มารายการหลายครั้ง ตั้งแต่เรื่องอะไร?
“ตั้งแต่ผ่าคอ โดนขอแต่งงาน จนแต่งงาน แล้วก็เรื่องไม่ได้รับงานในวงการ แล้วก็มาเรื่องสามี และเรื่องมู”
ตอนนี้มูอะไรบ้าง?
“จริงๆ ก่อนหน้ามู เราเน้นปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว ฝ้ายบวชตั้งแต่อายุ 21 ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือเป็นประจำ จะมีท้าวเวสสุวรรณ ช่วงหลังเริ่มมาทางฮินดู พระพิฆเนศ พ่อแก่ เรานับถืออยู่แล้ว เพราะเราอยู่นาฎศิลป์มาก่อนแต่เราไม่มีองค์บูชาท่านเลย เพราะเรารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงซกมก เป็นแนวขนาดตัวเองยังไม่ค่อยจะดูแล แล้วเราต้องคอยเปลี่ยนน้ำพระ ต้องคอยถวายโน่นนี่นั่น กลัวตัวเองทำได้ไม่ดี ก็เลยไม่มีค่ะ แล้วมีอยู่วันนึงกำลังจะไปอัดรายการนึง เขาโทรหาน้องที่เป็นทีมงาน คุยกับหนูอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ หนูก็งงว่าเป็นอะไร เขาถามว่าพี่ฝ้ายบูชาพระแม่ลักษมีมั้ยคะ ก็บอกว่าเปล่าค่ะ แต่พี่สวดมาประมาณ 6 เดือน อยู่ดีๆ ก็เริ่มสวดพระแม่ลักษมี ทั้งที่ไม่เคยรู้จักท่านเลยนะคะ”
อยู่ๆ มาสายมู เพราะเจอหลวงพี่อุเทน ย้อนไปกี่ปีที่รู้ว่ามาทางนี้?
“จริงๆ ที่เริ่มมู ก็ทำมาเรื่อยๆ เอาที่เราสบายใจ ไม่ได้เป็นคนที่มูทุกอย่าง มูทุกสิ่งนะคะเอาเฉพาะที่ตัวเองรู้สึกดี อย่างหลวงพี่อุเทน ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอท่านเลย แต่วันนึงไปวัดท่าไม้โดยไม่ได้คาดหวังว่าต้องไปเจอท่าน แล้วบังเอิญไปเจอ ท่านก็เลยทัก พูดขึ้นมาก่อนเลยว่าอย่าเลิกร้องเพลงนะเพราะครูบาอาจารย์สั่งไว้ แล้วที่มานี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พ่อสั่งให้มา เราก็พ่อไหน (หัวเราะ) แกก็ใช้ภาษาบ้านๆ ว่าพ่อมึงอยู่ใต้ต้นโพธิ์ เราก็อ๋อ ท้าวเวสสุวรรณ หนูก็เพิ่งไปกราบก่อนเจอพระอาจารย์ แล้วคอเราที่รักษาไว้ไม่จบ เพราะฝ้ายผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ผ่าไปแล้ว ในคอมีน็อต อยู่ดีๆ แกก็ทักมาว่า คอที่เจ็บมันไม่จบ เราก็บอกว่าแต่หนูผ่าแล้วนะคะ แกก็บอกว่าไม่จบ ซึ่งมันไม่จบจริงๆ อันนี้หนูงงมาก หลังจากเจอพระอาจารย์ได้สองวีค หนูรู้สึกว่าหนูชา มืออ่อนอีกแล้ว ก็ติดต่อรพ.เพื่อตรวจอีกรอบนึง ก็มีการตรวจละเอียด สรุปมันเป็นอีกข้อนึงจริงๆ เป็นข้อใหม่ ไม่ใช่ข้อที่เรารักษาแล้ว เราก็งงมาก แกก็ทักมาอีกว่าตัวเรามีครูบาอาจารย์ มึงกับกูคนเดียวกัน เราก็แบบ คืออะไร (หัวเราะ) หนูปฏิบัติธรรม หนูมูก็จริง แต่เราอยู่แนววิทยาศาสตร์ ท่านก็บอกว่าวันที่ 14 ให้มาครอบครูที่วัด เดี๋ยวรู้เอง เราก็เฮ้ย ไปดีมั้ย กลัว แต่ก็ไป เห็นมีการทำพิธีเยอะมาก หลายอย่าง เราก็เป็นผู้สังเกตการณ์ ไปดู ครอบพ่อแก่ปกติ เราเคยครอบมาแล้ว เพราะอยู่นาฏศิลป์ พอลงเศียรพระพิฆเนศปุ๊บ โอ้โห จากที่เรานั่งงงคนอื่น เรางงตัวเองเลย ห้าวินาทีแรกเรารู้สึกปกติค่ะ แต่สักพักหูมันดับ ไม่ได้ยินอะไรเลย จากที่เรานั่งอยู่เรารู้สึกว่าตัวเราหนักจนไม่สามารถทรงตัวได้ แล้วเราพยายามต้าน เพราะตอนนั้นเรายังมีสติ คิดว่าต้องตั้งตัวให้ตรง เพราะอายเขา เราก็รู้สึกจะล้มเหมือนมีของหนักๆ ทับตัวเรา เรารู้สึกต้าน ทางวัดก็บอกว่าอย่าเกร็งลูก อย่าเกร็ง เราก็ร้องห่มร้องไห้อยู่ในเศียร ตัวเหมือนหนาวสั่นข้างใน”
เคยเป็นแบบนี้มาก่อนมั้ย?
“เคยครั้งนึง เป็นเศียรพ่อแก่ ตอนนั้นเป็นของดุริยางค์ทหารอากาศ ที่จัดที่วิภาวดี หนูไปกับเพื่อนๆ ตอนนั้นเข้าเอเอฟแล้ว เห็นการครอบครูมาเยอะมาก แต่เราไม่เคยเจออะไร ก็พูดกันบนรถว่าเวลาครอบครูแล้วครูลง เขาเป็นยังไงกันนะ เห็นสั่นกึกๆๆ เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก็ไปครอบครู วันนั้นพ่อครูก็บอกว่าครอบได้เศียรเดียวนะ เพราะเขาไม่ไหว เราก็บอกว่าเศียรเดียวก็ได้ ก็ครอบพ่อแก่ แล้วก็มีอาการตั้งแต่แรก ข้างในมันเหมือนหนาวมากๆ แล้วจะร้องไห้ ตอนนั้นมีนักข่าว เราก็พยายามบอกตัวเองว่าเราเป็นบ้าอะไรเนี่ย เราต้าน เพราะเราอายเขา”
มีสติตลอด แต่คอนโทรลไม่ได้?
“ใช่ค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังงง ว่าคืออะไร หลังครั้งแรกที่มีอาการก็ไม่กล้าครอบอีก เพราะไม่รู้จะเป็นอีกหรือเปล่า ก็หลายปีค่ะ”
คุยกับหลวงพี่มั้ยว่าอาการแบบนี้ต้องทำยังไง?
“คุยค่ะ พอครอบพระพิฆเนศเสร็จก็ร้องห่มร้องไห้ เอามือปิดหน้าตัวเอง ว่ามันคืออะไร ตอนแรกตั้งใจไปลาท่านว่าหนูกลับแล้วนะ พระอาจารย์เลยพูดว่าเข้าใจหรือยังล่ะ ว่าทำไมถึงให้ครอบ หนูก็บอกว่าไม่เข้าใจ (หัวเราะ) ตอนอยู่ในเศียรเป็นฟีลลิ่งรู้และไม่รู้ มีจังหวะหูดับ”
ครั้งแรกที่ครอบ กับครั้งนี้ต่างกันยังไง?
“ตอนที่ดุริยางค์ พอลงปุ๊บไปเลยค่ะ เหมือนไม่มีจังหวะเราได้โฮลตัวเองได้คุมเลย ไม่รู้ว่าแรงแค่ไหน แต่เพื่อนบอกว่าไปแรงอยู่ พานกระจายหมด แต่มาได้คำอธิบายจากพระอาจารย์ว่าเวลาครูมา เขาจะปิดทวารหมด หูจะไม่ได้ยิน จะมีจังหวะที่เราไม่รู้ตัว และมีจังหวะที่เรามีสติ ครั้งนี้ชัดเจนมาก พอมาปุ๊บเราค่อยๆ ต้าน เราเกิดคำถามว่าทำไมอยู่ดีๆ นั่งไม่อยู่ อยู่ดีๆ ทำไมเหมือนมีอะไรมาทับ ทำไมหนัก ความรู้สึกเหมือนเราปีติ ดีใจมากๆ เราร้อง จิตใต้สำนึกก็งงว่าเราร้องทำไม พอถามท่าน ท่านก็อธิบายว่าคนมีครูบาอาจารย์ ครูท่านก็อยู่ในที่ของท่าน คอยปกปักษ์รักษาคอยคุ้มครองเรา แต่ถ้าอยู่ในจุดที่ท่านสามารถแสดงตัวตนได้ ท่านก็จะออกมาจากจุดเล็กๆ นี่แหละ ที่ทำให้เราสัมผัสว่าท่านมีนะ”
ครั้งแรกที่ครอบครู มีอาการต่างๆ บอกกับตัวเองว่าจะไม่ครอบครูอีกเพราะกลัว แต่ก็ยอมครอบครั้งล่าสุด เพราะอะไรถึงยอม?
“อาจจะเป็นเพราะอาจารย์บอกว่า ให้มา แล้วอย่างที่ท่านทักว่าเราปวดเป็นอะไร จะเจอโน่นเจอนี่ เราก็รู้สึกว่าทำไมท่านเป๊ะ พอท่านบอกให้ไป เราก็นับวัน ตอนแรกไปคือไม่เอาเลยนะคะ หนูเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างเดียว พูดจริงๆ เราก็รู้สึกว่าครูบาอาจารย์มีจริงค่ะ แต่บางทีก็อาจเป็นอุปทานหรือเปล่าน้าเราก็นั่งดูเขาด้วยความสงสัย เพราะคนก่อนหน้าเขามีอาการเยอะ ฟีลนี้ ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น”
ตอนนี้ยังสงสัยอยู่มั้ย?
“ก็ยังสงสัยว่าคืออะไร แต่หนูรู้สึกว่าเราศรัทธาได้แต่ไม่งมงาย บางอย่างก็พิสูจน์ได้ บางอย่างก็พิสูจน์ไม่ได้ สติสำคัญที่สุดค่ะ”
ถ้าอาจารย์เรียกให้ไปครอบอีก ไปมั้ย?
“ไปค่ะ เพราะพระพิฆเนศ พ่อแก่ เป็นครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ แต่ถ้าให้ไปรับ ครอบ อะไรที่เราไม่รู้จัก ไม่เอาเลยค่ะ สมมติให้รับขันธ์ ยื่นมาเป็นดอกไม้จะไม่เอาเลย แต่นี่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพรักค่ะ”
หลวงพี่อุเทนมอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ฝ้ายด้วย?
“วันนั้นพอลากลับ ท่านก็บอกว่าอย่าเพิ่งกลับ ให้นั่งรอก่อน หนูก็นั่งรอ ท่านเดินเข้ามาแล้วชี้มาที่องค์นึงที่เป็นยักษ์ถือชฎา บอกให้ฝ้ายเอากลับไปด้วย เพราะเขาหาเจ้าของอยู่ จริงๆ เป็นพระพิเภก ศาสตราจารย์ด้านโหราศาสตร์ ดูดวงชะตา”
ก็ตรงกับฝ้าย อดีตเป็นเด็กมีซิกเซ้นส์มาตั้งแต่เด็ก?
“ตอนเด็กเราจะงงว่าคืออะไร เป็นฟีลเหมือนเรากำลังนั่งทำอะไรสักอย่าง แล้วมีจินตนาการเกิดขึ้น คนนี้เดินมาแล้วสะดุดล้ม เหมือนความฟุ้งซ่านของเราไปเอง แต่มันดันเป็น มันคิดเข้ามาเอง แต่เราก็คิดว่าไร้สาระ ไม่มีอะไรหรอก แต่เขาล้มจริงนี่หว่า แต่ตอนเด็กเราคิดว่าเป็นจิตนาการ ไม่คิดว่าเป็นอะไร ตอนเด็กเป็นไม่บ่อย แต่มาเป็นตอนช่วง 3 ปีที่แล้ว ฝ้ายมองว่าเรื่องนี้มันไร้สาระกับฝ้ายมากเลยนะ แต่ความที่เราบวชยาวเลยนะ แต่ 3 ปีที่แล้วฝ้ายปฏิบัติเยอะมาก ฝ้ายไม่ได้เล่นละครเลย ทำแต่น้ำพริก ในช่วงทำน้ำพริก เราสวดมนต์ตลอดเวลา เพราะเรารู้สึกว่าดีกว่าปล่อยให้จิตไปฮัมเพลงหรือไปเกาะอยู่กับเรื่องไร้สาระ ก็ให้เกาะกับบทสวดมนต์ไป สวดตลอดที่ทำน้ำพริก ทำกรรมฐาน ทำแบบนี้ทุกวันๆ แล้วหนูรู้สึกว่ามันสบายใจ เราไม่ได้คิดอะไร แต่มีช่วงนึกแปลกๆ เหมือนป็อบอัพมันเกิดบ่อย แล้วได้ยิน”
นิมิต ใช้คำนี้ได้มั้ย?
“หนูก็ไม่แน่ใจ”
ล่าสุดที่ป็อปอัพคือเรื่องอะไร?
“ตลกมาก ตอนนั้นฝ้ายทำน้ำพริกเองในครัว แล้วเราก็ไม่ได้ใช้สารกันบูด ก็จะมีบ้างที่น้ำพริกเราจะบูด มีเชื้อรา โน่นนี่นั่น แล้ววันนั้นเราเห็นน้ำพริกมีเชื้อราเราก็ตกใจ เราจะทำยังไงดี เราก็บอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขา หนูไม่ได้เจตนาเลย น่าจะอากาศร้อนหรืออะไรก็ตาม อย่าให้ราไปออกดอกออกผลกับลูกค้าเลยนะ ผ่านไปสัก 2 วัน หนูมีผื่นขึ้นก็เกาๆ สักพักขึ้นเยอะ ก็ถ่ายรูปให้ไปหมอก้องดูว่านี่ผื่นอะไร พอดีเล่นละครเวทีด้วยกัน หมอก้องก็บอกว่าเป็นงูสวัด เราก็อ้าว อยู่ดีๆ เป็นงูสวัดเฉย ก็หาหมอรักษาไป ตอนนั้นสี่ทุ่มขับรถกลับบ้าน อยู่ดีๆ เป็นได้ไงวะ ก็งงมาก แล้วมีเสียงบอกว่าก็เอ็งบอกว่าไม่ให้ไปออกดอกออกผลในน้ำพริกไม่ใช่เหรอ มีเสียงมาตอบเราแบบนี้ (หัวเราะ) หนูอาจเป็นบ้าก็ได้นะ แต่คิดว่าเป็นไปได้ไง งง เราก็ห๊ะ เหรอ พี่ตามก็อะไร เราก็บอกว่าอย่าว่าบ้านะ เมื่อกี้คิดในใจแบบนี้ แล้วมีเสียง พี่ตามบอกว่าไร้สาระ”
ช่างแต่งหน้าบอกว่าดูดวงแม่นมาก อย่าให้ทัก?
“จริงๆ ก็มีพระเกจิที่ท่านปฏิบัติธรรมมากๆ ท่านก็มีฌานแต่ละขั้น ท่านมีวิชา มีจิตที่ดี มีญาณที่ดีได้ในการทำนายทายทัก ฆราวาสก็เช่นกัน หากปฏิบัติถูกต้องแล้ว มันอาจมีจุดไปเชื่อมต่อได้เช่นกัน แต่ในเมื่อเราเกิดเป็นมนุษย์เราอย่าไปผูกติดกับเรื่องเช่นนี้เลย มันทำให้เราใช้ชีวิตลำบาก จะทำให้เราคิดว่าเราเป็นผู้วิเศษ แต่หนูใช้สติตลอด เวลาได้ยินอะไรก็อะไรวะ หลังๆ ก็เริ่มแบบ ไม่เอาอ่ะ มันวุ่นวาย”
ถ้าเห็นภาพคนอื่นเคยไปเตือนเขามั้ย?
“กรณีคนอื่นก็สมมติแฟนเรา จะเห็นภาพเดิมซ้ำๆ สมมติพี่ตามโกหก เราก็จะเห็นสิ่งที่เป็นความจริงของเขา ที่เขาไม่ได้พูด จะเห็นซ้ำๆ จนต้องมานั่งคุยกันสิ ที่เธอตอบฉันแบบนี้ มันไม่ใช่ จริงๆ เป็นแบบนี้ใช่มั้ยๆ จนเขาบอกว่าใช่ ก็มีบ้างที่ไปแว๊บของคนอื่น”
ข้อดีคือเจออะไรแบบนี้แล้วไม่หลง พยายามใช้สติตลอดว่าปัจจุบันคืออะไร?
“บางทีก็มีประโยชน์ค่ะ มีครั้งนึเราไปเที่ยวแล้วเห็นเด็กลื่นไถลลงไป เหมือนเป็นหิน เขามากับแม่เขาสองคน มันก็วึ๊บขึ้นมาความที่เรากังวล เราก็อยู่แถวๆ นั้นแหละ แล้วน้องมันไถลจริง คนจับเขาได้คือเรา มันก็จับทัน มันก็เป็นจังหวะที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไปเจอพระอาจารย์ท่านนึง ท่านบอกให้เราใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ปกติไป ฉะนั้นที่เห็นหรือได้ยิน ปิดมันไปเถอะ”
ตอนนี้ยังเห็นภาพแบบนี้อยู่มั้ย?
“ไม่เห็นค่ะ”
ปิดตาที่สาม?
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ล่าสุดหลวงพี่อุเทนบอกว่าอย่าปฏิเสธ มันเป็นสิ่งที่ติดตัวมา เรามาเพื่อให้ช่วยคนอื่น ไม่ได้มาทำให้เราเป็นผู้วิเศษเหนือใคร ถ้าท่านให้ช่วยต้องช่วย ต้องพูด ช่วยเขาแล้วก็เก็บเขามาสัก 24 บาทก็ได้ เอาไปหยอดกระปุก แล้วเอาไปทำบุญ มีช่วงนึงหนูบอกเบอร์ติดกัน 6 งวดตรงๆ เลยนะพี่ เรื่องของเรื่องไม่ได้เจตนา แต่มันฝันเหมือนกระดานชนวนเล็กๆ สมัยก่อน มีเลขไทยขึ้นมา หนูก็ไลฟ์แต่งหน้าในติ๊กต๊อกแล้วหนูก็พูด สรุปเขาถูกกันเต็มเลย เราก็ตื่นเต้น ก็บอกว่าครูบาอาจารย์ขาถ้ามีจริงแล้วสิ่งที่หนูพูดไปทำให้ชีวิตของบางคนดีขึ้น บางคนไม่มีเงินซื้อนมให้ลูก บางคนไม่มีเงินซื้อแพมเพิส ถ้าเราบอกไปแล้วดี กุศลตรงนี้หนูอุทิศให้อาจารย์หมดเลย แล้ววันนั้นหนูทำรายการสด หนูก็พูดเลยว่างวดนี้ออกเลขนี้ ถ่ายรายการไปเรื่อยๆ สักพักตากล้องก็เฮ้ย ออกจริงๆ เลขที่พูด ฝ้ายก็บอกว่าถ้าออกฝ้ายจะตีลังกา ฝ้ายก็ตีลังกาจริงๆ มันเป็นแบบนี้ 6 งวด แล้วมีพระบอกว่าไม่ต้องไปพูดอะไรแล้ว เพราะจะกลายเป็นว่าเราไม่สบาย”
มีพระอีกท่านมาทักว่าให้ปิดไป?
“ใช่ค่ะ ก็จัดการไปแล้วเรียบร้อย”
เด็กในกองที่โทรหาแล้วร้องไห้ คืออะไร?
“น้องบอกว่ารู้สึกได้ ว่าพี่ฝ้ายมีพระแม่ลักษมีอยู่กับตัว เราบอกว่าเหรอ ไม่ได้บูชาเลยนะ มีสวดบ้างเล็กน้อย แล้วมีโอกาสดูหมอดูที่ดูให้พี่ต้นหอม อาจารย์ก็บอกว่าฝ้ายบูชาพระแม่ลักษมีหรือเปล่า ให้ไปหาบูชา ท่านประทับกับตัวเอง ท่านมาแล้ว เราก็เลยไปหามาบูชาค่ะ ตอนไปไม่ได้ตั้งราคาสูงเลย เพราะคิดว่าเราศรัทธาอะไรสักอย่างไม่ต้องใช้เงินเปลือง อยู่ที่ใจ วันนั้นไปแถวๆ เสาชิงช้า ซึ่งเขาปิดผ้าคลุมหมดเลย แต่พอหนูเดินไปเขามาเปิดให้ดู หนูก็สะดุดตาองค์พระพิฆเนศก่อนเลย โอ้โห สวยมาก แต่ไม่สิ วัตถุประสงค์ฉันไม่ได้มาเช่าท่าน ก็ไปหาพระแม่ลักษมี เจออยู่องค์นึงก็สวยดี แต่วนกลับไปดูพระพิฆเนศ แต่พอถามราคา พระแม่ลักษมี 1.9 หมื่น พระพิฆเนศ 2.5 หมื่น เป็น 4 หมื่นกว่าบาท หนูก็บอกว่าแพงมากเลย เอาไงดี พระพิฆเนศที่ฝ้ายถูกชะตา มาจากอินเดียเลยนะคะ องค์พระแม่ลักษมีก็มาจากอินเดียเช่นกัน เป็นงานทำมือ งานเขาก็เลยจะไม่ได้สวยเนี้ยบเท่าไหร่ หนูก็ไม่ไหว ไม่อยากเช่าแพง ก็ไปแตะที่องค์พระพิฆเนศกับองค์พระแม่ลักษมีว่า พ่อกับแม่ถ้าอยากไปอยู่กับหนูขอเลข 2 องค์ 2.9 หมื่น เราคิดในใจ ไปกับหนูนะ ลดมาเลยหั่นครึ่ง ถ้าได้ก็ฟลุคมาก ก็เดินไปบอกเจ้าของว่าบัง ลดให้หนูหน่อยได้มั้ย เขาก็ด่าหนูฉ่ำเลย แต่สุดท้ายเขาก็บอกว่างั้น 2.9 หมื่น เลยตรงใจเลยที่เราคิดไว้”
พระแม่ลักษมีท่านเมตตาฝ้ายมากๆ?
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่มีคนบอกให้เราไปไหว้ เราก็ลองไปไหว้แล้วขอพรท่านดู แต่สิ่งที่ขอพรไม่ได้ขอแบบอลังการ เป็นไปไม่ได้ แต่เราขอพรแล้วเราก็ได้ เราเลยรู้สึกว่าท่านมาประทานพรให้เราจริงๆ”
สิ่งที่ได้มาทั้งเรื่องงาน ความรักก็จากพระแม่ลักษมี?
“ใช่ค่ะ เราไม่ได้ขอให้เรารวยหรืออะไร แต่เราขอโอกาสที่เราจะได้ทำงาน ทำสิ่งที่ดียิ่งขึ้น อยากให้เรามีแสงสว่าง เรื่องเงินถ้าเราไม่ทำเราก็ไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีโอกาสเราก็ไม่มีเงินเหมือนกัน ก็ขอโอกาสจากท่าน”
เด็กลงและดูสวยขึ้น มีออร่า?
“ใช่ค่ะ แม้กระทั่งสุขภาพก็ยังขอพระแม่ลักษมี หนูเป็นคนไม่ค่อยทาครีม เพราะอยู่แต่ในครัว ก็จะขอพระแม่ลักษมีว่าพระแม่ ถ้ามีอะไรดีๆ กินแล้วสุขภาพแข็งแรงก็ประทานให้หนูหน่อยเนอะหนูก็ประสารทเนอะ (หัวเราะ) หนูก็เดินเข้าไปในเซเว่นหาอะไรก็ตามที่เป็นสีชมพู เพราะพระแม่ท่านสีชมพู”
น้ำพริกจะโกอินเตอร์แล้ว?
“เราก็ทำมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ยังทำมืออยู่ แค่ขยายเตาเฉยๆ แต่ล่าสุดได้ไปออกงานที่อิมแพค เป็นของกระทรวงพาณิชย์ ดันมี่ท่านซีอีโอจากประเทศเกาหลี ชิมเสร็จชอบ อยากเอาไปไว้ที่โน่น เราก็เลยบอกว่าแอมโซซอรี่ ไอสามารถทำได้วันละ 100 กรุปุกเอง (หัวเราะ) แต่ก็ต้องไปแม่ ตอนนี้เอาน้ำพริกไปตรวจทุกอย่าง อะไรก็ตามที่เป็นมาตรฐานของโรงงานเราทำหมด ทั้งที่เรายังทำมือ เราอยากจะพัฒนาตรงนี้ และอยากเติบโตไปเรื่อยๆ ส่วนการส่งออกเราทำการบ้านกันอยู่ และมีฝั่งตะวันออก ตอนนี้ไปเกาหลีแล้ว เพราะลูกค้าทานจนชอบ เขาอยู่เกาหลี จะขนไปทีละประมาณ 200-300 กระปุก ตรงนั้นมีด้อมคุยแสบปากอยู่เกาหลี เขาบอกว่าถ้าไปเกาหลีขอนัดเจอแฟนมีตฯ คุยแสบปากที่กังนัมได้มั้ย เราก็บอกว่าอยากไปนะ แต่เผอิญแผลใต้ตายังไม่หาย ก็เลยไม่ได้ไป มีลูกค้าอยู่ที่โน่นแล้ว เพจก็ระวังเจอของปลอมนะ ผู้ติดตามอยู่ที่ 49k สังเกตให้ดี”
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/_QZVA2m5iKo?si=yFjVZUowsxAwpnPu