริดเจส และ เบ็นสัน บูน มีทั้งนักร้องที่มากประสบการณ์ แนวป๊อปคันทรี่ คันทรี่นอกกระแส และอีกมากมาย”
สำหรับจองแล้ว บรรยากาศของเสียงดนตรีในเรื่องนี้สร้างความรู้สึกลึกซึ้งเป็นพิเศษโดยส่วนตัว “เรื่อง Twisters เป็นหนังเกี่ยวกับตัวละครที่สูญเสียการติดต่อกับผู้คนรอบตัวเธอและบ้าน เธอค้นพบตัวเองอีกครั้งเมื่อได้กลับบ้านไปล่าพายุทอร์นาโดบนถนน” จองกล่าว “ผมรู้สึกผูกพันกับการเดินทางครั้งนี้เป็นพิเศษ เพราะผมก็จากบ้านมาและเพ่งได้กลับไปยังที่ๆ โตขึ้นมา ออกล่าพายุทอร์นาโดด้วยตัวเอง ซึ่งหมายถึงการสร้างหนัง เพลงคันทรี่กลายเป็นเพลงสำหรับความรู้สึกของผมที่ได้กลับบ้าน ไม่มีดนตรีแนวไหนที่จะมาแทนความรู้สึกเพลงคันทรี่ได้ ความสุขและความโหยหาที่เรารู้สึกอยู ดนตรีแนวนี้มีความสนุกและถ่ายทอดเรื่องราวที่เหมาะกับ Twisters ได้อย่างลงตัว”
และเขาอดใจรอให้ผู้ชมได้สัมผัสกับเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เขาใช้เวลาหลายเดือน จนกระทั่งถึงวันฉายในโรงภาพยนตร์ไม่ไหวแล้ว “ผมฟังเพลงประกอบภาพยนตร์วนไปเรื่อยๆ ตอนขับรถ ผมรักทุกเพลงเลย ชื่นชมในความลึกซึ้งและความงดงามที่เกิดขึ้นในเพลง” จองกล่าว “ไอเดียของอัลบั้ม Twisters เกิดขึ้นเพราะเรารู้ว่านักล่าพายุใช้เวลาส่วนมากบนรถและเราต้องการเพลงที่เพราะ ผมหวังว่าผู้ชมจะฟังอัลบั้มนี้ตอนขับรถอย่างมีความสุขเช่นกัน ระหว่างทางได้พบกับ I-40 มุ่งหน้าไปยังโอกลาโฮม่า มองเห็นพื้นถนนสีแดงท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวและท้องฟ้าที่ดูน่าตื่นตา”
This summer, the epic studio disaster movie returns with an adrenaline-pumping, seat-gripping, big-screen thrill ride that puts you in direct contact with one of nature’s most wondrous—and destructive—forces.
From the producers of the Jurassic, Bourne and Indiana Jones series comes Twisters,
a current-day chapter of the 1996 blockbuster, Twister. Directed by Lee Isaac Chung, the Oscar-nominated writer-director of Minari, Twisters stars Golden Globe nominee Daisy Edgar-Jones (Where the Crawdads Sing, Normal People) and Glen Powell (Anyone But You, Top Gun: Maverick) as opposing forces who come together to try to predict, and possibly tame, the immense power of tornadoes.
Edgar-Jones stars as Kate Cooper, a former storm chaser haunted by a devastating encounter with a tornado during her college years who now studies storm patterns on screens safely in New York City. She is lured back to the open plains by her friend, Javi to test a groundbreaking new tracking system. There, she crosses paths with Tyler Owens (Powell), the charming and reckless social-media superstar who thrives on posting his storm-chasing adventures with his raucous crew, the more dangerous the better.
As storm season intensifies, terrifying phenomena never seen before are unleashed, and Kate, Tyler and their competing teams find themselves squarely in the paths of multiple storm systems converging over central Oklahoma in the fight of their lives.
Twisters also stars Golden Globe nominee Anthony Ramos (In the Heights) as Javi, Nope’s Brandon Perea, Golden Globe winner Maura Tierney (Beautiful Boy) and Sasha Lane (American Honey), along with David Corenswet (upcoming Superman: Legacy), Daryl McCormack (Peaky Blinders), Kiernan Shipka (Chilling Adventures of Sabrina) and Nik Dodani (Atypical).
Chung directs from a screenplay by Mark L. Smith, writer of the Best Picture nominee The Revenant, from a story by Joseph Kosinski (Oblivion), based on characters created by Michael Crichton & Anne-Marie Martin. Twisters is produced by Oscar nominee Frank Marshall (Jurassic and Indiana Jones franchises) and Patrick Crowley (Jurassic and Bourne franchises), and executive produced by Steven Spielberg, Thomas Hayslip and Ashley Jay Sandberg.
The creative team includes director of photography Dan Mindel (Mission Impossible III, Star Trek, Star Wars: The Force Awakens), production designer Patrick Sullivan (Brightburn, art dir. Twister), editor Terilyn A. Shropshire (The Woman King), costume designer Eunice Jera Lee (Bottoms, How to Blow Up a Pipeline), and composer Benjamin Wallfisch (Blade Runner 2049, The Flash).
Warner Bros. Pictures, Universal Pictures and Amblin Entertainment Present a Lee Isaac Chung Film, Twisters, which is distributed internationally by Warner Bros. Pictures.
PRODUCTION INFORMATION
TABLE OF CONTENTS
THE DIRECTOR’S STATEMENT………………………………………………………………..4
THE BACKSTORY 4
THE CHARACTERS 11
kate carter– daisy edgar-jones 11
tyler owens– glen powell 13
javi – anthony ramos 15
boone – brandon perea ………………………………………………………………………………………………17
cathy – maura tierney………………………………………………………………………………………………. 17
lily – sasha lane …………………………………………………………………………………………………………18
scott – david corenswet 18
tyler’s tornado wranglers 19
kate’s tornado tamers 20
THE PRODUCTION DESIGN AND LOCATIONS 22
THE CINEMATOGRAPHY ……………………………………………………………………..29
THE COSTUME DESIGN ……………………………………………………………………….30
THE TORNADO DESIGN ……………………………………………………………………….33
THE TORNADO SCENES………………………………………………………………………..35
THE SOUNDTRACK…….………………………………………………………………………..38
THE DIRECTOR’S STATEMENT
Directing Twisters signifies a major transition for me. I’ve been making low-budget, independent films for most of my life. I grew up in NW Arkansas on the Oklahoma border—tornados were a big reality for me. Growing up as a child I was mesmerized when the original film came out in 1996. Here was a group of people running into the storm while everyone else was running out. So, when the producers came to me to direct this new chapter, I was truly honored and terrified to make the transition into tentpole, summer blockbuster territory. But the film embodies what inspired me to take on the challenge; I wanted to run toward my fears and not away from them.
There were many components that were important to me in making this film. I have long wanted to tell a story like this with a strong, female lead, and Daisy Edgar-Jones delivers on every level. We collaborated very closely with a dedicated team of climate scientists and together, I hope we’ve crafted an immersive experience that brings viewers up close and personal to the things that are bigger than us, things that are meant to scare us and take us into the heart of the storm.
To work alongside industry titans Steven Spielberg and Frank Marshall has been one of the great honors of my career. Their belief in my vision for the film has been nothing short of empowering. This film aims to offer an exhilarating experience that transcends the confines of the screen, and my hope is to ignite in audiences the same sense of wonder and awe that I felt as a kid witnessing the power of nature firsthand. — Lee Isaac Chung
THE BACKSTORY
In 1996, Amblin Entertainment and The Kennedy/Marshall Company elevated the art of the natural disaster film with Twister, a worldwide smash from the super-team of producer Steven Spielberg, best-selling author Michael Crichton, and director Jan de Bont, that captivated audiences. Tornadoes became terrifying movie spectacles courtesy of pioneering digital effects and brainy meteorologists became bold action heroes. Now the franchise touches down again with Twisters, a timely, bold new chapter that charts a thrilling new course for the franchise.
Authentic Science, Ultimate Entertainment
Developing the Twisters Screenplay
Twisters began to swirl into existence in 2020 when filmmaker Joseph Kosinski (Top Gun: Maverick; Oblivion) pitched Amblin and Kennedy/Marshall on a new movie set in the larger world of the 1996 film but that followed a new generation of adventurous storm-chasers. Working with screenwriter Mark L. Smith (The Revenant; The Boys in the Boat), Kosinski developed a story that centered on Kate Carter, an idealist research scientist born and raised in Oklahoma, the tempestuous heart of America’s “tornado alley,” who’s devoted her life to studying twisters and developing the means to weaken and even destroy them. Surrounding Kate would be an eclectic group of supporting characters that would allow the filmmakers to explore the wild subculture of storm-chasing, populated by a mix of professional meteorologists, hard-core weather enthusiasts and thrill-seeking adventurers.
Key to the script-development process was ensuring that the screenplay was based in accurate, authentic science. “One of the reasons that Twister was so compelling was that Michael Crichton was writing about things that were science fact, not science fiction,” says Frank Marshall, whose 56-year career in the entertainment industry as a producer (The Sixth Sense; The Curious Case of Benjamin Button), director (Arachnophobia; Eight Below), and steward of multiple blockbuster franchises (Back to the Future, Indiana Jones, Jurassic Park) has earned him numerous accolades; he’s one of only 25 people with an EGOT (an Emmy, Grammy, Oscar and Tony award). With Twisters, Marshall assumes management of the franchise from his wife, Kathleen Kennedy, the producer of Twister and now president of Lucasfilm.
“People are fascinated about things they can relate to,” Marshall says. “And unfortunately, the things Michael was writing about in the 1990s have now become more frequent and severe.” Crichton—who also wrote the Jurassic Park novels, The Andromeda Strain and Congo and specialized in blockbuster novels anchored in deeply researched science and history—died in 2008. “While we wanted the tornado-mitigation science in Twisters to be aspirational, we also wanted to make sure that the movie remained rooted in what was possible,” Marshall says. “That’s why we don’t ever say in the film that you can kill the tornado. We can try to affect them, tame them, reduce them, but we can’t yet stop them. There’s still so much we don’t understand about them.”
The goal of writing a script that was grounded in credibility and realism prompted Smith to throw himself into research, interviewing meteorologists and riding with storm-chasers to understand their work better. The producing team wanted to do the same, so they decided to reach out to an old franchise friend: KEVIN KELLEHER, a former analyst at the National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA), who served as the technical advisor on Twisters. “It was of the utmost importance to us that we bring in a consultant to authenticate the science and speak to the theories we were exploring,” says executive producer Ashley Jay Sandberg, the lead feature film exec at Kennedy/Marshall who helped oversee the development of the script. “This led us to Kevin, who became our trusted and invaluable sounding board.”
Back in 1996, Kelleher had consulted on the first Twister, helping vet ideas and teaching the cast and crew basic tornado science: e.g. how thunderstorms produce whirlwinds and how they are measured on the Fujita scale (named after the late Ted Fujita, a trailblazing Japanese American storm researcher), what shapes they take (rope; stovepipe; wedge; multi-vortex) and the various features of each. “I was so impressed and moved by the respect the producers had for real science and the desire to reflect that in the movie,” says Kelleher.
The first Twister film had a profound impact on the field of meteorology, inspiring a surge of interest and support for tornado research and raising awareness about the rising occurrences of extreme weather. For those reasons and more, Kelleher was more than happy to return, almost thirty years later, for this new chapter in the franchise. “It was heartening that the filmmakers wanted to do the same thing with Twisters, because so much has changed over the past 28 years, and so much of the story in this film concerns issues that today’s researchers are currently working on,” Kelleher says. “We know more about tornadoes than we ever have, but fundamental questions remain about how and why they occur and what can be done to detect them sooner. I was also struck by the filmmakers’ sensitivity to real-life people who’ve been gravely impacted by tornadoes and how they persevere though and recover from tragedy. I was able to speak into the desire to honor that, while helping find a balance between science, entertainment and empathy.”
Another point of emphasis for the Twisters team was acknowledging concerns about the role climate change plays in extreme weather. “Our movie emphasizes the need to increase scientific knowledge to help increase warning lead times and raises the question whether technological innovations may, in the future, be able to help reduce the effects of climate change,” says Patrick Crowley, the veteran producer (The Other Guys; Assassin’s Creed) who has collaborated frequently with Frank Marshall, partnering with him to bring the Jason Bourne and Jurassic World films to screen.
Although weather scientists are uncertain about the role climate change has had on tornado frequency and severity, recent studies have shown that what has traditionally been called ‘tornado season’ during the late spring/early summer in the United States has expanded and tornadoes are now occurring more frequently at other times of the year. There is, however, substantial evidence that ‘tornado alley’ has been expanding eastward into the more highly populated areas of the south-central and southeastern U.S. “We’ve done everything we could to dramatize that in this movie,” Crowley says. “We would have been irresponsible if we didn’t pay attention to that and if we didn’t use the movie as an opportunity to help sound the alarm.”
Homeward Bound
Lee Isaac Chung Takes the Helm
As work wrapped on the Twisters script in 2022, Joseph Kosinski departed the project to direct another film. Enter Lee Isaac Chung, whose acclaimed autobiographical 2020 family drama Minari earned him multiple Oscar® nominations and super-charged his career after 13 years of independent filmmaking. While taking his time to consider a follow-up to Minari, Chung helmed an episode of Lucasfilm’s The Mandalorian—work experience for producer Frank Marshall’s wife, Kathleen Kennedy, that would prove pivotal in Marshall’s quest to find the ideal director for Twisters. “I loved what Isaac did with Minari. Everyone did,” says Marshall. “I knew he was great with characters, story, drama, humor and tone. What I didn’t know was whether he could handle action and special effects on an epic scale. And this is where my wife Kathleen comes in. I knew he had worked on The Mandalorian, so I asked her opinion. She not only gave a ringing endorsement but allowed me to see some of his work on the show. What I saw was a naturally talented filmmaker who knows exactly where to put the camera and how to tell a story in this genre of action-adventure. And when I talked to him, he showed me he was smart about the script and had a strong vision for how to tell this tale. He’s the real deal.”
For Chung, Twisters was an opportunity to branch into a kind of filmmaking he had long hoped to pursue and had nearly lost hope he’d ever have a chance to chase. “Before Minari, I was thinking of quitting movies because it was getting very hard to get anything done,” Chung says. “I thought of Minari as my last-ditch effort to make it work. If this was the end of the road for me as a filmmaker, I wanted to go out telling the one story that meant the most to me. Fortunately, it turned out so well that I didn’t have to quit, and better, it opened new doors for me.” Doors that allowed him to expand the type of filmmaking he had long dreamed of. “I can understand people thinking that moving forward, I’d only want to tell stories like Minari, but that wasn’t the case,” Chung says. “Instead, I wanted to pursue other genres that always interested me. Twisters was the type of film I dreamed I could someday do as a filmmaker. I always wanted to do an action movie. I always wanted to work on a big scale. And I love telling stories about multiple characters in which their relationships and fates are all intertwined. The ironic thing is that in many ways, Minari, while being small and personal, was a great precursor for Twisters, as it shares some similar elements, from an ending that’s something of a disaster movie on an intimate scale, to be being a story set in a part of America that I happen to know really, well.”
Born in Denver to parents who had immigrated from South Korea, Chung moved with his family to rural Arkansas at the age of two and spent time in various places before settling in Lincoln, Arkansas (with a population of around 2,000 people) to start a farm—a journey that informs the story that Chung told in Minari. Not covered in the film, however, was an incident that occurred three weeks after their move to Lincoln. “A tornado rolled into the area,” Chung says. “This was something my father never considered as a possibility when he moved us into a trailer on this plot of land where he wanted to build his farm. It didn’t have a storm shelter, so we all loaded up into my Dad’s Dodge pickup and drove until we reached an area where we thought we’d be safe. I remember listening to a radio station that was tracking the storm; I remember the winds and rain picking up around us, and I remember my mom holding me as the weather got worse … and then I fell asleep! I woke up the next day and asked my sister: ‘Hey, was that tornado a dream?’ From that point forward, we had tornado watches and warnings every spring. Eventually, my dad built a house and a basement where we could hide if one ever struck again. We felt a lot safer after that.”
The postscript to Chung’s first encounter with a tornado came in 1996 with the release of Twister. “I was in high school and my whole family went to see it,” Chung says. “I distinctly remember the opening sequence, in which this family is running away from a tornado at night, and I turned to my family and said: ‘Hey! That’s us!’ We all loved that movie. So, Twisters is something of a full-circle moment for me. I feel fortunate that I’m able to follow Minari with a movie that feels personal to me despite being very different and much bigger.”
Chung was impressed with the script that Mark L. Smith had written for Twisters and says that two aspects in particular captured his imagination. “What Mark did so well is make the study of weather feel like an adventure—a real-world adventure, set amid the wonder and tumult of the natural world, as opposed to some fantastic fictional reality,” says Chung. “But the other thing that really hooked me was the fun of it. We have this character of Tyler, played by Glen Powell in the film, a cowboy storm chaser whose only ambition is to light up a tornado by shooting fireworks into it. It cracked me up so much. It reminded me of the stupid stuff me and my friends would dream of doing where I grew up in Arkansas. I don’t know if it’s because I have a hillbilly streak or if it’s the filmmaker in me, but all I knew after reading that scene was that I wanted to film it, because I’d never seen anything like it in a movie before, and the people back home would laugh when they saw it.”
Several different movies served as touchstones to Chung while making Twisters, beginning, of course, with Jan de Bont’s 1996 film. “From beginning to end, I returned to Twister, and I would ask myself: ‘How would Jan do this?’ Because he did it so well, and I wanted to honor the fandom around the first film,” says Chung. “But I’ve always loved Steven Spielberg, as well, and the process of working with him has been so great. I went back and watched Jaws a few times, as well as War of the Worlds—movies about powerful forces of nature or monstrous things coming at you or looming above you. They captured some of the tone we wanted for our tornadoes. Perhaps the movies I watched the most in preparation for Twisters were driving movies—from The French Connection (1971) to Gone in 60 Seconds (2000), for example —because so much of our movie rides with groups of storm chasers in their vehicles.” Indeed, approximately 70 percent of the film’s 60-day production would later be spent shooting driving scenes, with characters chasing after tornadoes. “We were a literal road show, and on the go at all times,” says executive producer Ashley Jay Sandberg, who was on the ground for the entire shoot.
Moving into pre-production, Chung also poured himself into research and worked on revising the script, with an eye toward further developing key relationships, creating backstory for the plethora of supporting characters (which he did in collaboration with the actors playing them), and plotting the beats and details of the film’s action-packed tornado sequences. But perhaps the most significant decision Chung made in shaping the tone and look of the movie was choosing where Twisters would be shot. The director was adamant that the film, which is set in Oklahoma, be made in Oklahoma, a state he knew well, having produced Minari there.
But his filmmaking partners wanted him to first consider Georgia for budgetary reasons and because it’s a major stateside filmmaking hub, stocked with resources and stacked with experienced crews. “We traveled between nearly 1,600 miles over the course of six days across Georgia looking at landscape and locations, but we struggled to find places and landscape that could credibly double for Oklahoma,” says executive producer Thomas Hayslip (Oppenheimer; Tenet). “It was clear Isaac wasn’t happy about it, but being a team player, he wanted to give it a shot because he knew that it was the better choice financially. So we went to Oklahoma, and within four days, we found 90 percent of everything we were looking for. Unlike Georgia, it needed very little in terms of visual-effects augmentation to fill in the blanks of what was missing from the environment. We moved money around and made it work. It was absolutely the right call, creatively.”
Chung was relieved to be filming on home turf. “When we went to Georgia we weren’t seeing any of the terrain I knew personally from growing up in Arkansas, on the Oklahoma border, and from shooting Minari in Tulsa,” Chung says. “The towns, the vastness of the plains, the red dirt roads, the yellow and green hues of the fields, the open sky. The first location we visited in Oklahoma was a farmhouse that could work for Kate’s childhood home. The owner came out and gave me a hug and said, ‘I was an extra in Minari!’ It was like a sign of affirmation. Looking out on the fields from that farm, I knew this is where we had to make this movie. And I was very grateful the team could make it work.”
Chung’s commitment to proper representation in Twisters extended to casting. “When I was researching storm chasing, I saw that the community that forms around this activity is very diverse when it comes to gender, ethnicity and regional identity,” Chung says. “I wanted to show a film with people who reflected the eclectic reality and personality of storm chasers, as well as people who I would personally want to chase a storm with. In general, I wanted this movie to be fun, so all the actors were people who I just love to talk to and hang out with. Sure enough, they all formed a cohesive bond and had a blast together when we weren’t shooting… although that might have been because they couldn’t find other things to do. I mean, it is rural Oklahoma.”
Safety First, Strike Second
The Production Prepares For Impact
Production on Twisters began in Oklahoma in the spring of 2023. But spring is storm season in the Plains, and the area is rife with lightning strikes and the threat of twisters touching down. To ensure the safety of cast and crew, the production recruited a former military meteorologist, JOEL MARTIN, to lead a squad of radar watchers that worked 24-7 to catch shifting weather conditions. In addition, a team of seasoned film safety experts, led by LACIE MACKEY (Oppenheimer), devised and enforced protocols for shutting down production and sheltering when necessary.
“One would think it would be foolish to shoot a movie about tornadoes during the peak of storm season, but it’s the only time that you really have the look and the feel in terms of green wheat fields and majestic skies,” says producer Patrick Crowley. “But when you’re responsible for 300 to 400 crew members shooting in flatlands, with nowhere to hide if a tornado or thunderstorm comes, you must devise a whole system to protect everybody. On the second day of shooting, the safety team said, ‘okay, shelter in place, a thunderstorm’s coming.’ The crew got in buses and cars that had rubber tires that would insulate you against a lightning strike. Everybody was in strict observance of what they should be doing.”
But it would be an entirely different type of storm that would shut the production down for months, when the Screen Actors Guild went on strike in July 2023. At the time, the production of Twisters was just weeks away from the completion of filming. They were forced to stop and would need to resume shooting later. “The strike was a huge challenge,” says producer Frank Marshall. “We had a firm release date and a tight visual effects schedule. We tried to get as many VFX-heavy scenes done before the strike, but we didn’t make it and we were left with three weeks to go. There was a lot of nervousness there, because once you start back up, it’s not like we could just start again right away: we needed six weeks of prep before we could resume shooting. We decided to start prepping sets before the strike was over; I felt we had to roll the dice to finish by the end of December, and it paid off. The strike ended on in early November, and we finished right before Christmas.”
THE CHARACTERS
Kate Carter
Daisy Edgar-Jones
Born and raised in Oklahoma, Kate’s childhood fascination with storms precipitated a sixth sense for predicting tornadoes and a bold passion for taming them. Her life took a turn during her graduate studies at Muskogee State University (the alma mater of Twister’s heroes, played by Helen Hunt and Bill Paxton), when an attempt to squelch a tornado with a chemical invention of her design ended in tragedy. Ashamed and haunted by loss and failure, Kate escaped to New York, taking a job at the United States Weather Service as a storm tracker, where she works behind the safety of a computer console. But she finds reason to get back in the field—and return to Oklahoma—when an old friend, Javi (Anthony Ramos), presents her with an opportunity to test a new portable radar system that can better study how tornadoes form and more accurately and quickly predict when and where they might strike. Kate soon finds herself swept up in an adventure fraught with danger, mystery, new love and a shot at redemption for the trauma of her past.
To play Kate, director Lee Isaac Chung cast Daisy Edgar-Jones, who gained worldwide fame for her breakout turns in the film Where the Crawdads Sings, the acclaimed BBC comedy Normal People and FX’s crime drama Under the Banner of Heaven. “I was a fan of Daisy after watching Normal People and started following her career,” Chung says. “I’d always list her name anytime anyone asked what actors I’d like to work with. Luckily, Daisy was interested in working with me, too. We bonded over the fact that both of us were wanting a different kind of filmmaking challenge after having done more personal, indie-spirited projects. As soon as I met her, I felt like I had found my ideal collaborator and knew she would nail this part.”
Edgar-Jones came to Twisters as an earnest fan of its predecessor. “I grew up in England, where we don’t have much of anything in the way of treacherous weather besides the occasional thick fog, so Twister was a transporting, exciting, scary thrill ride that captured my imagination,” Edgar-Jones says. “When I heard they were making a new chapter, and that Isaac was making it, I was excited by the idea of someone like him, with his filmmaking sensibility, taking on material like this and seeing what he would do with it. I was begging my agents to get me the script, and sure enough, I loved it. The story honored the first film in so many ways, from a strong female lead to an ensemble of rich, fascinating characters. And it created this amazing new modern world of storm chasers that was so resonant, touching, funny and just plain fun, I knew I had to be involved.”
In addition to getting a shot at playing an action hero in a major film franchise, Edgar-Jones was captivated by the emotional drama of Kate’s arc. “When we first meet her, Kate’s this superhero storm chaser, passionate about figuring out how to weaken tornadoes, doing this good work with her best friends,” Edgar-Jones says. “But then she suffers a tragedy that leaves her humbled, rocked by PTSD, and closed off to other people. The story is how she recovers from that by re-connecting with home and connecting with new people. It’s about a person coming back to life, returning to themselves, and I found that meaningful and powerful.”
Edgar-Jones prepared for the role by attending a “weather boot camp,” along with her castmates, organized by the film’s storm consultant, Kevin Kelleher, at The National Weather Service Center at the University of Oklahoma. There, the cast learned Tornado 101 from expert meteorologists and interviewed storm-chasers. Edgar-Jones supplemented her education by constantly searching for YouTube videos about tornadoes, reading up on the history of Oklahoma, and mastering the regional accent. “Doing research for this movie was endlessly interesting, and helpful,” says Edgar-Jones. “And Kevin Kelleher was invaluable. He helped us understand the science. He was there on set when we were shooting storm-chasing scenes to explain what real storm chasers would be thinking or how they might react to certain situations, and he would help us with the technical jargon, whether it was to explain the concepts or just make sure we were pronouncing terms right. He kept us on our toes and helped keep us on track.”
Shooting Twisters, says Edgar-Jones, was much like her experience of watching the first movie. “It’s the wildest thrill ride you can imagine, only this time, it was real and I was living it,” Edgar-Jones says. “There was one sequence where a tornado blows through a rodeo and completely obliterates it, and while we’re trying to dodge all sorts of debris and find shelter, they used a crane to drop a horse trailer from the sky. Safely, of course, but it was just insane. Another day, they strapped me into a car and they spun it upside down, like I was in a washing machine. Because there’s so much car-based action in the movie, I was always behind the wheel, doing some very speedy driving. I’m ready for a job in the next Fast & Furious movie because of Twisters.”
Tyler Owens
Glen Powell
Part cowboy, part viral video hustler, and pure charm incarnate, Tyler is a former rodeo star turned “tornado wrangler” who rides a souped-up Dodge Ram instead of a horse. Tyler leads a raucous band of “extreme meteorologists,” whose only ambition is to get close enough to a twister so they can light it up with pyrotechnics and film it, and their adventures in chasing weird weather have made them Internet famous. Although Tyler initially presents as a reckless thrill-seeker and self-promoter whose antics threaten to disrupt Kate’s work in Oklahoma, he’s got more smarts and heart than he shows, and he reveals the depths of his true character as he and Kate (Daisy Edgar-Jones) develop a rapport that grows from rivalry to allyship to romantic attraction.
For the role of Tyler, director Lee Isaac Chung cast Glen Powell, the veteran actor who shot to next-level stardom playing cocksure fighter pilot Lt. Jake “Hangman” Seresin in Top Gun: Maverick and solidified his leading man status with the surprise rom-com smash Anyone But You and the dark action comedy Hit Man, which Powell produced and co-wrote.
“Glen is so charismatic, interesting, and funny, you end up loving him even when he’s playing characters like Tyler who are cocky and big showboats,” Chung says. “But he’s also an extraordinary actor with great depth and he’s so good at letting that seep through and reveal itself almost effortlessly, without forcing it.” Despite all those attributes, it was Powell’s appearance on an episode of the morning show Today that revealed something unexpected about Powell that inspired Chung to cast him as Tyler. “Glen was on Today with his parents, talking about his parents and their impact on his life, and I saw this layer of him that I wanted for this character, someone with real heart,” Chung says. “I knew then I wanted him on board.”
Powell had been interested in joining Twisters since its inception. Like a storm chaser watching a tornado form on the plain, he had been tracking the project’s development under Jospeh Kosinski, his director on Top Gun: Maverick. “Joe told me what an exciting movie this was going to be, with all these vivid characters, including a certain wild tornado-chasing cowboy, and all these amazing action sequences with different tornadoes,” Powell says. “It sounded like a fun part in a very exciting movie. But when Joe decided to focus on another project, I assumed that my chances of being in Twisters were gone. I was filming Anyone But You in Australia when I got a call asking if I’d be interested in Twisters and whether I would be open to doing a chemistry read with Daisy, who was already cast. It was immediately clear that it was going to be effortless for anyone to have chemistry with Daisy. She’s one of the most generous actors I’ve ever met and this incredibly thoughtful human being, especially in an audition scenario where you’re trying to be calm and relaxed and make some natural magic happen while thinking about a million different things and working to get a job. I’ll always be grateful to her for that.”
Like Edgar-Jones, Powell has a special affinity for the original Twister, although unlike her, his fandom grew out of an intimate familiarity with the subject matter.
Raised in Austin, Powell remembers traveling with his family to East Texas in May 1997, when Powell was about 9 years old, to visit his aunt. The family happened to be in the small town of Jarrell (population approximately 3,400) when a tornado touched down. (That infamous tornado, an F5 storm stretching three-quarters of a mile wide, obliterated more than 30 homes and caused more than 27 fatalities.) Powell’s family took shelter in a carpet store, and in the days after the storm, he and his extended family helped the locals clean up the devastation.
That experience, of seeing how tornadoes impact people’s lives, informed his performance. “I wanted to start out with my character presenting as exactly the guy you think he is, this self-promoting adrenaline junkie,” Powell says. “But then you realize there’s real depth to him. His team of storm chasers seem like this traveling circus of thrill seekers, but they share this complicated fascination with the unexplainable phenomenon that are tornadoes. They seem to have a casual, devil-may-care attitude, but they’re no dummies. They have deep respect for the awesome power of tornadoes and care about the people affected by the destruction they cause. They’re a band of misfits that have grown into a family that works together and takes care of each other … and those they find on their way. They have something to offer Kate because they represent what she’s really chasing after in this movie: Family.”
Powell found additional inspiration for his performance in Twisters by drawing upon another personal connection to the franchise, the late Bill Paxton, who passed away in 2017. Powell had struck up a friendship with the Twister star while they worked on the 2013 western Red Wing. “When I was first getting to know Bill, the two movies I talked with him the most about were Apollo 13 and Twister, both of which pushed the limits of practical effects and visual effects and required a lot from their actors in terms of research,” Powell says. “Bill helped me understand what it takes to make characters like Tyler feel grounded and real, but also cool and fun and interesting, all at the same time. I thought about Bill Paxton often while making Twisters. It’s an impossible task to follow in his footsteps. But I hope people can see a little bit of his light emanating through the movie.”
Javi
Anthony Ramos
Part of Kate’s college crew of would-be tornado-wranglers, Javi is similarly marked and transformed by the tragedy that befell their friends. Once a shabby, oft-hungover party animal, Javi re-enters Kate’s life as an ambitious, straight-edged entrepreneur: he has co-founded a company, StormPar, that’s developing a tornado-studying phased array radar device (PAR)—a more evolved version of the “Dorothy” machine that was central to 1996’s Twister. PAR’s real-time 3-D imaging of twisters could potentially provide greater insight into their mercurial nature and become an early warning system for communities in Tornado Alley. Javi makes Kate (Daisy Edgar-Jones) an offer she wishes she could refuse but can’t: Help Javi perfect PAR by testing it in the field, specifically in Kate’s old Oklahoma stomping grounds, at the height of tornado season. But Javi and Kate’s friendship—and a potential romance—is tested as Kate begins to wonder if Javi’s motives aren’t as pure as they appear.
Playing Javi is Anthony Ramos, who originated the roles of John Laurens and Philip Hamilton in the cultural phenomenon that was Lin-Manuel Miranda’s Hamilton, and who earned a Golden Globe nomination for Best Actor by starring in Jon M. Chu’s 2021 adaptation of Miranda’s earlier hit Broadway musical, In The Heights. “Whenever I’m watching anything that has Anthony in it, I feel a great depth of humanity and honesty in his characters, and I wanted Javi to have that,” says director Lee Isaac Chung. “This character is someone doing things that might seem morally compromised, but I knew that if Anthony is doing it, the audience would ultimately be able to understand why he’s making the choices he’s making and empathize with him. And Anthony totally delivered.”
For Ramos, accomplishing those tasks required working with Chung to flesh out Javi’s backstory to create rich motivations for the characters and bring nuance to his relationship with Kate and his jealousy of Tyler (Glen Powell). “I really like where we ended up with Javi,” Ramos says. “I imagined that Javi’s a guy that has always loved Kate, but never knew how to tell her, and those feelings lingered and evolved into a deep care for her. It’s nice that it’s Javi who brings Kate back to Oklahoma, the world that was her home, but it also engenders in him a hope, or maybe expectation, that in bringing her back to Oklahoma, maybe a bigger thing can happen between them. With Javi and Tyler, the dynamic is tense, for sure, and for me, it’s not just because there’s a romantic rivalry over Kate. I came up with this backstory that Javi offered Tyler a job in his new company, but Tyler didn’t take it, so Javi’s feeling salty about that. To Javi, Tyler represents a different kind of life he could have for himself, a road not taken. Tyler’s a guy who does his own thing, not a company man in a uniform, whereas Javi is a very put-together man who’s put all his hopes for the future in the fate of his new business. The irony is that he wasn’t always like that. So, the arc we fine-tuned for Javi is one in which he must ultimately decide what kind of person he really wants to be.”
Shooting on location in the spring of 2023—Oklahoma’s tornado season—also helped Ramos get into the head of a character who’s as obsessed with twisters and is also as deeply ambivalent about the Sooner State as Kate is. Put another way: Ramos wasn’t exactly a fan of the weather. “My first night in Oklahoma, I had a work session with Isaac Chung,” Ramos says. “We go to eat afterward, and the windows just start rattling because they’re getting hammered by wind. Isaac’s not bothered by this, because he has shot in Oklahoma before, and he grew up in the region. But I’m like: ‘Yo! What is happening?’ But the waiter, he’s talking to us like nothing’s going on. ‘Y’all want still water or sparkling?’ And I’m like, ‘My man, the window is rattling! This doesn’t faze you?!’ And he says ‘Nah, we go through this all the time.’ It was three months of that. Three months of everything rattling.”
Ramos, for the record, was not exaggerating or overreacting. On his first night, after that meal with Chung, they ended up having to shelter in place in the office during their work session because an EF3 tornado hit Cole, OK, thirty miles south of them.
Things didn’t get easier for Ramos and the rest of the cast and crew. Production shut down in the summer of 2023 because of the Screen Actors Guild labor strike. When filming began again, they had to shoot in the winter. “Tornado season has passed, but now it’s just cold,” Ramos says. “There was one night I was shooting a scene with Daisy and it was freezing and my lips were barely moving. I seriously thought of just recording my lines on my phone and playing them for Daisy because talking was just not happening.”
And when real weather wasn’t messing with Ramos, the film’s practical effects team was battering him with fake weather. “There was this one scene where Javi and Tyler are taking shelter inside this building that gets ripped open by a tornado,” Ramos says. “They set up these water machines and this giant fan—a jet engine fan—and they were just blasting Glen and me. We’re supposed to be looking out of the building, searching for Kate, but we can’t even open our eyes. It was intense. It might be a while before I work with a wind machine again. But in all seriousness, it was amazing what Isaac’s crew accomplished. The scale of the sets, the attention to detail, the realism of storm conditions—they created a very real world for us actors and it was thrilling to live in it.”
Boone
Brandon Perea
Tyler Owen’s squad of “extreme meteorologists” hails from Arkansas, and Boone—fond of Arkansas Razorbacks drip and none-too-bothered by his cracked sunglasses—is the group’s videographer. He’s played by Brandon Perea, who starred in the sci-fi saga The OA and scored a big-screen breakout in Jordan Peele’s Nope.
Boone, Perea says, is part of a team of adrenaline junkies who are all authentically themselves. “They’re a diverse group of fun and crazy hooligans who work efficiently together, but there’s a higher purpose in what they do,” Perea says. “They’re cool because everyone’s just being their genuine honest self, no false fronts. Their goal is to help people and have fun while doing it, and as they reveal themselves to the audience, they will earn everyone’s respect.”
Perea and his castmates say they found inspiration in a Twister character with a similar off-beat, fun-loving vibe, Dusty, played by the late Philip Seymour Hoffman. “I know that I’m talking about one of the greatest actors of all time,” Perea says. “Hopefully I can bring even just a pinkie-nail amount of that fun-kooky energy he brought to the film.”
Cathy
Maura Tierney
Kate’s mother, Cathy, is a flinty, true-overall-blue farmer who taught her daughter respect for the Earth and nurtured her passion to study storms and develop the means to tame them. Kate has spoken with Cathy infrequently since Kate left Oklahoma following the trauma of losing her college cohorts to a twister. Kate’s return to Oklahoma brings about an opportunity to reconnect and help heal past wounds.
Playing Cathy is Maura Tierney, whose 30-year Hollywood career includes the films Liar Liar and Insomnia and epic runs on the TV shows NewsRadio, E.R., and The Affair, which earned her an Emmy nomination and a Golden Globe award. Tierney was a natural choice to play Cathy, says director Lee Isaac Chung. “The role of Cathy was very important to me because she’s a farmer—a life I know well—and she shows us the character of Oklahoma,” Chung says. “A lot of work went into shaping the character, and to play her, I wanted someone who was tough and smart and of the Earth. Maura was the only person who could do it. I’m a big fan. And when she came in, I felt like she knew who this character was and was just immediately in it. We had a lot of fun together, she and I.”
The admiration was mutual. “I wanted to do this movie because I wanted work with Isaac,” Maura Tierney says. ”It’s a great gift to be able to work with a thoughtful artist who’s assured in their vision and talent. He knows what he wants. He lets the actors do their thing. He works quickly and efficiently, and you can tell he’s executing a meticulous design. You feel comfortable when you’re in hands like that.”
Tierney embraced the assignment of playing a character whose primary purpose is to embody a sense of place and illuminate the film’s hero. “Cathy has a certain awe and respectful appreciation for the land and the forces of nature that both nourish it and ravage it,” Tierney says. “She passed that on to her daughter, teaching Kate that she should engage the world with reverence and fearlessness. Cathy also had the challenge of raising a daughter who’s clearly a crazy, gifted kid. The best way—maybe only way—she knew to do that was to give Kate freedom to run with it. It led to a blossoming, but also a tragedy. Now, Kate has returned home, still dealing with a trauma that has disoriented her. Cathy’s not unsympathetic to that, but she serves to remind Kate who she is, where she came from, what inspires her, and what she needs to recover so that she can move forward again.”
Lily
Sasha Lane
Another member of Tyler Owen’s storm-chasing crew, thrill-seeker Lily, played by Sasha Lane, flies drones to scout for roads as the crew chases after tornadoes, yelping wild war cries along the way. Like her co-star Glen Powell, Lane is also a Texas native and she drew upon her experience growing up in Tornado Alley to play Lily.
“My whole childhood was twisters,” says Lane, known to audiences for her roles in the film American Honey and the Marvel Studios TV series Loki. “I grew up with genuine awe of them. But because Mother Nature is just so wild, there was some fear, too, because of their destructive power. All those feelings and experiences just naturally flowed from me into Lily.”
Scott
David Corenswet
Scott is one of the co-founders of StormPar and is Javi’s chief partner in maximizing PAR’s potential. Unlike Javi, Scott is much more interested in pleasing their impatient investors than in protecting civilization from the catastrophic hazards of tornadoes. Slick and professional, Scott has a condescending, dismissive attitude about Tyler’s amateur storm chasers. He also isn’t wild about Javi recruiting Kate to the StormPar team. Scott doesn’t approve of Kate’s bold methods or her well-honed instincts about tornadoes. That she’s clearly smarter than he is only rubs salt in the wound.
To play Scott, director Lee Isaac Chung chose David Corenswet, who starred in the Ryan Murphy dramas Hollywood and The Politician, and who’s set to assume the role of the Man of Steel in the upcoming reboot of Superman. “David brought so much more to the role of Scott than was on the page,” Chung says. “He injected Scott with these incredible facial expressions and mannerisms. He’s the kind of antagonist you just love to watch; every take, I would find myself just being very delighted by what he was doing.”
Corenswet saw the morally shady Scott as being in the lineage of the Cary Elwes’ character, Dr. Jonas Miller, in the 1996 film. “Scott’s slightly arrogant but also very capable and has a keen mind,” Corenswet says. “He represents the darker side of the motivations of storm chasers.” While undeniably the character that audiences will love to hate, Scott’s not a lost cause according to Corenswet. “I’m sure he will have a wonderful, redemptive arc in the sequel,” he says, wryly.
TYLER’S TORNADO WRANGLERS
Dani—Katy O’Brian
Dexter—Tunde Adebimpe
Ben— Harry Hadden-Paton
Joining videographer Boone (Brandon Perea) and drone pilot Lily (Sasha Lane) on Tyler Owen’s storm-chasing crew are a trio of teammates, each with a singular job and a distinctive personality. Dexter (Tunde Adebimpe), hard-core tornado enthusiast with a geeky streak, and Dani (Katy O’Brian), super-chill and wry, are bantering BFFs who support the squad as utility players and sell merch out of the back of their cranky old RV. Along for the ride is Ben (Harry Hadden-Paton), a journalist writing a profile on Tyler and his crew.
All the actors worked with director Lee Isaac Chung to create backstory for their character to help their performances, and Katy O’Brian and Tunde Adebimpe delved into creating pals Dani and Dexter. “They have a fun contrast,” says O’Brian, who recently starred opposite Kristen Stewart in the acclaimed indie Love Lies Bleeding and previously worked with Chung on his episode of The Mandalorian. “Dexter’s more analytic; Dani’s more laid back. Dexter will say the most scientific, complicated version of what’s happening, and the camera will pan to me to say, ‘Yeah, it’s a tornado.’ But to play these parts and create the right chemistry, Tunde and I needed to figure out how these total opposites ever became friends in the first place. We talked about multiple ways our characters might’ve met, like being rival cheese farmers at a farmer’s market. I came up with this insane list of possibilities, all based on things that I overheard people talking about walking around Oklahoma. I thought maybe they were rival cheese farmers who struck up an alliance, or maybe they met at AA, became friends, and now help keep each other on a good path.”
Adebimpe, whose credits include Leave The World Behind, Spider-Man: Homecoming, The Girlfriend Experience, has his own theories about the Dani-Dexter dynamic. “It definitely feels like a very old friendship,” Adebimpe says. “My thinking was that they were oddballs/punks/nerds, adolescent social outcasts who bonded over their shared weirdness. They reconnected later in life (maybe in a self-help group), got into storm chasing and eventually joined Tyler’s crew. In the end, Katy and I never made a firm choice about their backstory but did decide that whatever it was, it should be clear that Dani and Dexter are best friends, bicker like family and are forever in mutual support of each other; it became the operating principle of our characters’ relationship.”
Providing valuable insight into Tyler’s group—and the conflicts and themes of the movie in general—is Ben, a reporter from England. He’s played by Harry Hadden-Paton, known stateside for his roles in Downton Abbey and The Crown. “Ben’s an outsider,” Hadden-Paton says. “He’s there to do his job as a journalist and gets pulled into this world he knows little about. A regular assignment becomes a terrifying adventure he must learn how to survive. Ultimately, Twisters is a story about community; strangers coming together to overcome a common foe. Ben relies on this team to find his inner strength and the courage required to deal with extreme adversity.”
KATE’S TORNADO TAMERS
Jeb—Daryl McCormack
Addy—Kiernan Shipka
Praveen—Nik Dodani
Ten years ago, Kate (Daisy Edgar-Jones) led her own band of storm chasers during her days at Muskogee State University. The trio of Jeb, Addy and Praveen, along with Javi (Anthony Ramos) and Kate, were a tight-knit group of pals with a shared mission of finding ways to tame a tornado. Their final, ill-fated effort makes up the extended prologue that opens Twisters, and their respective fates haunt Kate throughout the film, none more so than the character of Jeb, Kate’s boyfriend. Jeb is played by Daryl McCormack, who starred in the streaming series Bad Sisters and won BAFTA’s Best Actor award for the 2022 film Good Luck to You, Leo Grande. “Jeb’s the muscle of the group whereas Kate is the brains,” McCormack says. “Jeb drives, he gets the heavy lifting done, he does whatever Kate asks. He admires Kate’s genius and has always been supportive and is content to be her sidekick. Their story is a story of first love, and that sticks with you, no matter how it ends. There’s a beautiful attention in the script, as to how Jeb continues to be with her to some degree.”
Addy is played by Kiernan Shipka, who grew up on screen playing Don Draper’s precocious daughter Sally in Mad Men and starred in the hit streaming series Chilling Adventures of Sabrina. “What I love so much about the opening sequence of the film is that everyone is just buddies,” Shipka says. “You can tell that everybody loves each other so much and that there’s so much history between all these characters.” To create the on-screen chemistry of Kate’s squad, the actors collaborated to brainstorm the nature of their individual friendships and collective history. “Addy’s a really passionate, fun girl who loves storm-chasing,” Shipka says. “Daisy and I really wanted to establish that Addy and Kate had known each other for a while and that they probably grew up together. Addy really idolizes Kate. She’s our storm-chasing queen bee.”
Like Addy, the character of Praveen looks up to Kate, and even more so to Javi, the crew’s other senior member. Praveen is played by Nik Dodani, whose credits include the comedy series Atypical and roles in Dear Evan Hansen and Mark, Mary & Some Other People. Praveen, Dodani says, enjoys the thrill of wrangling with tornadoes, but he’s learned the hard way to be warily respectful of Mother Nature. Praveen’s a storm chaser with bad FOMO. If he misses a good storm, he’ll be kicking himself for weeks—and this is a dude who was struck by lightning once,” Dodani says. “Sure, he’s a little cautious around electricity now, but other than that he’s always game and ready to go. He gets a rush from chasing, but he’s also very much into the science of it all and making sure they’re going about the work as safely as possible, lest something bad happen…”
The prologue was shot during the first week of filming, so the actors playing Kate’s tornado-tamers were the first to experience the fierce might of the production’s practical effects crew and their commitment to extreme verisimilitude. “We had big wind machines, big rain machines, and big hail machines creating this storm,” Shipka says. “It was fast, energetic, and wild. Those machines made it so accessible to connect to the excitement, intensity, and danger of storm chasing.” Getting the effects, practically, in-camera, was key to director Lee Isaac Chung’s vision. “Isaac and the team killed it with the practical effects. We were doused with water, pelted with ice and blasted with machines whenever possible,” Dodani says. “In the very first scene I shot on my first day, I ran through a simulated storm connected to a wire, tripped, fell and got yanked a hundred feet into the air by a massive crane. It was so much fun. I can’t believe they let me do that. That whole thing was just exhilarating.”
THE PRODUCTION DESIGN AND LOCATIONS
Among several Twister veterans returning to the franchise to help create the vast, dangerous world of Twisters was production designer Patrick Sullivan, who got his showbiz start working in the art department on the 1996 film. “It was a pinch-myself dream situation, with Twister and Twisters sort of bookending my career,” says Sullivan, who adds with a laugh: “I can retire now.” In the three decades between Twister movies, Sullivan’s been plenty busy. His many credits include art director positions on Mary Poppins Returns, Goosebumps, and A.I.: Artificial Intelligence and serving as production designer on Brightburn, Gerald’s Game and Reptile. “To get that first job as a junior set designer on such a giant movie was a big break and a huge thrill,” Sullivan says. “To then come full circle on Twisters, now working as the head of the art department, and to create a new version of this world all over again, was amazing.”
design and color palette
- Twisters filmed on location in Oklahoma, mostly outdoors in rural areas. When Twisters wasn’t shooting outside, the production filmed at Prairie Surf Studios in Oklahoma City, a former convention center-turned-movie production facility.
- The color palette of Twisters was dictated by the landscape of Oklahoma. The look of the film is “earthy and rustic, steeped in decades of Midwest Americana,” Sullivan says. “Fields of golden wheat and sunflowers. Red clay roads. A dusty blue sky that can fill with ominous clouds in a second with a change in humidity and temperature.”
- “For characters, props, and vehicles that were native or partial to that environment, we skewed toward warm, burnished red-orangey tones,” Sullivan says. “With the employees of StormPar, who don’t feel authentic to the environment, they’re cool-gray and monochromatic, like aliens who’ve dropped-in from far away.”
storm wreckage
- The defining challenge for the production design team was designing and creating the wreckage wrought by the film’s tornadoes. “It’s crazy how much time, planning, and resources go into pulling off what nature can do in a matter of seconds,” Sullivan says. “This was only slightly less challenging on the first Twister, because back in 1996, we just didn’t have the kind of footage and social media reference material to draw upon. But because of YouTube, we have it now. We had to meet the expectations of audiences for what tornado damage looks like, because they’re more familiar with it.”
- Sullivan made certain his team become experts in building construction before they could become experts in building destruction. “When you’re tearing apart a house or commercial building, exposing its guts and its innards, you have to build it and understand how a house really goes together, so you can determine how it comes apart,” Sullivan says. “The thing I kept drumming home with the art directors and the set designers was: ‘Think skeletal, think vertically, think about voids.’ We wanted to be able to see inside homes and behold the damage of wrecked lives. We wanted the remains of these structure to be these jagged sculptures with their ripped-up frames and timbers pointing in the sky. And the carnage should be interrupted by eerie open space—voids—suggesting that some structures were just wiped off their slabs and blown away.”
- The set decoration department contracted with several local demolition companies that specialized in tearing down old houses and procured raw wreckage from them—everything from broken timber, walls and roofing to furniture and appliances and assorted knick-knacks. Sullivan’s team had to calculate exactly how much stuff they needed (and could afford) and order accordingly. “If we were working on a block that was 450 feet long and 500 feet wide, and we needed a base of wreckage that was 6 inches deep on average, we’d have to figure out the volume of wreckage and convert that to the truckloads or pallets of junk the companies would offer,” Sullivan says. “The mathematics were a bit daunting.”
crystal springs
- The town of Crystal Springs is one of three towns that get thrashed by tornadoes in Twisters. Although Crystal Springs is a real place, Chickasha, Oklahoma, provided the main location for a three-block neighborhood ravaged to varying degrees by a whirlwind. “We worked with the neighbors in that community to enhance their houses to make them look like they had sustained tornado damage,” Sullivan says. “We also purchased three largely intact houses from a demolition company and artfully destroyed them so you could see into the interior and all the wreckage. There was something very emotional about the work; it captured our imagination and empathy for real people who lose their homes to real tornadoes.”
- The neighborhood of Crystal Springs was a set built within a 4-block stretch of land in Chickasha. Set decorator MISSY PARKER, known for her work on Hidden Figures, explains her process. “Each of the five houses dressed and destroyed required a different character and history,” Parker says. “We shopped at local estate sales, as well as many small-town stores, to bring the story of each home to life. We worked with a local home demolition company to acquire architectural and structural wreckage from previously demolished homes. This helped us with the base layers of debris that covered the streets, allowing us to create the physical and emotional foundation of the neighborhood. We aimed to reveal the magnitude and loss that a direct impact from a tornado can have on human lives. Our goal was to respectfully tell the story of loss and hope in the Crystal Springs set. We dressed over four blocks of destruction and remains, revealing everything from the personal—family photos, holiday decorations, pet bowls—to the practical—exposed walls of homes, downed power lines—to the unbelievable, like cars in trees. Prior to the six weeks spent building and dressing the location, we spent months researching and shopping. However, the set wouldn’t end up being shot as planned, as the strikes shut down production before the scene was filmed. To preserve the structure of the houses, they were wrapped in heavy-duty plastic and boarded up. The debris and dressing from the streets were pushed into the yards, and chain-link fence was put around the properties. When production geared up again in the winter after the strike ended, it took us about two weeks to get the four-block set camera-ready. The use of practical set dressing allowed us to visually tell the story of the destruction and trauma a massive tornado brings.”
stillwater
- The second town in Twisters to get struck up by a tornado is Stillwater, a real city that’s portrayed in the film by the town of Midwest, Oklahoma. It’s where Kate stays when she returns to the Sooner State, bunking at a motel located across the street from a rodeo ground. Neither the rodeo nor the motel fare well, ultimately.
- Rodeo. Early versions of the script didn’t have the rodeo; instead, the American pastime taking place across the way from Kate’s digs was a college baseball game. Director Lee Isaac Chung, drawing on his experience growing up in the region, revised the scene to make it a rodeo. To realize Chung’s vision, Sullivan’s team had to find a motel that was adjacent to an empty lot big enough to accommodate a working rodeo. They eventually found a suitable location quickly using Google Earth before visiting the site in person to conceptualize the twin sets.
- Executive producer Thomas Hayslip tracked down a traveling rodeo to set up shop on the lot. But Chung envisioned the rodeo as a local landmark with history that was open year-round, so Sullivan’s team built and decorated accordingly. They created a metal-roofed grandstand, a ticket booth, an announcer booth, concessions booths and a small marketplace with ten vendors hawking cowboy hats and saddles and offering lessons in equine care, bull riding, and mutton busting (aka sheep-riding for kids.) They dressed the walls with faded Hatch Show posters—iconic woodblock prints promoting music stars like Elvis Presley and Dolly Parton— to suggest history and a faded Americana vibe.
- The physical lot used for the rodeo had been a farm, so the location’s red iron topsoil lacked the romance and grit that Chung and Sullivan desired. It fell to ANDREW NOWLING (Euphoria, Traffic), head of the greens department, to solve the problem. The color they wanted for the rodeo arena, a rose gold, was not available in any of the building material stores. In order to make that color, they would have to use light-colored sand and mix it with dry paint or stucco paint. Mixing hundreds of tons of sand with the desired color would have required renting cement mixer trucks and other heavy equipment, as well as time and money they didn’t have. Running out of time, Nowling followed a hunch and searched along local rivers for sand that would blend with the red iron clay, and eventually, he found the exact color he needed. Nowling immediately found a local trucking company that would haul the sand the very next day to meet their deadline. Once the sand reached the set, Nowling found a savior in his driver and heavy equipment operator, an Oklahoma local named HAMMER (just Hammer), who worked tirelessly alongside the greens crew to make the arena perfect.
- Motel. Like the rodeo across the street, the motel needed augmentation and some brawny landscaping, too. The art department had to build Kate’s room and parts of the motel that would be destroyed by the tornado. They also needed to add an amenity to the motel that it lacked: a classic in-ground motel swimming pool with both a shallow and deep end. In the film, the empty pool serves as an unlikely and risky storm shelter as the tornado rips through town.
- Supervising Art Director OANA BOGDAN MILLER (The Mandalorian, The Morning Show) says that although they found a fantastic location for the motel, it did not have a pool, which was specifically called out in the script. “The site was perfect in every other way,” Bogdan Miller says. “It even had a bare corner on the property that would allow us to build a section of the motel that could then be rendered to look tornado destroyed. So, our crew dug a hole for the pool out of a ‘big, beautiful lawn’ in the middle of the motel property. No plumbing was needed; the joke of the motel is that it’s a cheap dump where everything is out of order, so the pool is perpetually empty. The pool was made in a typical fashion with thick concrete walls and skinned with pool-appropriate plaster, so that during the simulated tornado onslaught, it could withstand a downpour of debris dropped from a crane. After shooting, the production removed the pool, filled the hole and restored the motel’s lawn.
el reno
- The final Oklahoma town to get torn up by a tornado is the only town in Twisters named after the location where it was filmed. The community of El Reno provided almost everything the script required, except for a water tower near the theater where the action takes place. The production 3D scanned the town’s water tower, located several blocks away, so it could be worked into the scene using digital effects.
- The El Reno’s farmer’s market consisted of 40 vendors and market stalls. Many stalls and vendors were inspired from different local farmer’s markets. The stalls ranged from produce sellers, to baked goods, to local artisans. The set decorating team manufactured, researched and met with local farmers and vendors from all over Oklahoma. “We were excited to feature many local organizations, such as the First Americans Museum,” says set decorator Missy Parker. “We also had to manufacture many fake versions of all the goods, vegetables, pies, cakes. These were created using soft and safe materials so they wouldn’t hurt cast and crew when the wind machines and waters had to blow them all away. Almost everything ultimately got destroyed, between the wind and heat. The only survivor of the farmer’s market blow-out was one fake pie. It was claimed by the camera crew and it rode around in their truck for the rest the shoot.”
- The funny, if slightly terrifying, irony of producing the Farmer’s Market sequence was that a very real storm suddenly struck the set on the day of shooting. The 80 mile an hour winds wrecked the set before the filmmakers could do it themselves. “It was the largest storm any of us saw on the shoot,” Parker says. “Although, we had weighted down every tent with over 100 pounds of concrete, the magnitude of the storm and the speed of the winds quickly and violently mangled everything. The storm carried away tents and mangled vendor stalls. Fake pies were rolling down the street, vegetables were flying every direction. The storm came on us so quickly, we were forced to shelter in local shops and just watch and wait. Once the storm passed, we were asked, ‘Do you think you can get the set back up? And be ready to shoot again…in an hour?’ We gave it our all, and everyone pitched in—producers, location managers, everyone. We had everything cleaned up, reset, and our Farmer’s Market was back up in no time, just so we could destroy it again…the way we intended!”
- While scouting El Reno, director Lee Isaac Chung saw that it had a trolly car that operated in town and he decided to incorporate it into the film; he imagined it toppling over from a blast of debris and then washed over by water. Sullivan’s team built a replica of the town trolley, driven by a stunt man. When it came time for it to topple, the stunt man activated a pneumatic canon via remote control that knocked the trolley off its rails.
- The interiors of the movie theater were built on soundstages at Prairie Surf Studios, which allowed Sullivan to re-imagine the space inside the movie house used for exteriors. Sullivan made it a grand midcentury art deco movie palace, with a proscenium stage in front of the screen, scalloped walls with grass cloth drapes with gold accents, burgundy and celadon colors elsewhere, custom-built lighting sconces and chandeliers. The ornate sets were also built so they could shred and collapse while pummeled by wind and rain machines. “So it goes,” Sullivan says with a sigh.
Kate’s Childhood Home and Diorama
- The production found Kate’s childhood home, her mother Cathy’s farmhouse, in Howe, Oklahoma (pop. 631). The main house was a classic Centennial-style structure, one and a half stories tall. The accompanying barn was an old metal shed, so the art department skinned it with wood to make it resemble an iconic Oklahoma barn, although, ironically, said wood was found in Missouri. The interior of the barn – which houses Kate’s childhood lab – was built at Prairie Surf Studios.
- Twisters pays visual homage again to the 1996 film with a blooming sunflower field on Kate’s childhood farmhouse home, echoing an image seen in the climax of Twister. It was personally meaningful to Sullivan, as he helped plant Twister’s sunflower field back in the day. “I knew what it took to create that field, to get the flowers to the right height we wanted,” says Sullivan. “But it took months to grow them back then, and we didn’t have that kind of time for Twisters. Fortunately, I had an amazing greensman who can work miracles.” Enter once more Andrew Nowling, who created a sunflower field of artificial sunflowers that he and his team made with PVC pipe and tinted leaves. “I was so grateful,” Sullivan says. “It was fun to get sunflowers into the film and use them to immerse all of us, filmmakers and audience, in the world of Twister again.”
- Sullivan says one the more pure-fun assignments they were given was to create Kate’s “tornado table,” an elaborate diorama of a mock Oklahoma town that Kate had built as a teenager, with fan mechanisms capable of generating small table-top twisters. “That was one of the first things I included in my look-book for the film,” Sullivan says. “It was just so fun, inspirational, and it captured the spirit of these crusading storm chasers. It had a jerry-rigged, middle-school-science-fair-project vibe, but it was impressively ambitious and totally functional. The props department built these amazing little houses and the special effects department fabricated the overhead fan unit that generated some vapor to become a mini cyclone that could be filmed with a camera. It was pretty cool.”
the overpass
- In the prologue to Twisters, Kate and her storm-chasing college pals seek shelter from a tornado under a highway overpass. “Making this work for filming was tricky,” says supervising art director Oana Bogdan Miller. “The set piece we built had to be completely enclosed in blue screen and we had to engineer the cantilever for a partial overpass. We filmed some of the scenes on location, but because of all the effects we needed to do with wind, rain and stunts, we ended up building the overpass on a makeshift studio back lot near Prairie Surf. It was a big set with a slope up to twelve feet off the ground, which had to be stunt-friendly to get our performers and crew up and down it. It was just one of our intricate builds on the project.”
vehicles and dorothy v
- The vehicles in Twisters were purchased by the production and souped-up by Patrick Sullivan’s production design team. They consulted with several storm chasers on design, including SEAN CASEY, a filmmaker (Tornado Alley) and reality show host (Discovery Channel’s Storm Chasers), who captures footage using his own custom-made “tornado intercept vehicles,” which are heavily armored, augmented with anchoring claws, and are durable enough to draw near to or get inside weak-to-medium tornadoes. SEAN WAUGH, a research scientist at NOAA’s National Severe Storms Laboratory and a vehicle-building storm-chaser himself, designed the weather-measuring instruments and radar displays for the film’s vehicles.
- The looks of the film’s two competing storm-chasing squads of vehicles were designed to reflect the personalities and worldviews of their operators. Javi’s StormPar crew, Kate’s initial allies, are well-financed and corporate; they drive straight-off-the-assembly-line new Ram TRX trucks that are blinged with the most advanced instrumentation. The color scheme is metallic monochromatic, in black and white and cool greys. Sullivan’s telling aesthetic inspiration: Star Wars storm-troopers. By contrast, Tyler’s more colorful caravan is the total opposite of the StormPar’s sleek fleet. It consists of an SUV, an RV, and a VW van, beaters all, decorated with painted-on tornadoes, accessorized with plastic Arkansas Razorback heads, and topped with antennae and radar dishes and, on Tyler’s SUV, firework-hurling rocket launchers. They wear the dents from their tilts with tornadoes like badges, and their distinctive personalities have helped make Tyler and his team populist social media stars.
- The prologue of Twisters also pays homage to the 1996 film with a new version of “Dorothy,” the flying sensor array used by Helen Hunt and Bill Paxton’s characters to study tornadoes. “Our version is Dorothy V, because there were there four Dorothies in the first film,” Sullivan says. “Dorothy V is similar in design—a drum barrel with a lid—but the sensors are next-level tech and the aluminum propellers aren’t cut out of Pepsi cans anymore. It’s more streamlined and compact. But it has the Muskogee State University and Dorothy decals on it. It’s a nod to the past but is more sophisticated. It’s a bridge to the present, and a fun easter egg that we hope gives a nice charge to all the fans of the first film.”
THE CINEMATOGRAPHY
Serving as director of photography on Twisters was Dan Mindel, known for his blockbuster collaborations with J.J. Abrams (Mission Impossible III, Star Trek, Star Wars: The Force Awakens) and the late Tony Scott (Spy Game; Domino). Mindel’s initial conversations with director Lee Isaac Chung proved they were artistic kindred spirits. “From the first phone call, Isaac and I discussed the widescreen America we see in older epic films and how we both want to see more of that in current movies,” Mindel says. “The idea of being able to do that with was the hook that caught me. Additionally, we were able to shed light on the environmental aspect of extreme weather due to climatic change, which was something that I felt was important to highlight. Isaac brings a huge amount of integrity to work every single day and is a walking example of how to be both a human and a creative, inspired filmmaker. It’s been a long time since I’ve worked with a director who knows everybody’s name on set. And that’s a huge deal, to understand the value of cultivating camaraderie in moviemaking. I admire that immensely.”
- To prepare for Twisters, Mindel looked at Westerns, road movies and other films that captured a midcentury, rural America vibe, mostly from the Golden Age of Hollywood. One exception that influenced him: 1971’s The Last Picture Show, directed by Peter Bogdanovich. “It was a black-and-white movie, but set in the middle of the country, northern Texas,” Mindel says. “It was steeped in the kind of Americana we were looking for in Twisters, nostalgic yet modern, affectionate but not naïve.”
- Mindel and his crew shot on 35mm film using Panavision XL cameras and handheld ARRI 435s and 235s. He used T series, C series, and Primo Anamorphic lenses – ideal for landscape photography and widescreen filmmaking: Mindel’s aesthetic trademark.
- Shooting on film did produce one complication: Chung and Mindel were unable to screen dailies promptly, as Oklahoma lacks for quick-turnaround film labs. The dailies were processed in Los Angeles, which prevented them from reviewing their work for a couple of days after filming. “Still, the payoff of shooting on film was huge,” Mindel says. “The tactile nature and the color rendition of film allows us to capture the ambiance and texture of Oklahoma, giving it a fabulously rich and satisfying look, plus an added grit, which adds to the visceral presentation of the action, and is just really aesthetically pleasing.”
- Because of Oklahoma’s mercurial weather, Chung and Mindel tried to shoot under overcast skies to maintain continuity, unless blue skies were called for in the script.
- When the weather turned stormy, it was hard for Mindel and Chung to shut down filming, even though it was the right thing to do. “The safety net we created absolutely had to exist; no one can or should ever get hurt making a movie,” Mindel says. “Yet it’s counter-instinctual for me to stop shooting for any reason, especially when you’re making a film when the exact type of weather you want for a movie about violent storms is rolling in! It was upsetting for me and for Isaac when we had to shut down and shelter in place just as the sky was getting spectacular.”
THE COSTUME DESIGN
Entrusted with the responsibility of fashioning nearly 4,000 pieces of clothing and helping to tell the story of Twisters through wardrobe was costume designer Eunice Jera Lee, whose previous credits include such acclaimed indie films as the recent comedy Bottoms and the 2023 drama How to Blow Up a Pipeline.
Kate’s wardrobe
- For Kate’s wardrobe worn by Daisy Edgar-Jones, Lee says she drew inspiration from the “bad-ass women of cinema”: most notably, Furiosa in Mad Max: Fury Road, Ellen Ripley from Alien, and Thelma and Louise. “Even though this is a natural disaster film grounded in realism, I wanted to show that this woman was a little more superhuman than the average person,” Lee says.
- Kate’s arc is reflected in her color palette and silhouette. “In the prologue, she’s in Oklahoma, which is composed of rich earth tones—mustards, reds and deep greens, and you see that reflected in Kate’s clothes,” says Lee. “When Kate goes to New York following the tragedy in the prologue, all that richness gets sucked out; she’s in blues, grays, blacks, and a white mock turtleneck, very tight, suggesting there’s a lot inside her that’s bottled up. She stays in that mood when she returns to Oklahoma, but she makes a gradual change back to Oklahoma colors, especially after she returns to her home at the farm.”
- Lee always envisioned Kate wearing a harness when she was in tornado-chasing mode, like Furiosa’s gun holster harness in Mad Max: Fury Road, but Lee couldn’t justify the choice for Twisters until Daisy Edgar-Jones suggested, during pre-production, that Kate would be an enthusiast photographer who took pictures of twisters. This inspired Lee to create an appropriate convertible harness to hold Kate’s cameras.
- One of Kate’s looks pays homage to Helen Hunt’s character in 1996’s Twister: a tank top, khaki overshirt and khaki pants. Lee also found a way to incorporate a deeper-cut call-back to the 1996 film by putting Kate in an oversized baseball jersey for one scene, an allusion to a striking image in the final scene of Twister of a blond-haired boy wearing that same shirt. “It was such an arresting image to land on, this little blond boy in a baseball jersey with a ‘Bombers’ logo on it,” Lee says. “And because Kate is blonde, I thought it would be interesting, as an easter egg, to tie these characters together. It’s the same style jersey, with a slightly tweaked graphic.”
Tyler
- “Tyler is a big bang of color,” Lee says of the character played by Glen Powell. “Tyler represents the thrill of storm chasing, the environs of Oklahoma and the larger region, and everything that’s gone missing in Kate’s life. His shirts match the red clay and verdant grasslands and wheat fields and his denim pants match the sky, this super light blue. He’s also a former rodeo bull rider, so he has the obligatory cowboy boots and big custom buckle. He’s always very put-together; everything on him is tucked-in, except for his shirt sleeves, which are rolled up because it’s hot in Oklahoma. But my pride and joy is his massive belt buckle that’s says ‘TW’ and ‘Tornado Wrangler’ across the top. It’s the showiest part of his outfit, a wink at how he revels in his social media rep and celebrity.”
tyler’s storm wranglers
- In contrast to their professional rivals in StormPar, who dress in impersonal, super-utilitarian uniforms (with the slight exception of Javi, who allows himself to dress more casually), Tyler’s rugged band of misfits let their freak flags fly. Director Lee Isaac Chung and costume designer Lee wanted to make sure that each person in Tyler’s crew felt unique and individualistic. “I also wanted to pay respect to Philip Seymour Hoffman, who was so beloved in Twister for playing this quirky, thrill-seeking character, Dusty, and whose spirit can be seen in the storm wranglers,” Lee says. “Perhaps the most explicit of those homages are on Boone, Tyler’s right-hand man and hype beast, played by Brandon Perea, who rocks some tie-dye, and on Lily, played by Sasha Lane, the group’s free-spirited drone flyer, whose pants have swatches of floral fabric, all nods to Dusty’s wardrobe prints.”
- Dani’s style, as worn by actor Katy O’Brian, blends edginess and functionality: bleached-out “Affliction” shirts with rhinestone flourishes and cargo shorts. Her outfits had to be dirtied each day, given that she’s the mechanic of the group. By contrast, her paternal, opposites-attract BFF Dexter, played by Tunde Adebimpe, has a quirky-geeky vibe, though Lee wanted to make him cooler. “When I first talked to Isaac about Dexter, I pitched him on a Lenny Kravitz-rock star vibe, but he said: ‘How about less Lenny Kravitz and more birdwatcher?’ I think we got it to a place that tells a clear story of Dexter’s character.”
rodeo crowd
- Lee’s most daunting challenge was dressing the 450 background actors for the rodeo sequence. “We really wanted the vibe of that sequence to feel nostalgic, to create something beautiful and timeless,” Lee says. “We wanted vintage items, but ironically, there were certain things we couldn’t source in Oklahoma, because all the cowboy gear there was new and modern. Vintage shirts were hard to find. We ended up going back to Los Angeles and scouring flea markets and thrift stores for them.”
honoring Bill Paxton
- James Paxton, son of the late Bill Paxton and star of the 1996 film, has a cameo in Twisters. To honor Paxton, a Lone Star State native, Lee incorporated a Texas Longhorn belt buckle for James’s wardrobe.
THE TORNADO DESIGN
All the tornadoes in Twisters were inspired by at least one real-life tornado and were created for the film using a combination of practical special effects and digital visual effects.
There are six tornado sequences in Twisters, but more than ten tornadoes were designed for the film, because one tornado has a twin and another ultimately begets several more. The filmmakers’ cache of reference material included original footage of super-cell clouds and real tornadoes that was filmed for the production by its technical consultants, most notably, professional storm-chaser Sean Casey. “Sean Casey’s work added a whole additional layer of realism to the film,” says exec producer Thomas Hayslip. “Sean’s an expert at how to approach a storm and then how to capture it visually, so we hired him to track storms. He’d go out and capture as much real footage, using handheld and mounted cameras and drones. His work provided visual effects with actual visual assets for their tornado-making work. It’s always much better to start from something real and be able augment that than to just create it from nothing.”
Director Lee Isaac Chung, who accompanied his storm-chasing videographers on some of their excursions and helped direct them, says he wanted his twisters to have distinct personalities, and not just in terms of appearance. He wanted each of them to uniquely impact the story and characters and reveal something new about the people obsessed with them. “With each sequence, the way in which people encounter the tornadoes is different,” Chung says. “I wanted to depict different perspectives on tornadoes, from the scientific to the personal, and to show how they affect people’s lives in various ways.”
The finale tornado was inspired by three different tornadoes: 1) a wedge-shaped tornado, wider than tall, that rolled through Kansas in 2023, captured on film by the storm chasers employed by the production; 2) a tornado that touched down in the real El Reno in 2013 and evolved into a violent, multi-vortex twister, with wind speeds of 306 miles per hour, and at one point, a base of 2.6 miles wide; and 3) a tornado that struck Mayfield, Kentucky, in December of 2021, killing 76 people. “There’s an eerie, heartbreaking photo that was taken from inside a movie theater in Mayfield, showing how the tornado had destroyed the screen wall, revealing the wrecked town outside,” Chung says. “That photo became a symbolic touchstone for the production; we wanted the movie to honor all the meanings and feelings in that image.”
Chung says the irony of a film about tornadoes ending with a sequence in which its heroes seek shelter inside a movie theater—and who are ultimately forced to behold the awesome and humbling spectacle of that tornado as the walls of the cinema are ripped away —was not lost on him. It was, in fact, a major reason why he wanted to make Twisters. “Prior to making the movie, I was thinking a lot about how we give so much time and attention to these small screens we carry around with us and how they can isolate us and even divide us,” Chung says. “It got me thinking about the value of an experience that asks us to look at things that are grander and bigger than ourselves. When I read that scene in the script, it captured exactly what I was thinking about, this desire and need to engage the grandeur and terror of the natural world and unifying around the urgency of being caretakers of the Earth.”
the special effects
In charge of producing the film’s practical, on-set tornado effects—e.g. wind, rain, hail, flying debris—was Academy Award® winning special effects supervisor SCOTT R. FISHER, whose work on Christopher Nolan’s Interstellar and Tenet won him his pair of Oscars®. Fisher also earned an Emmy for his contributions to The Book of Boba Fett.
- Producing high-impact wind was his first and highest priority with Twisters. “We wanted to maximize that as much as possible,” Fisher says. “We got as many Hollywood wind-producing machines as possible. But we also wanted to ratchet it up a bit, so we purchased two jet engines to generate more powerful effects for scenes where we’re destroying sets or blowing debris around. We ran the conventional fans at three-quarter throttle, about 70 miles per hour. With the jet engines, we situated them further away from the sets and ran them at 170-to-180 miles per hour.”
- In addition to dump tanks (including a 10,000-gallon behemoth for one catastrophic sequence), high-pressure pneumatic water cannons were used to generate water effects. “We used those on the actors,” Fisher says. “We could aim those more carefully so we just miss them or hit them at their feet.”
- The bullet-like hail in Twisters was created using polyacrylamide, a rubbery water-soluble polymer that resembles ice, but it’s softer, so it doesn’t hurt as much as ice does when it hits flesh. Additionally, about 15 tons of real ice were used as hail on the exterior vehicle work. “Luckily for us, the actors were game for everything we quite literally threw at them, whether it was dropping a soda machine from a crane or tree leaves moving at 100 miles per hour,” Fisher says. “We pushed the limits to create crazy-violent tornado moments and they were total troopers.”
the visual effects
The crucial job of making the tornadoes for Twisters fell to another franchise OG, visual effects supervisor BEN SNOW. Just as production designer Patrick Sullivan got his Hollywood start on Twister, Snow began his nearly 30-year career at Industrial Light & Magic (ILM) working on the 1996 film. Since then, he’s earned four Oscar® nominations for his contributions to Pearl Harbor, Star Wars: Episode II – Attack of the Clones, Iron Man and Iron Man 2.
The 1996 Twister “was a tough show,” Snow says. “It was early days in digital visual effects. We were learning as we went. It was stressful, but it turned out great. I must admit, though, that when Twisters was offered to me, I felt some PTSD! But the tools we have today are so much better. I couldn’t resist the opportunity to do a tornado movie again with everything we have at our disposal. We can iterate quicker and produce dynamics we couldn’t even conceive of back then. And thanks to the Internet and YouTube, we have more reference material to draw upon to make our tornadoes looked more realistic and behave more authentically than they did in Twister.”
The ten unique tornadoes and weather environments were designed by ILM, all based on real events and observations. These tornadoes are not just destructive forces; they become characters themselves, transforming natural phenomena into monstrous entities that drive the story. They represent some of the most complex and realistic CG weather simulations and tornadoes ever committed to film. The combination of special effects and visual effects results in a cohesive, immersive experience that brings the raw power of nature to the big screen in spectacular ways.
At the heart of the process was a deep commitment to analyzing nature and developing cutting-edge simulation and rendering tools to visually replicate these storms realistically. The ILM team artistically and scientifically broke down and analyzed every detail that constitutes a storm, ensuring the visual components were accurate and visually interesting. This approach ensured that the tornadoes not only looked realistic but also behaved in ways true to life. The result is an immersive experience that sets a new standard for weather simulations in film.
THE TORNADO SCENES
a brief introduction: the enhanced fujita scale
In the real world, tornadoes are categorized using the Enhanced Fujita Scale, or EF Scale, for short. According to the National Weather Service (NWS), of the National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA), the Enhanced Fujita Scale is used to assign a tornado a rating based on estimated wind speeds and related damage. When tornado-related damage is surveyed, it is compared to a list of Damage Indicators and Degrees of Damage, which help estimate better the range of wind speeds the tornado likely produced. From that, a rating (from EF0 to EF5) is assigned.
The EF scale is a set of wind estimates (not measurements) based on damage. It uses three-second gusts estimated at the point of damage based on a judgment of eight levels of damage to 28 types of structures and trees. These estimates vary with height and exposure. The NWS notes that the 3-second gust is not the same wind as in standard surface observations. Standard measurements are taken by weather stations in open exposures at a height of approximately 1.5 meters above the surface. Every five minutes, the datalogger averages two-second pulse counts to derive 5-minute average wind speed.
The NWS is the only federal agency with authority to provide official tornado EF Scale ratings. The goal is to assign an EF Scale category based on the highest wind speed that occurred within the damage path.
THE ENHANCED FUJITA SCALE
EF RATING 3 SECOND GUST (MPH)
- 65-85
- 86-110
- 111-135
- 136-165
- 166-200
- Over 200
Twisters features six tornado scenes, and each tornado has its own distinct attributes and elements. They are described below, in chronological order, by Visual Effects Supervisor Ben Snow and Special Effects Supervisor Scott R. Fisher.
The First Tornado
- The twister that changes Kate and Javi’s lives in the film’s prologue is the most destructive tornado on the Enhanced Fujita Scale, an EF-5, with a wind speed of over 200 miles per hour, capable of blowing homes off their slabs. (At one point in the sequence, it reaches 296 MPH.) It hides behind a rain curtain, assaulting Kate and her college crew of storm chasers with hail and precipitation and allowing only glimpses of its terrifying structure. “By taking a more impressionistic approach, we’re emphasizing the emotional impact on Kate and Javi,” says visual effects supervisor Ben Snow. “The EF-5 is a monster, literally and figuratively, the bogeyman that haunts them, the beast they need to slay.”
the second tornado
- Returning to Oklahoma after five years in New York, Kate encounters a more conventional EF-1 tornado, a classic funnel-cloud twister with wind speeds that range between 86-110 MPH. This sequence also introduces audiences to Tyler’s crew of tornado wranglers and the subculture of storm chasers. “It’s certainly more mild-mannered than the tornado in the prologue,” Snow says. “But Kate’s feeling nervous and worried about what it’ll feel like to chase storms again, so we needed this tornado to still be a little scary and potent enough to trigger her PTSD. Similarly, the fact that it’s a mere EF-1 would seem to make safe sport for Tyler’s storm wranglers to hunt. But we wanted to make this tornado threatening all the same, to remind our characters, and the audience, that even a modest twister is extremely dangerous.”
the third tornado
- Kate begins to reconnect with both the thrill of storm chasing and her mission to tame tornadoes when she encounters the rare phenomenon of a single twister splitting into two, one weak (an EF-2), one strong (an EF-3). While the weaker twin dies out quickly, the stronger one rolls through the town of Crystal Springs. “Kate’s starting to face her fears, spending more time with Tyler, and enjoying the adventure of storm-chasing,” Snow says. “But then one of the twins does serious damage to a community, and here, we emphasize the experience of ordinary people who lose homes and lives to tornadoes. It reminds Kate why she does what she does—trying to stop things like this from happening to people.”
the fourth tornado
- Kate’s renewed sense of purpose is challenged when an evening at the rodeo with Tyler turns into a nightmare when an EF-4 twister suddenly manifests and blows through Stillwater. “This tornado is meant to remind us of the monster that derailed Kate’s life in college,” Snow says. “Like that tornado, we see only glimpses of the tornado, because it’s night. When we do see it, it’s because it’s illuminated by lightning, and it’s terrifying.” This sequence was one of the film’s most ambitious to produce, given its complex interplay of practical effects, digital effects, stunts, and long-shots. “We had rain pouring, wind blasting, tree leaves and sparks flying, people getting swept away into the sky, and we had vending machines and horse trailers falling from the sky, and so much more,” says Scott Fisher. “Basically, we made all hell break loose.”
the fifth tornado
- To recover from the trauma of Stillwater’s nighttime fourth tornado, Kate returns to her childhood home and reconnects with her mother as well as with her identity as a scientist. Feeling renewed and refocused, Kate teams with Tyler to chase after an EF-1 tornado to test some new tech and some new ideas about how tornadoes might be tamed. “Chasing this tornado is more of an adventure, but a righteous one that unites Kate and Tyler and grounds them in common cause,” says Snow. “It isn’t a large tornado, but it foreshadows what’s coming in an ominous way. If this were Jaws, this would be the sequence where Roy Scheider says: ‘We’re gonna need a bigger boat.”
the sixth tornado
- The final tornado in Twisters is the sum of all the fearsome storms that preceded it, a minor whirlwind that grows into a full-blown EF-5, born of a massive supercell thunderstorm producing multiple tornadoes all at once. After rumbling through an oil refinery and catching fire, the EF-5 ravages the town of El Reno, toppling a water tower, shredding a farmer’s market, and obliterating a movie theater where Frankenstein is playing. “Everything that Kate has been working toward as a storm chaser, trying to find ways to tame tornadoes, and everything that she’s been dealing with emotionally, past and present, culminates here,” says Snow. “The monster that wrecked her life at the start of the movie has returned. But can she defeat it? Is that even possible? What does real heroism look like when disasters like these strike?”
THE SOUNDTRACK
Among its many groundbreaking innovations and creative achievements, Twisters also features an extraordinary, and extraordinarily rare, accomplishment in film music: A predominantly country music soundtrack featuring 19 original songs from some of the most beloved and breakout artists in country music today.
The idea for a country-focused soundtrack originated with director Lee Isaac Chung, who drew inspiration from the real-life world of storm chasers and weather scientists.
“The first Twister, in 1996, had an incredible soundtrack that reflected the culture of storm chasing,” director Chung says. “When you spend hours on the road chasing tornadoes, it’s important to have good tunes. I loved asking scientists what was on their playlists; it always brought a smile. Our screenwriter, Mark L. Smith, brought that spirit to the first draft of the script and wrote many great, classic rock tunes into the road scenes. When I came on board to the project, I had been listening to a lot of Chris Stapleton, so I pictured the Tyler Owens character listening to the song ‘Arkansas’ while driving into a tornado. That inspiration led to other country artists I loved. We were making a film about people chasing tornadoes on red dirt roads, so I felt like the red-dirt country genre and the outlaw sound would be great for the film.”
Chung and executive music producer Ashley Jay Sandberg, who also serves as an executive producer on the film, raised the idea of a country-focused soundtrack to Universal Pictures film music executives MIKE KNOBLOCH and RACHEL LEVY, who loved the idea. “They were very enthusiastic,” Chung says. “They noted that there have been few country soundtracks for action-blockbuster films, and we could lean in even further with Twisters to make country music a centerpiece of our film. Rachel, as a Texan, was particularly excited to tackle this and sent me many country songs to use in our edit, temporarily. Our film editor, Terilyn A. Shropshire, edited scenes using these songs, and it became clear that we were headed in the right direction.”
Knobloch, who oversees all music-related aspects for Universal’s films, leads a team dedicated to crafting tailored soundtracks for each project. “Our approach to assembling soundtracks is centered on identifying what’s unique about each film and reflecting that through music,” says Knobloch, President of NBCU Music & Publishing. “With each film, we’re dedicated to building a sonic landscape that not only enriches the story, but also deepens the audience’s connection to the film. For Twisters, the idea of a country music soundtrack was a rare and refreshing choice that added an authentic dimension to the narrative.”
Levy and Knobloch immediately saw the potential for creating a soundtrack of original songs, rather than acquiring the film rights to existing country tracks. “This was personally very exciting to me as we don’t get the opportunity as music supervisors that often to work with and place country music,” says Levy, executive vice president of film music for Universal. “Once we knew Isaac was on board, creatively, we pitched the idea of doing an original soundtrack.”
Everyone involved recognized what a bold and thrilling idea this was. “There has not been a country album created like this for a film, and Twisters seemed like the perfect opportunity to do just that,” Sandberg says.
To begin the process of finding and reaching out to country musicians to gauge their availability and interest in writing songs for the film, Levy and team found an ideal partner in KEVIN WEAVER, president of Atlantic Records West Coast and a two-time Grammy Award winning producer. “We met with a few labels but honestly there is no one more passionate about soundtracks than Kevin Weaver and his team at Atlantic Records,” Levy says. “Country music could not be having more of a moment and Atlantic completely shared the same vision for what we wanted to do. Our outreach began as soon as we had scenes to discuss with artists. From the first call we made, there was so much enthusiasm for the project overall, not only musically but also everyone seemed to be a superfan of the previous film. We met with each artist with the filmmakers, talked about the film with them and the specific scenes for which we were asking them to write for. The Nashville community of writers, producers and artists and managers were genuinely fantastic to work with and everyone turned in incredible work.”
Starting in December of 2023, Chung and film editor Terilyn Shropshire began assembling scenes in the film that would be ideal moments for new songs. “Terilyn and I sent sample scenes to the artists to write music to them with a few notes on the type of energy and mood we needed, and from there, the musicians would send in sketches,” Chung says. “I was amazed by the music that was coming in.”
Adds Sandberg: “With Isaac being a fan of country music (he listens to everything), we had an ongoing song and artist list earlier on in production. And throughout post-production, when we had a song we loved in a scene, we would ask ourselves, can we top this with an original song. And we did! Our first yes was from the talented Lainey Wilson.”
The resulting completed soundtrack, Twisters: The Album, features 29 total tracks, including 19 original songs, two new cover tracks of classic country hits, and eight songs inspired by the film. The artists who wrote and/or performed original songs for the film include some of biggest and brightest names in modern country including multiple CMA Awards winner LUKE COMBS; Grammy winner LAINEY WILSON; five-time Grammy winner SHANIA TWAIN and CMT Awards nominee BRELAND; three-time Grammy winner MIRANDA LAMBERT; Grammy nominee TYLER CHILDERS; Grammy winner LEON BRIDGES; American Idol alum BENSON BOONE; ACM and CMT Awards winner MEGAN MORONEY; YouTube phenom LANIE GARDNER; CMT and ACM Awards nominee BAILEY ZIMMERMAN; TANNER ADELL; Grammy nominee THOMAS RHETT; WARREN ZEIDERS; ACM, AMA and CMT Awards winner KANE BROWN; CONNER SMITH; TUCKER WETMORE; American Idol alum SAM BARBER and two new tracks by Grammy nominee JELLY ROLL, one featuring ALEXANDRA KAY. The two cover tracks are award-winner CHARLEY CROCKETT’s new rendition of “(Ghost) Riders in the Sky” and a cover version of “Wall of Death,” performed on the soundtrack and in the film itself by indie folk sensation WILDERADO, KEN POMEROY and Grammy nominee JAMES McALISTER.
The soundtrack, which melds seamlessly with composer Benjamin Wallfisch’s stunning score, is a watershed moment for film music. “The response from Nashville and country artists was overwhelming, and you can see that with our artist lineup for the soundtrack,” Sandberg says. “It was a true collaboration with the artists, Isaac Chung and myself, Atlantic Records, Mike Knobloch, Rachel Levy, our editor Teri Shropshire, and our music editor LISE RICHARDSON to have the songs fill the scenes just right and to ensure the songs help create iconic, memorable moments in the film.”
Levy and the team at Universal are thrilled with the completed album and can’t wait for audiences to hear it. “I’m incredibly proud of how the album turned out,” Levy says. “I think the best part about the curation is that in addition to having some of the biggest names in country music, we tried to include a little bit of something in there for everyone, from Luke Combs and Lainey Wilson to Leon Bridges and Benson Boone. There are seasoned performers, up and comers, pop country, outlaw country and more.”
For Chung, the musical landscape of this film is deeply personal. “Twisters is a movie about a character who loses her connection to people and to home, and she finds herself again by going back home to chase tornadoes on dirt roads,” Chung says. “I felt a personal connection to this journey because I also left home and recently returned to the area where I grew up to chase tornadoes of my own; by this I mean making movies. Country music became my soundtrack for how I had been feeling about coming back home. There’s no better genre of music for talking about one’s sense of place in the country, the joys and the longings you feel there. And the genre knows how to have fun and tell stories, which fit Twisters perfectly.”
And he can’t wait for audiences to experience this soundtrack the way he has been able to in the months leading up to the film’s theatrical release. “I have been listening to the soundtrack repeatedly on my drives, and I have been loving each song, appreciating the depth and artistry in them,” Chung says. “The idea for a Twisters album started because we knew storm chasers spend a lot of time on the road and need good music. I hope audiences will take this album on some good road trips. Along the way, find I-40, head to Oklahoma, look for the reddest roads in the greenest fields, and marvel at the clouds.”
###