หมวดหมู่: Action, Adventure, Sci – Fi
เรทผู้ชม: 15
 100 นาที
ผู้กำกับ: Eli Roth
นักแสดง
 Kevin Hart
 Cate Blanchett
 Jack Black
 Jamie Lee Curtis

#borderlands
#แดนล้นคนปล้นจักรวาล

ลิลิธ (แบลนเชตต์) นักล่าฆ่าหัวมือพระกาฬผู้เก็บงำอดีตอันดำมืด กำลังลังเลที่จะกลับดาวบ้านเกิด “ดาวแพนโดรา” เพราะดาวเวรนี่มันเป็นดาวที่โกลาหลที่สุดในกาแล็กซี แต่ด้วยภารกิจของเธอ นั่นคือการตามหาลูกสาวที่หายไปของแอตลาส (รามิเรซ) สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล ทำให้เธอต้องจำใจกลับหวนคืนสู่ แพนโดรา อีกครั้ง เพื่อจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ลิลิธต้องรวมทีมคนเพี้ยนจากทั่วทุกซอกหลืบกาแล็กซี่ เริ่มด้วย โรแลนด์ (ฮาร์ต) ทหารรับจ้างมากประสบการณ์ ลุยมาแล้วทุกสมรภูมิ ไทนี ทีนา (กรีนแบลตต์) จิ๋วจี๊ดตัวแสบ มาพร้อมระเบิดทำลายล้าง ครีก (มันทีอานู) พี่กล้ามบอดี้การ์ดประจำตัวทีนา แทนนิส (เคอร์ติส) นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่เห็นมาแล้วทุกความวิบัติ และ แคลปแทรป (แบล็ก) หุ่นกระป๋องจอมปากแจ๋ว ทีมฮีโร่ไม่สบประกอบทีมนี้ ต้องลุยฝ่าบรรดาเอเลียนและแก๊งโจรโคตรอันตราย เพื่อค้นหาความลับที่จะพลิกชะตาแพนโดรา ชะตากรรมของจักรวาลอยู่ในมือพวกเขาแล้ว แค่นั้นยังไม่พอ พวกเขายังต้องต่อสู้เพื่อสิ่งที่สำคัญกว่านั้น นั่นคือการยืนหยัดเพื่อกันและกัน สร้างจากหนึ่งในแฟรนไชส์วิดีโอเกมระดับทริปเปิ้ลเอที่ประสบความสำเร็จตลอดกาล ยินดีต้อนรับสู่ BORDERLANDS

ภาพยนตร์เรื่อง BORDERLANDS ออกแบบมาเพื่อให้สัมผัสประสบการณ์ผ่านจอภาพยนตร์ กำกับโดย อีไล รอธ (Thanksgiving, The House with a Clock in Its Walls) เขียนบทภาพยนตร์โดย รอธ และ โจ ครอมบี สร้างโดย อารี อารัด, อาวี อารัด และ เอริก ไฟก์ ดัดแปลงมาจากแฟรนไชส์เกมคอมพิวเตอร์และคอนโซลยอดนิยมซึ่งคว้ารางวัลมาแล้วมากมาย BORDERLANDS เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2009 ผลงานสร้างสรรค์โดย Gearbox Software จัดจำหน่ายโดย 2K

ก่อนที่จะก้าวมาโปรดิวส์เรื่องนี้ อารี อารัด เจ้าของผลงานล่าสุดอย่าง Uncharted เป็นแฟนเกม BORDERLANDS ตัวยง เขาสนุกกับการเล่มเกมนี้มาก เขากล่าวว่า “มันทั้งเจ๋งและแปลกตา เป็นหนึ่งในเกมที่น่าตื่นเต้นและทำให้ผมอินที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา เต็มไปด้วยแอ็กชัน แต่ก็มีจังหวะซึ้งจับใจ ซึ่งผมนั่นไม่เหมือนเกมไหน”

เมื่อได้พบกับแรนดี พิตช์ฟอร์ด ผู้ก่อตั้ง Gearbox และบิดาแห่งแฟรนไชส์ BORDERLANDS นำไปสู่การหารือที่กินเวลาสองปีเพื่อดัดแปลงมันให้กลายเป็นภาพยนตร์ ขณะเดียวกัน อารี และพ่อของเขา อาวี อารัด ซึ่งมีบทบาทสำคัญในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลช่วงกำลังตั้งไข่ ได้เชิญ เอริก ไฟก์ อดีตผู้บริหารสตูดิโอ มาร่วมเป็นโปรดิวเซอร์

พิตช์ฟอร์ดรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการ เขามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การพัฒนา การถ่ายทำหลัก ไปจนถึงขั้นตัดต่อ เขาให้ข้อมูลเชิงลึกของจักรวาล BORDERLANDS ตัวละคร แก่นเรื่อง และเส้นเรื่อง เพื่อช่วยทีมสร้างมอบผลงานที่ซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับ ซึ่งจะดึงดูดทั้งแฟนดั้งเดิมและผู้ชมหน้าใหม่

ไฟก์เผยว่าเขาสนใจเข้ามาร่วมงานนี้เพราะ “มันสดใส เต็มไปด้วยสีสัน และการผจญภัยสุดมัน แถมมันยังมีดาวที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นฉากหลัง และมันยังเป็นหนังที่มีหัวใจ เรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มคนเพี้ยนที่ถูกมองข้าม ต้องมารวมตัวกันทำภารกิจสำคัญจนผูกพันกันไม่ต่างกับครอบครัว การเดินทางทางอารมณ์นั้น ผสมผสานกับฉากหลังที่น่าตื่นตาและสดใหม่ ทำให้เรามีเครื่องมือมากมายในการมอบผลงานแอ็กชันผจญภัยที่มีทั้งความอลังการและสนุกสนาน”

“เราเห็นตรงกันว่าควร ลิลิธ ให้เป็นตัวละครหลัก” อารี อารัด เล่า “เมื่อเราตั้งให้ลิลิธเป็นตัวละครหลัก มันมอบแนวทางให้เราตีกรอบเนื้อเรื่องได้ทรงพลัง”

หลังจากนั้นไม่นาน อีไล รอธ ก็เข้ามารับหน้าที่กำกับ อารัดเรียก รอธ ว่า “นักทำหนังฝีมือหาตัวจับยากที่ซึ่งสามารถจับสองขั้วมาผสานกันได้ลงตัว  ทั้งความห่ามแบบตีแสกหน้าและอารมณ์ลึซุ้ง ทำให้เขาเหมาะสำหรับ BORDERLANDS ยิ่งกว่าใคร”

ไฟก์เสริมว่า “อีไลเข้ามาทำหนังเรื่องนี้พร้อมวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เขารู้วิธีที่จะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาให้อลังการ และมีมุมมองที่เฉียบคมต่อความสัมพันธ์ของลิลิธและไทนี ทีนา”

รอธทุ่มเทสุดตัวให้กับหนังเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่ม “เราต้องการสร้างมหากาพย์ไซไฟผจญภัยที่ทั้งสดใหม่และยังคงจิตวิญญาณของตัวละครและจักรวาลต้นฉบับเอาไว้” เขาอธิบาย 

 

ลิลิธ

เคท แบลนเชตต์ นักแสดงหญิงมากฝีมือซึ่งเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 2022 จากการสวมบทเป็นวาทยกรออเคสตราใน Tár  เธอพร้อมเผชิญความท้าทายทั้งทางร่างกายและอารมณ์ในการรับบทลิลิธ ยอดหัวขโมยและนักล่าค่าหัวผู้มีประวัติยาวเป็นหางว่าว ซึ่งอดีตของเธออาจจะไขความลับที่ชวนตะลึงที่สุดของดาวแพนโดรา

“ผมมีเคท แบลนเชตต์เป็นตัวเลือกเดียวเท่านั้น ดังนั้นการที่เธอตกลงรับบทลิลิธมันเหมือนผมได้ของขวัญชิ้นใหญ่” รอธกล่าวก่อนหน้านี้เขาเคยร่วมงานกับแบลนเชตต์ใน The House with a Clock in Its Walls มาแล้ว “ผมอยากให้เคททำอะไรที่คนไม่เคยเห็นเธอทำมาก่อน ใครๆ ก็รู้ว่าเธอเป็นยอดฝีมือสายดราม่า แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นคนตลกเหลือเชื่อ ซึ่งเราแทบไม่เคยเห็นด้านนี้ของเธอบนจอ ผมบอกเคทว่าผมอยากเห็นเธอวิ่ง ยิง พุ่งกระโจน และต่อสู้ ใน BORDERLANDS ซึ่งเธออยากทำทั้งหมดนั้นด้วยตัวเอง”

“BORDERLANDS คือความสนุกสนุกขั้ว” แบลนเชตต์กล่าว “ส่วนตัวแล้วฉันพร้อมทุ่มสุดตัว กลิ้งไปกลิ้งมา และสนุกกันมันอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องวางฟอร์ม”

อารัดเสริม “นอกจากจะเป็นตัวแม่ด้านแอ็กชันแล้ว ลิลิธยังมีมิติลึกซึ้ง เคทถ่ายทอดมันออกมาได้ไร้ที่ติจนผู้ชมจะสัมผัสได้”

ตอนเริ่มเรื่อง ลิลิธใช้ชีวิตเป็นนักล่าค่าหัว “แต่เธอไม่มีเป้าหมายชีวิต อยู่ไปวันๆ เธอเบื่อ” รอธเล่า “ลิลิธเป็นหนึ่งในหัวขโมยและนักล่าค่าหัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกาแล็กซี่ แต่ยิ่งเธอขโมยมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกไร้ค่ามากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นในหนังจึงถึงจุดที่จะได้เห็นลิลิธเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้และเสียสละ นั่นทำให้เธอเริ่มมองเห็ฯคุณค่าในตัวเอง ซึ่งนั่นไม่สามารถประเมินค่าได้”

“ทีแรกลิลิธไม่อยากกลับมาเยือนดาวแพนโดราบ้านเกิดเท่าไหร่” แบลนเชตต์อธิบาย “ลิลิธพยายามลบภาพวัยเด็กของเธอที่ใช้ชีวิตบนแพนโดรา มันเป็นสิ่งที่เธออยากลืม ลิลิธไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมรวมตัวตัวประหลาดนี้ เธอไม่อยากทำภารกิจที่เธอคิดว่าเป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อ เธอเป็นพวกหมาป่าเดียวดายมากกว่า”

โรแลนด์

ลิลิธเริ่มรวมทีมของเธอทีละคน เริ่มจาก โรแลนด์ ทหารที่เคยทำงานให้กับองค์กรที่บ่อนทำลายดาวมากมายและแพนโดราก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ตอนนี้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจนต้องแปรพักตร์ โรแลนด์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงปืนและการลาดตระเวน มีทักษะในการต่อสู้และยุทธวิธี

“โรแลนด์เพิ่งตระหนักได้ว่าเขาอยู่ผิดฝั่ง” เควิน ฮาร์ต กล่าว

บทบาทของทหารมากประสบการณ์เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับดาวตลกแนวหน้าผู้นี้ เขามอบเสียงหัวเราะผ่านมุกตลกอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ในภาพยนตร์อย่าง Central Intelligence และ Jumanji และอื่นๆ อีกมากมาย “นี่เป็นโอกาสที่หาไม่ได้อีกแล้วสำหรับผมในฐานะนักแสดง เพราะแฟนๆ คาดไม่ถึงแน่ผมว่าผมจะเล่นบทแบบนี้” เขาอธิบาย “โรแลนด์จบงานได้ เขาเป็นผู้นำ เป็นทหารมือดี โรแลนด์อยากทำเรื่องดีๆ บ้าง มันมาจากการที่เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่สร้างแต่เรื่องเลวๆ  โรแลนด์มอบความเคารพต่อแพนโดรา และเผยด้านอ่อนโยนของเขา ซึ่งช่วยให้ฉากแอ็กชันและการผจญภัยในเรื่องมีน้ำหนักยิ่งขึ้น”

“ลิลิธของเคทเป็นมือปืนผู้บ้าบิ่น ส่วนโรแลนด์ของเควินเป็นทหารมากวินัย” รอธเสริม “เขามีระเบียบและเป็นมืออาชีพ โรแลนด์เป็นคนมีศรัทธา”

เพื่อถ่ายทอดความมีวินัยและทักษะทางทหารนั้น “ผมบอกเควินให้ผลักดันตัวเองหนักกว่าที่เขาคิดว่าตัวเองจะทำได้” รอธเล่า “เควินภูมิใจในความขยันขันแข็งแบบตระกูลฮาร์ต และเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานหนักที่สุดในวงการ แต่ผมอยากให้เขาแตะในด้านที่เขาเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เราต้องเชื่อได้ว่าโรแลนด์รู้วิธีฆ่า มีฉากหนึ่งที่เรามีเขาเล่นงานวายร้าย 50 ตัวรวด!”

เพื่อให้ทั้งหมดน่าเชื่อถือ ฮาร์ตเผย “ผมฝึกซ้อมอย่างจริงจัง” นั่นหมาถึงการใช้เวลานับชั่วโมงไม่ถ้วนในยิม และฝึกใช้อาวุธกับ    แบลนเชตต์ที่สนามยิงปืน “การรับบทในเรื่องนี้เป็นการลบภาพจำที่แฟนๆ มีต่อทั้งเคทและผม” เขาชี้แจง “ผมไม่อาจขอคู่หูที่ดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

แทนนิส

เพื่อรับบทนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องอย่างแทนนิส ไฟก์กล่าวว่า “เจมี ลี เคอร์ติส เป็นตัวเลือกแรกและตัวเลือกเดียวของเรา เมื่อเราได้เคทมานำแสดงแล้ว เราเลยกล้าที่จะเล่นใหญ่ เราจึงทาบทามเควินและเจมี เราบอกเจมีว่าหนังเรื่องนี้ชื่อ BORDERLANDS กำกับโดยอีไล รอธ นำแสดงโดยเคท แบลนเชตต์ และก่อนที่เราจะพูดจบประโยค เธอสวนมาว่า ‘โอเค ฉันเล่น'”

หลังจากแจ้งเกิดด้วยหนังสยองขวัญยอดฮิตอย่าง Halloween เคอร์ติสนำแสดงผลงานภาพยนตร์อย่าง Trading Places, A Fish Called Wanda และ True Lies ก่อนจะได้รางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Everything Everywhere All at Once รอธให้คำจำกัดความเคอร์ติสว่าเป็น “ไอคอน” โดยเสริมว่า “ผมเติบโตมากับหนังของเธอ ผมฝันมาตลอดชีวิตว่าซักวันอยากร่วมงานกับเธอ เธอเป็นต้นแบบให้กับทุกคน”

เมื่อลิลิธและพันธมิตร/พวกพ้อง/ครอบครัวใหม่ของเธอมาเยือนในโลเคชันหลักของภาพยนตร์ (และเกม) อย่าง Sanctuary Cityพวกเขาได้พบกับแทนนิสในบ้านกึ่งห้องแล็บของเธอ มันดัดแปลงจากห้องนักบินของยานอวกาศ เคอร์ติสเผยถึงงานที่ตัวละครของเธอทำ “แทนนิสเป็นนักโบราณคดี เธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับที่ซ่อนสมบัติและเวทมนตร์ ตำนาน และประวัติศาสตร์ของมัน” เธอพูดถึงงานวิจัยที่ตัวละครของเธอหมกหมุ่น ซึ่งเกี่ยวกับวัฒนธรรมของอารยธรรมต่างดาวในอดีต “แทนนิสสามารถช่วยลิลิธ โรแลนด์ และทีมของพวกเขาเข้าถึงมันได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีกทีมพิฆาตที่ถูกส่งมาเพื่อเก็บพวกเขา”

แทนนิสไม่ได้เจอลิลิธตั้งแต่ลิลิธอายุสิบขวบ ซึ่งการโคจรมาพบกันอีกครั้งของพวกเขาก็ทั้งเซอร์ไพรส์และอบอุ่นหัวใจ หนึ่งในการเตรียมตัวเพื่อบทนี้ เคอร์ติสฟังบันทึกเสียงของแทนนิสจากเกม ตามที่ไฟก์เผย ความทุ่มเทของเคอร์ติสนั้นคุ้มค่า “เจมีแสดงเป็นแทนนิสออกมาได้ดูจริง แต่ไม่ทิ้งความสนุกไป เธอมอบความเป็นมนุษย์ให้ตัวละครนี้”

“มันสนุกมากที่ได้สำรวจความเป็นแทนนิส” เคอร์ติสสรุป “คุณมีกลุ่มคนที่ต่างที่มาซึ่งต้องรวมตัวกันเพื่อบรรลุเป้าหมายเดียว ซึ่งนั่นทำให้เรื่องราวที่ตามต่อยิ่งกินใจ มีทั้งพวกนอกกฎหมาย ทหารรับจ้าง นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง บอดี้การ์ดจิตหลุด เด็กแสบปากดี และหุ่นกระป๋อง ทุกคนพึ่งกันและกัน ผู้ชมจะรักพวกเขา พวกเขาช่วยกันขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้า”

ไทนี ทีนา

ความสัมพันธ์หลักและที่เกินคาดที่สุดหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นขึ้นระหว่างลิลิธและ ไทนี ทีนา เด็กสาวที่ตัวเอกของเราถูกมอบหมายให้ตามหา “สิ่งที่ลิลิธทันคิดตอนที่รับงานนี้คือเธอต้องตามหาเด็กอายุสิบสามที่อันตรายที่สุดในกาแล็กซี แถมยังคลั่งไคล้วัตถุระเบิดอีกต่างหาก

“มันเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก การยอมรับพ่อแม่และอดีตของคุณเอง และการค้นหาว่าคุณต้องการอะไรกันแน่” อารัดอธิบาย “พวกเขาอยู่ในจุดที่แตกต่างกันมากในชีวิต แต่การที่ทั้งสองต้องมาร่วมเป็นทีมเดียวกันคือจุดเปลี่ยนสำหรับทั้งคู่ ลิลิธและไทนี ทีนาถูกจับมาอยู่ด้วยกันในแบบที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่รู้สึกอึดอัดไม่น้อยในตอนแรก และ [เรา] รู้สึกว่านี่ควรเป็นแก่นของเรื่อง”

ระหว่างการค้นหานักแสดงมารับบทนี้ ทีมสร้างภาพยนตร์ได้ดูเทปออดิชันเด็กสาวนับพัน ส่วนใหญ่อัดวิดีโอด้วยตัวเอง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย ทีนาเป็นตัวละครที่ต้องเล่นใหญ่แม้จะตัวจิ๋วแค่นั้น แต่เมื่อพวกเขาเห็นเทปออดิชันของ อาเรียอานา กรีนแบลตต์ ในเทปนั้นเธอจุดไม้ขีดไฟและกลืนมันลงไป ซึ่งนั่นซื้อใจทุกคนที่ได้ดูทันที รอธกล่าว “เมื่ออาเรียอานาได้ใจแล้ส เธอก็รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ”

นักแสดงสาวกล่าวอย่างถ่อมตัว “ไทนี ทีนาเป็นตัวละครที่ยาก เธอไม่ใช่เด็กธรรมดา เธอเป็นตัวป่วนของแท้ เธอสามารถยิงจรวดใส่คุณได้แบบไม่ลังเล”

“แต่ไทนี่ ทีน่าก็สามารถนั่งจิบน้ำชากับคุณได้ และเธอรักกระต่าย” รอธเสริม “เธอยังเป็นแค่เด็กกะโปโล”

แฟนเกมจะจำองค์ประกอบเฉพาะตัวหลายอย่างของไทนี ทีนาได้ เช่น หูกระต่าย ผ้าพันแผล รองเท้าที่ไม่เข้าคู่กัน และประโยคเด็ด “It’s Badonkadonk time!” (ถึงเวลาตูมตาม) กรีนแบลตต์กล่าว “เมื่อเธอพูดแบบนั้น ให้รีบหนีให้ไว เพราะไทนี ทีนากำลังจะขว้างระเบิด เธอชอบตุ๊กตาสัตว์เพราะเธอใช้มันเป็นเป้าฝึกยิง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยิงระเบิด ระเบิดมือ และปืนเลเซอร์กระบอกเบ้งของเธอ ไทนี ทีนามีทุกสิ่งที่เด็กทั่วไปมี แต่เธอเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นอะไรที่เด็กทั่วไปไม่ทำกัน”

อย่างไรก็ตาม รอธกล่าวว่าเด็กก็ยังเป็นเด็กเสมอ “แน่นอน ไทนี ทีนา พูดทุกอย่างแบบไม่มีการกลั่นกรอง ไม่ต้องกลัวเพราะมีพี่กล้ามคอยระวังหลังให้ เธอชอบทำลายสิ่งของด้วยระเบิด แต่ทุกคำสบถ ระเบิดมือทุกอัน และความปากแซ่บ ทั้งหมดนั้นเพียงหน้ากากที่เธอสวมใส่ เพราะเธอยังเป็นแค่เด็กที่ต้พึ่งความมั่นคงที่มีแต่ครอบครัวเท่านั้นที่ให้ได้”

ตั้งแต่เริ่มต้น กรีนแบลตต์ทำให้เพื่อนนักแสดงและทีมสร้างประทับใจ แบลนเชตต์กล่าวพร้อมหัวเราะว่า “อาเรียอานาเยี่ยมมาก เธอมีความเป็นมืออาชีพอย่างไม่น่าเชื่อ และอินตัวละครในแบบที่ฉันไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าเธอจะกลับมาปกติได้อีกไหม อาเรียอานาเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เธอมอบความเปราะบางแก่ไทนี ทีนา พร้อมกับทำให้เธอเป็นตัวแสบที่คาดเดาไม่ได้ ลิลิธไม่สามารถพรากสายตาจากเจ้าจิ๋วนี้ได้เลย”

กรีนแบลตต์เสริมว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างลิลิธและไทนี ทีนานั้นซับซ้อน เดิมทีต่างคนต่างไม่ชอบหน้ากัน ไทนี ทีนาพยายามฆ่าลิลิธตอนที่เธอถูกส่งมาตามหา ท้ายที่สุดความสัมพันธ์ของพวกเขาก็พัฒนาไปสู่บางสิ่งที่มากกว่านั้น พวกเขาขาดกันและกันไม่ได้ ทีน่าเริ่มนับลิลิธเป็นแบบอย่าง”

 

ครีก

อีกหนึ่งคนสำคัญในชีวิตของไทนี ทีนาคือ ครีก พี่เกลี้ยงกล้ามล่ำ ผู้ซื่อสัตย์ต่อเธอเท่านั้น “มันเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาด” รอธกล่าว “เพราะทั้งไทนี ทีนาและครีกต่างถูกทอดทิ้ง พวกเขาถูกมองเป็นส่วนเกิน จนต้องมาดูแลกันเอง มันมีความรักและการยอมรับซึ่งกันและกัน ในแบบพี่ชาย-น้องสาว ไทนี ทีนาสามารถดูแลครีกยามที่เขาต้องการ และเขาพร้อมจะฆ่าใครก็ตามเพื่อปกป้องเธอ ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับครอบครัวที่คุณเลือกเอง ภายในครอบครัวนั้นคุณเรียนรู้ที่จะเสียสละซึ่งคือจุดที่คนเราแข็งแกร่งที่สุด”

ครีกเป็น “ไซโค”  เผ่าของโจรเสียสติ พวกมันหมกมุ่นกับตำนานสมบัติอันลือลั่นที่กลุ่มตัวเอกกำลังตามหา ใครเป็นไซโคสังเกตง่ายๆ เพราะพวกมันไม่สวมเสื้อ สวมหน้ากาก มีทักษะการต่อสู้ขั้นเทพแต่ป่าเถื่อน แต่สายสัมพันธ์ของครีกกับไทนี ทีน่าและ “ครอบครัว” ใหม่ของพวก ทำให้เขาใจเย็นลงได้บ้าง ถึงอย่างนั้นเมื่อต้องการกำลังและความดุดันแบบฆ่าให้ตายกันไปข้าง ครีกก็พร้อมจัดให้เสมอ

“ความแตกต่างระหว่างครีกกับไซโคคนอื่นๆ คือการที่เขาใจอ่อนต่อไทนี ทีนา” ฟลอเรียน มันทีอานูกล่าว เขาสร้างชื่อจากการรับบทนักมวยที่น่าเกรงขาม วิกเตอร์ ดราโก ใน Creed II และ Creed III “การที่ไทนี ทีนามอบความอ่อนโยนให้เขา นั่นเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัส และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขา เธอเข้าใจเขา อาจจะไม่ใช่ทุกคำ แต่เธอเข้าสิ่งที่เขาอยากจะสื่อ”

“ครีกสื่อสารได้แค่คำต่อคำ” ทีมันทีอานูกล่าวถึงครีก เขามีหัวคิด แต่เมื่อไหร่ที่ปริปากสิ่งที่มันฟังไม่ได้ศัพท์ เหมือนบทกวีที่จับในความไม่ได้  “เกือบจะไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจจะพูด และแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมที่จะพูดในสถานการณ์นั้นๆ” มันทีอานูอธิบาย “ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถามครีกว่าวันไหนในสัปดาห์ที่เขาชอบที่สุด เขาจะตอบว่า ‘สลัดหนูแฮมสเตอร์!’ นั่นแหละครีก”

แคลปแทรป

แคลปแทรป สมาชิกตัวสุดท้ายที่มาเติมเต็มตี้นี้สมบูรณ์ หุ่นยนต์ตัวจิ๋วแต่ปากแจ๋ง ทีมสร้างตื่นเต้นเมื่อ แจ็ก็ แบล็ค ตกลงที่พากย์เสียงให้ตัวละครนี้ “แจ็กเป็นนักแสดงตลกที่มีพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่ง เขาเป็นตัวเลือกในฝันของเราสำหรับแคลปแทรปร็” รอธกล่าว

 

เช่นเดียวกับแบลนเชตต์ นี่เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งระหว่างแบล็คและรอธ หลังจากที่เคยรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง The House with a Clock in Its Walls ที่กำกับโดยรอธ ผู้กำกับกล่าว “ตอนที่ผมอ่านบท BORDERLANDS ผมคิดว่ามีแต่แจ็กเท่านั้นที่จะเล่นแคลปแทรปได้ มันต้องเป็นแจ็กคนเดียว”

 

เจ้าหุ่นกระป๋องตัวนี้ทำหน้าที่เหมือนลูกคู่ในคณะหมอลำ เหมือนเอาวัยรุ่นน่ารำคาญที่ไม่เคยหุบปากมายัดรวมกันในกล่องใบจิ๋ว แต่รอธว่ามันไปกับหนังได้ดี “ผมชอบที่แคลปแทรปเป็นแบบนั้น เพราะมีตัวละครที่คุณรักเพราะพวกเขาน่ารำคาญได้โดยไม่ชวนหงุดหงิด สิ่งที่ทำให้เรารักเขาคือการที่เขาพูดสิ่งที่น่ารำคาญที่สุดในเวลาที่ไม่เข้าท่าที่สุด สมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มหมันไส้เขา ลิลิธระบายอารมณ์ด้วยการยิงหมอนี่อยู่บ่อยๆ แต่นั่นที่ทำให้แคลปแทรปเป็นตัวฮา”

 

แบลนเชตต์เห็นด้วย เธอกล่าวเสริมว่า “แคลปแทรปทั้งน่ารักและน่ารำคาญอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทำให้แฟนเกมรัก ฉันชอบร่วมงานกับแจ็ค ฉันแค่อยากให้เขามาอยู่หน้ากองด้วยตอนถ่ายทำ มาคอยป่วนด้วยตัวเขาเองเลย!”

 

แอตลาส

แอตลาส เจ้าพ่อขาใหญ่ผู้ทรงอำนาจ ซึ่งเป็นคนจ้างให้ลิลิธตามหาลูกสาวที่หายไปของเขา นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยอันยิ่งใหญ่และมีชะตากรรมของลิลิธและทีมงานของเธอเป็นเดิมพัน “แอตลาสเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด” เอ็ดการ์ รามิเรซ กล่าว เขารับบทเป็นวายร้ายมากเสน่ห์ซึ่งไม่มีใครรู้แรงจูงใจที่แท้จริงของเขา “มันเหมือนเอาองค์กรที่สนแต่ผลประโยชน์ในโลกแห่งความจริง มานำเสนอในร่างคน”

 

“แอตลาสเป็นคนหลงตัวเองแน่นอน เขามีคุณสมบัติครบทุกข้อ” รามิเรซเสริม เขาเพิ่งแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง The 355 และ Jungle Cruise และซีรีส์ “Florida Man” “หมอนี่หมกมุ่นกับการสะสมอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ”

 

รอธเสริม “ลองเลือกมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกสามสี่คนซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี มารวมกันในคนๆ เดียว นั่นแหละแอตลาส”

 

ม็อกซี

 

ในจักรวาลที่เต็มไปด้วยตัวละครเว่อวังอลังการ ม็อกซี เจ้าของบาร์ที่เซ็กซี่ที่สุด (และอาจจะเป็นแห่งเดียว) ใน Sanctuary City เธอไม่ได้โดดเด่นเพียงเพราะภาพลักษณ์สุดเซ็กซี่ “ม็อกซีเป็นคนสำคัญของเมื่องนี้เพราะเธออยู่เป็น” จีนา เกอร์ชอน ผู้รับบทนี้กล่าว “ในมุมหนึ่ง เธอเหมือนหัวหน้าแก๊งมาเฟีย คุณไม่รู้ว่าเธอจะจูบคุณหรือฆ่าคุณ แต่คุณอยากให้เธออยู่ฝ่ายเดียวกับคุณ   ม็อกซี เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ เธออ่านเกมนำหน้าทุกคนไปอีกขั้นเสมอ”

 

สิ่งที่ทีมสร้างและเกอร์ชอนมอบให้ตัวละคร ม็อกซี แฟนภาพยนตร์ฮอลลีวูดยุคคลาสสิกจะจำมันได้ทันที เพราะว่าพวกเขาทำการคารวะ เมย์ เวสต์ ไอคอนภาพยนตร์ยุค 1930 ผ่านตัวละครนี้ “แรนดีบอกเราว่าม็อกซีได้รับอิทธิพลโดยตรงจากเมย์ เวสต์ นั่นทำให้ฉันกระจ่างเลย เพราะฉันก็มองเธอเป็นต้นแบบสำหรับม็อกซีอยู่เหมือนกันอยู่แล้ว” เกอร์ชอนแบ่งปัน “เมย์ เวสต์เป็นตัวแม่ของฮอลลีวูด ไม่มีใครกล้าแหยมกับเธอ เพราะเธอโคตรจะเก๋า นั่นคือแนวทางที่เราอยากสื่อม็อกซีออกมา”

 

รอธกล่าว หนังเรื่องนี้มีตัวละครหญิงแกร่งหลายตัว ทั้งม็อกซี ลิลิธ แทนนิส แม้แต่ ไทนี ทีนา ซึ่งล้วนแล้วถูกนำเสนอออกมาอย่างอิสระ พวกเธอแกร่งและพึ่งพาตัวเองได้ การกระทำและตัดสินใจของพวกเธอมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินเรื่อง 

 

เกี่ยวกับงานสร้าง

ทีมงานเลือกถ่ายทำที่บูดาเปสต์ ประเทศฮังการีเป็นหลัก ทีมงานเลือกถ่ายทำในฮังการีเพราะมีภูมิประเทศเป็นเอกลักษณ์ใกล้เคียงกับภูมิประเทศแปลกประหลาดของดาวแพนโดรา ถ่ายกันในโรงโม่หิน เหมือง และ อุโมงค์ใต้ดิน แอนดรูว์ เมนซีส์ นักออกแบบงานสร้าง จับเอาองค์ประกอบของหนังคาวบอยตะวันตก, อารมณ์ขัน และแฟนตาซีมหากาพย์มาผสมผสานกันเพื่อสร้างดาวแพนโดรา

 

นอกจากที่ โรเจียร์ สตอฟเฟอร์ส  ผู้กำกับภาพใช้ประโยชน์ของบูดาเปสต์ได้ถึงขีดสุดแล้ว ทีมงานตั้งเนรมิตดาวแพนโดราขึ้นมาในสตูดิโอ Stern อีกด้วย อีไล รอธ กล่าวว่า “ผมชอบที่เราปั้นทุกอย่างขึ้นมาใหม่หมดด้วยตัวพวกเราเอง มันเป็นโลกที่ไร้กฎหมาย ที่ทุกคนดิ้นรนเอาตัวรอด”

 

เคท แบลนเชตต์ทำงานอย่างใกล้ชิกับกับช่างแต่งหน้าและช่างทำผมคู่ใจ โมแรก รอสส์ และ เคอร์รี วาร์น รวมถึงนักออกแบบเครื่องแต่งกาย แดเนียล ออร์แลนดี เพื่อพัฒนาลุคสุดปังของของลิลิธ โดยที่ยังให้เกียรติเกมต้นฉบับที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างหลงรัก แบลนเชตต์กล่าวว่า “ฉันหวังว่าแฟนๆ จะดีใจและเซอร์ไพรส์เมื่อได้เห็นลุคของลิลิธในเรื่อง ขณะที่ยังคงสเน่ห์อันคุ้นเคยไว้ครบถ้วน”

 

แบลนเชตต์ผ่านการแปลงโฉมครั้งใหญ่เพื่อรับบทเป็นลิลิธ ตัวละครที่มีผมแดงเพลิงสะดุดตา เธอใช้เวลากว่าสามชั่วโมงต่อวันในการแต่งหน้าและติดชิ้นส่วนสังเคราะห์ รวมถึงวิกที่ทำขึ้นเป็นพิเศษซึ่งจำลองทรงผมเอกลักษณ์ของลิลิธจากเกม ซึ่งไม่มีทางเสียทรงไม่ว่าเคทจะออกลีลาแอ็กชันสักแค่ไหน

แบลนเชตต์ต้องฝึกอาวุธเพื่อให้เชี่ยวชาญเหมือนตัวละครของเธอ เธอฝึกใช้ปืนสั้น Infinity อาวุธประจำตัวของลิลิธ อย่างเข้มข้น โดยเน้นไปที่การควงอาวุธ เธอฝึกกับลูกชายคนโตของเธอซึ่งเป็นมือกลองที่เป็นมือโปรด้านควงไม้กลองอยู่แล้ว เพื่อให้ได้ความคล่องแคล่วและทักษะที่จำเป็นในการควงและใช้อาวุธได้สมจริงเหมือนลิลิธ “ฉันดีใจที่ได้มอบกลิ่นอายแบบคาวบอยลงไปให้หนังเรื่องนี้” แบลนเชตต์กล่าว

 

แคลปแทรป ตัวละครหุ่นยนต์ปากมากขวัญใจแฟนๆ ถูกสร้างขึ้นด้วยซีจีในในขั้นโพสต์โปรดักชัน แต่ในระหว่างการถ่ายทำ นักแสดงมีปฏิสัมพันธ์กับหุ่นจำลองที่เคลื่อนไหวได้บางส่วน โดยมีเสียงของโดยแจ็ก แบล็คที่บันทึกไว้ก่อนหน้าคอยไกด์ วิธีการนี้ช่วยให้นักแสดงรักษาความสมจริงและความต่อเนื่องเมื่อแสดงตรงข้ามกับตัวละคร CGI

 

แดเนียล ออร์แลนดี นักออกแบบเครื่องแต่งกาย ออกแบบชุดของไทนี ทีนา จอมขโมยซีนของเรื่อง โดยให้มันออกมาดูใช้งานได้จริงที่และสะท้อนถึงความหลงใหลในวัตถุระเบิดและความเพี้ยนเล็กๆ ของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกันฝนตัวยาวที่เธอซุกระเบิดมือเอาไว้ เป้ใบเล็กๆ หูกระต่ายสวมหัว ไปจนถึงรองเท้าที่ไม่เข้าคู่กัน ร่วมขับความป่วนและธรรมชาติที่สนุกสนานของเธอจากเกมออกมาให้เห็นชัด ออร์แลนดีอธิบายว่า “ในฐานะนักออกแบบเครื่องแต่งกาย บางครั้งเราก็ต้องเป็นนักแก้ปัญหาไปพร้อมกัน ไทนี ทีนา มักใช้ระเบิดอยู่เสมอ แต่เธอซ่อนมันไว้ตรงไหนล่ะ นั่นเป็นที่มาของเสื้อโค้ทและเป้ที่เธอสะพายไว้ตลอดเวลา”

 

ตัวละครของฟลอเรียน มันทีอานู ครีก สวมใส่หน้ากากกันแก๊สที่เป็นเอกลักษณ์ มันปิดเกือบทั้งหน้า เว้นตาไว้ข้างเดียว อาวุธที่เขาเลือกคือกระบองที่ตรงหัวใบเลื่อยหมุน พร้อมหั่นทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่สนว่าจะไม้หรือเหล็ก แม้แต่กระทั่งพวกไซโคด้วยกัน

 

นักประพันธ์เพลง สตีฟ จาบลอนสกี มอบซาวด์แทร็กที่เป็นเอกลักษณ์ให้หนังเรื่องนี้ เราผสมผสานดนตรีร็อคเข้ากับดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อให้เข้ากับเซ็ตอัพและตัวละครของเรื่อง อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดจากเกม  แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป ดนตรีประกอบเปลี่ยนจากบรรยากาศดิบๆ ไปสู่ความอลังการเจือกลิ่นออเคสตรา สะท้อนอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของหนัง” จาบลอนสกีกล่าว

 

การสร้าง BORDERLANDS เต็มไปความท้าทายและอุปสรรคนานับปรการ แต่นักแสดงและทีมงานทุกคนเห็นพ้องกันว่ามันคุ้มค่า ไฟก์กล่าว “งานภาพและอารมณ์ขันที่เป็นเอกลักษณ์ของ BORDERLANDS ทั้งบรรยากาศที่แฟนๆ หลงรัก เราเอาทั้งหมดมาจัดให้ในรูปแบบภาพยนตร์ นี่คือมหากาพย์การผจญภัยทะลุจักรวาลที่จัดเต็มเอามัน ไม่มีการยั้งมือใดๆ “

 

แรนดี พิตช์ฟอร์ด ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์และผู้ก่อตั้ง Gearbox Entertainment กล่าว “ถ้าคุณไม่รู้จักมาก่อนว่า BORDERLANDS คืออะไร ไม่ต้องกังวลไปเพราะหนังเรื่องเป็นจักรวาลใหม่ทั้งหมดอย่างแท้จริงซึ่งหากันไม่ได้ง่ายๆ  มันมอบสิ่งที่คุ้นเคยกับสิ่งที่จะทำให้คุณประหลาดใจไปพร้อมกัน มันมีบางช่วงที่ทำให้อะดรีนาลีนของคุณจะพุ่งทะลุเพดาน บางจุดก็กรามค้างเพราะมุกตลกที่สดใหม่ และไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณน้ำตาคลอเพราะสายสัมพันธ์แสนลึกซึ้งระหว่างตัวละคร”

 

แบลนเชตต์กล่าว “นี่เป็นโอกาสให้ผู้ชมรวมตัวกันในโรงภาพยนตร์และไปสนุกกับการผจญภัยครั้งใหม่ ฉันหวังว่าผู้ชมจะเปิดใจรับประสบการณ์นี้ นั่งแฮงเอาท์กับในความมืดกับคนแปลกหน้า สนุกไปกับตี้ไม่เต็มบาตรบนจอ”

 

“มีหลายสิ่งที่จะทำให้คุณตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ ทั้งความฮา แอ็กชัน และบรรดาตัวละครที่ต้องค้นหาความเป็นมนุษย์ในหัวใจ หนังเรื่องนี้ทำให้คนแปลกๆ โคจรมาเจอกัน เคท, เควิน, เจมี, ฟลอเรียน และฉัน แต่ตัวละครของเราเคมีเข้ากันอย่างลงตัว และคุณจะได้เห็นด้านที่เปราะบางของแต่ละตัวละครเช่นกัน” กรีนแบลตต์กล่าว

 

พิตช์ฟอร์ดกล่าว “เรามีอีสเตอร์เอ้กกระจายอยู่ทั่ว BORDERLANDS ดังนั้นคุณจะรู้สึกถึงอิทธิพลของเกมต้นฉบับและป็อป คัลเจอร์อื่นๆ  องค์ประกอบที่ซ่อนอยู่เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบแทนแฟนๆ ของแฟรนไชส์ ให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมในการตามหา Easter Eggs ต่างๆ ที่แอบหย่อนไว้ตลอดทั้งเรื่อง

 

 

การถ่ายทอดเรื่องราวสุดพึลึกของ Borderlands ออกมาได้ดีต้องใช้เวลา แฟรนไชส์วิดีโอเกมซึ่งเปิดตัวให้โลกรู้จักครั้งแรกเมื่อปี 2009 มันกลายเป็นปรากฏการณ์ ทำยอดขายได้กว่า 80 ล้านชุด เรื่องทั้งหมดมีฉากหลังเป็นดาวแพนโดอรา (ไม่ใช่ดาวบ้านเกิดเอเลียนตัวฟ้า) มันเป็นดาวที่เหลือแต่ซากที่ เต็มไปด้วยคนเพี้ยนที่ห้ำหั่นกันเพียงเพื่อเงิน และความรักในการทำลายล้าง เมื่อปี 2015 มีรายงานว่า Lionsgate กำลังพัฒนามันเป็นภาพยนตร์ ใช้เวลาอยู่หลายในการควานหาผู้กำกับที่มีลูกบ้าพอที่จะทำมันออกมา

อีไล รอธ (ผู้กำกับ): ผมอยากสร้างจักรวาลของตัวเองมาตลอด สิ่งที่ใหญ่ สนุก และไม่จริงจังเกินไป ให้มันออกมาระดับเดียวกับ Star Wars และ Fifth Element อารี อาราด (โปรดิวเซอร์) ติดต่อ แรนดี พิตช์ฟอร์ด ผู้สร้างเกม เพื่อขอทำ Borderlands เป็นหนัง ประมาณเจ็ดปีก่อนที่ผมจะเข้ามาร่วมงาน แก้กันไปหลายรอบ ในเกมมีตัวละครมากมาย และพวกเขาหยิบจับมาใช้เล่าเรื่องจนเกือบครบ มันก็เหมือนกับ Dungeons & Dragons มีเส้นเรื่องให้เล่ามากมาย จะเริ่มต้นตรงไหนดีล่ะ? จนในที่สุดพวกเขาก็คิดไอเดียเกี่ยวกับมหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ในห้องลับบนดาวแพนโดรา คุมโดยวายร้ายที่ชื่อว่าแอตลาส บทที่ผมได้อ่านยอดเยี่ยมมาก แน่นอนว่าผมก็เติมไอเดียของตัวเองลงไปด้วย

เอ็ดการ์ รามิเรซ (แอตลาส): ในเกม ศัตรูที่ผู้เล่นต้องรับมือคือองค์กรที่ชื่อแอตลาส ในฉบับภาพยนตร์ องค์กรนั้นถูกรวบเข้าในบทของชายคนเดียว  ตัวละครของผมเอง ผมเป็นชายที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาลและคนที่ชั่วร้ายที่สุดที่คุณจะจินตนาการได้ ลูกสาวของผมถูกลักพาตัวไป ซึ่งผมต้องการนักล่าค่าหัวมือดีที่สุดเพื่อตามเธอกลับมา

บทที่รอธได้อ่าน และเอามาพัฒนาต่อ (รอธ และ โจ โครมบี้ แชร์เครดิตเขียนบท) โฟกัสนักล่าค่าหัวดังกล่าว ลิลิธ หญิงสาวที่จากดาสแพนโดราไปหลายปี และไม่คิดจะกลับมาเยือนดาวบ้านเกิดอีกอีก เธอเป็นหัวหน้าแก๊งไม่เต็มบาตรในเรื่อง บทลิลิธต้องอาศัยนักแสดงที่สามารถเล่นบทตลก ดราม่า และแอ็กชันได้ เธอคือศูนย์กลางของโลกพิศดารในเรื่อง

อีไล รอธ:  หลังจากที่เราร่วมงานกันใน The House With A Clock In Its Walls เคท แบลนเชตต์ บอกผมว่า “คุณห้ามทำหนังเรื่องโดยไม่มีฉันอีกต่อไป” ผมยอมเธอเฉยเลย

เคท แบลนเชตต์ (ลิลิธ): ตอนนั้นเราสนุกกันมาก ฉันติดต่อกับอีไลตลอด เขาโทรหาฉันตอนที่เขาพัฒนาหนังเรื่องนี้นี้และขอให้ฉันอ่านบท ตามประสาเพื่อนเท่านั้น เขาไม่ได้ยังคับให้ฉันต้องเล่นมัน ฉันอ่านและพูดว่า “ว้าว มันมีความเป็น Escape From New York เพียบเลยในนี้”

รอธ: หนังเรื่องโปรดของเคทคือ Escape From New York แต่ไม่มีใครรู้ ทำไมคุณถึงชอบมันนะ?

แบลนเชตต์: ฉันโตมากับมัน ฉันรักความเป็นดิสโทเปียแต่สามารถจับต้องได้ของมัน

รอธ: ผมขอให้เธอเล่นเป็นลิลิธ ซึ่งเธอบอกผม “ฟังนะ ฉันเชื่อมือคุณ” จากนั้นแรนดี พิตช์ฟอร์ดและ คริสตี ภรรยาของเขา ชวนเธอเล่นเกม

แบลนเชตต์: แค่เกมมือถือฉันยังเล่นไม่เป็นเลย แต่ฉันซื้อ PS5 มาลองเล่นกับพวกเขา คริสตีมีบทบาทสำคัญในออกแบบลิลิธฉบับเกม ฉันอยากรู้ขีดจำกัดของเกม และอะไรที่ทำให้แฟนๆ รักตัวละครนี้ ฉันอินกับโลกในเกมมาก ทั้งดูคอสเพล หัดแต่งหน้าเป็นเธอตาม YouTube

รอธ: ผมว่าการที่ผมยุให้เธอลองทำอะไรบ้าๆ บอๆ  เหมือนจับเอาผลของเราก่อนหน้าอย่าง Elizabeth และ Hostel TAR และ Thanksgiving มาผสมกัน

แบลนเชตต์: ฉันมักจะสนใจเวลาผู้กำกับขอให้ฉันลองทำอะไรเพี้ยนๆ  สิ่งที่ฉันไม่เคยคิดจะลองทำมาก่อน ฉันคิดว่ามันอาจเป็นเพราะฉันเก็บกดตอนช่วยโควิดด้วย ฉันใช้เวลาไปกับการทำสวนเยอะมาก หัดใช้เลื่อยไฟฟ้าจนชินมือ อาจจะชินเกินไป สามีของฉันบอกว่า “หนังเรื่องนี้อาจช่วยชีวิตคุณได้”

รอธ: แน่นอนว่าทันทีที่คุณได้เคทมานำแสดง เหมือนเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ทุกคนสนใจเข้ามาร่วมงาน

เมื่อได้แบลนเชตต์เข้ามาร่วมทีม รอธจึงเริ่มรวบรวมทีมงานนักแสง นั่นรวมถึงเจมี ลี เคอร์ติส ในบท แทนนิส นักวิทยาศาสตร์อินโทรเวิร์ตซึ่งงานวิจัยของเธออาจเป็นกุญแจสู่ห้องลับในตำนาน เควิน ฮาร์ต ในบท โรแลนด์ อดีตทหารรับจ้างของแอตลาสที่หนีออกมาพร้อมลักพาตัวลูกสาวของหัวหน้าเก่า อาเรียอานา กรีนแบลตต์ ในบท ไทนี ทีนา สาวผู้คลั่งไคล้วัตถุระเบิดที่ ลูกสาวของแอตลาที่ถูกโรแลนด์ลักพาตัว ฟลอเรียน มันทีอานู ในบท ครีก พี่ล่ำจิตหลุดจอมคลั่ง ที่รักทีน่าเหมือนน้องสาว และ แจ็ก แบล็ก ให้เสียง แคลปแทร็ป หุ่นยนต์จอมปากมาก

แบลนเชตต์: เราถ่ายทำในช่วงโควิด [ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2021] ตอนแรกเราวางแผนถ่ายทำที่สตูดิโอ ILM ในลอนดอน แต่เราต้องปรับแผนเฉพาะหน้า จนลงเอยที่บูดาเปสต์

เจมี ลี เคอร์ติส (แทนนิส): เหตุผลเดียว มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น ที่ฉันจะลากตัวเองไปบูดาเปสต์กลางช่วงโควิดระบาด คือโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับเคท แบลนเชตต์

แบลนเชตต์: เจมีและฉันเคยพบกันครั้งเดียวเมื่อหลายปีก่อนนอกงานปาร์ตี้ ฉันคิดว่าเธอคงจำไม่ได้ เราเลยนัดเจอกันที่โรงแรม เผชิญหน้ากัน จนฉันคิดไปว่า “ว้าว เจมี ลี เคอร์ติสไม่ชอบหน้าฉัน!”

เคอร์ติส: (คิ้วขมวด) เพราะข้อบังคับโควิด ฉันเลยไม่ได้กระโดดกอดเธอด้วยความรักและหมันเขี้ยว ฉันทิ้งของฝากซึ่งแสดงความเคารพและชื่นชมไว้หน้าประตูห้องของเธอ

แบลนเชตต์: ที่งานปาร์ตี้เดียวกันนั้น ฉันพบแจ็ก แบล็ก ครั้งแรก เขากำลังจะออกจากงาน พร้อมกับถุงของขวัญ 25 ใบ 25 ใบ! ฉันไม่ได้โม้

แจ็ก แบล็ก (ให้เสียงแคลปแทรป): พูดแล้วก็เขิน มันเป็นงานปาร์ตี้ก่อนออสการ์ และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมไปโซนแจกของ เพราะผมอายมากที่ได้เจอไอดอลด้านการแสดงของผมที่โซนรับรถ ขณะที่แบกถุงใส่ครีมและโลชั่นพะรุงพะรัง

รอธ: ตอนที่ผมพบกับเควิน เขากำลังมองหาบทแอ็กชัน มันเหมือนกับตอนที่ วิล สมิธ พลิกบทที่จาก The Fresh Prince [Of Bel-Air] ไปส Bad Boys ผมถามเขาว่า “เควิน คุณเคยฆ่าใครในหนังบ้างไหม?” เขาตอบว่าไม่ ผมเลยบอกเขาว่า “เดี๋ยวเรื่องนี้ผมให้คุณยิงเป็นร้อยศพเลย”

เควิน ฮาร์ต (โรแลนด์): ผมอยากทำสิ่งผู้ชมไม่คิดว่าผมจะทำได้ โรแลนด์เป็นทหารและนักฆ่าเลือดเย็น

รอธ: ตอนที่ผมเลือกอาเรียอานา เธอยังไม่ได้เล่น Barbie เธอเพิ่งอายุ 13 ปี ตอนนั้นเธอกำลังถ่ายเรื่อง 65 อยู่

อาเรียอานา กรีนแบลตต์ (ไทนี ทีนา): ฉันลองออดิชั่นด้วยสิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน ตอนวันขอบคุณพระเจ้าพ่อฉันสอนทริกจุดไม้ขีด ดับมันในปากแล้วพ่นควันออกมา ฉันซื้อไม้ขีดมอลองฝึก เสียสุขภาพสุดๆ แย่มาก ฉันลองทริกนั่นตอนออดิชั่นเพื่อมอบบุคลิกทีนา เพราะเธอชอบไฟและวัตถุระเบิด

รอธ: ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอคือคนที่ใช่

ฟลอเรียน มันทีอานู (ครีก): ผมว่าผมเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาร่วมทีม ผมยังค่อนข้างใหม่กับการแสดง การเข้าร่วมทีมนักแสดงในเรื่องนี้เหมือนกับผมเป็นนักฟุตบอลที่เพิ่งเลื่อนจากทีมเยาวชนแต่กลับได้เล่นกับโรนัลโดและเมสซี่ทันที

รอธ: ผมรู้สึกเป็นทั้งพ่อและนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องหนึ่งในการรวมทีมนักแสดงเข้าด้วยกัน คุณใช้สัญชาตญาณเลือกคนที่คุณชอบ หวังว่าพวกเขาจะเข้ากันได้

เคอร์ติส: เราไม่สามารถใกล้ชิดกันได้ ครั้งแรกที่ฉันเข้าฉากกับทีมนักแสดง หลังจากผ่านการตรวจทั้งหมด มันเป็นฉากรวมนักแสดงที่เข้ากองในวันนั้น มีแค่เคท, ฟลอเรียน, [เบนจามิน ไบรอน] เดวิส ที่รับบทบทคนขับรถของเรา และตัวฉันเอง

มันทีอานู: ผมแค่อยู่ที่นั่นและซึมซับประสบการณ์

เคอร์ติส: เรานั่งล้อมวงคุยเกี่ยวกับการแสดง ฟลอเรียนเล่าถึงการทำงานกับ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน เล่าให้ฟังว่าเขาเน้นการทำความเข้าใจตัวละครอย่างเจาะลึก เคทพูดถึงละครเวที เบน ซึ่งเป็นครูสอนการแสดงทั้งยังเป็นนักแสดง เผยวิธีของเขา ฉันไม่เคยเรียนการแสดง แม้จะผ่านงานแสดงมา 45 ปี แต่ไม่เคยเล่นละครเวทีเลย ฉันมองพวกเขา จู่ๆ น้ำตาเริ่มไหล ฉันบอกเขาว่า “แทนนิสมีอาการออทิสติก ตอนที่ฉันเตรียมตัว ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอพูดในบท แต่ฉันยังไม่รู้ซึ้งว่าทำไมเธอถึงรู้สึกโดดเดี่ยว พอพวกคุณพูดถึงการเตรียมตัวขึ้นเวที มันเหมือนคุณพูดภาษาจีนกวางตุ้ง” นั่นเป็นวินาทีที่ฉันเข้าในความเป็นแทนนิส

กรีนแบลตต์: เจมีกลายมาเป็นคุณแม่ประจำกองทันที เธอมักจะมากับผมของฉัน และเตือนให้ฉันอย่าลืมไปโรงเรียน

เคอร์ติส: ฉันชอบทำงานกองถ่ายและเป็นส่วนหนึ่งของทีม พวกเขาบอกฉันว่า “เราเตรียมห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ให้คุณโดยเฉพาะ” ฉันจะเอาห้องใหญ่ๆ ไปเพื่อ! ฉันใช้แค่ห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แอบงีบบ้างบางครั้งแค่นั้น

แบลนเชตต์: พอเมื่อเราได้ไฟเขียวให้มารวมตัวกันได้ มันสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งหัวเราะและร้องไห้จริงๆ ไม่ใช่แค่เราเข้ากันได้ดี มันยังมีความโล่งใจที่ได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติซักที

รามิเรซ: เจมีเป็นคนจัดกิจกรรมให้เราทำด้วยกันรอบๆ บูดาเปสต์ นั่นน่ารักมาก

แจ็ก แบล็ก: เล่นเอาผมรู้สึกผิดเลย เพราะผมไม่ได้ไปกอง

เควิน ฮาร์ต: สำหรับแคลปแทร็ป เราส่วนใหญ่เล่นกับหุ่นจำลองของเขา

แจ็ก แบล็ก: ผมได้รับข้อความจากเจมี เธอบอกผมว่า อันนี้คือคำต่อคำเลยนะ  “เอ็งหายหัวไปไหน? เอ็งทำงานจากบ้านได้เหรอ? ไร้สาระ” พวกเขาอยู่ไกลบ้าน ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ส่วนผมตื่นเที่ยงมาอัดเสียง ยังใส่ชุดนอนอยู่เลยด้วยซ้ำ

การถ่ายทำในช่วงโรคระบาด แถมนักแสดงส่วนใหญ่ไม่มีประสบการณ์แอ็กชัน อาจทำให้รอธไม่มีตัวเลือกมากนัก แต่นั่นขับเคลื่อนให้เขาคิดนอกกรอบ

รอธ: ความสุขในการทำหนังแบบนี้คือการนำดึงองค์ประกอบจากเกม ตามหาสถานที่สุดตื่นตา โยนใส่นักแสดงเหล่านี้ลงไป และกลั่นแอ็กชันที่สนุกสนานและบ้าคลั่งออกมา

แบลนเชตต์: ฉากสาดกระสุนเป็นอะไรที่สนุกมากๆ ไฮไลต์สำหรับฉัน นอกจากการได้เจอเจมี คือการถ่ายทำฉากในอุโมงค์

รอธ: ผมไปบูดาเปสต์เพื่อหาโลเคชั่นก่อนที่เมืองจะล็อกดาวน์ ผมเจอเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดิน อุโมงค์ขนเบียร์ สร้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีโรงกลั่นด้านบน มันน่าทึ่งมาก เรามีฉากขับไล่ล่าใส่ไว้ในบท ซึ่งผมคิดว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราย้ายมันไปใต้ดิน ทำให้มันระทึกกว่าเดิม?”

เคอร์ติส: พวกโจรใช้อุโมงค์ดังกล่าวกบดาน พวกมันทั้งหมดตามล่าเรา ข้างล่างมันหนาวมาก

มันทีอานู: ใต้อุโมงค์อุณหภูมิติดลบ 15 องศา แถมตัวละครของผมต้องไม่ใส่เสื้อ เล่นเอาอ่วมเลย 

รอธ: ฉากนี้แสดงให้เห็นพวกเขาเป็นทีมเดียวกัน ทุกคนลุยสุดตัว ผมคอยเพิ่มอะไรลงไปตลอด เช่น “ดูสิเคท หมอนั่นถือปืนไฟ แต่เจมีเผลอยิงหัวมัน คุณเลยหยิบปืนไฟไปใช้ต่อ เควินถือปืนกลกดไม่ยั้ง อาเรียอานาโยนระเบิด และกลิ้งมันไปที่ระหว่างขาของคุณ!
กรีนแบลตต์: ฉันโยนระเบิดซึ่งคุณคิดว่าทีมจะไปใส่ระเบิด CG แต่อีไลหลอกเรา เพราะไอ้ระเบิดที่โยนไปมันระเบิดตรงนั้นเลย มันสมจริง ปฏิกริยาของนักแสดงก็เกิดขึ้นตรงนั้นจริงๆ

รอธ: อาเรียอานาแค่หันมาและยักไหล่ พูดแค่ “อุ๊ปส์”

เคอร์ติส: เคทใช้อาวุธได้เป๊ะมาก เธอทำฉันอึ้ง เธอฝึกควงปืนตลอด 24 ชั่วโมง

รอธ: คุณอาจเคยเห็นเธอควงกระบองมาแล้ว แต่รอจนกว่าคุณจะเห็นเธอควงปืนก่อนเถอะ

แบลนเชตต์: ฉันไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้มาก่อน มันสำคัญสำหรับฉันที่ต้องทำให้มันออกมาถูกต้อง

มันทีอานู: เมื่อว่าด้วยฉากต่อสู้ ผมควรจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ที่สุด (มันทีอานูเป็นอดีตนักมวย) แต่มันยังทำให้ผมอ้าปากค้างอยู่ดี

ฮาร์ต: ผมกับเคทมีฉากแอ็กชันที่โคตรเท่ เราหันหลังชนกัน ลุยแบบเคียงบ่าเคียงไหล่ มันเจ๋งมากๆ 

แบล็ก: เคทมอบมิติทางอารมณ์ให้ตัวละครของเธอ มันเหมือนกับการดู โรเบิร์ต เดอนีโร ใน Midnight Run ที่ฉากแอ็กชันมาถึงโดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว

รอธ: บางครั้งหนังแนวนี้มันก็หลุดโลกเกินไป ถ้ามันไร้สาระเกินไป คนจะเลิกสนใจ ผมอยากให้คนที่ดูหนังเรื่องนี้สนุกไปกับมัน แต่ผมก็อยากให้ผู้ชมสัมผัสได้ว่าเราจริงจัง ไม่ได้ทำเล่นๆ

กรีนแบลตต์: อีไลมอบรายชื่อหนังให้เรากลับไปดูเพื่อทำการบ้าน

รามิเรซ: มีตั้งแต่ Barbarella และ Flash Gordon 

แบลนเชตต์: ฉันและอีไลเป็นแฟนจอโดโรว์สกี ฉันรักงานของเขา มันพิศดาร น่าเกลียด และรุนแรง

รอธ: อาเรียอานาถามผมว่าควรดูเรื่องอะไรดี ผมบอกเธอว่า ให้ลองดู Empire ผลงานของแอนดี้ วอร์ฮอลจากปี 1964

กรีนแบลตต์: สมองเล็กๆ ของฉันตอนอายุ 13 คิดไปเองว่า “ถ้าผู้กำกับแนะนำให้ดูเรื่องไหน หนังเรื่องนั้นต้องมอบข้อมูลให้ฉันไว้สร้างตัวละครแน่ๆ” ฉันเพิ่งมารู้ว่ามันเป็นการตั้งกล้องถ่ายตึกเอ็มไพร์ สเตตแปดชั่วโมงติด

รอธ: เธอไปหามาดูจริงๆ หลังจากนั้นผมบอกเธอและเคทว่าให้ไปดู Daisies โดย เวรา ชิทิโลวา

กรีนแบลตต์: ฉันคุยกับเคทครั้งแรกก็เกี่ยวกับเรื่อง Daisies นี่แหละ

รอธ: ทั้งหมดนี้เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา ผมไม่อยากให้เราอิงข้อมูลจากแหล่งทั่วไป ผมชอบมอบโจทย์อ้อมๆ ให้พวกเขา 

ฮาร์ต: สิ่งที่ทำให้ผมสนใจในตัวละครนี้ คือผมต้องหาจังหวะที่จะไม่ตลกบ้าง โรแลนด์ไม่ได้เป็นตัวฮาของกลุ่ม นั่นไม่ใช่หน้าที่ของผมในเรื่องนี้ นั่นมันงานของแจ็ก แบล็ก

รอธ: อารมณ์ขันของผมส่วนใหญ่ไปที่คล้ายกับหนังเงียบของ เมล บรู้ก หรือ Sleeper โดย วู้ดดี้ อัลเลน มันมีฉากที่แคลป แทร็ปถูกยิงจนพรุน ผมอยากต่อยอดมุขนี้ ทุกคนในทีมต้องหยุดและดูหุ่นยนต์ปากมากนี่เบ่งลูกตะกั่วออกเหมือนปลดทุกข์ หุ่นตัวนี้ทำให้ผมนึกถึงหมาเฟรนช์บูลด็อกที่ผมเลี้ยง มันเขินทุกครั้งที่อึ ผมถ่ายคลิปมันส่งไปที่ไลออนส์เกต บอกพวกเขาว่า “จะเป็นไรไหมถ้าให้แคลปแทร็ปทำแบบนี้?”

แบล็ก: เขาไม่ได้ส่งคลิปหมาให้ผม แต่ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงในห้องบันทึกเสียง เพื่อหาจุดที่ลงตัวให้แคลปแทร็ป

รอธ: ผมอยากให้หนังเรื่องนี้มีหัวใจ ถ้ามีแต่ความระเบิดเถิดเทิงตลอด 90 นาที มันก็คงเป็นแค่หนังกลวงๆ เรื่องนึง หนังมันมีส่วนที่เป็นอารมณ์จับต้องได้ มันจะทำให้คุณดูจบแล้วรู้สึกว่า “เขินจัง แต่ขอบอกเลยว่าดูจบแล้วน้ำตา” เราต้องพยายามให้ได้สิ่งนั้นมา จะจับยัดมั่วๆ ไม่มีทางได้ผล เราทำงานกับนักแสดงที่ดีที่สุดในโลก พวกเขาสามารถทำมันเป็นจริงได้

ฮาร์ต: ผมรอไม่ไหวที่จะให้ผู้ชมได้ดูมัน ผมเห็นหลายคนถามว่า “ทำไมถึงเอาคนนั้น คนนี้มารับบท มันเข้ากันตรงไหน?” ดูจบแล้วจะเลิกสงสัย ผมรักในสิ่งที่พวกเราร่วมกันสร้างมา