“พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ” หรือ “ผู้การแต้ม” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล วันนี้จะเปิดใจถึงวงการตำรวจไทย และจุดเริ่มต้นฉายามือปราบหูดำ ยิงมาแล้วกว่า 39 ศพ พร้อมเผยชีวิตมือปราบ กินอยู่บนรถเป็นเดือนๆ พร้อมเปิดอาชญากรรมสุดโหด เดิมพันด้วยชีวิต ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ พร้อม “เอส กันตพงศ์” นั่งเก้าอี้เป็นพิธีกรดำเนินรายการเป็นครั้งแรก

เป็กกี้ : เป็นครั้งแรกกับการที่เอสเป็นพิธีกรรายการคุยแซ่บShow เป็นยังไงบ้างกับการกลับมา

เอส : ตื่นเต้นมาก ดีใจ ถ้างานพิธีกรหลายท่านอาจได้ดูตามสื่อ ส่วนใหญ่ผมเป็นแขกรับเชิญ ถ้าพิธีกร นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ หลังหายป่วยแล้ว ก็ดีใจและแฮปปี้มาก ขออนุญาตฝากเนื้อฝากตัวกับแฟนคลับรายการนี้ ผมอาจมีอะไรผิดพลาด พูดผิดไปบ้าง น่าจะเข้าใจว่าผมป่วยมาก่อน แต่ผมจะทำเต็มที่ ที่กล้ากลับมารับงานพิธีกรเพราะคิดว่าใกล้เคียงเดิมมากๆ แล้ว

เป็กกี้ :   คุณเหมือนเดิมเป๊ะเลย  เตรียมตัวยังไงบ้าง

 เอส : พูดไปเดี๋ยวคุณแม่โกรธหรือเปล่า (หัวเราะ) ผมตั้งใจแล้วว่าจะไม่นอนดึก เมื่อคืนนอนเกือบตีสามเพราะทำการบ้าน (หัวเราะ) ทางรายการมีประวัติ มีเรคคอร์สมาให้ก็จริงเกี่ยวกับแขกรับเชิญ แต่แขกรับเชิญวันนี้ ผมรู้จักท่านมาพอสมควร ชอบหาข้อมูลและทำการบ้าน ความตั้งใจอยากให้ผู้ชมได้รับชมแล้วได้ประโยชน์ในมุมที่ไม่เคยได้รับจากการสัมภาษณ์ท่านอื่นของแขกท่านนี้

เป็กกี้ : พี่แต้มเปิดประเดิมพิธีกรชายให้เราเลย

รองแต้ม : พิธีกรถือเป็นหลานชาย ผมเป็นเพื่อนพ่อเขานะ เพื่อนรักกันมานานมาก เห็นเอสตั้งแต่ 10 กว่าขวบ ตั้งแต่แก้ผ้าอยู่เลย (หัวเราะ) สนิทกับครอบครัว

เป็กกี้ : ไม่เจอพี่แต้มนานเท่าไหร่แล้ว

เอส : จำไม่ได้เลยจริงๆ อย่างที่ทุกคนทราบในข่าวว่าความจำในอดีตผมหายไปแล้ว ต่อให้ความจำกลับมาครั้งสุดท้าย ตอนไปต่างประเทศด้วยกัน มีสิ่งหนึ่งไม่รู้อาแต้มจำได้หรือเปล่า ผมชอบเล่าให้คุณแม่และครอบครัวฟัง เด็กๆ ผมอยากเป็นตำรวจเหมือนกัน ไอดอลผมคืออาแต้ม อันนี้เรื่องจริง ผมเห็นด้วยกับวิธีที่อาปฏิบัติงานมากๆ คือชัดเจน เด็ดขาด ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย นี่คือความสุดยอดของคุณอาจริงๆ

เป็กกี้ : ตอนนี้เปิดร้านอยู่ที่อยุธยา ล่าสุดลิซ่าก็ไปทาน

รองแต้ม : ร้านผมเป็นร้านอาหารธรรมดา แต่ผมไปต่างประเทศบ่อย ก็เอารูปแบบของต่างประเทศมาตกแต่ง แต่อาหารธรรมดา ราคาธรรมดา ที่สำคัญที่สุดเราได้รับเกียรติจากลิซ่าไปทานอาหาร ร้านเราได้มิชลิน (หัวเราะ) ร้านชื่อขาวลออ บ้านเป็นสีขาว แม่ยายชื่อลออ ต้องใส่ชื่อแม่ยายเข้าไปหน่อยเพราะเขาให้มรดก เดี๋ยวเขายึดคืน (หัวเราะ) ร้านอยู่ในตัวเมือง รอคิวไม่นาน แต่เสาร์-อาทิตย์ต้องจอง กดขาวลออเสิร์จก็เจอเลย

เอส : กฎหมายยาเสพติดปัจจุบันบ้านเราเป็นอย่างไรบ้าง

รองแต้ม : ผมต่อสู้เรื่องยาเสพติด ผมเกลียดที่สุดคือเรื่องยาเสพติด ตีหัวหมาด่าแม่ใครยังพอช่วยกันได้ แต่ยาเสพติดคุณอย่ามาหาผม เพราะตอนผมเป็นตำรวจ ผมมีภาพจำเรื่องยาเสพติด ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรีคนนึง คิดเอาว่า 10 เม็ดเป็นผู้เสพ ผมต่อสู้และเป็นคนเดียวที่ออกมาต่อสู้ จนสื่อมวลชนช่วยผม จนไปไม่ได้ จนเหลือ 5 เม็ด ผมก็ไม่ยอม ผมร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน จนมารัฐมนตรีคนใหม่เหลือเม็ดเดียว ถามว่าเม็ดเดียวพอใจมั้ย เอาล่ะ รับได้ แต่ในใจผมไม่พอใจ เพราะผมไม่อยากให้มีกำหนดเม็ด เพราะยาเสพติดเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมทุกประเภท เราปล่อยยาเสพติดไปคือปล่อยอาชญากรไป ถามว่าเราจะเอาผู้เสพให้ไปอยู่กับชุมชน ชุมชนจะนอนหลับได้ไง หนึ่งมึงอยู่กูก็ระแวงอยู่แล้ว นอนอยู่บ้านก็ผวาอยู่แล้ว คุณเป็นรัฐบาล เป็นคนออกกำหนด คุณมาออกอย่างนี้ แสดงว่าคุณไม่รักประชาชนสิ

เอส : ยาเสพติดเป็นต้นเหตุของหลายๆ ปัญหาของประเทศเราเราไม่ควรส่งเสริมสิ่งเหล่านี้

รองแต้ม : 80 เปอร์เซ็นต์ที่ติดคุกอยู่นั้น ยาเสพติดทั้งสิ้น ผมมีภาพจำ เคยมีคดีนึง ครอบครัวนึงลูกชายมีเมีย ผู้หญิงมีสามี พอเมายาบ้าทุกวัน เมาเสร็จ แม่ได้กับลูกชาย พ่อได้กับลูกสาว มั่วไปหมดทั้งบ้าน วันนึงหลานก็พาเพื่อนนักเรียนมาเสพยา พวกนี้ก็ข่มขืนนักเรียนอีกเขาร้องเรียนตร.นานมากไม่มีใครทำ เขามีจดหมายมาใบเดียว ผมจัดการเลย ล้มหมด วิสามัญไปสองศพ เรียบร้อยหมด จากนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว อีกคดีข่มขืนพยาบาล พยาบาลช่วยคน คุณไปข่มขืนเขา จับได้ก็คือติดยา อีกคดีเป็นคนรวย มีความรู้ดี ทำงานรพ. คนร้ายปลอมเป็นโจรมาเปิดกระโปรงรถ เอากุญแจมือใส่ผู้หญิงคนนี้ เอาไปข่มขืน ถ่ายรูปแบล็กเมล์ ให้โอนเงินทุกเดือน ที่สุดก็เป็นตร.กองปราบ ผมถามว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ เพราะติดยาไง ทำไมทารุณเหยื่อแบบนี้ มันบอกดูหนัง ผมไม่ต่อสู้เรื่องยาเสพติดได้ไง ยาเสพติดพูดแล้วของขึ้น

เอส : คดีปล้นฆ่าคนสะพานลอย ถามแล้วจะของขึ้นหรือเปล่า

รองแต้ม : สมัยก่อนมีโจรจี้สะพานลอยเยอะมาก เวลาคนจี้มันไม่บอกว่าเอาของมานะ แล้วก็ไปนะ มันเอามีดแทงแล้วเอาของไปเลย เป็นที่เลื่องลือมากในกรุงเทพฯ ผมใช้กำลังตร.เฝ้าที่ใต้สะพานลอย ปลอมตัวทุกสะพานลอย พอมันมาก่อเหตุ ผมก็วิสามัญตายบนสะพานลอย เลือดหยดติ๋งๆ ตั้งแต่วันนั้นยันวันนี้ ยังไม่มีโจรจี้บนสะพานลอยเลย เราต้องเด็ดขาด

เป็กกี้ : เวลาไปเฝ้าผู้ร้ายต้องมีการปลอมตัว พี่แต้มปลอมตัวยังไง

รองแต้ม : แต่ก่อนเราเป็นตำรวจสายสืบ ไม่แต่งในเครื่องแบบ จะแต่งตัวตามสภาพแวดล้อม สมมติให้ลูกน้องสืบคนร้ายที่เป็นคนอีสาน เราก็ให้คนอีสานปลอมเป็นแท็กซี่บ้าง สามล้อบ้าง แต่ถ้าจะไปสืบสูงหน่อยก็แต่งสูท เท่ เอาคนที่หน้าตาไปได้หน่อย ถ้าเอาอีสานไปใส่สูทเขาก็รู้ ต้องทำเหมือนสารวัตรแจ๊ะสมัยนี้

เป็กกี้ : ความเป็นธรรมต้องมาก่อน วิสามัญไปทั้งหมดเท่าไหร่

รองแต้ม : พูดไปเดี๋ยวจะเป็นการด้อยค่า เอาเป็นว่าผมเป็นผกก.สืบสวนนครบาลแห่งเดียว 39 คน  นี่เป็นที่เดียว จริงๆ มีเยอะมาก

เป็กกี้ : พี่แต้มเคยตามจับผู้ร้ายคดีฆ่าด้วยก้นบุหรี่อันเดียว แล้วตามจับได้

รองแต้ม : สมัยก่อนพวกเราสู้กันด้วยงาน สู้ด้วยความรู้ความสามารถ อดทน แล้วมีประสบการณ์ ผมโชคดีได้ทำงานกับมือปราบระดับประเทศหลายคน อย่างตอนเป็นร.ต.ท. ผมทำงานกับท่านสมเกียรติ พ่วงทรัพย์ มือปราบตี๋ใหญ่ ทำงานกันท่านคงเดช ชูศรี , ท่านประสงค์ ฯลฯ คนมีชื่อเสียงทั้งนั้น ท่านสมคิด บุญถนอม มือปราบทั้งนั้น ผมก็ได้ประสบการณ์ของแต่ละคนมาทำงาน เราก็จะรู้ไหวพริบคนร้ายพอสมควร ผมไปดูที่เกิดเหตุ ตร.เดี๋ยวนี้ไปดูที่เกิดเหตุ เอาสื่อมวลชนไปดูสร้างชื่อเสียง สร้างโปรไฟล์ แต่ไม่เก็บพยานหลักฐาน สมัยก่อนผมเจอบุหรี่ก้นเดียว เราไม่รู้เลย ไม่มีกล้องวงจรปิดจะรู้ได้ไงว่าคนร้ายคือใคร เราก็ต้องเอาก้นบุหรี่มาตรวจหาดีเอ็นเอ โดนยิงด้วยปืนอะไร 11มม. ผมต้องรู้ว่าปืน 11 มม มือปืนภาคไหนใช้ เรารู้แล้วว่าต้องแถวเพชรบุรี ไปหาใคร ไปหาพี่แป๋ง บอกว่าใครบ้างใช้ปืน 11 มม. ใครบ้างสูบบุหรี่สายฝน แกก็บอกชื่อมา เราก็ไปเช็กแล้วเอาตัวผู้ต้องสงสัยมา ตรวจดีเอ็นเอว่าใช่ ถ้าไม่ละเอียดวันนั้นใครเหยียบก้นบุหรี่ แล้วเราจะจับได้มั้ย เพราะกล้องวงจรปิดไม่มีเหมือนสมัยนี้

เอส : ขอถามนอกประเด็น มีหลายเคสมากเป็นคดีอาญา โทษร้ายแรง สื่อเราเอาไปออกโดยเซ็นเซอร์หน้าคนผิดทั้งหมด จริงๆ แล้วหลายประเทศเขารณรงค์ให้เปิดหน้าด้วยซ้ำ เพื่อให้ตร.ทำงานได้ง่ายขึ้น อยากถามว่าอาแต้มรู้สึกยังไง ควรเปิดหน้ามั้ย ชาวบ้านพลเมืองดีที่เขาเห็นก็ไม่รู้อยู่ดี ออกข่าวไปแล้วคนจะรู้ตัวมั้ย อาแต้มคิดยังไง

รองแต้ม :   สมัยก่อนทำแบบนี้ แต่สมัยนี้กฎหมายและสิทธิมนุษยชนมันแรง เขามองว่าการเอาหน้าไปออกทำให้เขาเสียหาย เพราะเขาถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เขาจึงมีกฎหมาย แต่ถามว่าประเทศไทยรักษากฎหมายมากที่สุดในโลก แต่ไม่สามารถทำกฎหมายเป็นกฎหมายได้ เอาว่าดัดจริตแล้วกัน (หัวเราะ) ประเทศอื่นเขาไม่ค่อยดัดจริต เขาใช้กฎหมายเป็น เขามีเหตุมีผลต้องเอามาพูดกัน แต่บ้านเราอยากออกกฎหมาย อยากรักษากฎหมาย แต่ไม่เคยทำให้กฎหมายเป็นกฎหมายสักที บ้านเมืองจึงเป็นแบบนี้ ผมต้องแรงหน่อย (หัวเราะ)

เป็กกี้ : อีกคดี ทำให้รู้สึกเสียใจ เป็นคดีฆาตกรรมที่ค่อนข้างร้ายแรง

รองแต้ม : เวลาทำงานจะมีทั้งประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ มีคดีนึงผมมองว่าผมเป็นคนผิดพลาดเอง มีนักธุรกิจไต้หวันถูกจับกุมเรียกค่าไถ่ มีพยานหลักฐานอันนึงเชื่อมโยงไปหาคนร้ายได้ ผมให้ลูกน้องไปตรวจสอบ แต่ลูกน้องมันไม่ได้รายงาน ผมก็ไม่ได้ติดตาม ทำให้ช่องโหว่ออกไป ทำให้นักธุรกิจไต้หวันถูกเอาไปขัง 135 วัน ถ้าวันนั้นผมรอบคอบ อาจขังได้ไม่เกิน 10 วัน นี่คือความเสียใจของผม ลูกน้องเขาเช็กไม่รอบคอบ ผมก็ไม่ได้ติดตามเขาจับคนไต้หวันไปมัด 135 วัน พอปล่อยตัวออกมาแล้วเดินไม่ได้เลย เราก็เสียใจ แต่ตอนหลังเขาก็หาย ก็ช่วยเขาได้ ประสบความสำเร็จก็มี ความผิดพลาดก็มี โหดมันฮาก็อยู่ในนั้น

เป็กกี้ : คดีที่ไปจับ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเหลือเกิน อยากรู้ว่าห้อยของขลังอะไร

รองแต้ม : ไม่ได้ต้องพระอะไรนะ แต่ห้อยเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจแต่ที่รอดมาได้คือความรอบคอบ สุขุม มีการทำงานที่วางแผนเป็นระบบ ตร.มีคำว่าไม่ประมาทถึงรอดมาได้ การต่อสู้กับคนร้าย ต้องเข้าใจว่าคนร้ายแพ้เราไปครึ่งนึงแล้ว มันใจห่อเหี่ยวไปครึ่งนึงแล้ว ยุทธวิธีของมันก็สู้เราไม่ได้อยู่แล้ว เวลาต่อสู้กับเขา ถ้าเราใช้ความรอบคอบก็ได้เปรียบเขา เขายกปืนมาก็ตายอยู่แล้ว แต่เสี่ยงมั้ยก็เสียง ผมเคยไปจับคนร้ายเล็กๆ ไม่รู้ว่ามันมีอาวุธ มันลุกขึ้นมาแทงผมที่หัวใจ ถ้าวันนั้นไม่เอี้ยวตัวผมก็ตาย เรามีทักษะ อีกคดีนึงคนร้ายอยู่ท้ายกระบะ ผมอยู่หน้ารถกระบะ เอากระบะบังเต็มที่สองเมตร ผมโดนเขาก็ตาย เขาโดนผมก็ตาย ปืนชนิดเดียวกัน ความแรงเท่ากัน พอยิงสู้กันแล้ว เราก็ลุกขึ้นมาบิดตัวนิดนึงว่าเจ็บมั้ย ถ้าเจ็บแสดงว่าเราโดนยิง ถ้าไม่เจ็บแสดงว่ามันตายแน่ มันก็ตายจริงๆ

เอส : บางคนเวลาวิสามัญเยอะๆ จะกลัวเรื่องผีเรื่องวิญญาณ แต่อาไม่เชื่อเรื่องนี้เพราะอะไร

รองแต้ม : ไม่กลัวเพราะผมมองว่ามันไม่ใช่คนดี มึงทำความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน ตายไปก็ไม่ต้องมาจองเวร ผีก็คิดว่าไม่มีจริงอยู่แล้ว สิ่งที่เราทำแค่ยึดคติคุณธรรม จริยธรรมยังไง เราทำเพื่อใคร นั่นคือหัวใจ ตร.เดี๋ยวนี้ทำงานไม่มองประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่ผมมองเป็นศูนย์กลาง เมื่อก่อนเราจะได้ยินเลยว่าหลับเถิดประชา ตร.กล้าจะคุ้มภัย แต่เดี๋ยวนี้ได้ยินมั้ยกลายเป็นคนไม่เชื่อมั่นตร. ตร.ไม่ยุติธรรม เขาจึงไม่รักตร. ไง สมัยก่อนพวกผมไม่ใช่ เรามีหัวใจเป็นประชาชน

เป็กกี้ : สมัยก่อนมีดราม่ามั้ยยุคพี่แต้มมีมั้ยวิสามัญแล้วโดนทำเกินกว่าเหตุ

รองแต้ม : ไม่ค่อยมี เพราะคนร้ายที่ต่อสู้กับเราเป็นคนสำคัญทั้งนั้น ไม่ใช่เอาคนร้ายไปยิงแล้วสร้างชื่อเสียง เอาคนไปยิงแล้วเป็นมือวิสามัญไม่ใช่ คนร้ายต้องยิงเราก่อนนะ เราถึงป้องกันตัว แล้วชื่อว่าวิสามัญ รู้มั้ยผมวิสามัญคนนึง ผมถูกแจ้งข้อหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา ผมต้องสู้ศาลทุกคดีจนหลุดแล้วผมถึงชนะคดีนะ เวลายิงคนตายปุ๊บโดนแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ผมเป็นผู้ต้องหาตั้งแต่วันนั้น จนกระทั่งสู้กับศาล ศาลบอกว่าสิ่งที่ทำชอบ ผมก็หลุดคดี

เอส : กระแสสังคมค่อนข้างกังขากับการปฏิบัติหน้าที่ของตร. ทำให้ไม่เป็นมิตรกันแล้ว แย่ไปเรื่อยๆ อาแต้มรู้สึกยังไงกับประเด็นที่เขารู้สึกว่าพึ่งตร.ไม่ได้ ไม่ไว้ใจตร.

รองแต้ม : ผมก็รู้สึกเหมือนกับประชาชน เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่นตร. เพราะตร.เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม เขามองว่าตร.ไม่ให้ความเป็นธรรม เขาจึงไม่เชื่อมั่น ผมบอกเลยว่าตร.เป็นผู้ใช้กฎหมาย ผู้บังคับใช้กฎหมาย ฉะนั้นต้องรักษากฎหมาย ทำยังไงก็ได้ให้ประชาชนรักและศรัทธา ทำแป๊บเดียวประชาชนก็รัก เพราะตร.ผูกพันกับประชาชน

 ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/9sUTFUmHr0k?si=VgRPENMwsC1Rnmxq