ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สถาบันการเรียนการสอน มุ่งผลิตนักศึกษาด้าน การแพทย์ การพยาบาล และวิทยาศาสตร์สุขภาพ ในปีการศึกษา 2567 ได้จัดพิธีปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ นอกจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายท่านเข้าร่วมงานแล้ว ยังได้เชิญ หมอเจี๊ยบ แพทย์หญิงลลนา ก้องธรนินทร์” แพทย์หญิงผู้สร้างแรงบันดาลใจ จากแนวคิด ชีวิตคิดบวก” มาแบ่งปันและแชร์ประสบการณ์ให้น้องๆ นักศึกษาใหม่ได้รับฟังเพื่อนำไปปรับใช้ชีวิตและการเรียนให้สมดุล ไม่ให้เครียดจนเกินไป 

โดย หมอเจี๊ยบ เริ่มต้นเปิดใจพูดคุยกับน้องๆ ว่าเป็นคนเรียนหนังสือไม่เก่ง  เคยคิดจะยอมแพ้ แต่ก็ดึงตัวเองกลับมาได้ด้วยแนวคิดดังกล่าว  ขอเพียงแค่เริ่มต้น จากตัวเรา   ความสุขเริ่มต้นจากการคิดบวก  “ทุกคนทำได้เหมือนกัน  แต่ต้องเริ่มจากมุมมอง วิธีการคือเราต้องดูก่อนว่าอะไรที่กระทบในชีวิต แล้วค่อยจัดการทีละเรื่อง คือ ไม่ใช่แค่คิดต้องลงมือทำด้วยนะ อย่างเช่นตัวเองสอบตก ทำงานใดไม่ประสบความสำเร็จ สิ่งแรกต้องพิจารณาก่อนว่าปัญหาดังกล่าว เกิดขึ้นเพราะอะไร เราเตรียมตัวพร้อมที่สุดแล้วหรือยังถ้าเกิดไม่ได้ ไม่ผ่าน การคิดบวก คือ ไม่เป็นไร ฉันจะเอาใหม่นะ แต่ระหว่างทางการเอาใหม่นั้น ก็ต้องไปพัฒนาตัวเองด้วย ฉะนั้นการคิดบวกคือการให้กำลังใจ ไม่บั่นทอน รู้ตัวเอง แล้วนำจุดอ่อนไปแก้ไขให้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ดีกว่าเดิม สำคัญคือกล้าที่จะลองทำดูใช่คะ อยากจะแชร์ว่า ที่ผ่านมา ชีวิตหมอเจี๊ยบ ทุกคนคิดว่า พี่หมอ ต้องเรียนเก่งแน่เลยแต่จริงๆ แล้ว พี่อยากบอกว่า พี่เคยได้เลขเกรดศูนย์ วิทยาศาสตร์เกรดสอง พอรูปการณ์เป็นแบบนี้ การที่เราไม่คิดบวก คิดลบกับชีวิต คิดว่าฉันสอบตกแน่ๆ ตกเลขมาก่อน สอบยังไงก็ไม่ติดหมอหรอก เอาสิ่งที่เป็นอดีตมาประเมินอนาคต คงมาไม่ถึงวันนี้ แต่โชคดีวันนั้น ที่พี่ไม่ตอกย้ำตัวเอง ไม่ตีกรอบให้ตัวเองว่าเรามีลิมิตแค่ไหน แต่พี่กล้าที่จะลองทำดู ถ้าไม่ประสบความสำเร็จไม่เป็นไรเพราะเคยลองทำดูแล้ว อยากให้กล้าทำ แต่สิ่งที่เราทำ ย้ำนะคะ ต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เช่น ฉันอยากลองเป็นโจร อยากเป็นคอลเซนเตอร์หลอกให้คนอื่นโอนเงิน ฯลฯ อันนี้ไม่เอา เอาตัวอย่างนี้แล้วกัน ชีวิตจริงพี่เดินไม่สวย กระโดกกระเดก ยิ้มก็ไม่สวย แต่พี่ก็ได้ประกวดนางสาวไทย พี่ไม่ได้เนกาทีฟกับตัวเองว่าฉันทำไม่ได้หรอก แต่เรากล้าที่จะลองดู ไม่เสียหายอะไร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วอย่างน้อยเราก็ได้ประสบการณ์ว่าครั้งหนึ่งเราได้มาประกวด แล้วหลังจากนั้นความกล้าที่จะก้าว ก็เป็นก้าวใหญ่ ที่ทำให้ชีวิตพี่มีประสบการณ์ พี่กล้าลองทำตามความฝัน วันนี้จึงมีอะไรมาเล่าให้ฟัง ลองค่ะ ได้ไม่ได้คือประสบการณ์ชีวิต

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอะไร? อย่าเอาอดีตมาฉุดรั้งตัวเองไงคะ   รู้ไหมวันนี้ที่พี่จะเป็นต่างๆ มากมาย อย่างเป็นหมอ เป็นนางสาวไทย ฯลฯ มีคอมเมนต์มาตลอด ในช่องทางออนไลน์ของตัวเองว่า ไม่น่าเชื่อว่าเด็กแปลกในวันนั้นจะประสบความสำเร็จในวันนี้ พี่คิดว่าเป็นเรื่องดีนะ มันทำให้เราย้อนกลับไปทบทวนชีวิตวัยเด็ก ถ้าเรายอมแพ้แล้วไม่พัฒนาตัวเอง ความเปลี่ยนแปลงคงไม่เกิดขึ้น เคยเจออุปสรรค ปัญหาอะไรในชีวิตเยอะๆ ไหม แล้วผ่านมาได้อย่างไรเคยคะ มีเยอะมาก เล่าไม่หมดหรอก แต่อยากแชร์ว่า อุปสรรคหรือปัญหา ถ้าผ่านมาได้  ผ่านแล้วต้องฉลาด  เตรียมตัวไว้ รู้เลยว่าชีวิตเราเวลาโต มีเรื่องอะไรที่ร้ายแรงกว่านั้นเยอะ ต้องเจอกับปัญหาใหญ่กว่านั้นเยอะ อย่าเพิ่งผิดหวังไปมาก ยิ่งตอนที่ผิดหวัง ถ้าเราทำตัวเหมือนเดิมก็ไม่มีการพัฒนา แต่ถ้านำความเจ็บปวดมาพัฒนา ชีวิตจะแข็งแกร่งขึ้น   เทคนิค คิดบวก สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองอย่างไร สำหรับเจี๊ยบ รู้สึกว่าตัวเองอยากทำก่อน  และไม่ลืมเป้าหมาย เช่น เจี๊ยบอยากเป็นหมอ อยากช่วยคน สิ่งนี้ผลักดันตัวเองตลอด แต่ก็มีว่าระหว่างทางพอดำเนินชีวิตไปเรื่อย ๆ การจะไปถึงฝันนั้น อุปสรรคเยอะเหลือเกิน มันกัดกินสิ่งที่เราฝัน ทำให้อยากหยุด แต่ก็กลับมามีสติ ฉะนั้นสิ่งที่ต้องระวัง คือ อารมณ์ชั่ววูบ มันอันตราย ทำให้บดบังความคิดดีๆ หลายอย่าง ทำให้ไปไม่ถึงฝัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้ให้ยึดมั่น ถือมั่น กับความฝันเดิมนะคะ ชีวิตคนเรา มีความฝันที่เปลี่ยนได้เสมอ ดูว่าสิ่งนั้นใช่หรือไม่ใช่ เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพียงแต่เจี๊ยบมีความฝันสิ่งเดียวมาตลอด คือคิดว่าอยากเป็นหมอ อยากช่วยคน จึงยังอยู่ในเส้นทางนี้ และเคล็ดลับอีกอย่าง คือ ความอดทน พี่คิดว่าถ้าเรามีทุกอย่างเหมือนกันหมด การไปถึงจุดสำเร็จได้นั้นวัดกันที่เรามีความอดทนมากพอหรือเปล่า เช่น ตอนที่พี่สอบเข้า หลายรอบ จะเลิกอ่านหนังสือ เขวี้ยงหนังสือทิ้ง แต่พี่มีความอดทนไงคะ คลานเข่าไปเอาหนังสือมาอ่านต่อ แต่ก็มีหลายคนเขวี้ยงไปไม่เอากลับมาอ่าน ความสำเร็จมันวัดกันที่ความอดทนนี่แหละ เช่นเดียวกับนักกีฬา ต้องอดทนในการฝึกซ้อมต่อไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดในฐานะรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จ อยากฝากอะไรพูดเหมือนเดิม ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่อยากตั้งใจเรียนให้มากขึ้น เพราะชีวิตจะมีบททดสอบที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ โตมาไม่ใช่แค่อ่านหนังสือ พอทำงานแล้ว เราต้องรับผิดชอบอะไรเยอะขึ้น ใช้ทั้งพลังกาย พลังใจ พลังสมอง ต่างจากตอนเรียน เรายังมีทั้งอาจารย์และเพื่อนๆ คอยช่วยกัน จึงอยากฝากน้องๆ มีโอกาสเข้ามาแล้ว โดยเฉพาะที่นี่ ในการเข้ามาเรียนสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนไข้ อยากให้ทุกคน เป็นน้องในเวอร์ชั่นเก่งและดี ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญ

======